Masuk------------
"ค คะ! หมายความว่าจะให้ขนมมาทำงานแทนดิฉัน?"
"ที่พูดไปเมื่อกี้เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือไง"
"ปะ เปล่าค่ะ! ดิฉันเข้าใจแต่แค่คิดว่า...ขนมจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ"
เสียงของแม่บ้านซึ่งมีหน้าที่ประจำทำงานในห้องนอนส่วนตัวและห้องทำงานอย่างหวานค่อยๆ แผ่วปลาย พลางช้อนสายตาจ้องมองใบหน้าหวานพริ้มของเด็กสาววัยแรกแย้ม ทำเอาขนมต้องตกใจเธอหลบสายตาเกรงว่าจะสร้างความเข้าใจผิดให้แก่แม่บ้านพี่เลี้ยง
"เรื่องนั้นฉันต้องถามเธอก่อนหรือไง"
"ไม่ค่ะ! ดิฉันขอโทษที่ล่วงเกินคุณแบงค์ค่ะ"
"งั้นก็ออกไปได้แล้ว หลังจากนี้เธอต้องลงไปทำงานแทนเด็กคนนั้น"
"เข้าใจแล้วค่ะ" หน็อยนังเด็กแพศยา ไปอ่อยคุณแบงค์อีท่าไหนเขาถึงได้ลงมาจัดการด้วยตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะเข้ามาจัดการเรื่องพวกนี้แท้ๆ เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณครีม
"จริงเหรอ!"
ครีมที่กำลังนั่งสั่งของออนไลน์อยู่ในสวนอย่างเพลิดเพลินใจเมื่อได้ยินข่าวใหม่แสลงหูถึงกับดีดตัวลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ด้วยที่เธอรู้นิสัยของสามีดีหากไม่ใช่เรื่องใหญ่เขาไม่มีทางดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเอง
"จริงค่ะ ตอนนี้ดิฉันต้องลงมาทำงานแทนที่ขนม"
แม้หวานจะเอ่ยพูดถึงความคับแค้นใจของตัวเองแต่ครีมกลับแน่นิ่งไม่ตอบโต้สิ่งใด เพียงก้มหน้าเดินวนไปวนมาใช้ความคิดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง
"ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังยัยนั่นคงได้ใจ ใช้แผนนั้นกันเถอะ"
"คะ! แต่แผนนั้นมัน...."
"ฉันบอกให้ใช้ก็ใช้เถอะหน่า จัดการเรื่องนั้นด้วยส่วนที่เหลือฉันจัดการต่อเอง" ขนมฉันเตือนแกแล้วนะเป็นแกกับยัยนั่นที่ไม่เชื่อเอง หลังจากนี้แกจะได้ตกนรกทั้งเป็นสมกับที่ทำให้บ้านของฉันต้องอับอายต่อหน้าสังคมตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ในเมื่อชิ้นเนื้อร้ายมันลุกลามทางเดียวที่จะหยุดคือฉันจะต้องตัดมันออกไปจากวงโคจรในชีวิต
ภายในห้องทำงานใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างพอดิบพอดีดูสะอาดตา ร่างแกร่งยังคงนั่งทำงานสวมแว่นป้องกันสายตานั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างขะมักเขม้น กระทั่งเสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้เขาแต่ละสายตาขึ้นไปมองยังหน้าประตู แต่เมื่อแขกคนดังกล่าวก้าวเท้าเข้ามาในห้องพร้อมถาดในมือถือถ้วยชาสีขาวส่งกลิ่นหอมฟุ้งลอยเตะจมูก ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจจ้องมองดูงานตรงหน้าตัวเองอีกครั้งราวกับว่าเธอคนนั้นไม่มีตัวตน
"แบงค์เห็นว่าคุณยังไม่นอนฉันเลยชงชามาให้ ชาตัวนี้เป็นชาพิเศษจากญี่ปุ่นเลยนะดื่มแล้วจะทำให้นอนหลับสะ---"
"วางแล้วก็ออกไป"
เสียงแข็งกระด้างไม่ต่างอะไรกับสีหน้าเรียบเฉย นั้นยิ่งทำให้ครีมภรรยาสาวร่างเพรียวบางได้แต่ยืนนิ่งแข็งค้างเป็นหิน ไม่ว่าจะโดนเย็นชาใส่สักกี่ร้อยกี่พันครั้งเธอก็ไม่อาจจะชินกับมันได้เลย เขาทำราวกับว่าเธอเป็นเพียงเศษฝุ่นผงที่ลอยไปมาในอากาศ การกระทำแบบนั้นมันเจ็บเสียยิ่งกว่าโดนตราหน้าด่าทอเสียอีก
"นี่แบงค์ยังไม่หายโกรธเรื่องนั้นอีกเหรอ"
เสียงสั่นเครือสายตาทอแสงเป็นประกายเพราะม่านน้ำตามันกำลังเคลื่อนบดบังนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนครีมเอ่ยพร้อมวางถ้วยชาลงบนโต๊ะทำงานเบาๆ และแล้วความพยายามของเธอก็สำเร็จ ร่างแกร่งผละตัวถอยหลังนั่งพิงเก้าอี้ทำงานแววตาดุดันช้อนมองใบหน้าภรรยา
"ฉันไม่ได้โกรธ แค่รู้สึกขยะแขยง"
"อึก"
คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้บรรยากาศในวันวานมันหวนกลับคืนมา เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถูกสามีจับได้ว่าแอบไปมีสัมพันธ์ลับบนเตียงกับหนุ่มบาร์โฮสถึงห้าคน ทั้งยังเคยมีคลิปหลุดว่อนเน็ตดีที่แบงค์ใช้อำนาจทางการเงินช่วยปิดการแพร่กระจายข่าวของเรื่องนี้ไว้ ไม่งั้นชื่อเสียงบริษัทและธุรกิจของเขาคงย่อยยับตามครอบครัวเธอไป
"แต่นั่นเป็นเพราะความเมา ฉันไม่มีเจตนาจะทำเรื่องแบบนั้นนะคะ!"
เสียงแหลมเอ่ยอธิบายหวังให้สามีเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แต่ดูเหมือนความพยายามของเธอจะเป็นศูนย์เมื่อสามีขยับยันตัวนั่งหลังตรง ยกมือประสานเกยคางแววตาเกรี้ยวกราดขยะแขยงตวัดมองเรือนหน้าสาวมั่นตาเฉี่ยว
"เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ลืมไปแล้วหรอว่านี่มันเป็นบ้านของฉัน ต่อให้ฉันไม่อยู่คนในบ้านก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้อยู่แล้ว อ่ออีกเรื่องนะ"
แบงค์ขยับตัวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทิ้งตัวอยู่ในท่าสบายๆ ต่างจากน้ำเสียงเย็นชาหมางเมิน
"ร้านที่เธอมักจะพาผู้ชายไปเที่ยว ไหนจะโรงแรมข้างๆ กันนั้น ฉันก็เป็นหุ้นส่วนด้วย"
"!!!!"
เรี่ยวแรงที่ขาของครีมแทบจะหมดลงเธอเซเล็กน้อยแววตาสั่นไหวสีหน้าซีดขาว ราวกับโลกทั้งใบกำลังทอดทิ้ง
"เรื่องฉาวโฉ่ของเธอที่ไม่ได้หลุดไปคิดเหรอว่าโชคช่วย ฉันคนนี้เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดเองต่างห่าง"
ร่างแกร่งขยับตัวยกมือวางบนแล็ปท็อปคล้ายจะทำงานต่ออีกครั้ง
"แต่อย่าได้ใจคิดว่าฉันพิศวาสเธอล่ะ ที่ฉันทำไปก็เพราะชื่อของเธอที่แขวนอยู่ในทะเบียนสมรสเท่านั้น ปีหน้าหลังธุรกิจของฉันลงตัวเมื่อไหร่ฉันจะคืนอิสระให้เธอ"
"ฮึก! ฉันรู้ว่าฉันผิดแต่หลังจากนี้ฉันจะไม่ทำเรื่องให้คุณต้องเดือดร้อนอีกแล้วค่ะ"
ครีมยกมือซับหยาดน้ำตาบนเนินแก้ม เธอก้าวเท้าดันถ้วยชาที่เริ่มอุ่นให้แก่สามีอีกครั้งเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
"เพราะรู้ว่าคุณคงไม่อยากเห็นหน้าฉัน แต่ช่วยรับน้ำใจของฉันหน่อยนะคะ ถ้าคุณดื่มแล้วฉันจะเอามันไปเก็บและไม่เข้ามากวนคุณอีก"
สายตาแข็งกร้าวมองถ้วยชาตรงหน้า แม้เขาไม่อยากดื่มก็ยังยกมันขึ้นมากระดกมันหมดในคราเดียว
"ออกไปซะ"
เจตนาเขาชัดเจนว่าที่รับมานั่นไม่ใช่เพราะเห็นแก่น้ำใจของภรรยา แต่เป็นเพราะรำคาญเสียมากกว่า ครีมได้แต่ก้มหน้าคว้าแก้วชาเปล่านั้นมา เดินก้มหน้ารู้สึกผิดออกจากห้องทำงานไปทั้งแบบนั้น
"หึ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะเกลียดได้นานแค่ไหน" คุณพลาดแล้วล่ะแบงค์
------------
----------------"พี่ไวท์เราคบกันไหมคะ" "..........." เจ้าตัวไม่ได้พูดคำไหนออกมา เพียงแค่ยืนก้มหน้าแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ราวกับกำลังตกตะกอนความคิดในหัวของตัวเองอยู่ แต่ฉันกลับลุ้นระทึกทุกวินาทีกลัวว่าพี่เขาจะปฏิเสธไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับฉัน แต่ต่อให้จะถูกปฏิเสธฉันก็ไม่หวั่นหรอก เพราะเวลาที่ฉันจะทำให้พี่ไวท์ยอมรับยังมีอีกเยอะ "เหมี่ยวไม่อยากคาดเค้นจากพี่หรอกนะ แต่ถ้าพี่พร้อมที่จะเป็นแฟนเหมี่ยวในตอนนี้เลยคงจะดีไม่น้อย" "เหมี่ยวแน่ใจแล้วเหรอว่าจะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับพี่" "ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่เราได้คุยกันจริงจัง เหมี่ยวก็รู้เลยว่าเหมี่ยวชอบพี่จริงๆ" "ถ้าเหมี่ยวยืนยันแบบนั้น" พี่ไวท์ค่อยๆ เดินตรงมาหาฉันก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ในจังหวะนั้นฉันเองก็ตื่นเต้นไม่รู้ว่าคำตอบจากปากของพี่เขาจะเป็นเช่นไร ระหว่างที่กำลังตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นฝ่ามือหนาเอื้อมคว้าชอบดอกไม้ในมือ ก่อนจะก้มหน้าใช้ริมฝีปากกระตุกเชือกคลายปมโบว์สีแดงสดบนเอวฉันจนมันคลายหลุดออกจากกัน"!!!" บอกตามตรงใจฉันมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทั้งกังวลประหม่าและกลัวในเวลาเดียวกัน ได้แต่นอนหลับตารอคำตอบอย่างเงียบๆ กระทั่งสัม
---------------"เออขอบใจมึงมากที่เข้าใจ""ที่ผ่านมาเองกูก็ละเลยเหมี่ยวมากเกินไป ทำเหมือนน้องไม่มีตัวตน เอาเป็นว่าพี่ขอโทษนะ""อ๋อ ไม่เป็นไรเหมี่ยวเข้าใจพี่ดี เพราะคนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดคือเหมี่ยวเองนี่ พี่กายไม่ต้องขอโทษเหมี่ยวหรอก"เหมี่ยวอธิบายโดยเร็วเธอเองก็คงรู้สึกผิดเหมือนกัน ทำเอาบรรยากาศหลังพูดความในใจโล่งปลอดโปร่งราวกับคนละโลกกับเมื่อกี้"เพื่อเป็นการขอโทษที่กูหลบหน้ามึง วันนี้กูเลี้ยงเอง""มันต้องแบบนี้ดิวะ กูรอคำนี้ของมึงมานานแล้วไอ้ไวท์""เบาหน่อยนะมึง แดกเหล้าทุกวันจนตับร้องไห้ล่ะ""ทำไงได้วะความสุขกูนี่หว่า"ไม่ผิดหวังเลยที่วันนี้ผมได้มาเจอกับมัน บรรยากาศคำพูดสิ่งหนักอึ้งในใจได้หายไปหมดแล้ว ผมมักจะเผลอมองหน้ามะเหมี่ยวและยิ้มออกมาทุกครั้ง โดยไม่คิดเลยว่าการได้มองหน้าผู้หญิงคนหนึ่งมันจะทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้ กระทั่งเรานั่งดื่มกันไปสักพัก มะเหมี่ยวเริ่มขยับตัวเอ่ยกระซิบบางอย่างข้างหูผม คำนั้นทำเอาความร้อนรุ่มในร่างกายผมมันลุกโชนขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน"คืนนี้หนูมีอะไรจะบอกพี่ไวท์ อย่าลืมไปที่ห้องหนูนะ หนูจะรอ...อย่างใจจดใจจ่อ""อึก"ไม่ได้แค่พูดแต่ฝ่ามือยังเลื่อนไล้ไป
------------สัปดาห์ต่อมา"เหมี่ยว!""ห๊ะ!!!" "แกเป็นไรเนี่ย ช่วงนี้เหม่อลอยผิดปกตินะ" เสียงเรียกที่ดึงสติฉันกลับมาคือปุ๊ก ขณะที่เรานั่งกินชานมหลังเลิกเรียนฉันเหม่อมองคิดถึงใบหน้า น้ำเสียง สีหน้าของพี่ไวท์ทุกครั้งที่สติไม่อยู่กับตัว แม้วันนั้นจากผ่านมานานนับสัปดาห์แล้วก็ตาม"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ" ฉันพูดไหลตามน้ำไปพลางยกแก้วขานมขึ้นดื่ม "หรือว่าแกกำลังมีความรัก!?" "มะ ไม่ใช่สักหน่อย!" ทายถูกจนน่าขนลุกเลยแฮะ เรื่องที่ฉันกำลังคุยกับพี่ไวท์อยู่ไม่ได้บอกให้ปุ๊กรู้ กลัวว่าปุ๊กนะเป็นห่วง ด้วยที่พี่ไวท์มีเพื่อนเป็นพี่กายเกียรติศักดิ์คงไม่ต้องพูดถึง"ถ้าแกจะมีแฟนฉันก็ไม่ติดนะเว้ย แต่ผู้ชายสมัยนี้ส่วนใหญ่หวังเอาเพื่อสนุกเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องรักเป็นรอง" "ไหงคิดแบบนั้นล่ะ" "ตัวอย่างก็มีให้เห็นตั้งเยอะแยะ อย่างพี่กายเดือนมหาลัยอะไรนั่น""แล้วปุ๊กคิดว่าความรักคืออะไร" ปุ๊กเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ หรือเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี"ความมั่นคง แน่วแน่ แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ยังคงยืนหยัดในรักเดียว"คงเพราะปุ๊กลุกกับแฟนห่างไกลกันเธอจึงมองว่าความรักคือการยืนหยัดใ
------------"พี่ไวท์~" ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ตอนนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้สักนิดแค่ได้เห็นพี่ไวท์อยู่ตรงหน้าฉันพร้อมพุ่งเข้าใส่ อยากครอบครองอยากมีพื้นที่ที่อบอุ่นปลอดภัย ฉันโหยหาความรักนั้นมาเสมอในตอนนี้ฉันมั่นใจว่าพี่ไวท์เป็นคนที่ใช่สำหรับฉัน เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่อยากเสียพี่เขาไปอีก จากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วหลังจากที่พี่ไวท์หนีกลับไปฉันทั้งรู้สึกเสียดาย อับอายในเวลาเดียวกัน เสียดายที่ไม่รั้งและเสนอตัวมอบทั้งหมดให้พี่เขา ทั้งอับอายและกลัวที่จะถูกพี่เขามองว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย เพราะแบบนั้นในวันนี้ฉันจึงเลือกที่จะดื่มและวางแผนทุกอย่างจนในที่สุด เวลาที่ฉันจะได้ครอบครองพี่ไวท์ก็มาถึงฉันจะไม่ปล่อยพี่เขาไปไหนเด็ดขาด จนกว่าฉันจะได้เป็นคนรักของเขา "เหมี่ยว อือ~" ฝ่ามือหนากดท้ายทอยขณะเดียวกันฉันเริ่มขยับเบียดกลีบอวบน้ำไปมากับกางเกงที่ถูกดันขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่าส่วนนั้นของฉันมันชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำหวาน เวลาที่สัมผัสกับเสื้อผ้าจึงรู้ว่าส่วนนั้นมันชุ่มไปด้วยหยาดน้ำหวานเต็มไปหมด ไม่ไหวฉันเองก็เสียวสะท้านจนควบคุมความรู้สึกอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน อยากจะสัมผัสของจริงแล้วสิ"พี่ไวท์เหมี่ยวไม
--------------"ไม่เอาอะ กลับไปเหมี่ยวก็อยู่คนเดียว มันเหงานะพี่รู้ไหม" คำพูดของน้องทำเอาผมชะงัก เหงา ผมเองก็เข้าใจความหมายของมันนะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ ด้วยที่แม่ผมเสียไปตั้งแต่ยังเด็กส่วนพ่อก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจะบินกลับมาหา ทำให้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวตลอดมา เพราะฉะนั้นผมเข้าในคำว่าเหงาเป็นอย่างดี "ขอเหมี่ยวอยู่กับพี่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ" ทั้งสายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนทำเอาใจเต้นรัว เกรงว่าปฏิเสธไปทำให้เธอร้องไห้คงรู้สึกแย่ไม่น้อย ท้ายที่สุดผมยัดร่างอรชรขึ้นรถก่อนจะขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยเตรียมขับรถออกจากร้านเหล้า "พี่ไวท์เหมี่ยวไม่อยากกลับบ้านจริงๆ" "ได้ งั้นก็กลับบ้านพี่" "........." ผมพูดไปแบบนั้นก่อนจะขับรถออกมา แต่เหมี่ยวกลับไม่โต้ตอบได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร แม้ผมจะละสายตาหันมองหน้าเธอเป็นระยะแต่เหมี่ยวกลับไม่เงยหน้าขึ้นมองแม้แต่น้อย กระทั่งผมขับรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านดับเครื่องยนต์หันกลับไปมองเธออีกครั้ง เหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย"เหมี่ยวเป็นไร" "พะ พี่ไวท์ แหวะ!!!" "เฮ้ย!!!" กว่าจะจัดการพาคนเมาลงจากรถได้ไหนจะต้องจัดการเศษซากอารยธรรมจากกระเ
------------ร้านเหล้าที่ประจำของผมและไอ้กาย ที่นี่มักจะถูกใช้เป็นสถานที่ล่าหญิงของมันอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้ผมไม่ได้นัดเพื่อนแต่อย่างใด คนที่ผมนัดจริงๆ คือแฟนของเพื่อนต่างหาก "พี่ไวท์สวัสดีค่ะ" เสียงของใครบางคนดังขึ้นมา เมื่อหันไปเห็นหญิงคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิดเธอเคยเป็นหนึ่งในเหยื่อของไอ้กาย ผมเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้ารับเบาๆ เพราะผมจำชื่อเธอไม่ได้เกิดทักผิดเดี๋ยวจะหน้าแตกเอา "ครับ" "วันนี้มานั่งคนเดียวเหรอคะ พี่กายล่ะ?" "อ๋อมันไม่ว่าง" มัวแต่ไปเอากับเด็กนิเทศอยู่ อยากพูดแบบนั้นออกไปก็กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียภาพลักษณ์ จะว่าไปคนแบบมันคงไม่มีอะไรต้องเสียแล้วล่ะมั้ง"แล้วพี่ไวท์มาคนเดียวเหรอคะ" เธอทำท่าจะนั่งลงข้างผม ดูทรงแล้วคงอยากเก็บแต้มผมอีกคนสิท่า ใครจะสนคนที่ผมรออีกไม่นานคงมาถึง เกิดเห็นว่าผมกำลังนั่งคุยกับหญิงอื่นคงถูกมองเป็นผู้ชายเหมือนไอ้กายแหง "อื้ม อีกไม่ถึงห้านาทีก็มาแล้ว" "อะ อ๋อค่ะ" ทั้งที่กำลังย่อเข่าลงทันทีที่ได้ยิน เธอรีบยันตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ มันต้องพูดตรงๆ แบบนี้แหละ "งั้นขอตัวก่อนนะคะ" ในที่สุดผมก็ได้อยู่คนเดียวเงียบๆ สักที ระหว่างนั้นผมกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านแต่ค







