Masuk------------
ในสวนข้างบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางค่ำคืนแสนสวยเช่นทุกวัน ร่างแกร่งเจ้าของบ้านเดินจ้ำอ้าวออกมาด้วยทีท่ารีบร้อน เขาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในสวนพยายามหอบหายใจโกยอากาศเข้าร่างกายให้ได้มากที่สุด สีหน้าซีดเผือดใบหูแดงก่ำดวงตาที่เคยแข็งกระด้างคราวนี้กลับสั่นไหวไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย
"แฮ่ก ชานั่น" อย่างเดียวที่ผมนึกถึงขึ้นมาคงจะเป็นชาร้อนของยัยนั่น หลังจากที่ดื่มไปผมนั่งทำงานตามปกติแต่หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วโมงร่างกายผมมันเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาพร่าเบลอสติที่มีมันเริ่มเลือนราง ผมจึงต้องรีบพาตัวเองออกมาจากห้องทำงานแคบๆ เพื่อสูดอากาศหายใจ แม้มันจะช่วยได้ไม่มากเท่าไหร่ก็เถอะ
"กล้าดีนักนะคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอสิท่า"
"หนักจริง!"
เสียงจากอีกฝั่งของสวนดังขึ้นเป็นเสียงหญิงคนหนึ่งท่าทางรีบร้อนชอบกลนั่นทำให้แบงค์ต้องลุกขึ้นย่องเดินไปหาต้นเสียง
"แม่บ้าน"
เขาเอ่ยพึมพำในลำคอที่เห็นนั่นคือแม่บ้านร่างอวบโดยข้างเธอนั่นคือสาวร่างบางใบหน้าพริ้มเพรา เธอมีท่าทีสะลึมสะลือคล้ายจะผล็อยหลับได้ตลอดเวลา ท่าทางในการเดินเหมือนไร้เรี่ยวแรง แต่ที่น่าแปลกใจเห็นจะเป็นสีหน้าและสายตาของแม่บ้านอวบคนดังกล่าว ดูรีบร้อนราวกับกำลังเร่งทำเวลาพาแม่บ้านวัยแรกแย้มไปที่ไหนสักแห่ง
ด้วยความฉงนใจทำให้แบงค์เร่งฝีเท้าก้าวตามไปห่างๆ สถานที่ปลายทางนั้นทำเอาเขาต้องผงะ
"ห้องไอ้เมฆ"
เหตุที่เขาจำได้เพราะมีเรื่องราวเกี่ยวกับเมฆบ่อยครั้ง ทำให้แบงค์ต้องลงมาเคลียร์ปัญหาเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพาหญิงสาวข้างนอกแอบเข้ามาเสพสมสวาท แอบย่องไปขโมยชุดชั้นในแม่บ้านบางครั้งพาแม่บ้านมาเสพสวาทด้วยก็มี จึงไม่แปลกที่แบงค์จะรู้จักห้องนั้นเป็นอย่างดี
"นี่มันเรื่องอะไรกันแน่"
ร่างแกร่งผู้เป็นนายเดินประชิดเข้าไปใกล้ก่อนจะหลบยังข้างกำแพงจุดอับสายตา เสียงหวานที่คุ้นหูลอยตามลมแว่วดัง
"พะ พี่หวานพาหนูกลับห้องเถอะนะ"
"แกก็นอนอยู่นี่เฉยๆ หลับหูหลับตาปล่อยให้ไอ้เมฆมันทำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ"
เสียงหวานตวาดกลับในทันที น้ำเสียงนั้นไร้ความเมตตาโดยสิ้นเชิง นั่นทำให้แบงค์กัดฟันแน่นกำมือข่มอารมณ์โกรธ
"แต่หนูไม่..."
"เรื่องนั่นหล่อนก็ไปคุยกับพี่หล่อนเองเถอะ ถ้าฉันไม่ทำพี่หล่อนได้เล่นงานฉันตายแน่"
"เดี๋ยวพี่หวาน!!"
ร่างอวบของหวานเดินก้าวเท้าออกจากที่เกิดเหตุอย่างเร็วรี่คงกลัวใครจะมาเห็นเข้า เธอไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองร่างหญิงสาวบอบบางซึ่งนอนร่ำไห้สะอื้นอยู่ในห้องแม้แต่น้อย
"กึด! กล้ามาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านฉันได้"
แบงค์ก้มหน้าทั้งที่ยังกัดฟันแน่น เขาก็ก้าวเท้าเดินตรงไปหยุดยังหน้าประตูห้องซึ่งถูกปิดเอาไว้ ขณะที่กำลังเอื้อมมือเปิดประตูออกนั้น เสียงฝีเท้าพร้อมเสียงผิวปากของใครบางคนกลับดังขึ้น
ร่างแกร่งเร่งวิ่งกลับไปยืนยังที่อับสายตาจุดเดิมอีกครั้ง เมื่อชะโงกหน้าออกไปมองเห็นว่าคนดังกล่าวคือเจ้าของห้องพักเมฆนั่นเอง ในมือเจ้าตัวถือถุงซึ่งด้านในนั้นคือแอลกอฮอล์ขวดกลมพร้อมกับกับแกล้มเล็กน้อย เขาไม่มีท่าทีจะตื่นเต้นและเกรงกลัวเหมือนกับหวานยังคงขยับตัวเชื่องช้าตามอารมณ์ของตน
"เฮ้ย! มาได้ไง"
แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วเสียงทุ้มห้วนสั้นเอ่ยดังขึ้นมา นั่นทำให้แบงค์รู้ในทันทีว่าแผนทุกอย่างเป็นแผนของภรรยาซึ่งมีหวานสมทบคิดร่วมด้วย
"นี่ยัยหนูฉันถามเนี่ยได้ยินไหม ทำไมถึงได้ตัวสั่น? หรือคนสวยจงใจมาหาพี่กันนะ คิกคิก"
ได้ยินว่าเมฆเริ่มแสดงท่าทีหื่นกามขึ้นมา ฝีเท้าเจ้าบ้านเร่งประชิดพุ่งเข้าเปิดประตูห้องทันที
"เฮ้ยใคร!!"
"ถอยไปไอ้เมฆ"
สีหน้าเจ้านายทำให้เมฆรู้ในทันทีว่าไม่ควรเสนอหน้ายุ่มย่าม ร่างใหญ่ผิวเข้มก้าวเท้าถอยหลังหลบเลี่ยงไปอีกทาง สายตาแข็งกร้าวตวัดมองร่างบางตัวสั่นเทิ้มกอดตัวเอง ขนมในชุดนอนซึ่งตอนที่เขาเห็นที่สวนมันยังคงปกติทว่าตอนนี้กลับถูกกระชากจนกระดุมนั้นขาดวิ่น เผยให้เห็นเนินอกสาวน้อยดีที่เธอยกแขนเล็กๆ ทั้งสองข้างขึ้นปกป้องของสำคัญเอาไว้ ทว่าการกระทำไร้มนุษยธรรมของหวานนั่นทำเอาความโกรธที่สาสมของแบงค์ถึงขีดสุด
"พะ พี่แบงค์"
เสียงหวานใบหน้าหม่นหมองด้วยความหวาดกลัวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองพี่เขยไม่ต่างอะไรกับลูกแมวที่โดนทารุณทำร้าย ร่างแกร่งก้าวประชิดถอดเสื้อยืดบนตัวของตนสวมใส่ให้กับเธอโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันเขาเริ่มสอบปากคำเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
"มึงรู้เห็นเรื่องนี้กับเขาไหม ไอ้เมฆ"
"ไม่ครับ! เรื่องนี้ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลยนะครับคุณแบงค์ ถ้าเป็นเรื่องที่ผมทำผมยืดอกยอมรับอยู่แล้วคุณแบงค์ก็รู้"
เมื่อได้ยินคำตอบจากปากแบงค์ค่อยๆ อุ้มน้องเมียขึ้นในท่าเจ้าสาวสีหน้าท่าทีของเขายังคงเย็นชาดังเดิม ต่างจากร่างบางของขนมที่มันค่อยๆ ร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะเธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อเต็มสัดส่วนของพี่เขย
"อึก!!!" แขนของฉันมันแนบชิดกับหน้าอกของพี่แบงค์ มัดกล้ามเนื้อของผู้ชายมันแข็งแรงขนาดนี้เชียวหรือ ไหนจะตอนที่พี่แบงค์ถอดเสื้อจนเห็นซิกแพคนั่นอีก สมบูรณ์แบบจนฉันเผลอมองตามไปอยู่นานสองนาน ฉันไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับใครแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยเลยสักครั้ง
"เรื่องนี้มึงหุบปากเอาไว้อย่าพึ่งไปบอกใครเด็ดขาดว่ากูมาที่นี่ รวมถึงขนมด้วย"
"ครับ! ผมจะไม่บอกใครแน่นอนครับ"
แบงค์พาขนมเดินสวนออกไปทั้งแบบนั้นโดยไม่ได้ตอบรับคำใดจากลูกน้องหื่น สายตาเมฆจ้องมองตามแผ่นหลังของผู้เป็นนายไปไกลลับตา
"ใครเอายัยหนูนั่นมาวะ? แล้วทำไมคุณแบงค์ถึงได้ดูห่วงยัยเด็กนั่นขนาดนั้น? เอาเถอะไม่ใช่เรื่องของกูแล้ว"
------------
----------------"พี่ไวท์เราคบกันไหมคะ" "..........." เจ้าตัวไม่ได้พูดคำไหนออกมา เพียงแค่ยืนก้มหน้าแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ราวกับกำลังตกตะกอนความคิดในหัวของตัวเองอยู่ แต่ฉันกลับลุ้นระทึกทุกวินาทีกลัวว่าพี่เขาจะปฏิเสธไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับฉัน แต่ต่อให้จะถูกปฏิเสธฉันก็ไม่หวั่นหรอก เพราะเวลาที่ฉันจะทำให้พี่ไวท์ยอมรับยังมีอีกเยอะ "เหมี่ยวไม่อยากคาดเค้นจากพี่หรอกนะ แต่ถ้าพี่พร้อมที่จะเป็นแฟนเหมี่ยวในตอนนี้เลยคงจะดีไม่น้อย" "เหมี่ยวแน่ใจแล้วเหรอว่าจะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับพี่" "ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่เราได้คุยกันจริงจัง เหมี่ยวก็รู้เลยว่าเหมี่ยวชอบพี่จริงๆ" "ถ้าเหมี่ยวยืนยันแบบนั้น" พี่ไวท์ค่อยๆ เดินตรงมาหาฉันก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ในจังหวะนั้นฉันเองก็ตื่นเต้นไม่รู้ว่าคำตอบจากปากของพี่เขาจะเป็นเช่นไร ระหว่างที่กำลังตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นฝ่ามือหนาเอื้อมคว้าชอบดอกไม้ในมือ ก่อนจะก้มหน้าใช้ริมฝีปากกระตุกเชือกคลายปมโบว์สีแดงสดบนเอวฉันจนมันคลายหลุดออกจากกัน"!!!" บอกตามตรงใจฉันมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทั้งกังวลประหม่าและกลัวในเวลาเดียวกัน ได้แต่นอนหลับตารอคำตอบอย่างเงียบๆ กระทั่งสัม
---------------"เออขอบใจมึงมากที่เข้าใจ""ที่ผ่านมาเองกูก็ละเลยเหมี่ยวมากเกินไป ทำเหมือนน้องไม่มีตัวตน เอาเป็นว่าพี่ขอโทษนะ""อ๋อ ไม่เป็นไรเหมี่ยวเข้าใจพี่ดี เพราะคนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดคือเหมี่ยวเองนี่ พี่กายไม่ต้องขอโทษเหมี่ยวหรอก"เหมี่ยวอธิบายโดยเร็วเธอเองก็คงรู้สึกผิดเหมือนกัน ทำเอาบรรยากาศหลังพูดความในใจโล่งปลอดโปร่งราวกับคนละโลกกับเมื่อกี้"เพื่อเป็นการขอโทษที่กูหลบหน้ามึง วันนี้กูเลี้ยงเอง""มันต้องแบบนี้ดิวะ กูรอคำนี้ของมึงมานานแล้วไอ้ไวท์""เบาหน่อยนะมึง แดกเหล้าทุกวันจนตับร้องไห้ล่ะ""ทำไงได้วะความสุขกูนี่หว่า"ไม่ผิดหวังเลยที่วันนี้ผมได้มาเจอกับมัน บรรยากาศคำพูดสิ่งหนักอึ้งในใจได้หายไปหมดแล้ว ผมมักจะเผลอมองหน้ามะเหมี่ยวและยิ้มออกมาทุกครั้ง โดยไม่คิดเลยว่าการได้มองหน้าผู้หญิงคนหนึ่งมันจะทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้ กระทั่งเรานั่งดื่มกันไปสักพัก มะเหมี่ยวเริ่มขยับตัวเอ่ยกระซิบบางอย่างข้างหูผม คำนั้นทำเอาความร้อนรุ่มในร่างกายผมมันลุกโชนขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน"คืนนี้หนูมีอะไรจะบอกพี่ไวท์ อย่าลืมไปที่ห้องหนูนะ หนูจะรอ...อย่างใจจดใจจ่อ""อึก"ไม่ได้แค่พูดแต่ฝ่ามือยังเลื่อนไล้ไป
------------สัปดาห์ต่อมา"เหมี่ยว!""ห๊ะ!!!" "แกเป็นไรเนี่ย ช่วงนี้เหม่อลอยผิดปกตินะ" เสียงเรียกที่ดึงสติฉันกลับมาคือปุ๊ก ขณะที่เรานั่งกินชานมหลังเลิกเรียนฉันเหม่อมองคิดถึงใบหน้า น้ำเสียง สีหน้าของพี่ไวท์ทุกครั้งที่สติไม่อยู่กับตัว แม้วันนั้นจากผ่านมานานนับสัปดาห์แล้วก็ตาม"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ" ฉันพูดไหลตามน้ำไปพลางยกแก้วขานมขึ้นดื่ม "หรือว่าแกกำลังมีความรัก!?" "มะ ไม่ใช่สักหน่อย!" ทายถูกจนน่าขนลุกเลยแฮะ เรื่องที่ฉันกำลังคุยกับพี่ไวท์อยู่ไม่ได้บอกให้ปุ๊กรู้ กลัวว่าปุ๊กนะเป็นห่วง ด้วยที่พี่ไวท์มีเพื่อนเป็นพี่กายเกียรติศักดิ์คงไม่ต้องพูดถึง"ถ้าแกจะมีแฟนฉันก็ไม่ติดนะเว้ย แต่ผู้ชายสมัยนี้ส่วนใหญ่หวังเอาเพื่อสนุกเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องรักเป็นรอง" "ไหงคิดแบบนั้นล่ะ" "ตัวอย่างก็มีให้เห็นตั้งเยอะแยะ อย่างพี่กายเดือนมหาลัยอะไรนั่น""แล้วปุ๊กคิดว่าความรักคืออะไร" ปุ๊กเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ หรือเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี"ความมั่นคง แน่วแน่ แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ยังคงยืนหยัดในรักเดียว"คงเพราะปุ๊กลุกกับแฟนห่างไกลกันเธอจึงมองว่าความรักคือการยืนหยัดใ
------------"พี่ไวท์~" ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ตอนนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้สักนิดแค่ได้เห็นพี่ไวท์อยู่ตรงหน้าฉันพร้อมพุ่งเข้าใส่ อยากครอบครองอยากมีพื้นที่ที่อบอุ่นปลอดภัย ฉันโหยหาความรักนั้นมาเสมอในตอนนี้ฉันมั่นใจว่าพี่ไวท์เป็นคนที่ใช่สำหรับฉัน เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่อยากเสียพี่เขาไปอีก จากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วหลังจากที่พี่ไวท์หนีกลับไปฉันทั้งรู้สึกเสียดาย อับอายในเวลาเดียวกัน เสียดายที่ไม่รั้งและเสนอตัวมอบทั้งหมดให้พี่เขา ทั้งอับอายและกลัวที่จะถูกพี่เขามองว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย เพราะแบบนั้นในวันนี้ฉันจึงเลือกที่จะดื่มและวางแผนทุกอย่างจนในที่สุด เวลาที่ฉันจะได้ครอบครองพี่ไวท์ก็มาถึงฉันจะไม่ปล่อยพี่เขาไปไหนเด็ดขาด จนกว่าฉันจะได้เป็นคนรักของเขา "เหมี่ยว อือ~" ฝ่ามือหนากดท้ายทอยขณะเดียวกันฉันเริ่มขยับเบียดกลีบอวบน้ำไปมากับกางเกงที่ถูกดันขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่าส่วนนั้นของฉันมันชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำหวาน เวลาที่สัมผัสกับเสื้อผ้าจึงรู้ว่าส่วนนั้นมันชุ่มไปด้วยหยาดน้ำหวานเต็มไปหมด ไม่ไหวฉันเองก็เสียวสะท้านจนควบคุมความรู้สึกอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน อยากจะสัมผัสของจริงแล้วสิ"พี่ไวท์เหมี่ยวไม
--------------"ไม่เอาอะ กลับไปเหมี่ยวก็อยู่คนเดียว มันเหงานะพี่รู้ไหม" คำพูดของน้องทำเอาผมชะงัก เหงา ผมเองก็เข้าใจความหมายของมันนะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ ด้วยที่แม่ผมเสียไปตั้งแต่ยังเด็กส่วนพ่อก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจะบินกลับมาหา ทำให้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวตลอดมา เพราะฉะนั้นผมเข้าในคำว่าเหงาเป็นอย่างดี "ขอเหมี่ยวอยู่กับพี่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ" ทั้งสายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนทำเอาใจเต้นรัว เกรงว่าปฏิเสธไปทำให้เธอร้องไห้คงรู้สึกแย่ไม่น้อย ท้ายที่สุดผมยัดร่างอรชรขึ้นรถก่อนจะขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยเตรียมขับรถออกจากร้านเหล้า "พี่ไวท์เหมี่ยวไม่อยากกลับบ้านจริงๆ" "ได้ งั้นก็กลับบ้านพี่" "........." ผมพูดไปแบบนั้นก่อนจะขับรถออกมา แต่เหมี่ยวกลับไม่โต้ตอบได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร แม้ผมจะละสายตาหันมองหน้าเธอเป็นระยะแต่เหมี่ยวกลับไม่เงยหน้าขึ้นมองแม้แต่น้อย กระทั่งผมขับรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านดับเครื่องยนต์หันกลับไปมองเธออีกครั้ง เหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย"เหมี่ยวเป็นไร" "พะ พี่ไวท์ แหวะ!!!" "เฮ้ย!!!" กว่าจะจัดการพาคนเมาลงจากรถได้ไหนจะต้องจัดการเศษซากอารยธรรมจากกระเ
------------ร้านเหล้าที่ประจำของผมและไอ้กาย ที่นี่มักจะถูกใช้เป็นสถานที่ล่าหญิงของมันอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้ผมไม่ได้นัดเพื่อนแต่อย่างใด คนที่ผมนัดจริงๆ คือแฟนของเพื่อนต่างหาก "พี่ไวท์สวัสดีค่ะ" เสียงของใครบางคนดังขึ้นมา เมื่อหันไปเห็นหญิงคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิดเธอเคยเป็นหนึ่งในเหยื่อของไอ้กาย ผมเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้ารับเบาๆ เพราะผมจำชื่อเธอไม่ได้เกิดทักผิดเดี๋ยวจะหน้าแตกเอา "ครับ" "วันนี้มานั่งคนเดียวเหรอคะ พี่กายล่ะ?" "อ๋อมันไม่ว่าง" มัวแต่ไปเอากับเด็กนิเทศอยู่ อยากพูดแบบนั้นออกไปก็กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียภาพลักษณ์ จะว่าไปคนแบบมันคงไม่มีอะไรต้องเสียแล้วล่ะมั้ง"แล้วพี่ไวท์มาคนเดียวเหรอคะ" เธอทำท่าจะนั่งลงข้างผม ดูทรงแล้วคงอยากเก็บแต้มผมอีกคนสิท่า ใครจะสนคนที่ผมรออีกไม่นานคงมาถึง เกิดเห็นว่าผมกำลังนั่งคุยกับหญิงอื่นคงถูกมองเป็นผู้ชายเหมือนไอ้กายแหง "อื้ม อีกไม่ถึงห้านาทีก็มาแล้ว" "อะ อ๋อค่ะ" ทั้งที่กำลังย่อเข่าลงทันทีที่ได้ยิน เธอรีบยันตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ มันต้องพูดตรงๆ แบบนี้แหละ "งั้นขอตัวก่อนนะคะ" ในที่สุดผมก็ได้อยู่คนเดียวเงียบๆ สักที ระหว่างนั้นผมกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านแต่ค







