LOGIN‘มาลิน’ มองเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มหน้าตาดูดีด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อสายตา
อะไรกันนี่ หิมะจะตกในประเทศไทยรึเปล่า?!!
ผู้หญิงที่ปฏิเสธผู้ชายมานับไม่ถ้วนอย่างคีรติคิดจะสละโสดแล้วเหรอ แถมเพื่อนเธอยังไวไฟถึงขั้นพาคนรักมาค้างคืนที่บาร์ด้วย?
เป็นข่าวที่เรียกได้ว่าสุดอะเมซิ่ง สุดอึ้ง แล้วก็สุดจะน่าทึ่งมากสำหรับเธอ!
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟังเลย!”
คีรติกะพริบตาถี่เรียกสติตัวเองหลังมัวแต่ยืนอึ้งอยู่นาน ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างคีตะน่ะเหรอ...เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ปฏิเสธสักคำ!
“เดี๋ยวใจเย็น” เธอรีบยกมือทำท่าห้ามปราม “มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด”
เห็นคีรติเอาแต่อ้ำอึ้ง เป้าหมายของมาลินจึงเบนไปทางหนุ่มรูปหล่อคนนี้แทน “คุณเป็นแฟนยัยเค้กใช่ไหมคะ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”
จะว่าไปคีรติก็ตาถึงไม่เบานะ เก็บซิงไว้ชิงโชค ดูซิ ได้โชคใหญ่หล่นทับเป็นหนุ่มหล่อราวกับเทพบุตรด้วย
“เอ่อ คือว่า...” คีตะเกาศีรษะแก้เก้อ ทำทีเป็นอมยิ้มมองคีรติ
“ไม่ใช่ คุณคีย์ไม่ได้เป็นแฟนฉันยัยเพื่อนบ้า” คีรติเข้าไปประจันหน้ากับเพื่อนอย่างเหลือทน ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความ ‘ไม่เล่น’ นั่นทำเอามาลินนิ่งไปครู่หนึ่ง สมองหมุนเร็วจี๋รีบใช้ความคิด
“แต่ว่า...ฉันเห็นเขาออกมาจากห้องแกนะ”
“คุณคีย์เขาเป็นลูกค้า เรื่องมันยาวน่ะ แต่เอาเป็นว่าเขาไม่ใช่แฟนฉัน โอเคไหม”
“ตอนนี้ไม่ใช่แฟน แต่ต่อไปคงไม่แน่ใช่ไหมคะ” มาลินหันไปแซวชายหนุ่ม
พ่อคนเจ้าเล่ห์ตอบด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ...
“คุณ! ทำไมไม่บอกเพื่อนฉันไปว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน” หญิงสาวหันไปโวยวายใส่คีตะที่เอาแต่ทำหน้าตายไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ผมแค่ไม่อยากด่วนสรุปอนาคตที่ยังมาไม่ถึง” เขายักไหล่ ส่งยิ้มมีเลศนัย
หน๊อย ๆ
คีรติละแทบอยากจะกางเล็บข่วนหน้าเขาสักทีสองทีให้หายมันเขี้ยว
“อุ๊ย ฉันคงมาผิดจังหวะแล้วจริง ๆ เอ่อ ฉันชื่อมาลินนะคะ เรียกว่าหลินก็ได้ เป็นเพื่อนสนิทของเค้ก ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”
“ผมคีตะ...คีย์ครับ หวังว่าต่อไปเราคงได้เจอกันอีกนะครับ” คีตะส่งยิ้มให้มาลินอย่างเป็นมิตร
“คุณคีย์…” คีรติขมวดคิ้ว
“งั้นวันนี้คุณอยู่กับเพื่อนเถอะ ผมไม่กวนดีกว่า คืนนี้เจอกันนะ เค้ก” คีตะสบตาหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย ทันเห็นเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นทีละนิด ดูทั้งน่ารักและน่าแกล้งในคราเดียวกัน
“อ๊ายยย ยัยเค้ก ๆ บอกมานะว่าแกไปหาแฟนแบบนี้ได้จากที่ไหน มีเสน่ห์ แล้วก็กร๊าวใจเป็นบ้า” ทันทีที่ชายหนุ่มออกไปมาลินก็เขย่าแขนเพื่อนด้วยความตื่นเต้น
“ยัยหลิน ฉันบอกแล้วไงว่าเขาเป็นลูกค้า แล้วที่แกเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานฉันก็เพราะว่าเขาเมาจนกลับบ้านไม่ไหว ฉันเลยจำเป็นต้องให้เขานอนที่นี่”
“หมายความว่าเมื่อคืนนี้แกกับเขา...อ๊ายยย?”
“ฉันกลับไปนอนที่บ้าน หยุดคิดอะไรอกุศลเดี๋ยวนี้” คีรติรีบแย้งก่อนมาลินจะมโนไปถึงไหนต่อไหน
“อกุศลอะไรกัน ดูก็รู้ว่าเขาชอบแก ฉันว่าแกอย่าเล่นตัวนักเลย หนุ่มหล่องานพรีเมียมแบบนี้หลุดมือไปเสียดายตาย” มาลินอยากเห็นใครสักคนเอาชนะใจเพื่อนเธอได้สักที อืม ดู ๆ ไปแล้วท่าทางคุณคีย์คนนี้ก็เหมาะสมกับคีรติดีนะ?
“ไม่ใช่แค่เขาที่งานพรีเมียม ฉันก็งานพรีเมียมเหมือนกันย่ะ อีกอย่างคุณคีย์เขาไม่ได้ชอบฉัน แกหยุดเพ้อเจ้อได้ละ” หญิงสาวสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว จริงอยู่ว่าคีตะมีท่าทีแปลก ๆ ทำให้เธอใจสั่นหลายครั้งแล้ว แต่ลองคิดดูนะ ผู้ชายที่ทั้งหล่อและมีเสน่ห์ขนาดนั้น จะเป็นไปได้เหรอที่เขาจะยังโสดอยู่ อ้อ นอกจากว่าเขาจะเป็นพวก ‘ล่าเหยื่อ’ กินไปวัน ๆ น่ะนะ
“ก็เพราะแกสวยขนาดนี้ไง คุณคีย์เขาถึงได้ตามจีบ ถามจริงเถอะ นี่แกจะใจแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าฉันสวยแบบแกนะ โหยยย ป่านนี้ผัวเยอะเป็นโหลแล้วมั้ง คุณคีย์น่ะงานดีกว่าผู้ชายทุกคนที่เคยมาจีบแกด้วยซ้ำ ไม่สิ...ยกเว้นพี่เหมไว้คนหนึ่ง นั่นก็งานดีแต่แกไม่สนใจ แต่กับคุณคีย์ ห้ามแกปล่อยให้หลุดมือไปนะ ฉันมั่นใจว่าเขากำลังจีบแกอยู่ นี่ถ้าเขาไม่คิดอะไรกับแก เมื่อกี้เขาคงปฏิเสธที่ฉันถามไปแล้วละ...”
“พอ ๆ เลิกพูด ทั้งพี่เหมแล้วก็คุณคีย์ไม่มีใครจีบฉันทั้งนั้น แกเลิกมโนได้ละ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ ถ้ามีแฟนเมื่อไหร่ฉันจะรีบบอกแกคนแรกเลย” คีรติตัดจบบทสนทนาของเพื่อนด้วยการเดินหนีกลับเข้าห้องทำงาน
แต่...หัวใจเจ้ากรรมของเธอดันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
เพียงแค่คิดถึงอ้อมกอดของใครบางคน นึกถึงสายตาสื่อความหมายที่เขามองมา คีรติก็จำต้องเตือนสติตัวเองซ้ำ ๆ แล้วว่า
อย่า - คิด - เกิน - เลย!
***
สามเดือนแล้วสินะที่ไม่เคยได้หลับสนิทเลย...
คีตะจ้องตาตัวเองผ่านกระจกมองหลังรถยนต์ เงาสะท้อนนั้นฉายให้เห็นแววตาอิดโรยอ่อนล้า รอยยิ้มอบอุ่นสดใสต่อหน้าคีรติหายวับไปนานแล้ว หลงเหลือไว้แต่ความเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ
ชายหนุ่มลงจากรถ ก้าวขาเดินเข้าคฤหาสน์ที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง ในใจหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน...
ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยตัวให้เมามายขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อได้ระบายเรื่องราวน้ำเน่าของครอบครัวตัวเองแล้ว ความยับยั้งชั่งใจก็คล้ายจะลดต่ำลง เขาเผลอดื่มแอลกอฮอล์มากเกินลิมิตจนแทบคงสติไม่อยู่ ต้องขอบคุณตัวเองที่แม้จะเมาแค่ไหนก็ยังคงรักษา ‘ความลับ’ ของตัวเองไว้ได้
ยอมรับว่าคีรติรู้จักใช้จิตวิทยา ทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ อยากเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เธอฟัง และเธอก็มีเสน่ห์เหลือล้นจนเขาแทบไม่อยากห่างไปไหน
แต่...คีตะไม่มีวันเป็นคนโง่เผลอหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นแน่!
“ไง คีตะหายไปหลายวัน นี่อย่าบอกนะว่าแกไปจัดการเรื่องนั้น”
เสียงฝีเท้าผู้เป็นอามาพร้อมคำทักทายแสนเย้ยหยัน ใช่! ตฤณภัทรรู้ดีกว่าใครว่าคีตะกำลังทำอะไรอยู่
“อาจะไปทำงานเหรอครับ” คีตะถามเสียงแหบเนือย
“ใช่สิ นายกรัฐมนตรีอย่างฉัน ชนะแล้วแต่ก็ยังต้องออกไปทำคะแนนกับประชาชน ฉันไม่ได้อยากเป็นนายกแค่สมัยเดียวนี่ จริงไหม” ตฤณภัทรฉีกยิ้มแล้วเดินเข้าไปตบบ่าหลานชาย
“ขอให้สิ่งที่แกทำอยู่ สำเร็จไว ๆ ละกัน”
“ครับ...” คีตะหยักยิ้มจาง ๆ ตอบ ดวงตาอ่อนล้ามองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายที่เดินอาด ๆ จากไป
หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...
ไม่สิ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!
คีตะนึกถึงใบหน้าแดงก่ำขัดเขินของคีรติยามถูกเขาป้อนคำหวานมากมายใส่ โดยเฉพาะตอนที่เขาแกล้งละเมอดึงเธอมากอดนั่น...
แหงสิ เขาแค่ ‘แกล้ง’ ละเมอเฉย ๆ คีรติคงไม่รู้ตัวสินะว่าผู้หญิงเย่อหยิ่งอย่างเธอไม่เหลือมาดอะไรเลยต่อหน้าเขา ทำตัวเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาไปได้ ทั้งที่ความจริงเธอมันปลอมเปลือกเสียยิ่งกว่าอะไร
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แผนการของเขาจะได้สำเร็จไว ๆ
“คุณง่ายกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ...เค้ก”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า เขาขอสาบานว่าจะทำทุกอย่างให้คีรติต้องเจ็บปวดปางตาย เหมือนที่เขาต้องเจ็บอยู่ในตอนนี้!
***
“อื้ม คงอยากจะเจอหลานมั้ง น้องครีมทำอะไรเอ่ยให้พ่อช่วยไหมคะ” คนเป็นพ่อรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปสนใจลูกสาวที่กำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลินแบบเนียน ๆ“คุณพ่อระบายสีแดงนะคะ” เด็กน้อยยื่นดินสอสีแดงให้พ่อ“เอ...อาทิตย์นี้พ่อยังไม่ซื้อของเล่นให้เราเลยใช่ไหม” คีตะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่ง ๆ กับเรื่องงานจนไม่มีเวลามองหาของเล่นมาเอาใจลูกสาวทุกอาทิตย์เหมือนอย่างเคย“ไม่เป็นไรค่ะ อาทิตย์นี้น้องครีมไม่อยากได้อะไร” น้องครีมเจื้อยแจ้วตอบเสียงใสคำตอบของลูกทำให้คนเป็นแม่ลอบยิ้มพลางพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้สอนสั่ง ทว่าครีมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าของเล่นที่มีอยู่ตอนนี้ก็เต็มบ้านจนเล่นแทบไม่ทันแล้ว“แน่ใจ?” คีตะย้ำถาม“งุยยย จริง ๆ ครีมอยากได้ลาบูบู้ค่ะ แต่คุณครูบอกว่ามันแพ้งแพง”“อะอ้าว ไหนบอกว่าไม่อยากได้อะไรไงคะลูก” คุณแม่อ้าปากเหวอทันที“ก็มีแค่ลาบูบู้ที่อยากได้ แต่มันแพงมากกก” เจ้าตัวน้อยลากเสียงยาวพลางทำตาปริบ ๆ“ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวพ่อจัดให้เลยดีไหมคะ” คนเป็นพ่อยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมจะส่งข้อความสั่
“แหวะ!”“ไหวไหมเค้ก...” ชายหนุ่มลูบหลังปลอบคนรักที่กำลังก้มตัวอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงสาบานเลยว่าคีตะโคตรจะโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกันนะก่อนหน้านี้เขาทำบ้าอะไรอยู่ เขาควรจะดูแลคีรติช่วงตั้งท้องสองสามเดือนแรกให้ดี ๆ ดูซิว่าอาการแพ้ท้องเล่นงานหญิงสาวหนักขนาดไหน!หนักขนาดไหนน่ะเหรอ...ก็ชนิดที่ว่ากินอะไรไม่ได้ พานเหม็นจนคลื่นไส้ไปหมด ลุกขึ้นยืนเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดวิงเวียนศีรษะ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะแพ้ท้องแทนเธอเสียจริงตั้งแต่ตั้งครรภ์เข้าเดือนที่สี่ เธอก็ยิ่งแพ้ท้องหนักขึ้นจนกินอะไรไม่ได้ ต้องกินแค่อาหารอ่อน ๆ หรืออาหารรสจัดเท่านั้น แถมสภาวะอารมณ์ก็ไม่ค่อยปกติเท่าที่ควรอันที่จริงอาการแพ้ท้องควรจะหายไปได้แล้ว ไม่รู้เหตุใดคีรติถึงยังคงแพ้ท้องอยู่ ราวกับว่าลูกในท้องอยากให้พ่อเห็นใจแม่เยอะ ๆแต่แม่ก็เหนื่อยนะ...“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปกินข้าวต่อเถอะ เค้กชินแล้—” พูดยังไม่ทันจบหญิงสาวก็โก่งคออาเจียนเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้เป็นเรื่องปกติที่อารมณ์คนท้องจะแปรปรวน คีรติรู้ตัวทว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอเผลอหงุดหงิดใส่คีตะ แต่พอได้สติก็ต้องรีบไปขอโทษชายหนุ่มทัน
ก็ไม่ได้ผิดคาดสักเท่าไร...ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่คีตะทำเมื่อคืนก็ไม่ถูกต้องนัก“เค้ก มานั่งข้างป้ามา” นิษฐาเรียกลูกเลี้ยงพลางจับแขนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คีรติกำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอไม่อยากให้เรื่องเครียดกระทบกระเทือนจิตใจเจ้าตัวมากนัก“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันถูกต้องไหม” ฐานทัตจ้องคีตะเขม็ง“ไม่ครับ ผมรู้ว่าทำไม่ถูกที่พาเค้กไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าผมไม่ทำ คุณกับไอ้เขตก็คงไม่ให้ผมเจอเค้กง่าย ๆ” คีตะตอบตามตรง ยอมรับว่าผิด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็จะยังทำเช่นเดิมต่อให้คีรติไม่ใจอ่อนยอมคืนดีด้วย อย่างน้อย ๆ ครั้งหนึ่งเขาก็ได้พยายามจนสุดชีวิตเพื่อจะเปิดอกพูดคุยกับเธอแล้ว เขาไม่เสียใจเลยกับสิ่งที่ทำลงไป“มึงเลยใช้วิธีแบบพวกไม่มีการศึกษา ลักพาตัวน้องกูเนี่ยนะ” เขตคามเข่นเขี้ยว“ถ้ามันทำให้กูดีกับเมียได้ ต่อให้โดนด่าว่าไร้การศึกษา ทำตัวเหมือนสวะข้างถนน กูก็ยอม”“มึงนี่เหมือนพ่อมึงไม่มีผิด ช่างยึดมั่นถือมั่นในเป้าหมายเสียจริงนะ” ชายวัยกลางคนกระตุกยิ้มเมื่อหวนนึกถึงบุคลิกของตฤณภพ ที่ดู ๆ ไปก็เหมือนลูกชายหัวดื้อของมันอยู่“...”ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้
เช้านี้ไม่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา...คีรติตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นของคีตะ เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เธอได้นอนหลับสนิท เพียงเพราะเรื่องราวค้าง ๆ คา ๆ ที่ทำให้กังวลใจมาตลอดหลายเดือนถูกปลดล็อกจนเคลียร์ การให้อภัยชายหนุ่มและให้โอกาสตัวเองได้รักเขาอีกครั้ง เป็นเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้ในชั่วข้ามคืน“แอบมองผมแบบนี้ อยากได้อะไรครับ” คีตะปรือตาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียคีรติพอรู้ตัวว่าโดนจับได้ก็ทำท่าจะรีบผละกายออกจากอ้อมอกเขา เสียแต่ว่าคนมือไวแถวนี้คว้าร่างเปล่าเปลือยของเธอไปกอดแนบชิดยิ่งกว่าเดิม“คุณคีย์ ปล่อยนะคะ” หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบท้วง ในใจไพล่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้...หลังจากเธอใจอ่อนยอมให้คีตะจูบ ไหนเลยเขาจะยอมจบแค่จูบเพียงครั้งเดียว คนเจ้าเล่ห์ใช้ประสบการณ์รักที่คุ้นเคยมาชักจูงเธอ ยั่วยวนเธอ จนเธอยินยอมมอบกายให้ ที่สำคัญเธอเองก็โหยหาเขาไม่ต่างกัน สุดท้ายก็พลาดท่าเสียตัวให้เขาอีกจนได้ โชคยังดีที่คนของขาดมานานนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ คีตะละเมียดละไมกลืนกินเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล จนเธอหลงระเริงไปกับเขา“ไม่ปล่อย นุ่ม ๆ หอม ๆ ขนาดนี้ใครปล่อยก็บ้าแล้ว” คีตะแย้มยิ้มแ
“ฉันไม่เก่งเท่าคุณหรอกค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำเต็มไปด้วยความปวดร้าว “สุดท้ายฉันก็โง่... ปล่อยให้คุณเข้ามาในชีวิตอยู่ดี” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในใจของคนฟังยิ่งกว่าคำด่าเสียอีกภายนอกเธอเหมือนจะเข้มแข็ง เย็นชาไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ในใจลึก ๆ คีรติกลับอดนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเขาไม่ได้...ต้องยอมรับอย่างไม่อาจหลอกตัวเองได้เลยว่า แค่ได้สบตาเขา แค่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ ปราการในใจเธอก็สั่นสะเทือนจนแทบพังคีตะ...ผู้ชายคนนั้นเหมือนเกิดมาเพื่อล่อลวงให้เธอตกหลุมพรางโดยเฉพาะเสน่ห์ของเขาร้ายกาจเกินกว่าจะต้านทานได้ และเธอ ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจใครเลยสักคนในชีวิต กลับมีแต่เขาคนเดียวอยู่ในสายตาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา“ผมคิดว่ามันคือโชคชะตาระหว่างเรามากกว่านะ เหมือนที่ตอนแรกผมไม่คิดจะรักคุณเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะทำให้คุณหลง... แล้วก็เดินจากไปตามแผน”เขาหัวเราะนิด ๆ กลั้วความขมขื่น สายตาแอบสั่นไหวเล็กน้อย“แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นผมเองที่รักคุณ แก้แค้นเองรักเสียเองซะอย่างนั้น อ้อ... ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ”คีรติมองสบตาเขาอยู่นาน ก่อนตัดสินใจยอบกายนั่งลงข้างเขาเงียบ ๆ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา เธอปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ“แต่สุดท้าย คนที่ทำลายกำแพงนั้นจนพังยับก็คือคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่า วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามคุณ พยายามง้องอน พยายามขอความรัก อ้อนวอนให้คุณกลับมา มันน่าสมเพชแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม” เธอกัดฟันแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ“ฉันจะเป็นจะตายทุกครั้งที่คุณเย็นชาใส่ เหมือนโลกทั้งใบจะพังทลายเวลาคุณไม่สนใจ แต่พอวันนี้ วันที่ฉันเลือกเดินออกมาจากชีวิตคุณ... คุณกลับมาบอกว่าขอโทษ?”เสียงหัวเราะเย้ยหยันหลุดออกมาอย่างไม่อาจห้าม“เหอะ แล้วคุณก็คงจะเริ่มพล่ามเรื่องอดีต... เหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดได้งั้นละ ถามหน่อยสิ... มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ คุณทำลายชีวิตฉันจนพังไปหมด แล้วแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ คำเดียว... คุณคิดว่ามันจะลบล้างทุกอย่างได้งั้นเหรอ?!”ความเจ็บปวดที่เก็บงำมานานแสนนาน ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้น...“ลืมแล้วเหรอ... ว่าคุณทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงโง่ที่โดนคุณหลอกใช้ กลายเป็นผู้หญิงที่...ท้องลูกไม่มีพ่อ!” เสียงสั่นเครือของคีรติดังขึ้นทั้งน้ำตา ราวกับกรีดหัวใจคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า“คุณร







