ช่วงนี้ฉันหมกมุ่นอยู่กับตำราเล่นนั้นมากเหลือเกิน ทุกเย็นเมื่อเลิกงานฉันจะรีบตาลีตาเหลือกกลับคอนโด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบอะไรนักหนา เพราะถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีนัดกับใคร ไม่ต้องคอยทำอาหารปรนนิบัติใครทั้งสิ้น ฉันก็มีเพียงแค่ตัวฉันเองคนเดียว
ขนาดลิลลี่เพื่อนรัก โทรมาชวนออกไปดินเนอร์ (เธอบอกกับฉันแบบนั้น ) ฉันยังบอกปัดเธอไปเลย ว่าช่วงนี้ฉันยุ่ง .. แล้วลิลลี่เพื่อนรักก็สวนกลับทันควัน ว่าฉันไม่มีทางยุ่งได้หรอก
ซึ่งนั่นก็จริง เพราะเธอรู้จักวงเวียนชีวิตอันเรียบง่ายของฉันดี แต่เธอก็ไม่เซ้าซี้ต่อแล้วบอกว่าจะรอให้ฉันออกปากชวนเองก็แล้วกัน
นี่แหละเธอจึงเป็น ลิลลี่เพื่อนรักตลอดกาลของฉัน ตำแหน่งนี้ฉันยกให้เธอคนเดียว
เมื่อมาถึงคอนโดฉันก็เร่งรีบจัดการธุระส่วนตัว ถึงฉันจะอยากฉวยหนังสือออกมานั่งอ่านสักเพียงใด แต่ฉันก็มีนิสัยต้องอาบน้ำก่อนขึ้นเตียงนอนทุกครั้งหลังกลับจากข้างนอก และฉันไม่เคยทำลายกฎที่ฉันสร้างมันขึ้นมาเลยสักครั้ง ฉันรักความสะอาดสุด ๆ บางทีสิ่งนี้อาจจะมาจากการเป็นลูกสาวของคุณหมอทั้งสองก็เป็นได้
เมื่อเรียบร้อยจากการทำความสะอาดร่างกาย และกลิ่นหอมฟุ้งจากครีมอาบน้ำและโลชั่นบำรุงผิว ฉันก็จิ้มสลัดไก่เข้าปากอย่างรวดเร็ว ดื่มนมโอ๊ตไปอีกแก้วใหญ่ เอาล่ะ .. ท้องฉันตึงเป๊ะแล้ว ฉันเร่งเดินไปแปรงฟันตามสเต็ปที่แม่สอนอย่างเคร่งครัด บ้วนปากก็เป็นอันเสร็จพิธี
เดินออกมาหยิบหนังสือที่โต๊ะคอมอย่างระมัดระวังแล้วคลานขึ้นเตียง หวังว่าคืนนี้ฉันจะไม่เผลอหลับไปอีกนะ ฉันเบิกตาให้กว้างขึ้นแล้วเปิดหน้าที่ฉันคั่นเอาไว้อ่านต่อ
ฉันอ่านความหมายของไพ่ทั้ง 78 ใบครบถ้วนหมดแล้ว ฉันคิดว่าฉันจำความหมายได้หมด เพราะฉันจำผ่านการดูรูปภาพหน้าไพ่และเทียบกับความหมาย ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากเย็น
ขณะนี้ถึงบทที่ว่าด้วยการเรียงไพ่ในการทำนาย ..
แล้วฉันก็ฉุกคิดว่า ทำไมฉันถึงไม่หาซื้อไพ่มาครอบครองสักสำรับหนึ่งเสียเลยล่ะ แล้วฉันก็คิดต่อ .. ถ้าพ่อกับแม่รู้ท่านจะผิดหวังในตัวฉันหรือเปล่านะ จึงได้แต่ทอดถอนใจ
ฉันเอนหลังพิงฟูกให้สบายกว่าเดิม เงยหน้ามองเพดานสลับกับโคมไฟ แล้วย้อนกลับมาจ้องที่หน้าหนังสือที่เปิดค้างอยู่ ฉันลูบมันไปมาพลางคิดถึงเรื่องในวันนั้นที่บ้านพี่กิ๊ง
ฉันเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องการผจญภัยแสนประหลาดนั้นให้พี่กิ๊งฟัง ข้อหนึ่ง .. สิ่งที่ฉันพบอาจจะเป็นว่าฉันเผลอหลับฝันไปจริง ๆ
กับข้อสอง .. ถ้าเป็นเรื่องจริง ฉันก็ไม่กล้าเล่าอยู่ดี เพราะไม่รู้ว่ามันมีกฎข้อห้ามอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า ประเภทว่า ถ้าหลุดปากบอกเรื่องเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้น โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฉันอาจจะโดนปีศาจตามรังควานอะไรแบบนั้นก็ได้
บางทีฉันอาจจะอ่านนิยายสยองขวัญมากไปหน่อย แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าฉันจะไม่ต้องเจอปีศาจนี่นา ไม่เอาด้วยหรอก .. ฉันกลัว
ฉันได้แต่ถามพี่กิ๊งว่า ฉันอยู่ในห้องหนังสือนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปไม่นานเท่าไหร่เลย ทั้งที่ฉันผจญภัยไปตั้งเยอะแยะ ตอนขากลับที่พี่กิ๊งยืนส่งฉันอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ฉันทนความสงสัยของตัวเองไม่ไหว จึงถามพี่กิ๊งไปหนึ่งอย่างว่า พี่กิ๊งไม่เคยเปิดหนังสือเล่มนี้อ่านบ้างเลยหรือ ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้
ปรากฏว่าเคย!
ตอนนั้นฉันทำตาโต แต่พี่กิ๊งยังมีท่าทีสงบ ฉันจึงพยายามรักษากิริยาไม่ทำกระโตกกระตากให้ความแตก ฉันถามเรียบ ๆ ไปอีกว่า แล้วเป็นยังไงต่อ ..
พี่กิ๊งมองฉันอย่างฉงน แล้วตอบกลับมาด้วยความขบขันว่า .. ก็ง่วง เพราะมันหนาเกินไป เปิดไปหน้าสองหน้าก็ง่วงนอนแล้ว เลยเก็บเข้าที่เดิม เธอเล่าอย่างอารมณ์ดี
ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว แล้วร่ำลาพี่กิ๊งตรงนั้น จากนั้นก็หอบสมบัติล้ำค่าของคุณยายเล่มนั้นกลับคอนโด โอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนอุ้มทารกน้อย
ถ้าคุณยายอยู่ฉันอาจจะลองถามเธอดู เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นของคุณยาย บางทีคุณยายอาจจะรู้อะไรบางอย่างก็ได้ ฉันละสายตาจากหน้ากระดาษมองตรงไปที่กำแพงสีคาราเมล อบอุ่นของห้องตัวเอง แล้วก็ทอดถอนใจอีกครั้ง
สายตาของฉันเหลือบมองไปที่นาฬิกาติดผนัง เข็มสั้นชี้เลขสามเข็มยาวเลยเลขสองมานิดหน่อย พึ่งสามทุ่มเองเหรอเนี่ย ฉันคิดถึงหัวข้อสนทนาของฉันกับพี่กิ๊งเกี่ยวกับเวลาที่ฉันใช้ไปในห้องหนังสือของคุณยายเมื่อครั้งก่อน มันแค่แป๊บเดียวเองนี่นา ฉันกัดริมฝีปากล่าง ฉันจะทำกิริยาแบบนี้เวลาเกิดอาการชั่งใจ
ในที่สุดฉันก็พลิกหนังสือมาที่ปกหลังจนได้ ฉันหลับตาก่อนที่จะค่อย ๆ จับที่มุมบนของปก สัมผัสได้ถึงความหนาของกระดาษที่ใช้ทำปก ฉันใช้นิ้วเกี่ยวเข้าไปที่ขอบนูนมนของมัน เปิดมันออกด้วยความระวัง ฉันพลิกกระดาษไปที่หน้าสุดท้าย แล้วอ่านมันซ้ำอีกครั้ง
ครั้งนี้ฉันจะอ่านให้ละเอียด และระมัดระวังกว่าเดิม เนื้อความในหน้านั้นเขียนไว้ว่า
ตอนนี้ท่านเดินทางมาจนสุดทางแล้ว ขอให้ท่านกลายเป็นนักพยากรณ์ผู้มีเมตตา เป็นดั่งที่ปรึกษาที่ดีให้แก่เพื่อนมนุษย์ โปรดจงเผยสารจากจักรวาลว่า
“แท้จริงแล้ว ไม่มีความลับใดในโลกที่มนุษย์มิอาจเข้าถึงได้ สิ่งที่เหล่ามนุษย์เฝ้าค้นหามานานนับหมื่นนับพันปี ว่าสิ่งใดหนอจะนำพาให้พวกเขาพบพานกับความสุข มนุษย์กราบไหว้ธรรมชาติทั้งภูเขาและลำธาร กราบไหว้ถึงดวงดาราบนฟากฟ้า และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวเอง แต่แท้จริงแล้วสิ่งนั้นมันอยู่ใกล้มากเหลือเกิน ใกล้เสียจนพวกเขามองมันไม่เห็น เพราะมันนอนนิ่งและหลับใหลอยู่ภายในจิตใจ ไพ่ทาโร่ต์เป็นเพียงสื่อกลางแห่งขุมพลังและจิตวิญญาณของผู้ถูกทำนาย ให้ปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมเท่านั้นเอง”
ทุกสิ่งที่ท่านปรารถนาอยู่ในกำมือของท่านแล้ว
ยินดีต้อนรับ .. สำหรับผู้แสวงหาที่รักตัวหนังสือ
พลังงานอันยิ่งใหญ่จากตัวท่านนั้น เราสัมผัสได้
โปรดอ่านออกเสียงว่า ดินแดนแห่งความหวัง ( และฉันอ่านออกเสียง )
ขอให้โชคดี .. ท่านเพื่อนร่วมทาง
ฉันอ่านมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ เสียงดังฟังชัดกว่าครั้งที่แล้วอย่างมาก เมื่อสิ้นคำของฉันพลันก็เกิดลำแสงสีขาววาบขึ้นต่อหน้าต่อหน้าของฉัน มันจ้าเสียจนฉันต้องยกมือขึ้นป้องดวงตา ห้องของฉันหมุนคว้าง เริ่มจากช้าและเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนฉันจับภาพไม่ได้ จากนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกฉุดกระตุกวูบ!
โอ๊ย!
หลังฉัน .. หลังฉันกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างอีกแล้ว พอฉันพยายามปรับโฟกัสที่ดวงตาได้บ้างแล้ว หันหลังขวับไปหาต้นเหตุที่ทำฉันเจ็บระบม
เสาหินต้นเดิมอีกแล้ว !
นี่ฉันไม่ได้ฝันไปจริง ๆ สินะ ..
ทว่าเสียงแหบเล็กที่ฉันรู้สึกว่าคุณหูก็เอ่ยขึ้น
“สวัสดีขอรับ คุณผู้หญิง
ในที่สุดก็กลับมาจนได้นะขอรับ”
“เดฟ” ฉันเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาพลางหันไปหาต้นเสียง พร้อมกับต้องตะลึงกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า ดวงตาฉันเบิกกว้าง ลมหายใจติดขัดหรือเรียกได้ว่า แทบจะหยุดหายใจ!
สี่ไม้เท้า ห้าถ้วย และสามถ้วย ฉันจ้องมองหน้าไพ่ทาโร่ต์ที่ฉันสั่งมาทางออนไลน์ เพราะในที่สุดฉันก็แพ้ความปรารถนาของตัวเอง เช้านี้หลังจากตื่นมาอย่างสดชื่นแบบไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก เพราะเป็นวันหยุดงานวันแรกของฉัน และพึ่งบอกปฏิเสธการไปทริปครอบครัวที่ญี่ปุ่นกับแม่ไปเรียบร้อย โดยบอกว่าฉันนัดกับลิลลี่เอาไว้ก่อนแล้ว แม่ไม่ตัดพ้อไม่ต่อว่า แม่แค่บอกว่าอยากให้ฉันออกไปท่องเที่ยวบ้าง และพอรู้ว่าฉันมีแผนอยู่แล้วแม่ก็โล่งใจ ตอนนี้ฉันยังไม่มีจิตใจจะไปท่องเที่ยวที่ไหน นอกจากที่นั่นอีกแล้ว .. น้ำเสียงแม่ก็ดูปกติดีบอกว่าคิดถึงฉัน ฉันเองก็คิดถึงท่านทั้งสอง ไว้ฉันจะไปชดเชยให้ทีหลัง จากนั้นฉันจึงนั่งลงทำใจให้สงบแล้วลองจับไพ่ดูบ้าง ฉันทดลองสับไพ่อย่างที่เคยเห็นผู้ทำนายแต่ละคนทำ ดูเหมือนง่ายดายแต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ไพ่ร่วงกราวใบแล้วใบเล่า จนฉันต้องตั้งสติและค่อยเป็นค่อยไป เมื่อสับไพ่ได้จนพอใจแล้ว ฉันก็คลี่ไพ่บนโต๊ะทำงานของฉัน คลี่มันออกเป็นครึ่งวงกลมอย่างที่ฉันเคยเห็นเดฟทำประจำเลย
ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งในเวลาเช้ามืดก่อนนาฬิกาจะปลุกเสียอีก ซึ่งนั่นเป็นที่น่าแปลกใจอยู่มาก เพราะโดยปกติถ้าฉันเข้านอนดึกมากอย่างเมื่อคืนล่ะก็ .. ฉันจะนอนลากยาวแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปจนถึงเที่ยงวัน คงเป็นเพราะขณะนี้หัวใจของฉันว้าวุ่นไปหมด ฉันนึกถึงคำพูดและแววตาห่วงหาอาลัยของเขาอย่างแจ่มชัดทันทีที่ลืมตาตื่น นี่ฉัน .. กำลังคิดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่จริง ๆ เหรอ มันเป็นเรื่องใหญ่และใหม่มากเลย สำหรับผู้หญิงที่มีชีวิตวนเวียนซ้ำซากอย่างฉัน แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ใช่ชายหนุ่มทั่วไป แต่ .. แต่เขา .. เป็นชายที่งดงามที่สุดเลย ฉันขอใช้คำนี้เลยแล้วกันเพราะมันบอกความเป็นท่าน เอเดนได้ตรงใจฉันที่สุดแล้ว ท่าน เอ เดน .. ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ในใจ พลางยิ้มด้วยความเขินอาย เปิดผ้าห่มออกและก้าวขาอย่างมั่นใจไปยังระเบียง เมื่อแหวกเปิดม่านออก บรรยากาศภายนอกสดชื่น โลกของฉันก็มีอากาศแบบนี้ด้วยเหมือนกันนะฉันไม่ยักสังเกต ปกติก็หายใจเข้าออกทุกวันไปอย่างอัตโนมัติไม่เคยได้ฉุกคิด หรือหยุดซาบซึ้งกับอะไรพวกนี้เลย ฉันคิดแล้วสูดมันเข้าไปใ
เมื่อฉันคลายข้อข้องใจลงแล้ว ฉันก็ลองถามคำถามตรงหน้าดูว่าไพ่ทั้งสามใบนั้นหมายถึงอะไร “ไพ่เด็กถือไม้ หมายถึง การริเริ่ม ริรักขอรับ ใบนี้คือ หนึ่งเหรียญ หมายถึงของมีค่า ของรักหรือการพบนางหรือชายในฝัน และใบนี้ใบสุดท้ายคือ สองดาบ หมายถึง ความวิตกกังวล คิดอะไรไม่ถูกมองอะไรไม่ออก สับสนลังเล ขอรับคุณผู้หญิง อยากให้ข้า เอ่ยคำพยากรณ์ออกมาหรือไม่ขอรับ” กระต่ายน้อยถามฉันด้วยอาการมีเลศนัย ฉันอึกอักบอกใบ้ว่าไม่ต้อง พร้อมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ฉันได้ยินเสียงกระถางต้นไม้หล่นลงพื้นบริเวณสวนหน้าบ้าน ท่านเอเดนออกไปทำอะไรเสียนานสองนาน นั่นเขาจะพังสวนของเขาหรือไงกันนะ ฉันคิดพลางลนลานเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วฉันก็พุ่งเป้าไปที่เจ้าของคนเดิมของหนังสือเล่มนั้น ใช่สิ! .. คุณยายล่ะ “ขอถามอีกเรื่องได้มั้ยคะ” ฉันนึกเกรงใจเดฟขึ้นมานิดหน่อย คนรอบตัวฉันบางทีก็แสดงอาการระอาใจกับเรื่องความขี้สงสัย อยากรู้ไปเสียหมดของฉัน ฉันจึงขออนุญาตถามเขาอีกที “ได้เสมอขอรับ คุณผู้หญิง” เดฟสุภาพจนฉันชักจะเกรงใจเขาขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ฉันจะถามแต่คำถ
ราวกับฉันหลุดไปอีกโลกหนึ่งอีกครั้งเสียแล้ว ฉันจะเลิกประหลาดใจกับดินแดนแห่งความหวังแห่งนี้ได้เมื่อไหร่กันนะ วิหารหินและบรรยากาศแสนสดชื่นเมื่อครู่นี้ คล้ายจะธรรมดาไปเลย เมื่อเทียบกับสถานที่ตรงหน้า บ้านเมืองที่นี่ .. จะเรียกว่าไงดี ให้ตายเถอะ .. คุณพระช่วย .. มัน .. ว้าววว!! ฉันปล่อยมือจากการเกาะเกี่ยวบุรุษหนุ่มรูปงาม แล้วหันมาเพลิดเพลินเจริญใจกับสิ่งตรงหน้า ราวกับว่าตัวฉันกำลังหลุดไปอยู่ในเทพนิยายเสียแล้ว สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างจากก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมสีขาวปนครีม แต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์อัสดงฉาบทาก็มองคล้ายเป็นสีทองอร่ามไปทั่ว ตามกำแพงบ้านมีดอกไม้บานสะพรั่งเลื้อยเกาะคลุมไปทั่ว บางจังหวะดอกไม้ก็ยอมเว้นช่วงเผยให้เห็นความงามและความแข็งแกร่งของกำแพงอิฐ ไฟสีทองนวลตาถูกเปิดต้อนรับรัตติกาลแล้วในขณะนี้ มันอาบย้อมบรรยากาศทั้งเมืองให้สว่างไสว คล้ายต้องการส่องสว่างโชว์ให้ที่แห่งนี้นั้น โดดเด่นที่สุดในจักรวาล มันสวยงามจนฉันอ้าปากค้างตกตะลึง เขาทั้งสองเ
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับภาพตรงหน้า จึงรีบหลุบตามองต่ำหัวใจเต้นแรง แล้วก็ทำใจกล้าเหลือบตามองไปยังที่แห่งนั้นอีกครั้ง ชายหนุ่มรูปงาม โอ้ว .. เขารูปงามมาก ๆ ฉันไม่อาจนึกได้เลยว่า เคยเห็นเค้าโครงหน้าและรูปร่างที่งดงามขนาดนี้มาบ้างหรือเปล่า อาจจะเคย .. แต่ก็เป็นเพียงในจินตนาการจากการอ่านนิยายของฉันเท่านั้น แต่นี้ .. มันอะไรกัน เขานั่งคุกเข่าข้างเดียวทำท่าทางเหมือนกำลังคุยปรึกษากับเดฟอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ฉันจะปรากฏกาย ในขณะที่ฉันกำลังใจเต้นระส่ำ ชายคนนั้นก็ยืนขึ้น เขาเองก็จ้องฉันไม่วางตาเช่นกัน เขาคงตกใจและสงสัยแน่นอนว่าฉันเป็นใคร เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำทับด้วยกั๊กสูทสีเทาพอดีตัว และกางเกงขายาวสีดำ ดูเป็นทางการแต่ก็ลำลองในทีอยู่ด้วยเหมือนกัน มันเป็นสไตล์แบบไหนกัน ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องแฟชั่นเท่าไหร่นัก ถ้าเป็นลิลลี่เพื่อนรักล่ะก็เธอต้องรู้แน่ ฉันเหลือบมองตัวเองอยู่ครู่หนึ่งนึกขอบคุณตัวเองมากเหลือเกิน ที่วันนี้ฉันเลือกชุดนอนเป็นชุดกระโปรงสีครีมผ้าสองชั้น ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า แขนเส
ช่วงนี้ฉันหมกมุ่นอยู่กับตำราเล่นนั้นมากเหลือเกิน ทุกเย็นเมื่อเลิกงานฉันจะรีบตาลีตาเหลือกกลับคอนโด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบอะไรนักหนา เพราะถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีนัดกับใคร ไม่ต้องคอยทำอาหารปรนนิบัติใครทั้งสิ้น ฉันก็มีเพียงแค่ตัวฉันเองคนเดียว ขนาดลิลลี่เพื่อนรัก โทรมาชวนออกไปดินเนอร์ (เธอบอกกับฉันแบบนั้น ) ฉันยังบอกปัดเธอไปเลย ว่าช่วงนี้ฉันยุ่ง .. แล้วลิลลี่เพื่อนรักก็สวนกลับทันควัน ว่าฉันไม่มีทางยุ่งได้หรอก ซึ่งนั่นก็จริง เพราะเธอรู้จักวงเวียนชีวิตอันเรียบง่ายของฉันดี แต่เธอก็ไม่เซ้าซี้ต่อแล้วบอกว่าจะรอให้ฉันออกปากชวนเองก็แล้วกัน นี่แหละเธอจึงเป็น ลิลลี่เพื่อนรักตลอดกาลของฉัน ตำแหน่งนี้ฉันยกให้เธอคนเดียว เมื่อมาถึงคอนโดฉันก็เร่งรีบจัดการธุระส่วนตัว ถึงฉันจะอยากฉวยหนังสือออกมานั่งอ่านสักเพียงใด แต่ฉันก็มีนิสัยต้องอาบน้ำก่อนขึ้นเตียงนอนทุกครั้งหลังกลับจากข้างนอก และฉันไม่เคยทำลายกฎที่ฉันสร้างมันขึ้นมาเลยสักครั้ง ฉันรักความสะอาดสุด ๆ บางทีสิ่งนี้อาจจะมาจากการเป็นลูกสาวของคุณหมอทั้งสองก็เป็นได้ เมื่อเร