กีรติกาเดินเล่นอยู่ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนบ้านเพราะรู้สึกว่าไม่อิสระเลยที่มีคนคอยเดินตามตลอด หญิงสาวกลับขึ้นมาด้านบนบ้านและเข้าไปในห้องจากนั้นอาบน้ำก่อนจะหยิบชุดที่อยู่ในตู้มาสวม
เธอต้องแปลกใจมากๆ เพราะนอกจากจะมีชุดที่เธอนำกลับมาจากอังกฤษแล้วในนั้นยังมีชุดผู้หญิงอยู่อีกหลายชุด แต่เธอก็เลือกที่จะหยิบชุดของตัวเองมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องและนั่งดูทีวีบริเวณห้องรับแขกเพื่อฆ่าเวลา ปกติแล้วหญิงสาวไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการเล่นโทรศัพท์มือถือมากกว่า แต่เมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือความบันเทิงที่เธอจะหาได้ในตอนนี้ก็คือการดูทีวีนั่นเอง
“เย็นนี้คุณกรีนอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวป้าจะทำให้”
“กินอาหารเดิมก็ได้ค่ะป้าภรณ์ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยอะไรเลยป้ามีหน้าที่ดูแลคุณกรีนอยู่แล้ว”
“ป้าคะแล้วเมื่อไหร่เจ้านายป้าจะมาเปิดสักทีล่ะคะ กรีนเบื่อที่จะต้องอยู่เฉยๆ แบบนี้แล้วนะคะ”
“เดี๋ยวก็คงมาค่ะ”
“กรีนเห็นมีเสื้อผ้า ผู้หญิงอยู่ในตู้เยอะเลยของใครเหรอคะ”
“ก็ของคุณกรีนนั่นแหละค่ะเจ้านายเขาเตรียมไว้ให้”
“ทำไมเขาจะต้องเตรียมเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ให้กรีนด้วย”
“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ คุณกรีนต้องรอถามเจ้านายดู”
“เจ้านายของป้าเขาชื่ออะไรอายุเท่าไหร่เป็นใครทำงานอะไรคะ” หญิงสาวถามเพราะอยากจะรู้ข้อมูลเบื้องต้น
“เจ้านายป้าชื่อคุณวิคเตอร์ค่ะเป็นลูกครึ่งไทยรัสเซีย”
หญิงสาวไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนคิ้วสวยขมวดเข้าหากันพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“มีรูปเขาไหมคะ”
“ไม่มีเลยค่ะคุณวิคเตอร์ไม่ชอบให้ใครถ่ายรูป”
“อยากจะเห็นหน้าฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังมากด้านหน้าประตูทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หันไปมองกีรติกาลุกขึ้นและเดินตรงไปหาเขาทันที
“สวัสดีค่ะคุณวิคเตอร์”
“สวัสดีกรีน” ชายหนุ่มทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณวิคเตอร์” ป้าภรณ์สวัสดีเจ้านายก่อนจะเดินไปรับกระเป๋าใบเล็กของเขาเอาไปเก็บไว้ในห้องทำงาน
“เธอคงสงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไมฉันถึงพาเธอมาอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มมองหน้ากีรติกาจากนั้นก็เดินมานั่งลงบนโซฟากลางห้อง
หญิงสาวรีบเดินเข้ามานั่งเธอกดรีโมทปิดทีวีเพราะอยากจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องโดยไม่มีอะไรรบกวน
“ใช่ค่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าคุณพาฉันมาอยู่ที่นี่ทำไม ฉันว่าฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน”
“แต่ฉันรู้จักเธอดีเลยนะ เธอชื่อกีรติกาเพิ่งเรียนจบการออกแบบเครื่องประดับมาจากอังกฤษและมีคู่หมั้นชื่อกิตติเดช พ่อของเธอติดการพนันอย่างหนักและฆ่าตัวตายไปเมื่อสองปีก่อนทำให้พ่อของกิตติเดชส่งเสียเธอเรียนต่อจนจบใช่มั้ยล่ะ”
ข้อมูลที่เขาพูดมันเป็นความจริงทุกอย่างแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเพราะสิ่งที่เธอสนใจก็คือเหตุผลอะไรที่เขาพาเธอมาอยู่ที่นี่
“เรื่องพวกนั้นใครๆ ก็รู้ค่ะแต่ที่ฉันอยากจะรู้ก็คือทำไมคุณจะต้องพาฉันมาอยู่ที่นี่ด้วย”
“ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของกิตติเดชน่ะสิ”
“เขาให้คุณพาฉันมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“เปล่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาเมืองไทย”
“เขาไม่รู้ก็ไม่แปลกเพราะฉันไม่ได้บอกใครว่าฉันจะกลับมา”
“มันก็ดีแล้วนะที่เธอไม่ได้บอกใครเพราะการหายตัวไปของเธอจะได้ไม่มีคนสงสัยมาก”
“แต่ถึงคนที่นี่ไม่รู้เพื่อนฉันที่อังกฤษก็ต้องตามหาตัวฉันถ้าหากฉันขาดการติดต่อไป ทางที่ดีคุณพาฉันกลับไปส่งที่กรุงเทพเถอะ”
“เรื่องเพื่อนของเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเราจัดการเรียบร้อยแล้วอย่างน้อยหนึ่งเดือนจากนี้ก็ไม่มีใครตามหาเธอแน่ๆ”
“คุณคงไม่ได้หมายความว่าจะให้ฉันอยู่ที่นี่กับคุณนานเป็นเดือนหรอกนะ ฉันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบจะต้องรีบกลับไปทำงาน”
“เธอคิดว่ามาที่นี่แล้วจะกลับออกไปง่ายๆ เหรอไม่มีทางเสียล่ะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะคุณวิคเตอร์ฉันกับคุณไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วคุณจะพาฉันมาอยู่ที่นี่ทำไมคุณท่าจะบ้าไปแล้ว”
“ฉันจะบอกเหตุผลก็ได้ว่าทำไมฉันถึงพาฉันมาอยู่ที่นี่”
“แล้วเพราะอะไรกันล่ะ”
“เพราะฉันจะทำให้กิตติเดชมันเจ็บอย่างที่ฉันเจ็บ”
“คุณมีความแค้นกับพี่กิตแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ฉันก็เป็นแค่คู่หมั้นของเขานะ”
“ก็เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของเขาไงล่ะ ฉันจะทำให้มันเสียใจอย่างหนักในวันที่เธอกลับไปหามันพร้อมกับลูกในท้อง”
“จะบ้าไปแล้วหรือไงคุณ” กีรติกาพอจะเข้าใจความหมายของวิคเตอร์เธอถอยกรูดจนติดโซฟาอีกด้าน ใบหน้าหล่อของเขายามนี้มันดูน่ากลัวมากๆ แววตาที่เขามองเธอเหมือนมีความแค้นและความเจ็บปวดฝังอยู่
“ไม่บ้าหรอกคู่หมั้นของเธอทำให้น้องสาวของฉันท้องและทิ้งไปอย่างไม่ไยดีเพราะฉะนั้นฉันก็จะทำแบบเดียวกันกับคู่หมั้นของมันไงล่ะ”
“ต่อให้คุณทำฉันท้องหรือทำให้ฉันตายพี่กิตเขาก็ไม่มาสนใจหรือเสียใจหรอกเพราะฉันกับเขาไม่ได้รักใคร่อะไรกันเลยที่เราหมั้นกันก็เพราะผู้ใหญ่เห็นสมควรเท่านั้นฉันว่าคุณจะเสียเวลาเปล่านะ”
“อย่าพยายามเบี่ยงประเด็นเลยฉันรู้ว่าตอนนี้ครอบครัวของมันกำลังเตรียมจัดงานแต่งงานหลังจากที่เธอเรียนจบ มันคงดีไม่น้อยถ้าฉันจะส่งเธอกลับไปพร้อมกับท้องที่มันโตขึ้นเรื่อยๆ” เขาพูดจบก็หัวเราะก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องที่เธอนอนเมื่อคืน
กีรติกามองตามแผ่นหลังของเขาดูสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเธอจะต้องหาทางพูดกับเขาให้เขาเปลี่ยนใจและเรื่องแก้แค้นเธอให้ได้เพราะเธอกับกิตติเดชไม่ได้รักกันมากขนาดที่เขาจะต้องมาเสียใจหากเกิดอะไรขึ้น
“ป้าภรณ์คะ” หญิงสาวเดินมาหาป้าภรณ์ที่กำลังง่วนกับการทำอาหารอยู่ในครัว
“มีอะไรคะคุณกรีน นึกออกหรือยังว่าเย็นนี้จะกินอะไร”
“กินอะไรก็ได้ค่ะ แต่มีเรื่องจะถามป้าภรณ์นิดหนึ่ง”
“ถามอะไรคะ”
“คุณวิคเตอร์เขามีน้องสาวใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“มันเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเขาค่ะ”
“แล้วคุณวิคเตอร์เขาบอกคุณกรีนว่ายังไงล่ะ”
“เขาบอกแค่ว่าคู่หมั้นของกรีนทำให้น้องสาวเขาเสียใจแต่กรีนก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะกรีนกับคู่หมั้นไม่ได้สนิทกันเลย เราก็แค่หมั้นหมายตามที่ผู้ใหญ่เคยคุยกันไว้”
“เรื่องนี้ป้าก็พูดไม่ได้เพราะมันเป็นความลับของเจ้านายค่ะ วันนี้คุณวิคเตอร์เขาเดินทางมาเหนื่อยๆ ก็อาจจะยังไม่ตอบคำถามของคุณกรีนแต่ป้าเชื่อว่าถ้าคุณกรีนลองถามเขาในวันที่เขาอารมณ์ดีกว่านี้เขาอาจจะตอบคำถามคุณกรีนก็ได้นะคะ”
“คุณวิคเตอร์ของป้าเขาเคยอารมณ์ดีด้วยเหรอคะ กรีนนึกไม่ออกเลย” หญิงสาวส่ายศีรษะก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
คุณวัชรีเดินออกจากห้องรับแขกไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่กีรติกากับวิคเตอร์เพียงสองคนเท่านั้น“สนุกมากไหมคะที่ทำแบบนี้กับฉัน”“ไม่เลยกรีน ฉันเครียดมากตอนที่หาเธอไม่เจอ ฉันคิดจะขอเธอแต่งงานหลังจากเครื่องเพชรทั้งหมดทำเสร็จแล้ว แต่พอมาเจอเธอวันนี้ก็เลยคิดว่าขอเธอแต่งงานวันนี้น่าจะดีกว่าเพราะฉันไม่อยากให้เธอหนีไปไหนอีกแล้ว”“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าฉันอยู่ที่นี่”“ไม่รู้เลย แม่ไม่เคยบอกอะไรฉัน ที่มาวันนี้ก็เพราะแม่ชวนมากินข้าวและฉันก็อยากจะเอาแหวนมาอวดแม่ด้วย”“จะให้ฉันแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่หลอก ที่ผ่านมาคุณไม่เคยพูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรกับฉันเลย”“ถ้าฉันจะหลอกเธอฉันจะกล้าขอเธอแต่งงานต่อหน้าแม่เหรอกรีน ถึงฉันไม่ใช่คนดีเต็มร้อย แต่ฉันก็คิดว่าฉันทำทุกอย่างก็เพราะฉันรักเธอนะ” เพราะมารดาไม่อยู่แล้วชายหนุ่มก็พูดคำว่ารักออกมา“รักฉันเหรอคะ”“ใช่สิถ้าไม่รักคงไม่ตามตื๊ออยู่แบบนี้หรอก”“ฉันว่าคุณอยากจะเอาชนะฉันมากกว่า”“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันแค่อยากอยู่กับเธออยากใช้ชีวิตกับเธอ”“ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรอกนะคุณวิคเตอร์ เราสองคนต่างกันมาก”“พ่อกับแม่ของฉันก็ต่างกันมากแต่ท่านก็อยู่ด้วยกันอย่างมีคว
เย็นวันนี้ลูกชายของคุณวัชรีจะมาทานอาหารเย็นที่บ้านกีรติกากับป้าบัวโรยและมะลิจึงช่วยกันทำอาหารตั้งแต่บ่ายเมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยกีรติกาก็ขอตัวไปอาบน้ำ ก่อนจะลงมาที่ห้องรับแขกอีกครั้งในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาทานอาหารของคุณวัชรีหญิงสาวเดินลงบันไดมาและเห็นว่าตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งหันหน้าออกไปทางหน้าบ้านกีรติการณ์คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของคุณวัชรี แต่พอเดินอ้อมมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่คือใคร“กรีนเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วิคเตอร์ตกใจมากที่มาเจอหญิงสาวที่นี่“ฉันควรถามคุณมากกว่านะว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้วมาคุยอะไรกับคุณน้า”“เดี๋ยวใจเย็นๆ ก่อนทั้งสองคนเลยหนูกรีนมานั่งกับน้าตรงนี้”“ค่ะน้าหนิง” หญิงสาวเดินไปนั่งคู่กับเจ้าของบ้านแต่สายตาก็จ้องวิคเตอร์อย่างจ้องจับผิดเธอกลัวว่าชายหนุ่มจะมาพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาและก็กลัวว่าคุณวัชรีจะบอกวิคเตอร์เรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่“หนูกับลูกชายน้ารู้จักกันมาก่อนเหรอ”“คนนี้ลูกชายน้าหนิงเหรอคะ”“ใช่จ้ะ น้าไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน”“น้าหนิงไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมคะว่าหนูกับเขารู้จักกัน” หญิงสาวสา
วิคเตอร์เธอยังคงพยายามโทรศัพท์หากีรติกาอยู่ทุกวันแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา เธอจะรับโทรศัพท์ของเขาก็ต่อเมื่อส่งงานมอบงานให้เขาแล้วเท่านั้นแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่หญิงสาวทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเธอส่งไฟล์ให้เขาไม่ถึงห้านาทีชายหนูก็โทรศัพท์กลับมา“กรีนเธอใจร้ายกับฉันมากเลยนะ เราตกลงเป็นแฟนกันแล้วทำไมฉันโทรหาเธอตลอดทั้งสัปดาห์เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันเลย แล้วฉันไปหาที่คอนโดเขาก็บอกว่าเธอไม่อยู่ที่นั่นเธอย้ายไปอยู่ที่ไหนทำไมไม่บอกฉัน เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่าฉันเป็นห่วงเธอมากๆ นะ”“ใจเย็นค่ะคุณวิคเตอร์ถามอะไรมายาวแบบนั้นใครมันจะตอบคำถามคุณทันล่ะคะ” กีรติกาอดขำไม่ได้กับคำถามที่วิคเตอร์ถามรัวมา“ถ้างั้นเอาคำถามนี้ก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน”“ฉันก็ออกแบบงานให้คุณไงคะ งานก็เสร็จแล้วเพิ่งส่งไปเมื่อกี้ ฉันคิดว่าที่คุณโทรหาฉันก็เพราะคุณได้รับงานของฉันแล้วนะคะ”“กรีนเราคงต้องคุยกันอย่างจริงจังนะ”“ก็นี่ไงคะจริงจัง”“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องงานฉันหมายถึงเรื่องระหว่างเรา”“ระหว่างเรามันก็จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ฉันออกมาจากเกาะค่ะและที่ฉันยังติดต่อคุณตอนนี้ก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น
บ้านของคุณวัชรีหลังค่อนข้างใหญ่มีบริเวณบ้านกว้างขวางกีรติกาถูกพามาในห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนของเจ้าของบ้านเพราะเธออยากให้กีรติกามีความเป็นส่วนบ้านหลังนี้มีคนขับรถหนึ่งคนและคนรับใช้อีกสองคนคนหนึ่งชื่อมะลิเป็นหญิงสาวอายุน่าจะประมาณสามสิบปีซึ่งเธอให้กีรติกาเรียกว่าพี่มะลิส่วนอีกคนหนึ่งเป็นมารดาของพี่มะลิชื่อป้าบัวโรยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการทำอาหารเช้านี้กีรติกาตื่นมาก็อาเจียนแต่เช้าแต่ก็พยายามฝืนตัวเองลงมาทานอาหารเพราะไม่อยากให้เจ้าของบ้านเป็นห่วงไปมากกว่านี้“หน้าซีดมากเลยเมื่อเช้าอาเจียนใช่ไหม ถ้าหนูลงมาไม่ไหวก็บอกได้นะ น้าจะให้มะลิเอาอาหารขึ้นไปให้บนห้อง”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอยู่ในห้องมันอุดอู้หนูลงมาแบบนี้อากาศดีๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”“เช้านี้ป้าทำแกงไตปลากับขนมจีนนะคะคุณกรีนทานได้ไหม”“ได้ค่ะของโปรดหนูเลย”“หนูกรีนชอบทานอาหารใต้เหมือนกันใช่ไหม”“ใช่ค่ะหนูว่ารสชาติมันจัดจ้านดี”“แต่หนูอย่าทานเยอะนะอาหารใต้มันเผ็ดมากๆ เดี๋ยวมันจะไม่ดีกับเด็กในท้อง ป้าทำต้มจืดกับผัดผักด้วยนะ แต่ป้าไม่ได้ใส่กระเทียมนะคะเพราะรู้ว่าคนท้องไม่ชอบกินกระเทียมเจียว”“ขอบคุณป้าบัวโรยมากนะคะ
วันนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นกีรติกาแต่งตัวตั้งแต่เช้าเธอสวมสูทสีครีมกับกางเกงสีเดียวกันดูสุภาพกว่าวันปกติมาก เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรอทนายความอยู่บริเวณชั้นล่างของคอนโดเพราะวันนี้ทนายความจะเป็นคนพาเธอไปแนะนำให้กับหุ้นส่วนใหญ่และพนักงานทุกคนได้รู้จักเมื่อไปถึงบริษัทเธอก็ทักทายพนักงานที่พอจะรู้จักกันบ้างจากนั้นก็เข้าไปนั่งรอในห้องประชุมไม่นานนะผู้หญิงดูท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเธอแนะนำตัวเองว่าชื่อวัชรีเป็นนักธุรกิจชาวไทยที่ไปแต่งงานกับสามีชาวต่างชาติการประชุมในวันนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากมายคุณวัชรีอยากให้ทุกคนทำหน้าที่ไปอย่างเดิม ในส่วนของแผนการแผนงานทั้งหมดเธอจะส่งให้ผู้จัดการแต่ละแผนกนำไปปฏิบัติอีกทีหลังเสร็จจากการประชุมแล้วคุณวัชรีก็ขอคุยกับกีรติกาเป็นการส่วนตัวโดยทั้งสองมาคุยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก“คุณวัชรีชอบทานอาหารใต้เหรอคะ”“เราอยู่กันสองคนหนูเรียกฉันว่าน้าหนิงก็ได้”“แต่คุณเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เลยนะคะหนูไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ”“ก็ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในบริษัทนะ น้าเคยมีลูกสาวพอเห็นหนูก็ทำให้รู้สึกคิดถึงลูกสาวมากๆ”“ลูกสาวคุณน้าเธอทำงา
เช้านี้กีรติกาตื่นนอนสายกว่าทุกวันหญิงสาวรู้สึกเวียนศีรษะเป็นอย่างมากพอลุกขึ้นได้ยังไม่ทันจะเดินไปไหนไกลก็วิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อโก่งคออาเจียนอยู่หลายครั้งเธอคิดว่าน่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษแต่พอนึกถึงเมนูที่รับประทานไปเมื่อวานก็นึกไม่ออกเลยว่าเมนูไหนที่จะทำให้เธอเกิดอาการแบบนี้หญิงสาวอาบน้ำแล้วคิดว่าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะไปให้หมอตรวจดูสักหน่อย แต่ขณะที่เปิดลิ้นชักจะหยิบชุดชั้นใน สายตาก็เหลือบไปเห็นถุงผ้าอนามัยที่อยู่ด้านในสุดซึ่งตนเองซื้อมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วแต่ยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเลยสักครั้งกีรติกาหน้าซีดเผือดเมื่อนึกย้อนไปตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษเธอก็เป็นรอบเดือนแค่ครั้งเดียวและหลังจากที่กลับมาจากเกาะแล้วก็ไม่เป็นอีกเลยเธอคิดว่าตนเองไม่น่าจะท้องเพราะครั้งแรกที่มีอะไรกับวิคเตอร์ก็ทานยาคุมฉุกเฉินจากนั้นก็ทานยาคุมกำเนิดมาตลอดจะมีก็แค่ช่วงที่เธอไปอยู่บนเรือสำราญที่ไม่ได้ทานยาถึงสามวันติดแต่พอกลับมาเธอก็รีบทานยาให้ครบจำนวนแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเภสัชกรแล้วเธอก็รู้สึกตัวชาเพราะหากลืมกินยาติดต่อกันนานเกินสามวันโอกาสที่จะตั้งท้องก็มีอยู่มาก“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง” เธอพูดกับ