ฉันหยิบตำราเล่มนั้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าถูกดึงดูด เป็นเพราะปกที่สวยงาม ฟอนต์ตัวอักษรโบราณที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และมันก็เหมือนมีแรงพลังอะไรบางอย่าง ฉันก็เองก็ไม่รู้ได้ แต่ที่สุดแล้วฉันก็ถือหนังสือเล่มนั้นมานั่งที่เก้าอี้นวมกลางห้อง
ฉันนั่งลงอย่างผ่อนคลาย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกโอบกอด รู้สึกว่ากำลังถูกต้อนรับอย่างอบอุ่น ฉันยิ้มให้กับอะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกไปอย่างนั้น นิ้วมือของฉันยังคงลูบไล้ที่หน้าปกอย่างต่อเนื่อง ฉันขออนุญาตคุณยายอีกครั้งในใจแล้วพลิกหน้าปกเปิดออก
กระดาษรองปกก็มีตัวอักษรเดียวกันกับหน้าปกเช่นกัน TAROT กระดาษข้างในมีลักษณะเป็นกระดาษโบราณสีน้ำตาลอ่อนแต่บางจุดก็เข้ม อาจเป็นเพราะเป็นตำราเก่ากระดาษก็แปรสภาพไปตามกาลเวลา แต่คุณยายรักษาหนังสือเอาไว้อย่างดี โดยรวมแล้วจึงถือว่าเป็นตำราเก่าแก่ที่สภาพสมบูรณ์มากทีเดียว
ฉันพลิกหน้าต่อไป โอวว .. ตำนานของไพ่ทาโรต์
ฉันหลับตาสงบนิ่งแล้วนึกอยากหายตัวกลับไปอยู่ที่คอนโดของตัวเองเสียเลยในตอนนี้ ฉันอยากใช้เวลาทั้งค่ำคืนนี้จมไปกับหนังสือเล่มนี้ อยากดื่มด่ำไปกับทุกตัวอักษร มันงดงามมาก และฉันก็สนใจใคร่รู้เหลือเกินแล้ว ยิ่งพลิกไปใจฉันก็ยิ่งเต้นแรงราวกับกำลังจะได้ออกไปผจญภัย ใครเล่าจะรู้ว่าฉันจะรักตัวหนังสือได้ขนาดนี้
ฉันคิดในใจว่า ฉันจะอดใจเอาไว้ก่อนแล้วจะลองขออนุญาตพี่กิ๊งดูว่าจะสามารถนำหนังสือเล่มนี้ กลับไปอ่านในที่ส่วนตัวของฉันได้หรือเปล่า แต่หากพี่กิ๊งปฏิเสธ .. พรุ่งนี้หลังเลิกงานฉันจะกินข้าวมาให้เรียบร้อย พี่กิ๊งจะได้ไม่ต้องรอและฉันก็จะได้ไม่มีห่วงเวลาอ่านด้วย ฉันอยากจะใช้เวลาที่เตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อย เพื่อหนังสือเล่มนี้เลย
โอวว.. คุณยายขาหนูตื่นเต้นมากเลยค่ะ
ฉันได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากข้างล่าง เสียงอุปกรณ์ทำครัวกระทบกันเป็นระยะ แสดงว่าอาหารเย็นยังไม่เสร็จ ฉันจึงตามใจตัวเองอีกหน่อยโดยการพลิกหน้าถัดไป ถัดไป แล้วก็ถัดไป หาหัวข้อที่ฉันพอจะทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
อ่าห้ะ .. ไพ่ทาโร่ต์มีทั้งหมด 78 ใบ
ความหมายของไพ่เมเจอร์
ใบที่ 0 THE FOOL
(ผู้รักอิสระ)ในรูปตรงหน้าฉัน เป็นรูปชายหนุ่มเขาแต่งกายสวยงาม แขนสองข้างอ้าออกจนกว้าง ดูราวกับว่าเขากำลังโอบโลกเอาไว้ทั้งใบ มีไม้ท่อนยาวที่ตรงปลายห้อยกระเป๋าใบเล็กเอาไว้ ในมือซ้ายของเขาถือดอกไม้ ฉันคิดว่ามันมองคล้ายดอกกุหลาบ เขาถือมันไว้หนึ่งดอก ใบหน้าของเขาเงยหงายเป็นอิสระ
ข้างกายของเขามีสุนัขตัวเล็ก ทำท่าทางกระโดดอย่างร่าเริง ทั้งคู่อยู่ที่หน้าผาสูงชันน่าหวาดเสียว เขาดูเป็นนักผจญภัยที่ไม่เกรงกลัวอันตราย สีหน้าดูมั่นใจที่จะออกเดินทางแสวงหาความปรารถนาของตนอย่างเสรีเหลือเกิน
ในบรรทัดถัดมา อธิบายไว้ว่า ชายผู้นี้มีไหวพริบปฏิภาณในด้านการเจรจา เขาเฉลียวฉลาดแต่ไม่จริงจังกับอะไรในชีวิต รักการท่องเที่ยว ชอบเสี่ยง ชอบความท้าทาย เจ้าชู้รักไปเรื่อย ๆ ไม่ผูกมัด รักสนุก มักมีอาชีพเป็นศิลปินเดี่ยว หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับบันเทิงเริงรมย์ หากผู้ใดจับได้ไพ่ใบนี้ อาจได้เกี่ยวข้องกับการเดินทาง การผจญภัย ได้พบเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย ลักษณะนิสัยไพ่ใบนี้คือ สามารถเป็นมิตรกับคนทุกคน
งาน ชอบเป็นผู้ริเริ่ม แต่หนักไม่เอา เบาไม่สู้
เงิน ใช้หมดได้ค่อยหาเอาใหม่
ความรัก เจ้าชู้ รักไปเรื่อย ๆ ไม่ผูกมัด แต่ก็โชคดีในเรื่องรัก เพราะช่างเจรจา
สุขภาพ แข็งแรง
อาชีพ ศิลปินเดี่ยว นักร้อง นักแสดง เปิดสถานเริงรมย์ เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
ฉันจดจำได้ในทันที เพราะฉันชอบการเล่าเรื่องด้วยภาพ ฉันหลงใหลนิทานและตำนาน ฉันตามใจตัวเองต่ออีกนิด โดยการพลิกหน้าถัดไปในทันที
ใบที่Ⅰ THE MAGICIAN(เทพผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน)
ฉันเพ่งพินิจไปที่รูปภาพบนกระดาษ มันเป็นรูปขาวดำแต่ลายเส้นชัดเจน รูปนั้นเป็นรูปชายหนุ่มผมสั้น เขาสวมเสื้อคลุมยาวจรดพื้น เขาดูคล้ายเป็นผู้รู้ ดูเป็นคนมีปัญญาเพราะบนศีรษะของเขามีสัญลักษณ์อินฟินิตี้ลอยอยู่ด้านบน ตรงหน้าของเขามีโต๊ะตั้งอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะนั้นมีถ้วยน้ำรูปทรงสูงสวยงามเหมือนถ้วยในยุคสมัยโบราณวางอยู่ มีดาบเล่มยาวหนึ่งเล่ม เหรียญเงินขนาดใหญ่วางอยู่ด้วย มือของเขาก็ถือคทาชูขึ้นบนฟ้าและอีกข้างชี้ลงที่พื้นดิน มีดอกไม้ประดับอยู่รอบกายของเขาเต็มไปหมด
ลักษณะของผู้มีพรสวรรค์ ในตำรากล่าวไว้อย่างนั้น ตำราเขียนว่า เขาเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน สามารถเรียนรู้สรรพวิทยาทุกแขนงได้อย่างรวดเร็ว เป็นผู้ที่ชอบทดลองสิ่งแปลกใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นในหัวไม่รู้จบสิ้น แต่เป็นประเภทชอบหวั่นไหว ไม่ลงมือทำเอง เรียนอย่างหนึ่งแต่กลับไปทำอีกอย่างหนึ่ง เป็นผู้มีลางสังหรณ์และเหมาะเป็นผู้ทำนาย
งาน มักทำงานสองสิ่งในเวลาเดียวกัน และสามารถทำได้ทั้งที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน
เงิน มีใช้ไม่ขาดมือ
ความรัก ชอบช่วงชิง แอบรักแอบชอบ ฟลุ๊ค ๆ
สุขภาพ แข็งแรงดี
อาชีพ นักประชาสัมพันธ์ เป็นติดต่อเจรจา นักเดินทาง ผู้ทำนายทายทัก
สุดยอดดด .. นี่มัน ขุมทรัพย์ชัด ๆ ฉันชอบมันมาก หลายครั้งหลายคราที่ฉันคิดอยากไปลงเรียนโหราศาสตร์ให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ห้ามใจตัวเองไว้ ฉันคิดว่าเป็นอาจจะเป็นการถลำลึกมากจนเกินไป ถ้าแม่รู้เข้ามีหวังอกแตกตายแน่ ๆ
ฉันเคยเดินด้อม ๆ มอง ๆ แถวชั้นหนังสือเกี่ยวโหราศาสตร์ตามร้านหนังสือมาบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่กล้าหยิบออกมาอ่าน ก็โรคขี้กังวลเกินเหตุของฉันนั่นแหละ กลัวจะมีคนเห็นว่า (เอ๊ะ .. ผู้หญิงคนนั้นหยิบอะไรมาอ่านกันน่ะ) แล้วจะคิดไปว่าฉันเป็นคนงมงาย
ฉันก็เลยพาตัวเองไปดูดวงที่นั่นที่นี่แทน ดูแล้วก็ชอบโดนทักให้เศร้าหมองใจอยู่เรื่อย ๆ แม่หมอพวกนั้นชอบทักว่า ฉันเป็นคนร้างคู่ ดวงฉันไม่มีทางได้พบรักแท้ในชาตินี้ .. พักหลังมานี้ฉันเลยเลิกดู
จนกระทั่งล่าสุดนี่แหละ .. เพราะความอยากมีความรักของฉันแท้ ๆ เลยต้องเข้าไปกำจัดขนอะไรก็ไม่รู้ตามคำทำนาย เมื่อคิดเลยไปถึงเรื่องนั้น ฉันก็ส่ายหน้าแรง ๆ สลัดความคิดที่ทำให้ฉันอับอายขึ้นมาอีก
เสียงทำครัวยังดังอยู่เลย สงสัยวันนี้พี่กิ๊งคงตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ ฉันจะกินให้เกลี้ยงเลยคอยดู ฉันนึกถึงรสชาติอุด้งสูตรของบ้านนี้ และฉันก็ยิ้มออกมา มือมันก็พลิกกระดาษเปิดไปอีกหน้าตามอำเภอใจ ทั้งที่ฉันคิดแล้วว่าจะพอแค่นี้ก่อน
คุณพระ! .. รูปตรงหน้านั้น สวยจนฉันตาค้าง
ใบที่ Ⅱ THE HIGH PRIESTESS
( ราชินีพระจันทร์)
ฉันเพ่งมองรูปของหญิงที่งดงามถูกใจฉันเหลือเกิน ในรูปเธอเป็นหญิงที่มีใบหน้าสื่ออารมณ์ซับซ้อนเข้าใจยาก ดูสงบนิ่งแต่กลับลึกลับน่าค้นหา เธอสวมชุดคล้ายนักบวชหญิง ใช่แล้วเหมือนรูปสลักที่หน้าตู้เก็บหนังสือของคุณยายไม่ผิดแน่ .. ฉันเหลือบตาไปมองที่ตู้อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ คุณยายชอบรูปเดียวกันกับหนูเลยนะคะ ฉันยิ้มอย่างอบอุ่นใจ
ในรูปนี้เธอนั่งอยู่ระหว่างเสาสองต้น เสาสีดำและเสาสีขาวมีตัวอักษร B และ J สลักอยู่บนเสา ด้านหลังของเธอมีผลไม้แขวนอยู่มากมายเต็มไปหมด ฉันจ้องมองอย่างละเอียด มันดูคล้ายผลทับทิมนะฉันคิดว่าอย่างนั้น ในมือของเธอถือกระดาษอยู่ม้วนหนึ่ง เขียนว่า TORA ฉันไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร ทีแรกฉันคิดไปว่าเธอถือหนังสืออยู่ .. ที่แท้ก็เป็นม้วนกระดาษนี่เอง
ในตำราอธิบายต่อว่า ..
สัญลักษณ์ของหญิงอารมณ์ซับซ้อน
อย่างนั้นหรือ? .. ฉันคิดแล้วอ่านต่อ เป็นคนเข้าใจยาก คล้ายเป็นคนสองคนอยู่ในร่างเดียวกัน ฉันขมวดคิ้ว .. เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย หงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์ .. ฉันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ฉันกำลังคิดว่า เธออาจจะกำลังถูกกล่าวหามากเกินไปแล้ว แต่ก็สงบความคิดลงได้ เพราะนี่เป็นตำราฉันต้องเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ สูดหายใจแล้วอ่านต่อ .. แต่เป็นคนรูปสวยรวยเสน่ห์ .. อ่อ ฉันยิ้มอย่างพอใจ เป็นผู้มีลางสังหรณ์เป็นเลิศสามารถรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า มีจิตใจอ่อนไหว มีจินตนาการและความเพ้อฝันสูง
มิน่าเล่า! .. ฉันถึงชอบเธอ
ตำราเขียนต่อว่า เธอชอบหว่านเสน่ห์ให้ชายหนุ่มหลงใหล ทำอย่างไรกันนะ? .. ฉันสงสัยใคร่รู้อีกแล้ว เธอเก็บความลับเก่ง เพราะในตำนานเคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ชายผู้ใดเข้าใกล้เธอเป็นต้องหลงรัก แต่สุดท้ายจะเข้ากันไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจความเป็นเธอที่มีอารมณ์ศิลปะศิลปินสูง
โธ่! .. เธอน่าสงสารเหมือนฉันไม่มีผิด
หญิงที่ได้ไพ่ใบนี้ มักต้องกลายเป็นคนในความลับ เป็นคนรักที่เปิดเผยไม่ได้
ฉันนิ่วหน้าอีกรอบ .. ฉันทวนบรรทัดก่อนหน้าอีกครั้ง
คำว่า “ มัก ” แปลว่าโดยส่วนมาก แต่ก็ไม่เสมอไปร้อยเปอร์เซ็นต์นี่นะ ฉันพึมพำในลำคอ
งาน เกี่ยวกับงานบริการ ศิลปะ ศิลปิน วรรณกรรม
.. มั้ยล่ะ! ถูกใจฉันจริง ๆ
เงิน ได้ลับ ๆ ไม่ขาดมือ .. (ฉันจะเปิดใจให้กว้าง ฉันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน)
รัก คนในเงา รักลับ ๆ ต้องแอบซ่อน ( ฉันหลับตา )
สุขภาพ แข็งแรง
อาชีพ ศิลปิน กวี วรรณกรรม นักประพันธ์ พวกใช้ความคิดจินตนาการ เพ้อฝันสร้างผลงาน
เอาล่ะฉันพอใจแล้ว .. วันนี้ฉันจะพอเท่านี้ก่อนก็ได้ ฉันปิดหนังสือดัง พั่บบบ ..
แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ดลใจให้ฉันเปิดปกหลังออก ฉันพลิกหน้าสุดท้ายอ่านอย่างใจเย็น ความชอบของฉันคงจะหยุดลงไม่ได้ง่าย ๆ สินะ .. ฉันคิดอย่างเข้าใจตัวเองดี
ฉันไล่สายตาไปตามเนื้อความที่เขียนไว้ในหน้าหลังสุด สารจากผู้เขียน .. ฉันอ่านมันในทันที ใครกันนะ? เขาอยากสื่ออะไรหลังจากที่เขียนตำราหนาเตอะและงดงามเล่มนี้กันแน่
เนื้อความกล่าวถึง ความลับของจักรวาลแห่งนี้ ฉันขนลุกไปทั่วร่าง ฉันเองหลงใหลกับดวงดาว สิ่งละพันอันละน้อยในจักรวาลแห่งนี้ ฉันชอบอ่านเรื่องกำเนิดโลก กำเนิดมนุษย์ และคนเราเกิดมาเพื่ออะไร และพวกเรากำลังจะไปที่ไหน ฉันอ่านทุกถ้อยคำของผู้เขียนไปจนท้ายกระดาษ
ยินดีต้อนรับ .. สำหรับผู้ที่รักตัวหนังสือ
พลังงานอันยิ่งใหญ่จากตัวท่านนั้น เราสัมผัสได้
โปรดอ่านออกเสียงว่า ดินแดนแห่งความหวัง ( และฉันอ่านออกเสียงตามเขาไปจริง ๆ )
ขอให้โชคดี .. ท่านเพื่อนร่วมทาง
หลังจากเดินไปส่งเดฟที่บ้านตุ๊กตาของเขาแล้ว ฉันมีโอกาสได้พบลูน่าอีกครั้ง แถมครั้งนี้ได้เจอมาร์คัส เจ้ากระต่ายน้อยซุกซนกระโดดหยองแหยงไปมา รอบตัวฉันและเอเดน “ หวัดดีฮะๆ ” เขาพูดได้! มาร์คัสโดดเดินหน้าถอยหลัง อย่างร่าเริง ลูน่าจับหูสองข้างของลูกชายยกเขาลอยขึ้นอย่างแผ่วเบา อุ้งเท้าน้อยๆ ของเจ้ามาร์คัสยังคงตวัดป่ายไปมากลางอากาศ รอยยิ้มอันสดใสของเขา ช่วยทำให้จิตใจของฉันเบิกบาน แล้วเราทั้งหมดต่างร่ำลากันโดยดี ขณะเดินผ่านรั้วออกมาแล้ว ฉันก็เหลียวมองกลับไปยังที่บ้านกระต่ายหลังน้อยที่น่ารักหลังนั้น ฉันเอ่ยลาพวกเขาในใจอีกครั้งหนึ่ง ‘ลาก่อนค่ะเดฟ’ เอเดนกับฉัน เราเดินกลับมาที่วิหารหินด้วยความเงียบ ฉันรู้สึกปวดมวนในท้อง ไม่รู้ว่าการที่เขาตัดสินใจแบบนี้ มันจะเป็นผลดีกับฉันฝ่ายเดียวหรือเปล่า เขายอมทิ้งชีวิตที่วิเศษสุดของที่นี่ ตามฉันไปอยู่ในโลกที่ฉันเองก็ไม่ได้สันทัด หรือเชี่ยวชาญในการใช้ชีวิตอะไรเลย อยู่ที่นี่เขาจะแข็งแรง มีอายุยืนยาว อยู่ท่ามกลางผู้คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ อากาศก็ดีแสนดี บ้านเมืองงดงามราวเ
เอเดนพาฉันเดินมาตามถนนที่แสงจันทร์ส่องสว่างอาบไล้ไปทั่วอย่างเคย สายลมยามราตรีพัดโชยเย็นสบาย ผมหน้าของเอเดนปลิวลู่ไปด้านข้าง เผยให้เห็นหน้าผากใสเนียน ขนาดมองด้านข้างเขายังงดงามไร้ที่ติเลย ฉันไม่รู้จะหาจุดบกพร่องจากบุรุษหนุ่มผู้นี้ได้จากที่ตรงไหน แล้วเหตุใดฉันจึงได้เป็นผู้หญิงที่โชคดีอะไรอย่างนี้ ฉันกระชับมือที่จับกันกับมือของเอเดนอยู่ให้แน่นขึ้น เขาเองก็บีบมือตอบกลับมา เดินผ่านที่ราบกว้าง ริมทะเลสาบ มองไปสุดสายตาเห็นวิหารหินตั้งสูงเด่นเป็นสง่า เรากำลังจะไปบ้านของเดฟ เอเดนบอกฉันอย่างนั้น “วิหารนั้น เป็นที่ไว้สำหรับทำอะไรเหรอคะ” ฉันว่าจะถามมาตั้งนานแล้ว “อ่อ .. เป็นที่สำหรับต้อนรับผู้มาเยือนน่ะ ลิต้าที่รัก ท่านเองก็มีประสบการณ์จากวิหารนั้นมิใช่หรือ” เอเดนไขข้อข้องใจ “อย่างเดียวเลยเหรอคะ” “เท่านั้นก็เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญเพียงพอ” เขาเอ่ยทุ้มลึกกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ไม่นานนักเราก็ผ่านสวนพันธุ์ไม้ที่เขียวชอุ่ม ที่ที่ฉันพบกับเดฟเป็นครั้งแรก ฉันมองเข้าไปด้วยความรู้สึกท่วมท้น
เพียงคำเดียวที่ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระ จากความทุกข์ทรมานทั้งปวง คำคำนั้นคือ “ รัก ” ซอโฟครีส นักเขียนบทละครชาวกรีก ฉันยกหูโทรศัพท์โทรหาแม่ รอสายอยู่นานสายก็ตัดไป ฉันนั่งเอนหลังพิงพนักที่มีเบาะบุขนรูปหน้าแมวสีชมพูอย่างสับสนในจิตใจ ฉันกำลังตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่กับเอเดนที่โลกแห่งความหวังนั่นดีหรือเปล่า .. ทำไมจะไม่ดีล่ะ? .. เสียงในหัวของฉันดังขัดขึ้นมากลางปล้อง ก็เพราะฉันมีพ่อมีแม่อยู่ที่นี่ยังไงล่ะ ไหนจะลิลลี่เพื่อนรักของฉันอีก ฉันโต้เธอกลับไป ขณะเอานิ้วนวดขมับ เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น แพทย์หญิงผู้เพียบพร้อมของฉันโทรกลับมาหา “ไงลูกรัก” แม่ฉันกรอกเ
ฉันถูกแรงมหาศาลสลัดเหวี่ยงลงบนเตียงนอน หัวอยู่ปลายเตียง ขาฉันฟาดเข้ากับหมอนอิงใบใหญ่ โชคดีที่ไม่โดนหัวเตียงเพราะห่างจากปลายเท้าของฉันเพียงเส้นยาแดงเท่านั้น ครั้งนี้ฉันรู้สึกว่า ฉันเดินทางไปอยู่ที่นั่นนานกว่าทุกครั้ง แถมครั้งนี้ไปค้างคืนมาเสียด้วย จิตใต้สำนึกบอกให้ฉันลุกขึ้นไปคว้าโทรศัพท์มาเช็กดู เผื่อว่าฉันพลาดอะไรที่สำคัญไปหรือเปล่า ฉันปัดเปิดหน้าจออย่างชำนาญ เห็นข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอยู่สามสี่ข้อความ จากแม่ .. เป็นข้อความสวัสดีปีใหม่ จากพ่อ .. ข้อความเช่นเดียวกัน ถัดมาเป็นคนคุยคนเก่าที่ทิ้งฉันไปได้หลายปีแล้ว ส่งสติ๊กเกอร์มาทำไมฉันอ่านและลบออกทันที ส่วนข้อความสุดท้ายมาจากลิลลี่เพื่อนรัก ‘วันหยุดนี้ ทำอะไร ? โทรไปก็ไม่รับ โทรกลับมาด้วยนะ’ ฉันอ่านพลางจินตนาการน้ำเสียงประชดประชัน แต่จริงใจของ ลิลลี่เพื่อนรักของฉัน ฉันอยากโทรไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังใจจะขาด แต่มันทำไม่ได้ ฉันอยากพาเธอกับครอบครัวไปอยู่ด้วยกันที่โลกแห่งความหวัง แต่ก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน เหนื่อยจัง ..
“นางเป็นน้องสาวของลุคน่ะ ลิต้าที่รัก นางจิตใจดีและมีน้ำใจมากทีเดียว” เอเดนตอบคำถามของฉันอีกครั้ง “อ่อ ค่ะ” ฉันพึมพำ “เราขออย่างเดิม สามที่นะลุค ขอบใจ” เอเดนกล่าว “ไม่นานเกินรอ ท่านทั้งหลาย” หนุ่มรูปหล่อคนใหม่หายเข้าไปหลังบาร์ ฉันมองไปรอบร้าน ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยมีเพียงแต่พวกเราเท่านั้น เสียงกระดิ่งประตูหน้าดังขึ้น ลมเย็นพัดโบกเข้ามา หญิงสาวหน้าตาสวยสะดุด กระโปรงสีเขียวมิ้นท์ของเธอปลิวไสวในสายลม ผมสีทองมวยต่ำ ตาสีฟ้าโตลึกคมเข้ม ฉบับสาวฝรั่งในนิตยสาร “เอเดน .. เดฟ อะไรดลใจท่านงั้นหรือ” เธอพูดจงใจมองหน้าเอเดน และฉันแปลมันออกทุกคำเลย “เจซี่ สวัสดี” เอเดนทักทายสุภาพ อ่อ! .. สาวงามคนนี้นี่เอง “สวัสดีขอรับ คุณผู้หญิง” กระต่ายน้อยที่นั่งอยู่ข้างซ้ายติดกระจกร้านเอ่ยทักทาย “ท่านหายไปนานเหลือเกิน ลุคกับข้าคิดว่าท่านทำตัวห่างเหิน” เจซี่พูดพลางไล่สายตามาหยุดอยู่ที่ฉัน เอเดนยิ้มรักษากิริยา เขาสง่างามเสมอเลย “โอ้ว .. ข้าไม่ทันสังเกตให้ดี ขออภัย
เช้านี้ฉันลืมตาขึ้นมามองเห็นห้องที่ไม่คุ้นตา ฉันพลิกตัวนอนหงายอย่างเร็วและแรงมาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมากองอยู่นอกอก ฉันจับมันเอาไว้พยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองอย่างยากลำบาก กว่าฉันจะระลึกชาติได้ว่าฉันนอนอยู่ที่ไหน และเมื่อคืนก่อนนอนฉันทำอะไรไปบ้าง เสียงมือจับประตูห้องนอนก็ถูกขยับกึกกัก ประตูเปิดผางออก ภาพงดงามปรากฏขึ้นตรงหน้า “สวัสดี .. จวนเที่ยงแล้ว ข้ากำลังจะเข้ามาปลุกท่านอยู่พอดีลิต้าที่รัก หลับอย่างเป็นสุขดีหรือไม่เมื่อคืนนี้” เอเดนสาวเท้าเข้ามาใกล้ฉันที่เตียงนอน “อย่าพึ่งเข้ามานะคะ” ฉันยกมือขึ้นห้ามเขา “ .. ” เขาหยุดกึก เลิกคิ้วอย่าฉงนใจ “ห้องน้ำอยู่ไหนคะ ฉัน .. อยากเข้าห้องน้ำ” “อ่อ .. เชิญทางนี้” เอเดนผายมือ และเดินนำฉันออกมาทางประตู เลี้ยวซ้ายตรงไปอีกนิดหน่อยก็ถึงห้องหนึ่งที่ประตูปิดสนิท คงเป็นห้องน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย ฉันเปิดและรีบแทรกตัวเข้าไปในนั้น ตามด้วยหันหลังกลับมาปิดประตูทันที “เดี๋ยวฉันตามลงไปนะคะ” ฉันตะโกน ฉันจะตะโกนทำไมเนี่ย เวลารู้สึกก