กีรติกานั่งเครียดอยู่ในห้องรับแขกตอนนี้หญิงสาวกำลังต้องการคุยกับใครสักคนเรื่องนี้และอยากจะขอความช่วยเหลือแต่เธอก็นึกเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ได้เลยสักคน เธอต้องขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์ให้ได้
หญิงสาวนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะป้าภรณ์บอกเจ้านายของเธอจะออกมารับประทานอาหารเย็นในเวลาหนึ่งทุ่ม
ตอนนี้กีรติกากำลังคิดรวบรวมคำพูดที่จะขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นทางเดียวที่เธอจะติดต่อเพื่อนได้ ส่วนเรื่องจะออกไปจากที่นี่ก็ค่อยหาทางกันอีกที แต่เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แบบนี้แน่ หญิงสาวรอเวลาที่เขาจะออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“คุณวิคเตอร์คะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” กีรติกายิ้มสู้และคิดว่าถ้าคุยกับเขาดีๆ เขาจะใจอ่อน
“ตอนนี้มันเป็นเวลาอาหารฉันขอกินก่อนมีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง”
เขาบอกก่อนเธอก่อนจะเดินไปยังห้องครัว
“แล้วจะต้องให้ฉันเชิญด้วยใช่ไหม” เขาหันมาถามหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิม
กีรติกาถอนหายใจก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัว
เมื่อป้าภรณ์ตักข้าวให้กับทั้งสองแล้วก็เดินหายไปจากห้องครัวทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างจะอึดอัด เธออยากจะถามเขาตอนนี้แต่คิดว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่หญิงสาวจึงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“ดูเธอไม่ทุกข์ร้อนเลยนะที่ถูกพามาอยู่ที่นี่” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น
“ทำไมถึงคิดว่าฉันไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยล่ะ”
“ก็ฉันเห็นเธอกินข้าวอย่างสบายใจ ไม่เห็นจะกลุ้มใจหรือกังวลอะไรเลย”
“กังวลก็ส่วนกังวลสิคะ แต่อาหารตรงหน้ามันไม่ได้ผิดอะไรนี่อีกอย่างฝีมือป้าภรณ์ก็อร่อยมากๆ” หญิงสาวพูดจบก็นั่งทานอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจเขา
กลายเป็นวิคเตอร์เองที่รู้สึกหมั่นไส้เพราะคิดว่าเธอจะกระฟัดกระเฟียดไม่ยอมทานอาหารหรืออดอาหารประท้วง
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ววิคเตอร์ก็เดินนำกีรติกามายังห้องรับแขก
“เอาล่ะจะคุยอะไรกับฉันก็รีบคุยฉันมีเวลาไม่มากหรอกนะ มีงานอีกเยอะที่จะต้องทำ” ปกติแล้วกลางคืนวิคเตอร์จะไปดูงานที่โรงแรมและกาสิโนแต่เมื่อตนเองไม่ได้ไปก็มักจะดูความเรียบร้อยผ่านกล้องวงจรปิดและให้ลูกน้องคนสนิทอย่างโรมันและเดนิสไปคุมแทน
“คุณมีงานที่จะต้องทำฉันก็มีงานที่จะต้องทำเหมือนกันนี่คะ แล้วทำไมจะต้องให้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วย”
“ก็บอกแล้วว่าฉันพาเธอมาที่นี่เพราะอะไร”
“แต่มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลยนะคะ คนที่ทำให้คุณเสียใจคือพี่กิตไม่ใช่ฉัน”
“แต่เธอคือคู่หมั้นของเขาจะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเธอจะต้องชดใช้กับสิ่งที่คู่หมั้นของเธอทำไว้”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะโกรธแค้นอะไรพี่กิตหนักหนา แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาขังฉันไว้ที่นี่”
“จะมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ตอนนี้เธอก็อยู่ที่บ้านฉันแล้วนี่”
“ฉันจะยอมอยู่ที่นี่กับคุณก็ได้ แต่ขอโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ฉันคืนมาได้ไหมล่ะ”
“เสียใจด้วยนะฉันคงให้สิ่งนั้นกับเธอไม่ได้”
“แต่ฉันอยากติดต่อเพื่อนอยากให้เขารู้ว่าฉันถึงเมืองไทยแล้ว”
“ฉันก็บอกเธอแล้วไงว่าเรื่องนั้นฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว แค่นี้ใช่ไหมเรื่องที่เธอจะคุยกับฉัน”
“ฉันอยากรู้ว่านอกจากให้ฉันนั่งดูทีวีอยู่บนบ้านแล้วมีอะไรที่นี่ที่ฉันจะทำได้บ้างเธอ”
“อยากทำอะไรที่นี่ก็ได้ตามสบายยกเว้นออกไปจากที่นี่แค่นั้นแหละ”
“ฉันขอใช้คอมพิวเตอร์ได้ไหม”
“เธอคิดว่าฉันโง่หรือกรีนถ้าฉันให้เธอใช้คอมพิวเตอร์เธอก็ต้องติดต่อให้คนอื่นมาช่วยสิ”
“ที่ฉันอยากได้คอมพิวเตอร์เพราะฉันจะเอามาทำงานออกแบบ แล้วฉันจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากไหนล่ะหรือบ้านคุณมีสัญญาณ Wi-Fi”
“มีสิเพราะฉันเองก็ต้องใช้ติดต่องานอยู่เหมือนกันแต่อย่าคิดนะว่าฉันจะบอกรหัส Wi-Fi กับเธอ”
“แต่มันมีงานออกแบบที่ฉันรับทำไว้และจะต้องส่งให้กับนายจ้างนะ” หญิงสาวพูดถึงงานออกแบบที่เขารับจ๊อบให้กับบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อังกฤษระหว่างที่ตนเองกำลังเรียนอยู่
“ถ้าถึงตอนส่งงานจริงๆ ฉันจะเป็นคนส่งงานให้เธอเอง”
“ทำไมมันยุ่งยากจังนะ” หญิงสาวบ่นและมองค้อนเขาอีกครั้ง
“ตกลงจะเอาไหมคอมพิวเตอร์น่ะ” เขาหันมาถาม
“เอาสิ”
“ถ้างั้นก็รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันจะให้คนเอามาให้” วิคเตอร์หายเข้าไปในห้องทำงานอยู่นานก่อนที่ประตูหน้าบ้านจะเปิดออกพร้อมกับชาตรีคนขับรถที่เขาเจอเมื่อวันแรก
“นี่คอมพิวเตอร์ของคุณครับคุณกรีน”
“ขอบคุณค่ะ แล้วโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ของฉันล่ะ”
“ผมเก็บไว้อย่างดีครับถึงเวลาที่คุณไปจากที่นี่ผมจะคืนทุกอย่างให้นะครับ”
“ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไรครับ”
“มีคนโทรหาฉันบ้างหรือเปล่า”
“ตั้งแต่ได้โทรศัพท์มาก็ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคุณเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณปิดเสียงโทรศัพท์ไว้หรือเปล่า”
“ใช่ฉันปิดเสียงโทรศัพท์ไว้แต่ก็ช่างเถอะยังไงก็คงไม่มีใครโทรหาฉันอยู่แล้ว” หญิงสาวรับแล็ปท็อปมาจากชาตรีก่อนจะเดินกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
เธอเปิดแล็ปท็อปและนั่งทำงานต่อขณะที่เปิดทีวีช่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ทิ้งไว้และหันไปดูเป็นระยะๆ
งานออกแบบที่กีรติกากำลังทำอยู่นั้นเป็นงานออกแบบชุดเครื่องประดับสำหรับวัยหนุ่มสาวซึ่งเธอรับงานมาจากโรงงานผลิตเครื่องประดับในประเทศอังกฤษ ก่อนหน้านั้นก็ส่งชิ้นงานไปแล้วสองชิ้นตอนนี้เหลือเข็มกลัดติดเสื้ออีกชิ้นที่เธอกำลังออกแบบอยู่นอกจากงานออกแบบที่ทำให้กับโรงงานที่นั่นหญิงสาวยังมีงานออกแบบที่ทำเก็บไว้อีกค่อนข้างมากเพราะคิดว่าถ้าหากก็มาทำงานกับคุณสุธีที่บริษัทแล้ว คงจะมีโอกาสเสนอผลงานของตัวเองให้กับบริษัทบ้าง
หญิงสาวนั่งทำงานเพลินจนเวลาผ่านไปเกือบจะเที่ยงคืน
“เธอนั่งทำงานที่นี่ตั้งแต่หัวค่ำเลยเหรอ” วิคเตอร์ที่ออกมาหาน้ำดื่มตกใจเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นกีรติกานั่งอยู่บนพื้นห้องรับแขกขณะที่ตากำลังจองแล็ปท็อปตรงหน้า
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวหันไปตอบแต่ตาก็ยังจ้องอยู่ที่จอเหมือนเดิม
“ถ้าจะต้องทำงานบนพื้นแบบนี้ฉันว่าเธอไปใช้โต๊ะทำงานในห้องฉันก็ได้นะเพราะมันยังมีว่างอีกโต๊ะหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ งานฉันต้องใช้จินตนาการและอารมณ์ในการทำให้นั่งร่วมห้องกับคุณงานของฉันคงไม่เดินแน่ๆ”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่พูดนี่คะ คุณจะให้ฉันนั่งมองหน้าคุณไปด้วยทำงานไปด้วยเหรอคะ งานของฉันต้องเป็นงานศิลปะต้องใช้อารมณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานคงไม่ดีเท่าไหร่มั้งคะ”
“ถ้างั้นก็ตามใจ” พูดจบเขาก็ไปกินน้ำก่อนจะกลับห้องตัวเอง
คุณวัชรีเดินออกจากห้องรับแขกไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่กีรติกากับวิคเตอร์เพียงสองคนเท่านั้น“สนุกมากไหมคะที่ทำแบบนี้กับฉัน”“ไม่เลยกรีน ฉันเครียดมากตอนที่หาเธอไม่เจอ ฉันคิดจะขอเธอแต่งงานหลังจากเครื่องเพชรทั้งหมดทำเสร็จแล้ว แต่พอมาเจอเธอวันนี้ก็เลยคิดว่าขอเธอแต่งงานวันนี้น่าจะดีกว่าเพราะฉันไม่อยากให้เธอหนีไปไหนอีกแล้ว”“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าฉันอยู่ที่นี่”“ไม่รู้เลย แม่ไม่เคยบอกอะไรฉัน ที่มาวันนี้ก็เพราะแม่ชวนมากินข้าวและฉันก็อยากจะเอาแหวนมาอวดแม่ด้วย”“จะให้ฉันแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่หลอก ที่ผ่านมาคุณไม่เคยพูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรกับฉันเลย”“ถ้าฉันจะหลอกเธอฉันจะกล้าขอเธอแต่งงานต่อหน้าแม่เหรอกรีน ถึงฉันไม่ใช่คนดีเต็มร้อย แต่ฉันก็คิดว่าฉันทำทุกอย่างก็เพราะฉันรักเธอนะ” เพราะมารดาไม่อยู่แล้วชายหนุ่มก็พูดคำว่ารักออกมา“รักฉันเหรอคะ”“ใช่สิถ้าไม่รักคงไม่ตามตื๊ออยู่แบบนี้หรอก”“ฉันว่าคุณอยากจะเอาชนะฉันมากกว่า”“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันแค่อยากอยู่กับเธออยากใช้ชีวิตกับเธอ”“ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรอกนะคุณวิคเตอร์ เราสองคนต่างกันมาก”“พ่อกับแม่ของฉันก็ต่างกันมากแต่ท่านก็อยู่ด้วยกันอย่างมีคว
เย็นวันนี้ลูกชายของคุณวัชรีจะมาทานอาหารเย็นที่บ้านกีรติกากับป้าบัวโรยและมะลิจึงช่วยกันทำอาหารตั้งแต่บ่ายเมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยกีรติกาก็ขอตัวไปอาบน้ำ ก่อนจะลงมาที่ห้องรับแขกอีกครั้งในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาทานอาหารของคุณวัชรีหญิงสาวเดินลงบันไดมาและเห็นว่าตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งหันหน้าออกไปทางหน้าบ้านกีรติการณ์คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของคุณวัชรี แต่พอเดินอ้อมมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่คือใคร“กรีนเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วิคเตอร์ตกใจมากที่มาเจอหญิงสาวที่นี่“ฉันควรถามคุณมากกว่านะว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้วมาคุยอะไรกับคุณน้า”“เดี๋ยวใจเย็นๆ ก่อนทั้งสองคนเลยหนูกรีนมานั่งกับน้าตรงนี้”“ค่ะน้าหนิง” หญิงสาวเดินไปนั่งคู่กับเจ้าของบ้านแต่สายตาก็จ้องวิคเตอร์อย่างจ้องจับผิดเธอกลัวว่าชายหนุ่มจะมาพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาและก็กลัวว่าคุณวัชรีจะบอกวิคเตอร์เรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่“หนูกับลูกชายน้ารู้จักกันมาก่อนเหรอ”“คนนี้ลูกชายน้าหนิงเหรอคะ”“ใช่จ้ะ น้าไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน”“น้าหนิงไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมคะว่าหนูกับเขารู้จักกัน” หญิงสาวสา
วิคเตอร์เธอยังคงพยายามโทรศัพท์หากีรติกาอยู่ทุกวันแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา เธอจะรับโทรศัพท์ของเขาก็ต่อเมื่อส่งงานมอบงานให้เขาแล้วเท่านั้นแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่หญิงสาวทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเธอส่งไฟล์ให้เขาไม่ถึงห้านาทีชายหนูก็โทรศัพท์กลับมา“กรีนเธอใจร้ายกับฉันมากเลยนะ เราตกลงเป็นแฟนกันแล้วทำไมฉันโทรหาเธอตลอดทั้งสัปดาห์เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันเลย แล้วฉันไปหาที่คอนโดเขาก็บอกว่าเธอไม่อยู่ที่นั่นเธอย้ายไปอยู่ที่ไหนทำไมไม่บอกฉัน เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่าฉันเป็นห่วงเธอมากๆ นะ”“ใจเย็นค่ะคุณวิคเตอร์ถามอะไรมายาวแบบนั้นใครมันจะตอบคำถามคุณทันล่ะคะ” กีรติกาอดขำไม่ได้กับคำถามที่วิคเตอร์ถามรัวมา“ถ้างั้นเอาคำถามนี้ก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน”“ฉันก็ออกแบบงานให้คุณไงคะ งานก็เสร็จแล้วเพิ่งส่งไปเมื่อกี้ ฉันคิดว่าที่คุณโทรหาฉันก็เพราะคุณได้รับงานของฉันแล้วนะคะ”“กรีนเราคงต้องคุยกันอย่างจริงจังนะ”“ก็นี่ไงคะจริงจัง”“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องงานฉันหมายถึงเรื่องระหว่างเรา”“ระหว่างเรามันก็จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ฉันออกมาจากเกาะค่ะและที่ฉันยังติดต่อคุณตอนนี้ก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น
บ้านของคุณวัชรีหลังค่อนข้างใหญ่มีบริเวณบ้านกว้างขวางกีรติกาถูกพามาในห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนของเจ้าของบ้านเพราะเธออยากให้กีรติกามีความเป็นส่วนบ้านหลังนี้มีคนขับรถหนึ่งคนและคนรับใช้อีกสองคนคนหนึ่งชื่อมะลิเป็นหญิงสาวอายุน่าจะประมาณสามสิบปีซึ่งเธอให้กีรติกาเรียกว่าพี่มะลิส่วนอีกคนหนึ่งเป็นมารดาของพี่มะลิชื่อป้าบัวโรยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการทำอาหารเช้านี้กีรติกาตื่นมาก็อาเจียนแต่เช้าแต่ก็พยายามฝืนตัวเองลงมาทานอาหารเพราะไม่อยากให้เจ้าของบ้านเป็นห่วงไปมากกว่านี้“หน้าซีดมากเลยเมื่อเช้าอาเจียนใช่ไหม ถ้าหนูลงมาไม่ไหวก็บอกได้นะ น้าจะให้มะลิเอาอาหารขึ้นไปให้บนห้อง”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอยู่ในห้องมันอุดอู้หนูลงมาแบบนี้อากาศดีๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”“เช้านี้ป้าทำแกงไตปลากับขนมจีนนะคะคุณกรีนทานได้ไหม”“ได้ค่ะของโปรดหนูเลย”“หนูกรีนชอบทานอาหารใต้เหมือนกันใช่ไหม”“ใช่ค่ะหนูว่ารสชาติมันจัดจ้านดี”“แต่หนูอย่าทานเยอะนะอาหารใต้มันเผ็ดมากๆ เดี๋ยวมันจะไม่ดีกับเด็กในท้อง ป้าทำต้มจืดกับผัดผักด้วยนะ แต่ป้าไม่ได้ใส่กระเทียมนะคะเพราะรู้ว่าคนท้องไม่ชอบกินกระเทียมเจียว”“ขอบคุณป้าบัวโรยมากนะคะ
วันนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นกีรติกาแต่งตัวตั้งแต่เช้าเธอสวมสูทสีครีมกับกางเกงสีเดียวกันดูสุภาพกว่าวันปกติมาก เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรอทนายความอยู่บริเวณชั้นล่างของคอนโดเพราะวันนี้ทนายความจะเป็นคนพาเธอไปแนะนำให้กับหุ้นส่วนใหญ่และพนักงานทุกคนได้รู้จักเมื่อไปถึงบริษัทเธอก็ทักทายพนักงานที่พอจะรู้จักกันบ้างจากนั้นก็เข้าไปนั่งรอในห้องประชุมไม่นานนะผู้หญิงดูท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเธอแนะนำตัวเองว่าชื่อวัชรีเป็นนักธุรกิจชาวไทยที่ไปแต่งงานกับสามีชาวต่างชาติการประชุมในวันนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากมายคุณวัชรีอยากให้ทุกคนทำหน้าที่ไปอย่างเดิม ในส่วนของแผนการแผนงานทั้งหมดเธอจะส่งให้ผู้จัดการแต่ละแผนกนำไปปฏิบัติอีกทีหลังเสร็จจากการประชุมแล้วคุณวัชรีก็ขอคุยกับกีรติกาเป็นการส่วนตัวโดยทั้งสองมาคุยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก“คุณวัชรีชอบทานอาหารใต้เหรอคะ”“เราอยู่กันสองคนหนูเรียกฉันว่าน้าหนิงก็ได้”“แต่คุณเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เลยนะคะหนูไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ”“ก็ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในบริษัทนะ น้าเคยมีลูกสาวพอเห็นหนูก็ทำให้รู้สึกคิดถึงลูกสาวมากๆ”“ลูกสาวคุณน้าเธอทำงา
เช้านี้กีรติกาตื่นนอนสายกว่าทุกวันหญิงสาวรู้สึกเวียนศีรษะเป็นอย่างมากพอลุกขึ้นได้ยังไม่ทันจะเดินไปไหนไกลก็วิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อโก่งคออาเจียนอยู่หลายครั้งเธอคิดว่าน่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษแต่พอนึกถึงเมนูที่รับประทานไปเมื่อวานก็นึกไม่ออกเลยว่าเมนูไหนที่จะทำให้เธอเกิดอาการแบบนี้หญิงสาวอาบน้ำแล้วคิดว่าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะไปให้หมอตรวจดูสักหน่อย แต่ขณะที่เปิดลิ้นชักจะหยิบชุดชั้นใน สายตาก็เหลือบไปเห็นถุงผ้าอนามัยที่อยู่ด้านในสุดซึ่งตนเองซื้อมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วแต่ยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเลยสักครั้งกีรติกาหน้าซีดเผือดเมื่อนึกย้อนไปตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษเธอก็เป็นรอบเดือนแค่ครั้งเดียวและหลังจากที่กลับมาจากเกาะแล้วก็ไม่เป็นอีกเลยเธอคิดว่าตนเองไม่น่าจะท้องเพราะครั้งแรกที่มีอะไรกับวิคเตอร์ก็ทานยาคุมฉุกเฉินจากนั้นก็ทานยาคุมกำเนิดมาตลอดจะมีก็แค่ช่วงที่เธอไปอยู่บนเรือสำราญที่ไม่ได้ทานยาถึงสามวันติดแต่พอกลับมาเธอก็รีบทานยาให้ครบจำนวนแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเภสัชกรแล้วเธอก็รู้สึกตัวชาเพราะหากลืมกินยาติดต่อกันนานเกินสามวันโอกาสที่จะตั้งท้องก็มีอยู่มาก“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง” เธอพูดกับ