หน้าหลัก / โรแมนติก / ทาโร่ต์ ทำนายรัก / บบที่ 5 สวัสดี .. คุณผู้หญิง

แชร์

บบที่ 5 สวัสดี .. คุณผู้หญิง

ผู้เขียน: PIMCHADA W.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-11 12:32:23

         

             นั่นอะไรน่ะ! ..

             ลำแสงสว่างแวบขึ้นตรงหน้าของฉัน  แสงนั้นจ้าขึ้นแรงมากเสียจนฉันต้องหรี่เปลือกตาลงตามสัญชาตญาณ  พลันเสียงเพลงในบ้านที่เปิดก้องทั่วบ้านอยู่เมื่อครู่นี้ก็เงียบหายไป  ฉันรู้สึกว่าบ้านกำลังหมุน  นี่ฉันหิวจนจะเป็นลมไปแล้วหรือไงนะ  ฉันยังไม่รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น  แล้วจู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็กระตุกวูบ  ฉุดฉันผงะถอยหลังอย่างแรง  หลังฉันชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่แข็ง  แข็งมาก  ๆ ..

             โอ๊ย!!  ฉันร้องลั่น  มันไม่ใช่เบาะนวมที่ฉันนั่งอยู่หรือ  ถ้าเป็นเบาะที่ฉันนั่งมันต้องนุ่มสิ 

            แต่นี่มัน  ..  เสาหิน!

            ตาฉันเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก  เกิดอะไรขึ้น!  แล้วห้องหนังสือของคุณยายหายไปไหนเสียแล้ว  เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉัน  หรือฉันเป็นลมไปแล้วจริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันกำลังแหวกว่ายอยู่ในความฝันอย่างนั้นหรือ 

            ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างหวั่นใจ  สถานที่แห่งนี้งดงามราวกับความฝันจริงเสียด้วย  ที่ที่ฉันยืนอยู่ลักษณะเหมือนวิหารหินอ่อน  มันใหญ่โตมโหฬารมาก ๆ  มากกว่าที่ไหน ๆ ที่ฉันเคยอ่านหรือว่าพบเจอมาก่อน 

            ที่แห่งนี้  ให้ความรู้สึกเงียบสงบแต่ไม่วังเวง  ใจฉันที่เต้นแรงในตอนแรกนั้น  จู่ ๆ มันก็ลดระดับความตื่นตระหนกลงไปมากโข  มันสงบเสียจนฉันแปลกใจ  ราวกับว่ามันอยู่นอกเหนือคำสั่งของฉันไปโดยสิ้นเชิง   

            วิหารหินแห่งนี้  เป็นทางทอดยาวไปไกลจนสุดสายตา ด้านข้างมีเสาหินต้นใหญ่เรียงต่อกันเป็นแนวยาวเรื่อยไปตลอดทาง  เสาแต่ละต้นมีรูปปั้นประจำเสาแตกต่างกันออกไป  มันสูงจนฉันยังไม่ได้เพ่งพินิจให้ดีว่ามันเป็นรูปร่างอะไรกันแน่ 

            ที่นี่ที่ไหน  ไม่มีคนอยู่เลยอย่างนั้นหรือ?  ..

            “ สวัสดีค่ะ  เอ่อ ..  มีใครอยู่มั้ยคะ? ”  ฉันไม่รู้ว่าฉันเอ่ยถามไปกับใคร  และไม่รู้ว่าฉันหวังจะได้ยินอะไรตอบกลับมาหรือเปล่า  การที่มันยังคงเงียบงันอยู่อย่างนี้  กับการมีเสียงใครบางคนตอบกลับมา  อันไหนฉันจะสบายใจมากกว่ากันนะ  ..

            ฉันยังนึกสงสัย .. 

            แต่ไม่ทันได้หาคำตอบในใจตัวเอง  ฉันก็ก้าวขาออกเดินไปข้างหน้าเป็นก้าวแรก

            ทุกอย่างเงียบสงบ  ไม่มีแม้แต่เสียงใบไม้ไหว  หรือเสียงแมลงสักนิดก็ไม่มีเลย  ฉันลองหยิกตัวเองที่ท้องแขนดูสักครั้ง 

             โอ๊ย .. เจ็บชะมัดเลย

            แล้วพลันนึกได้ว่าตอนขามาฉันก็เจ็บพอดูอยู่แล้ว  นั่นทำให้ฉันหัวเสียขึ้นมานิดหน่อย  ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่  ขาฉันก็ก้าวไกลออกไปเรื่อย ๆ  ข้างกายยังคงเป็นเสาหินต้นใหญ่ทอดยาว  พื้นที่ฉันเหยียบอยู่ขณะนี้ก็เป็นหินอ่อนที่มีลวดลายผสมผสานงดงามยิ่งนัก 

            สายลมอ่อนโชยแผ่วมากระทบแก้มของฉัน  มันพัดพาเอาความสดชื่นอย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนมากับมันด้วย  ฉันตั้งใจจะสูดลมหายใจให้ลึกที่สุด  อยากเก็บอากาศบริสุทธิ์เช่นนี้เอาไว้ให้มากที่สุดเลย  โดยลืมไปว่าพอฉันหายใจออกมันก็หายไปแล้ว  .. เสียดายจริง

            ฉันมองลอดระหว่างเสาหินออกไปทางขวามือ  มองเห็นว่ามีสวนไม้ประดับสีเขียวชอุ่มอยู่ด้วย  ฉันจึงไม่ลังเลเดินตัดผ่านช่องเสาหินออกไปที่สวนแห่งนั้นทันที 

            ฉันก้าวลงไปที่พื้นดิน  จะว่าเป็นพื้นดินก็ไม่ถูกนัก  เพราะมันถูกปูทับด้วยหินกรวดสีขาวเม็ดเล็ก  ละเอียดมาก  เม็ดของมันไม่ได้เล็กเท่ากับเม็ดทราย  แต่ก็ละเอียดกว่ากรวดที่ฉันเคยเห็นมาทั้งชีวิต  พอรองเท้าของฉันสัมผัสลงไปบนกรวด  มันกลับนุ่มเหมือนไม่ใช่กรวด  ฉันลองขยี้รองเท้าดูเล็กน้อย  .. แต่มันไม่เกิดเสียงอะไรเลย 

            เป็นไปได้หรือ?  .. เหยียบไปบนกรวดแล้วกลับไม่มีเสียงของแข็งบดกัน

            ฉันฉงนใจถึงกับเอียงคอ  จังหวะนั้นฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังแว่วออกมาจากด้านในสวนแห่งนั้น  ฉันมองตามต้นเสียงนั้นไป   ยังไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตสักชนิดเลยในบริเวณรัศมีรอบกายฉัน  เดินลึกเข้าไปในสวน  มีไม้ยืนต้นสูงตระหง่าน  ใบไม้เขียวขจีไปทั่วสวน 

            มีพันธุ์ไม้เลื้อยที่ฉันไม่รู้จักอีกหลากหลายสายพันธุ์  การที่ฉันไม่รู้จักพันธุ์ไม้มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่นักหรอก  ฉันเป็นประเภทลงมือปลูกอะไรก็ตายเกลี้ยง  ฉันจึงสรุปว่าฉันไม่เหมาะจะดูแลพวกมัน  แต่นั่นไม่ได้แปลว่าฉันไม่ชอบต้นไม้นะ 

            ฉันแค่มือร้อนน่ะ .. มือร้อน 

            ฉันกวาดตามองไปทั่ว  พยายามเงี่ยหูฟังหาที่มาของ เสียงให้ได้  คิดในใจว่าจะลองส่งเสียงดูอีกสักครั้งดีมั้ย?  .. 

            แต่สัญชาตญาณการป้องกันตนเองของมนุษย์บอกฉันว่า 

อย่าดีกว่า        

            ฉันจึงเดินไปเงียบ ๆ  ตั้งใจจะรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าเสียงนั้นมาจากตัวอะไร  หรือใครกันแน่  ก่อนที่ฉันจะแสดงตัวให้อีกฝ่ายได้รับรู้

            ยิ่งเดินลึกเข้าไป  ฉันยิ่งได้ยินต้นเสียงชัดขึ้น  ชัดขึ้น .. มันฟังดูเหมือนเสียงกระดาษแข็งกรีดกระทบกัน  เอ๊ะ! .. หรือเสียงกระพือปีก  เสียงอะไรกันแน่นะ  ฉันย่องเข้าไปอีก 

             ดีที่หินกรวดใต้รองเท้าของฉันไม่ส่งเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อย  แถมยังนุ่มเท้าเสียจนฉันต้องคอยมองว่า  ฉันเหยียบอยู่บนมันแน่หรือ  แต่ถึงจะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาอย่างไร  ฉันก็ยังคงเดินย่องราวกับเป็นแมวขโมย  ถ้าบังเอิญมีใครมาเห็นเข้าคงต้องคิดอย่างนั้นไม่ผิดแน่

            ลมพัดผมฉันปลิวไสว  มันชื่นใจมากจนฉันแทบอยากนั่งลงแล้วเอนกายพักผ่อนเสียให้ชุ่มปอด 

             ลมอะไรหนอ  ..  ถึงได้ชื่นใจอย่างนี้ 

            อากาศก็แสนจะเย็นสบาย  เวลาลมพัดมามันก็หอบเอากลิ่นของใบไม้ใบหญ้า  กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มาด้วย  ฉันแทบอยากพนมมือขอให้เวลาหยุดเดิน  แล้วขอซึมซับกับความสวยสดงดงามของธรรมชาติแห่งนี้ไปตราบนานเท่านาน

            ระหว่างที่ฉันเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัวของฉันอยู่  ขาของฉันก็ยังคงก้าวต่อไป  ฉันเห็นว่ามีกำแพงต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งขวางทางอยู่  ฉันจึงเดินเบนออกขวาไปอีกเล็กน้อย  พบว่ามีช่องทางเดินเข้าไปยังที่ใดที่หนึ่งหลังกำแพงนั้น

            เสียงตีปีก  พึ่บพั่บ  .. ยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง  ขาฉันรู้ใจมันเดินย่องเบามากขึ้นกว่าเดิม  หัวใจของฉันในสถานการณ์แบบนี้มันควรเต้นระส่ำไม่ใช่หรือ  แต่มันกลับสงบนิ่ง  ราวกับว่ามันกำลังบอกให้ฉันรู้ว่า  ฉันจะปลอดภัย 

            ฉันเอื้อมมือจับไปที่ขอบกำแพงต้นไม้นั้น  ยื่นหน้าเข้าไปดูว่าต้นเสียงที่ทำให้ฉันฉงนใจนั้นมาจากไหนกันแน่ 

           

            แล้วฉันก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง !!

            กระต่ายน้อยหูตั้งยาว  มีขนสีขาวทั่วตัว  สวมชุดทำจากผ้าขนนุ่มนิ่มสีน้ำตาลคลุมยาวทั้งแขนและขา  นั่งตัวตรงเป๊ะ  หันหลังกำลังทำอะไรบางอย่าง  แขนสองข้างของกระต่ายน้อยเข้าแล้วออก-เข้าแล้วออกเสียงดัง  ฟึ่บ ๆ ๆๆๆ  ตลอดเวลา 

            ฉันเบิกตาโพลง  กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  แม้ว่าในคอจะแห้งผากแต่ฉันก็พยายามกลืนมันซ้ำแล้วซ้ำอีก  เสียงในหัวบอกฉันว่า  กระต่ายเป็นสัตว์โลกน่ารัก  ไม่มีพิษมีภัย  ฉันจึงทำใจดีเข้าไว้แล้วกระแอมออกไปเล็กน้อย

            “ เอ่อ ..  ส  สวัสดีค่ะ ” ฉันพยายามทำเสียงให้เป็นมิตรที่สุดแล้ว  ฉันบ้ามั้ยล่ะ .. ฉันกำลังพูดกับกระต่าย! 

            ก็จะให้ทำอะไรได้อีก  ฉันคงอ่านนิยายแฟนตาซีมากไปหรือบางทีอาจจะหวังลึก ๆ ในใจว่า  เจ้าของเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้อาจจะกำลังซุ่มดูฉันอยู่ก็เป็นได้นี่นา  ตอนนี้อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ

            สิ้นเสียงของฉันกระต่ายน้อยก็หยุดมือ  มันหยุดกระทำบางสิ่งที่กระทำมาตลอดตั้งแต่ฉันเดินตามเสียงมา  แล้วบรรจงวางบางสิ่งลงไปที่โต๊ะม้าหินตรงหน้ามัน  ฉันเดินอ้อมไปทางด้านหน้า  มันไม่เงยหน้าขึ้นมามองดูฉันเลยแม้สักนิด  ยังคงบรรจงวางบางสิ่งลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง

            เมื่อฉันเดินมาประจันหน้าแล้ว  ฉันก็ผงะ .. เพราะสิ่งที่เจ้ากระต่ายน้อยบรรจงวางลงไปนั้นเป็น  ไพ่ทาโร่ต์  3  ใบ

            ฉันงุนงงเป็นที่สุด  ขยับขาเข้าไปใกล้  แล้วก็ต้องหยุด ชะงักเมื่อมันเอ่ยขึ้นมาในความเงียบระหว่างเรา

            “ เดอะสตาร์  เลิฟเวอร์  สองถ้วย ” เจ้าตัวน้อยกล่าวเสียงแหบเล็ก   สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าไพ่  ทำราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีความสำคัญนัก

           นั่นมันพูดเป็นภาษาอะไรน่ะ! ..  ฉันไม่เคยได้ยินภาษาแบบนี้มาก่อน  แล้วทำไมฉันถึงเข้าใจและแปลมันได้ทุกคำเลย

            มันพูดได้!

            เข่าฉันสั่นกึก ๆ  ฉันควรพูดอะไรมั้ย  หรือควรจะเงียบไว้อย่างเดิม  หรือหันหลังแล้วรีบใส่เกียร์หมาดี 

            ขณะฉันกำลังค้นหาคำตอบอยู่ในใจ 

            เจ้ากระต่ายก็เอ่ยขึ้นมาอีก

            “ ตาต้องตาสบพักตร์    โอ้ความรักที่รอคอย

             ดารารายเคลื่อนคล้อย  คู่แท้พลอยพานพบเอย ”

            สิ้นเสียงแหบเล็ก  เจ้ากระต่ายน้อยก็เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยดวงตาวาวเป็นประกาย  ตาของมันกลมโต  บ๊องแบ๊วน่ารักเสียจนฉันเผลอส่งยิ้มออกไปให้  มันยิ้มตอบฉันกลับมาอย่างน่าเอ็นดู  ชั่วอึดใจเจ้ากระต่ายยืนขึ้น  พลางค้อมหัวให้เล็กน้อยและผายมือออก  พร้อมเอ่ยเสียงดังฟังชัด

            “ สวัสดีขอรับ  .. คุณผู้หญิง

             ขอต้อนรับสู่  ดินแดนแห่งความหวัง ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทาโร่ต์ ทำนายรัก   บทที่ 15 แรงดึงดูด

    สี่ไม้เท้า ห้าถ้วย และสามถ้วย ฉันจ้องมองหน้าไพ่ทาโร่ต์ที่ฉันสั่งมาทางออนไลน์ เพราะในที่สุดฉันก็แพ้ความปรารถนาของตัวเอง เช้านี้หลังจากตื่นมาอย่างสดชื่นแบบไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก เพราะเป็นวันหยุดงานวันแรกของฉัน และพึ่งบอกปฏิเสธการไปทริปครอบครัวที่ญี่ปุ่นกับแม่ไปเรียบร้อย โดยบอกว่าฉันนัดกับลิลลี่เอาไว้ก่อนแล้ว แม่ไม่ตัดพ้อไม่ต่อว่า แม่แค่บอกว่าอยากให้ฉันออกไปท่องเที่ยวบ้าง และพอรู้ว่าฉันมีแผนอยู่แล้วแม่ก็โล่งใจ ตอนนี้ฉันยังไม่มีจิตใจจะไปท่องเที่ยวที่ไหน นอกจากที่นั่นอีกแล้ว .. น้ำเสียงแม่ก็ดูปกติดีบอกว่าคิดถึงฉัน ฉันเองก็คิดถึงท่านทั้งสอง ไว้ฉันจะไปชดเชยให้ทีหลัง จากนั้นฉันจึงนั่งลงทำใจให้สงบแล้วลองจับไพ่ดูบ้าง ฉันทดลองสับไพ่อย่างที่เคยเห็นผู้ทำนายแต่ละคนทำ ดูเหมือนง่ายดายแต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ไพ่ร่วงกราวใบแล้วใบเล่า จนฉันต้องตั้งสติและค่อยเป็นค่อยไป เมื่อสับไพ่ได้จนพอใจแล้ว ฉันก็คลี่ไพ่บนโต๊ะทำงานของฉัน คลี่มันออกเป็นครึ่งวงกลมอย่างที่ฉันเคยเห็นเดฟทำประจำเลย

  • ทาโร่ต์ ทำนายรัก   บทที่ 14 วันหยุดราชการ

    ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งในเวลาเช้ามืดก่อนนาฬิกาจะปลุกเสียอีก ซึ่งนั่นเป็นที่น่าแปลกใจอยู่มาก เพราะโดยปกติถ้าฉันเข้านอนดึกมากอย่างเมื่อคืนล่ะก็ .. ฉันจะนอนลากยาวแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปจนถึงเที่ยงวัน คงเป็นเพราะขณะนี้หัวใจของฉันว้าวุ่นไปหมด ฉันนึกถึงคำพูดและแววตาห่วงหาอาลัยของเขาอย่างแจ่มชัดทันทีที่ลืมตาตื่น นี่ฉัน .. กำลังคิดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่จริง ๆ เหรอ มันเป็นเรื่องใหญ่และใหม่มากเลย สำหรับผู้หญิงที่มีชีวิตวนเวียนซ้ำซากอย่างฉัน แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ใช่ชายหนุ่มทั่วไป แต่ .. แต่เขา .. เป็นชายที่งดงามที่สุดเลย ฉันขอใช้คำนี้เลยแล้วกันเพราะมันบอกความเป็นท่าน เอเดนได้ตรงใจฉันที่สุดแล้ว ท่าน เอ เดน .. ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ในใจ พลางยิ้มด้วยความเขินอาย เปิดผ้าห่มออกและก้าวขาอย่างมั่นใจไปยังระเบียง เมื่อแหวกเปิดม่านออก บรรยากาศภายนอกสดชื่น โลกของฉันก็มีอากาศแบบนี้ด้วยเหมือนกันนะฉันไม่ยักสังเกต ปกติก็หายใจเข้าออกทุกวันไปอย่างอัตโนมัติไม่เคยได้ฉุกคิด หรือหยุดซาบซึ้งกับอะไรพวกนี้เลย ฉันคิดแล้วสูดมันเข้าไปใ

  • ทาโร่ต์ ทำนายรัก   บทที่ 13 แล้วท่านจะมาอีกมั้ย

    เมื่อฉันคลายข้อข้องใจลงแล้ว ฉันก็ลองถามคำถามตรงหน้าดูว่าไพ่ทั้งสามใบนั้นหมายถึงอะไร “ไพ่เด็กถือไม้ หมายถึง การริเริ่ม ริรักขอรับ ใบนี้คือ หนึ่งเหรียญ หมายถึงของมีค่า ของรักหรือการพบนางหรือชายในฝัน และใบนี้ใบสุดท้ายคือ สองดาบ หมายถึง ความวิตกกังวล คิดอะไรไม่ถูกมองอะไรไม่ออก สับสนลังเล ขอรับคุณผู้หญิง อยากให้ข้า เอ่ยคำพยากรณ์ออกมาหรือไม่ขอรับ” กระต่ายน้อยถามฉันด้วยอาการมีเลศนัย ฉันอึกอักบอกใบ้ว่าไม่ต้อง พร้อมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ฉันได้ยินเสียงกระถางต้นไม้หล่นลงพื้นบริเวณสวนหน้าบ้าน ท่านเอเดนออกไปทำอะไรเสียนานสองนาน นั่นเขาจะพังสวนของเขาหรือไงกันนะ ฉันคิดพลางลนลานเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วฉันก็พุ่งเป้าไปที่เจ้าของคนเดิมของหนังสือเล่มนั้น ใช่สิ! .. คุณยายล่ะ “ขอถามอีกเรื่องได้มั้ยคะ” ฉันนึกเกรงใจเดฟขึ้นมานิดหน่อย คนรอบตัวฉันบางทีก็แสดงอาการระอาใจกับเรื่องความขี้สงสัย อยากรู้ไปเสียหมดของฉัน ฉันจึงขออนุญาตถามเขาอีกที “ได้เสมอขอรับ คุณผู้หญิง” เดฟสุภาพจนฉันชักจะเกรงใจเขาขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ฉันจะถามแต่คำถ

  • ทาโร่ต์ ทำนายรัก   บทที่ 12 โลกของคุณ

    ราวกับฉันหลุดไปอีกโลกหนึ่งอีกครั้งเสียแล้ว ฉันจะเลิกประหลาดใจกับดินแดนแห่งความหวังแห่งนี้ได้เมื่อไหร่กันนะ วิหารหินและบรรยากาศแสนสดชื่นเมื่อครู่นี้ คล้ายจะธรรมดาไปเลย เมื่อเทียบกับสถานที่ตรงหน้า บ้านเมืองที่นี่ .. จะเรียกว่าไงดี ให้ตายเถอะ .. คุณพระช่วย .. มัน .. ว้าววว!! ฉันปล่อยมือจากการเกาะเกี่ยวบุรุษหนุ่มรูปงาม แล้วหันมาเพลิดเพลินเจริญใจกับสิ่งตรงหน้า ราวกับว่าตัวฉันกำลังหลุดไปอยู่ในเทพนิยายเสียแล้ว สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างจากก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมสีขาวปนครีม แต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์อัสดงฉาบทาก็มองคล้ายเป็นสีทองอร่ามไปทั่ว ตามกำแพงบ้านมีดอกไม้บานสะพรั่งเลื้อยเกาะคลุมไปทั่ว บางจังหวะดอกไม้ก็ยอมเว้นช่วงเผยให้เห็นความงามและความแข็งแกร่งของกำแพงอิฐ ไฟสีทองนวลตาถูกเปิดต้อนรับรัตติกาลแล้วในขณะนี้ มันอาบย้อมบรรยากาศทั้งเมืองให้สว่างไสว คล้ายต้องการส่องสว่างโชว์ให้ที่แห่งนี้นั้น โดดเด่นที่สุดในจักรวาล มันสวยงามจนฉันอ้าปากค้างตกตะลึง เขาทั้งสองเ

  • ทาโร่ต์ ทำนายรัก   บทที่ 11 เอ่อ .. สวัสดีค่ะ

    ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับภาพตรงหน้า จึงรีบหลุบตามองต่ำหัวใจเต้นแรง แล้วก็ทำใจกล้าเหลือบตามองไปยังที่แห่งนั้นอีกครั้ง ชายหนุ่มรูปงาม โอ้ว .. เขารูปงามมาก ๆ ฉันไม่อาจนึกได้เลยว่า เคยเห็นเค้าโครงหน้าและรูปร่างที่งดงามขนาดนี้มาบ้างหรือเปล่า อาจจะเคย .. แต่ก็เป็นเพียงในจินตนาการจากการอ่านนิยายของฉันเท่านั้น แต่นี้ .. มันอะไรกัน เขานั่งคุกเข่าข้างเดียวทำท่าทางเหมือนกำลังคุยปรึกษากับเดฟอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ฉันจะปรากฏกาย ในขณะที่ฉันกำลังใจเต้นระส่ำ ชายคนนั้นก็ยืนขึ้น เขาเองก็จ้องฉันไม่วางตาเช่นกัน เขาคงตกใจและสงสัยแน่นอนว่าฉันเป็นใคร เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำทับด้วยกั๊กสูทสีเทาพอดีตัว และกางเกงขายาวสีดำ ดูเป็นทางการแต่ก็ลำลองในทีอยู่ด้วยเหมือนกัน มันเป็นสไตล์แบบไหนกัน ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องแฟชั่นเท่าไหร่นัก ถ้าเป็นลิลลี่เพื่อนรักล่ะก็เธอต้องรู้แน่ ฉันเหลือบมองตัวเองอยู่ครู่หนึ่งนึกขอบคุณตัวเองมากเหลือเกิน ที่วันนี้ฉันเลือกชุดนอนเป็นชุดกระโปรงสีครีมผ้าสองชั้น ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า แขนเส

  • ทาโร่ต์ ทำนายรัก   บทที่ 10 กลับมาแล้ว

    ช่วงนี้ฉันหมกมุ่นอยู่กับตำราเล่นนั้นมากเหลือเกิน ทุกเย็นเมื่อเลิกงานฉันจะรีบตาลีตาเหลือกกลับคอนโด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบอะไรนักหนา เพราะถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีนัดกับใคร ไม่ต้องคอยทำอาหารปรนนิบัติใครทั้งสิ้น ฉันก็มีเพียงแค่ตัวฉันเองคนเดียว ขนาดลิลลี่เพื่อนรัก โทรมาชวนออกไปดินเนอร์ (เธอบอกกับฉันแบบนั้น ) ฉันยังบอกปัดเธอไปเลย ว่าช่วงนี้ฉันยุ่ง .. แล้วลิลลี่เพื่อนรักก็สวนกลับทันควัน ว่าฉันไม่มีทางยุ่งได้หรอก ซึ่งนั่นก็จริง เพราะเธอรู้จักวงเวียนชีวิตอันเรียบง่ายของฉันดี แต่เธอก็ไม่เซ้าซี้ต่อแล้วบอกว่าจะรอให้ฉันออกปากชวนเองก็แล้วกัน นี่แหละเธอจึงเป็น ลิลลี่เพื่อนรักตลอดกาลของฉัน ตำแหน่งนี้ฉันยกให้เธอคนเดียว เมื่อมาถึงคอนโดฉันก็เร่งรีบจัดการธุระส่วนตัว ถึงฉันจะอยากฉวยหนังสือออกมานั่งอ่านสักเพียงใด แต่ฉันก็มีนิสัยต้องอาบน้ำก่อนขึ้นเตียงนอนทุกครั้งหลังกลับจากข้างนอก และฉันไม่เคยทำลายกฎที่ฉันสร้างมันขึ้นมาเลยสักครั้ง ฉันรักความสะอาดสุด ๆ บางทีสิ่งนี้อาจจะมาจากการเป็นลูกสาวของคุณหมอทั้งสองก็เป็นได้ เมื่อเร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status