ร่างระหงที่ไม่เหมือนหุ่นนางแบบอย่างที่มนธชัยว่า เดินออกไปด้วยมาดนางพญา หญิงสาวรู้สึกปวดศีรษะจนต้องยกมือบีบขมับ เมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับ เพราะกว่างานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนจะเลิกก็ปาเข้าไปดึกดื่น เธอไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ก็จริง แต่เพราะได้นอนน้อยมัวแต่คิดถึงผู้ชายที่ผ่านเข้ามาทำความรู้จักทุกคนในชีวิต พวกเขาเป็นตัวเลือกของมารดา หาใช่ตัวเลือกของเธอไม่ แล้วเธอคงต้องทำตามคำสั่งแบบนี้จนกว่าจะลงเอยกับใครสักคนที่มารดาพึงพอใจ
“อุ๊ย!!!” อยู่ๆ ร่างบางก็เซหลุนๆ จากแรงกระแทกแบบไม่รู้ตัว ดีที่เธอจับเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ได้ ไม่งั้นมีหวังหน้าคะมำลงอย่างไม่เป็นท่า
“ขอโทษ”
สรัญรัตน์เงยหน้ามองคนชน เพราะคำขอโทษของเขามันฟังห้วนเหลือเกิน แต่เธอเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสากลเต็มยศ และเห็นรูปร่างสูงเกิน 6 ฟุต ของเขาเท่านั้น
“คนอะไร มีมารยาทแค่ครึ่ง ได้มาเท่านี้หรือไงนะ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอมองผู้ชายคนนั้นจนกระทั่งเขากลับไปนั่งยังโต๊ะอาหารของตัวเอง เขาไม่ได้มาคนเดียวแต่กลับนั่งทานอาหารคนเดียว โดยมีผู้ชายหลายคนยืนกุมมืออยู่หน้าขาเหมือนพวกบอดี้การ์ดยังไงยังงั้น
“ท่าทางจะรวยและใหญ่คับฟ้า มิน่าล่ะ มารยาทถึงมีนิดเดียว แต่ก็ดีนะที่ยังอุตส่าห์ขอโทษ”
เธอพยายามมองหน้าผู้ชายคนนั้น แต่อาจจะไกลไปนิดจึงเห็นไม่ชัดเท่าที่ควร ที่แน่ๆ เธอรับรู้ได้ถึงเสน่ห์บาดจิตที่แผ่ซ่านออกมาไกลถึงเธอได้ดี
“ดูไกลๆ อย่างนี้ก็หล่อพอตัวอยู่ น่าเสียดาย อยากเห็นหน้าให้ชัดกว่านี้” พึมพำกับตัวเองยิ้มๆ แต่ไม่คิดจริงจังมาก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล
“คุณชายครับ คนของเราส่งข่าวมาบอกว่า คุณหนูและนายธัชชัยไม่ได้อยู่ที่บ้านอัคราบริรักษ์ครับ”
หยางโจวหมิงยกแก้วขึ้นจิบน้ำ แล้วพยักหน้าเพียงเล็กน้อย
“ฉันรู้แล้ว เพราะมันต้องคิดว่าฉันจะบุกไปบ้านมัน ก็เลยพาเหม่ยลี่หนีไปที่อื่น”
“แล้วคุณชายทำไมถึงยังมาที่นี่ล่ะครับ”
“หึ...เราไม่ต้องออกแรงตามหาเหม่ยลี่หรอก แค่ให้ใครบางคนพาตัวเธอมาส่งก็พอ”
“ใครครับ” ฉีอู่ตามความฉลาดเป็นกรดของหยางโจวหมิงไม่ทัน
“ก็พวกมันไง ในเมื่อมันพาเหม่ยลี่ไปได้ มันก็ต้องพาเหม่ยลี่กลับมาได้” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น วางเงินค่าอาหารมากกว่าจำนวนจริง แล้วเดินนำออกไป ไม่แยแสกับสายตาหลายคู่ที่มองตามอย่างสนใจ
ใครจะไม่สนใจบ้างล่ะ ในเมื่อมีชายหนุ่มรูปงาม บุคลิกน่าเกรงขาม พร้อมกับบอดี้การ์ดหลายคนเดินตามเป็นขบวน ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีอันจะกิน และเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง
เช้าวันต่อมา นายอรรถวัฒน์ได้ต้อนรับคุณชายหยางอย่างไม่คาดคิด ชายหนุ่มคราวลูกไม่ได้ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า หากแต่เดินหน้าตึงเข้ามาในห้องทำงานใหญ่ของประธานบริษัท อัครา (กรุ๊ป) จำกัด
“หยะ...หยางโจวหมิง!” นายอรรถวัฒน์เอง แม้จะเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ก็ยังเชิดหน้าลุกขึ้นยืนต้อนรับหลานชายที่กลายเป็นศัตรูหมายเลข 1
“แหม...ควรจะดีใจมั้ย ที่คุณยังจำผมได้” นั่นเป็นคำทักทายของพญามังกรดำ หากแต่ใบหน้าฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันและเย่อหยิ่งจองหอง
“หน้าตาเธอ ถอดแบบหยางเฟ่ยหลงมาไม่มีผิดเพี้ยน ทำไมฉันจะจำไม่ได้”
“งั้นรึ แล้วคุณจำหยางเหม่ยลี่ได้มั้ย หรือจะบอกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นหยางเหม่ยลี่ เพราะตอนที่พ่อกับแม่ผมตาย เหม่ยลี่ยังเป็นทารกอยู่เลย หึ หึ...แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ เหม่ยลี่กับผมมีหน้าตาถอดแบบพ่อมาเหมือนกัน”
“หมายความว่ายังไง เธอมาที่นี่ต้องการอะไร”
“ปัง!!!” มือหนาตบโต๊ะใหญ่เต็มแรง “อย่าไขสือ ทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย” หยางโจวหมิงตาลุกวาว ความโกรธที่เกิดจากผู้ชายตรงหน้า ซึ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้เขาอยากเข้าไปบีบคอให้ตายคามือนัก
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ถ้าเธอไม่บอกว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่นี่ล่ะก็ ฉันจะเรียกตำรวจ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ก็เอาสิ ถ้าคิดว่าตำรวจจะเอาผิดกับผม แทนพวกอัคราบริรักษ์แล้วล่ะก็ เอาเล้ย เรียกตำรวจมาทั้งโรงพักเลยก็ได้”
นายอรรถวัฒน์ตัวสั่นเทิ้มกับความอาจหาญของหนุ่มคราวลูก เขารู้ดีว่าการต่อกรกับคนตระกูลหยางไม่ทำให้เกิดประโยชน์ มีแต่เสียกับเสีย แต่ถ้ายังถูกกล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน
“ฉันจะถามเธออีกครั้ง เธอมาที่นี่ทำไม”
“เหม่ยลี่ถูกไอ้ธัชชัยหลอกพามาที่นี่ คุณจะต้องส่งเธอคืนให้ผม”
“อะไรนะ!! ธัชชัยพาหยางเหม่ยลี่หนีมางั้นเหรอ”
“มันล่อลวงเหม่ยลี่มาต่างหาก พวกอัคราบริรักษ์มีแต่คนชั่วๆ อย่ามาพูดว่าเหม่ยลี่หนีมากับมัน!”
ประมุขของอัคราบริรักษ์พยายามรักษาระดับความขุ่นข้องหมองใจ และมองหยางโจวหมิงนิ่งๆ อย่างประเมินท่าที ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนอารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจตัวเองเหลือร้าย แต่ที่น่ากลัวคือความดำมืดที่ซ่อนอยู่ มาเฟียตระกูลหยางทำได้ทุกอย่าง และหยางโจวหมิงผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพญามังกรดำ จะต้องร้ายกาจกว่าหลายเท่าหากได้ลงมือทำอะไรแล้ว
“ขอฉันเค้นความจริงกับเจ้าธัชก่อนได้มั้ย”
“ตามตัวมันมาคุยกับผมเลยดีกว่า ท่าทางของคุณ...” ดวงตาสีสนิมเหล็กกวาดมองร่างหนาสูงวัยของนายอรรถวัฒน์ แล้วแค่นยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ใจอ่อน ลูกคงไม่กลัวหรอกมั้ง”
“ยังไงก็ขอให้ฉันได้คุยกับเจ้าธัชมันก่อน ถ้ามันทำจริง ฉันจะให้มันพาหยางเหม่ยลี่มาคืนเธอ”
“เดี๋ยวนี้!!!” หยางโจวหมิงต่อให้อย่างคนใจร้อน แค่ได้เสวนากับนายอรรถวัฒน์ เขายังไม่อยากทำ แล้วจะให้ต้องมานั่งรอไอ้คนชั่วนั่นอีก มันมากเกินไปที่คนอย่างเขาจะยอมได้
นายอรรถวัฒน์กดโทรศัพท์หาลูกชายคนโต เป็นนานกว่าที่ธัชชัยจะรับสาย
“ครับพ่อ”
“โอวววว” พร้อมกับครางเสียงแหลมเล็ก“ฉันไม่เคยคิดจะมีคนอื่นหรือหาเศษหาเลยนอกบ้านเลยนะตันหยง เธอกับลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน รอยลิปสติคก็แค่จากเด็กสาวหน้าโง่คนหนึ่งที่อยากอ่อยให้ท่าฉัน แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะที่รัก ฉันจะออกไปกินข้าวข้างนอกทำไมในเมื่อกับข้าวที่บ้านอร่อยเด็ดกว่าเยอะ”“จริงเหรอคะ อ๊ะ” อารมณ์คุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ สรัญรัตน์ก็สะบัดกระทั้นกระแทกสะโพกสวมครอบท่อนลึงค์เต็มอารมณ์อ่อนไหว“จริงที่สุดทูนหัว สายตาของฉันไม่เคยมีเงาใครในนั้นนอกจากเธอกับลูก หัวใจก็เช่นกัน มีลูกให้ฉันอีกหลายๆ คนนะที่รัก นานแล้วที่ฉันไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องกินนมจากเต้าของเธอ ฉันอยากเห็นอีก อยากได้ยินอีกหลายๆ ครั้ง นะที่รัก”“คุณไม่ได้คิดจะขังฉันไว้ที่บ้าน เพื่อออกไปเสวยสุขข้างนอกหรอกนะคะ”“สาบานได้” เขายกมือขึ้น“ไม่ค่ะ อย่าพูดคำนั้น แค่คุณบอก ตันหยงก็เชื่อค่ะ แต่ที่งอนเพราะคุณแยกลูกไปจากฉัน”สรัญรัตน์กระทั้นกายขย่มลำสามีอย่างบ้าคลั่งอย่างไร้ซึ่งความอับอาย เวลานี้เธออยากมอบความสุขให้เขา อยากให้เขารู้สึกว่าข้างนอกไม่มีอะไรดีไปกว่าคนในบ้าน สรัญรัตน์เชื่อใจเขาแต่ไม่ไว้ใจคนอื่น ทว่าเรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหามากกว่าเร
“อ๊ะ!” สรัญรัตน์สะดุ้งเฮือก“คุณนายหยางตกใจอะไรหรือครับ” อี้ผิงเห็นสีหน้าของสรัญรัตน์แล้วครุ่นคิด หรือเขาจะทำให้เธอตกใจ จะด้วยสาเหตุอะไร สีหน้าของคุณนายหยางจึงแดงๆ ซีดๆ สลับกันเช่นนี้“เปล่า เปล่าจ้ะ มีอะไรอีกหรือเปล่า” เธออยากให้อี้ผิงไปไกลๆ เพราะไม่อาจหยุดการกระทำของสามีจอมหื่นได้“ไม่...”“นายแกะซองให้ทีสิอี้ผิง มือฉันไม่ว่าง”เธออยากกรี๊ดใส่หูทวนลมของเขานัก เอาให้แก้วหูแตกกันไปเลย ยอมหามสามีเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคบ้าๆ ก็ยังดีกว่าต้องอับอายให้คนเอาไปนินทาเล่นสนุกปากอี้ผิงแกะซองสีน้ำตาลส่งกระดาษสีขาวให้เจ้านาย แต่หยางโจวหมิงไม่ยอมรับ แถมยังให้อี้ผิงอ่านรายละเอียดต่างๆ ให้ฟังเสียเอง“เอ่อ...” อี้ผิงตะขิดตะขวงใจ เพราะเหมือนคุณนายกับเจ้านายของเขากำลังมีปัญหากัน แต่เขาเป็นแค่ลูกน้องเจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำอี้ผิงอ่านรายงานอย่างละเอียดตามคำสั่งสรัญรัตน์ไม่มีกระจิตกระใจฟัง เวลานี้กลีบเนื้อของเธอถูกปลายนิ้วใหญ่รุกเร้า นิ้วใหญ่ที่แทรกอยู่กลางร่องหลืบถูไถไปมา เธอเสียวกระสันทั้งที่พยายามสกัดกั้นอารมณ์นั้นไว้ด้วยความขุ่นข้องหมองใจในเรื่องเมื่อวาน รอยลิปสติคบนอกเสื้อของสามี แม้เขาจะออกตัวตั้
สรวงสุดามองเงินจำนวนมากตรงหน้าด้วยใจที่ระทึก เกิดมาเธอไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน มือสั่นๆ ยื่นออกไปหยิบขึ้นมาปึกหนึ่ง แล้วยกขึ้นจรดจมูกสูดดมกลิ่นธนบัตรสีเทาเข้าปอด“นี่เป็นสินสอดของผม ขอมอบให้คุณผู้เป็นแม่ของตันหยง”“โอย...เงินทองตั้งมากมาย ขอบคุณนะคะคุณหยาง”“เงินและทองจำนวนนี้ มันจะงอกเงยขึ้น ถ้าคุณแม่เลิกเล่นการพนันแล้วหันมาเลี้ยงหลานแทน แต่ถ้าคุณยังมีข้อกังขาที่ว่า ผมเองก็เป็นนายบ่อน คุณแม่จะเข้าไปเล่นที่บ่อนผมก็ได้นะ แต่เงินจำนวนนี้ หมดแล้วหมดเลย”สรัญรัตน์ในชุดกี่เพ้าสีแดง ตามธรรมเนียมประเพณีของคนที่มีเชื้อสายจีน นั่งเคียงข้างกับเจ้าบ่าวที่สวมชุดสีเดียวกัน ทำจากผ้าไหมจีนปักลายมังกร และมีช่อบูเก้คาดเฉียงบนหน้าอก วันนี้เป็นวันแต่งงานที่ถือเอาฤกษ์งามยามดีเป็นฤกษ์สะดวก ด้วยเจ้าสาวกลัวจะสวมชุดแต่งงานไม่ได้ เนื่องจากครรภ์ที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวัน จะเลื่อนงานออกไปหลังคลอด เจ้าบ่าวก็ยืนยันหนักแน่นว่ารอไม่ไหว ดังนั้นหลังจากการขอแต่งงานผ่านไปได้เพียง 1 สัปดาห์ งานแต่งงานตามธรรมเนียมก็ถูกจัดขึ้น“คุณหมายความว่า ฉันจะได้มากกว่านี้งั้นเหรอ”“คุณแม่ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ถือว่าผมขอ มีสิ่งแลกเปล
ร่างสูงพาตัวเองมายืนห่างจากร่างอวบอัดของคนท้องแค่ 1 ช่วงแขน ดวงตาสีสนิมกวาดมองไปทั่วร่างงามเหมือนทุกครั้ง ครั้งนี้จับจ้องอยู่ที่หน้าท้องนูนเด่น ที่ตั้งของลูกในท้อง เขาจะดีใจไหมนะที่พ่อมาหา“ลูกของฉัน เอ่อ...” อยากจะลดตัวลงจูบหน้าท้องนูนๆ แต่ก็กลัวช่อดอกไม้จะถูกแกะแย่งไป ทำไมเขาถึงทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ไม่รู้ว่าจะพูดกับเธอยังไง ทุกอย่างมันดูติดขัดไปหมด ไม่เรียบลื่นเหมือนที่เคยเลยสักนิด“นี่...ช่อดอกไม้ของเธอ รับไว้สิตันหยง”สรัญรัตน์มองอาการเงอะงะติดๆ ขัดๆ ไม่สมกับเป็นมาเฟียใหญ่อย่างพญามังกรดำเลยสักนิด แต่ก็น่าเอ็นดูใช่หยอกเสียเมื่อไหร่ เธอยิ้มทั้งน้ำตายื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้จากเขา“ขอบคุณค่ะ”“ฉัน...มีเรื่องจะพูดคุยกับเธอหลายอย่าง แต่...ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี”“ก็แค่พูดความจริงไงคะ ความจริงที่คุณกำลังรู้สึกอยู่”“ฉัน...อยากขอเธอแต่งงาน เธอจะรังเกียจฉันมั้ย”หญิงสาวเกือบจะยิ้มออกมากว้างๆ ถ้าใจไม่สั่งให้เธอค้นหาคำตอบที่พอใจเสียก่อน การจะขอแต่งงานเกิดขึ้นกับเธอบ่อยครั้ง และทุกครั้งทุกคนก็ถูกเธอปฏิเสธจนหมด คราวนี้ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนเดียวที่เ
“...” สถานการณ์ก็ยังเงียบอยู่เช่นเดิม คราวนี้สรัญรัตน์ตัดสินใจจะเปิดประตูรถ เธอไม่คิดจะกระโดด แต่แค่ขู่เผื่อเขาจะนึกสงสารลูกในท้องของเธอบ้าง แต่ประตูรถถูกล็อกจากคนขับเสียนี่“นายเป็นใคร ฉันบอกให้จอดรถนะ นายต้องการอะไร”“...” ความเงียบกำลังทำให้หญิงสาวสติแตก เขาจะจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรือเปล่า แล้วเฉวงรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ คำถามวนเวียนอยู่ในหัวจนรู้สึกมึนไปหมด“นี่นาย! ถ้านายต้องการเงินจากฉันล่ะก็ ฉันมีให้ไม่มากหรอกนะ แต่...ถ้านายร่วมมือกับลุงเหวงจะจับฉันไปเรียกค่าไถ่ นาย...นายน่าจะสงสารเด็กที่อยู่ในท้องฉันบ้างนะ เอ่อ...จับคนท้องไปเรียกค่าไถ่ไม่สนุกหรอกนะ ถ้านายต้องการเงินจริงๆ ส่งฉันกลับไปหาคุณพ่อสิ แล้วฉันจะบอกให้ท่านเอาเงินมาให้นาย”“...”“นี่นายฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่าน่ะ”เขาไม่ตอบ ไม่พูด ไม่ถามอะไรทั้งสิ้น แถมยังเปิดเพลงหวานให้เธอฟังเป็นการตอบแทน“หรือว่า...นายเป็นใบ้ นายพูดไม่ได้ใช่มั้ย คนเป็นใบ้ต้องหูหนวกด้วยนี่ ฉันเคยได้ยินมาอย่างนั้น แล้ว...แล้วฉันจะสื่อสารกับนายได้ยังไง”ในขณะที่สรัญรัตน์กำลังว้าวุ่น คนขับรถก็แอบอมยิ้มอยู่เพียงลำพัง“นาย” เธอเรียกหลังจากนิ่งคิดสัก
หญิงสาวเดินลงไปยังรถซึ่งเฉวงคนขับรถได้เปิดประตูรออยู่ เขายิ้มให้คุณหนูตันหยง นึกชื่นชมว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสวยสู้คุณหนูของเขาได้ วันนี้เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นหน้าที่ที่ไม่อาจจะพูดหรือบอกใครได้ โดยเฉพาะคุณหนูตันหยง“ตันหยง” นางสรวงสุดาเดินลงมาทันก่อนบุตรสาวจะก้าวขึ้นรถ เธอเรียกเอาไว้เพราะมีเรื่องบางอย่างต้องการพูดด้วย“คุณแม่ มีอะไรกับตันหยงหรือเปล่าคะ”“แต่งตัวซะสวย มีนัดกับใครที่ไหนล่ะ” มารดาไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน“ตันหยงมีนัดกับคุณพ่อค่ะ คุณแม่มีอะไรคะ”“เอ่อ...มีเงินให้ฉันยืมสัก...แสนนึงมั้ย”“คุณแม่!! ตันหยงจะเอาที่ไหนมาให้คุณแม่คะ ตันหยงไม่ได้ทำงาน ที่มีกินมีใช้ก็เพราะคุณพ่อให้ทั้งนั้น แต่ตันหยงไม่มีเงินเก็บมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณแม่จะเอาไปทำอะไรคะ”“ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ย” มารดาเกิดอาการฉุนเฉียว แต่บุตรสาวก็เดาได้ไม่ยากว่ามารดาจะเอาเงินไปทำอะไร“คุณแม่จะเอาเงินไปเข้าบ่อนหรือคะ ตันหยงขอได้มั้ยคะ คุณแม่อย่าเล่นอีกเลย” หญิงสาวพยายามอ้อนวอน หวังว่าคำขอของเธอจะทำให้แม่กลับตัวกลับใจ“ฉัน...ก็พยายามอยู่ แต่ว่า...เมื่อวานนี้ฉันเสียไปมาก ก็กู้เงินเขามากะว่าจะถ