‘มาลิน’ มองเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มหน้าตาดูดีด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อสายตา
อะไรกันนี่ หิมะจะตกในประเทศไทยรึเปล่า?!!
ผู้หญิงที่ปฏิเสธผู้ชายมานับไม่ถ้วนอย่างคีรติคิดจะสละโสดแล้วเหรอ แถมเพื่อนเธอยังไวไฟถึงขั้นพาคนรักมาค้างคืนที่บาร์ด้วย?
เป็นข่าวที่เรียกได้ว่าสุดอะเมซิ่ง สุดอึ้ง แล้วก็สุดจะน่าทึ่งมากสำหรับเธอ!
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟังเลย!”
คีรติกะพริบตาถี่เรียกสติตัวเองหลังมัวแต่ยืนอึ้งอยู่นาน ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างคีตะน่ะเหรอ...เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ปฏิเสธสักคำ!
“เดี๋ยวใจเย็น” เธอรีบยกมือทำท่าห้ามปราม “มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด”
เห็นคีรติเอาแต่อ้ำอึ้ง เป้าหมายของมาลินจึงเบนไปทางหนุ่มรูปหล่อคนนี้แทน “คุณเป็นแฟนยัยเค้กใช่ไหมคะ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”
จะว่าไปคีรติก็ตาถึงไม่เบานะ เก็บซิงไว้ชิงโชค ดูซิ ได้โชคใหญ่หล่นทับเป็นหนุ่มหล่อราวกับเทพบุตรด้วย
“เอ่อ คือว่า...” คีตะเกาศีรษะแก้เก้อ ทำทีเป็นอมยิ้มมองคีรติ
“ไม่ใช่ คุณคีย์ไม่ได้เป็นแฟนฉันยัยเพื่อนบ้า” คีรติเข้าไปประจันหน้ากับเพื่อนอย่างเหลือทน ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความ ‘ไม่เล่น’ นั่นทำเอามาลินนิ่งไปครู่หนึ่ง สมองหมุนเร็วจี๋รีบใช้ความคิด
“แต่ว่า...ฉันเห็นเขาออกมาจากห้องแกนะ”
“คุณคีย์เขาเป็นลูกค้า เรื่องมันยาวน่ะ แต่เอาเป็นว่าเขาไม่ใช่แฟนฉัน โอเคไหม”
“ตอนนี้ไม่ใช่แฟน แต่ต่อไปคงไม่แน่ใช่ไหมคะ” มาลินหันไปแซวชายหนุ่ม
พ่อคนเจ้าเล่ห์ตอบด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ...
“คุณ! ทำไมไม่บอกเพื่อนฉันไปว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน” หญิงสาวหันไปโวยวายใส่คีตะที่เอาแต่ทำหน้าตายไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ผมแค่ไม่อยากด่วนสรุปอนาคตที่ยังมาไม่ถึง” เขายักไหล่ ส่งยิ้มมีเลศนัย
หน๊อย ๆ
คีรติละแทบอยากจะกางเล็บข่วนหน้าเขาสักทีสองทีให้หายมันเขี้ยว
“อุ๊ย ฉันคงมาผิดจังหวะแล้วจริง ๆ เอ่อ ฉันชื่อมาลินนะคะ เรียกว่าหลินก็ได้ เป็นเพื่อนสนิทของเค้ก ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”
“ผมคีตะ...คีย์ครับ หวังว่าต่อไปเราคงได้เจอกันอีกนะครับ” คีตะส่งยิ้มให้มาลินอย่างเป็นมิตร
“คุณคีย์…” คีรติขมวดคิ้ว
“งั้นวันนี้คุณอยู่กับเพื่อนเถอะ ผมไม่กวนดีกว่า คืนนี้เจอกันนะ เค้ก” คีตะสบตาหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย ทันเห็นเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นทีละนิด ดูทั้งน่ารักและน่าแกล้งในคราเดียวกัน
“อ๊ายยย ยัยเค้ก ๆ บอกมานะว่าแกไปหาแฟนแบบนี้ได้จากที่ไหน มีเสน่ห์ แล้วก็กร๊าวใจเป็นบ้า” ทันทีที่ชายหนุ่มออกไปมาลินก็เขย่าแขนเพื่อนด้วยความตื่นเต้น
“ยัยหลิน ฉันบอกแล้วไงว่าเขาเป็นลูกค้า แล้วที่แกเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานฉันก็เพราะว่าเขาเมาจนกลับบ้านไม่ไหว ฉันเลยจำเป็นต้องให้เขานอนที่นี่”
“หมายความว่าเมื่อคืนนี้แกกับเขา...อ๊ายยย?”
“ฉันกลับไปนอนที่บ้าน หยุดคิดอะไรอกุศลเดี๋ยวนี้” คีรติรีบแย้งก่อนมาลินจะมโนไปถึงไหนต่อไหน
“อกุศลอะไรกัน ดูก็รู้ว่าเขาชอบแก ฉันว่าแกอย่าเล่นตัวนักเลย หนุ่มหล่องานพรีเมียมแบบนี้หลุดมือไปเสียดายตาย” มาลินอยากเห็นใครสักคนเอาชนะใจเพื่อนเธอได้สักที อืม ดู ๆ ไปแล้วท่าทางคุณคีย์คนนี้ก็เหมาะสมกับคีรติดีนะ?
“ไม่ใช่แค่เขาที่งานพรีเมียม ฉันก็งานพรีเมียมเหมือนกันย่ะ อีกอย่างคุณคีย์เขาไม่ได้ชอบฉัน แกหยุดเพ้อเจ้อได้ละ” หญิงสาวสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว จริงอยู่ว่าคีตะมีท่าทีแปลก ๆ ทำให้เธอใจสั่นหลายครั้งแล้ว แต่ลองคิดดูนะ ผู้ชายที่ทั้งหล่อและมีเสน่ห์ขนาดนั้น จะเป็นไปได้เหรอที่เขาจะยังโสดอยู่ อ้อ นอกจากว่าเขาจะเป็นพวก ‘ล่าเหยื่อ’ กินไปวัน ๆ น่ะนะ
“ก็เพราะแกสวยขนาดนี้ไง คุณคีย์เขาถึงได้ตามจีบ ถามจริงเถอะ นี่แกจะใจแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าฉันสวยแบบแกนะ โหยยย ป่านนี้ผัวเยอะเป็นโหลแล้วมั้ง คุณคีย์น่ะงานดีกว่าผู้ชายทุกคนที่เคยมาจีบแกด้วยซ้ำ ไม่สิ...ยกเว้นพี่เหมไว้คนหนึ่ง นั่นก็งานดีแต่แกไม่สนใจ แต่กับคุณคีย์ ห้ามแกปล่อยให้หลุดมือไปนะ ฉันมั่นใจว่าเขากำลังจีบแกอยู่ นี่ถ้าเขาไม่คิดอะไรกับแก เมื่อกี้เขาคงปฏิเสธที่ฉันถามไปแล้วละ...”
“พอ ๆ เลิกพูด ทั้งพี่เหมแล้วก็คุณคีย์ไม่มีใครจีบฉันทั้งนั้น แกเลิกมโนได้ละ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ ถ้ามีแฟนเมื่อไหร่ฉันจะรีบบอกแกคนแรกเลย” คีรติตัดจบบทสนทนาของเพื่อนด้วยการเดินหนีกลับเข้าห้องทำงาน
แต่...หัวใจเจ้ากรรมของเธอดันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
เพียงแค่คิดถึงอ้อมกอดของใครบางคน นึกถึงสายตาสื่อความหมายที่เขามองมา คีรติก็จำต้องเตือนสติตัวเองซ้ำ ๆ แล้วว่า
อย่า - คิด - เกิน - เลย!
***
สามเดือนแล้วสินะที่ไม่เคยได้หลับสนิทเลย...
คีตะจ้องตาตัวเองผ่านกระจกมองหลังรถยนต์ เงาสะท้อนนั้นฉายให้เห็นแววตาอิดโรยอ่อนล้า รอยยิ้มอบอุ่นสดใสต่อหน้าคีรติหายวับไปนานแล้ว หลงเหลือไว้แต่ความเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ
ชายหนุ่มลงจากรถ ก้าวขาเดินเข้าคฤหาสน์ที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง ในใจหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน...
ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยตัวให้เมามายขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อได้ระบายเรื่องราวน้ำเน่าของครอบครัวตัวเองแล้ว ความยับยั้งชั่งใจก็คล้ายจะลดต่ำลง เขาเผลอดื่มแอลกอฮอล์มากเกินลิมิตจนแทบคงสติไม่อยู่ ต้องขอบคุณตัวเองที่แม้จะเมาแค่ไหนก็ยังคงรักษา ‘ความลับ’ ของตัวเองไว้ได้
ยอมรับว่าคีรติรู้จักใช้จิตวิทยา ทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ อยากเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เธอฟัง และเธอก็มีเสน่ห์เหลือล้นจนเขาแทบไม่อยากห่างไปไหน
แต่...คีตะไม่มีวันเป็นคนโง่เผลอหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นแน่!
“ไง คีตะหายไปหลายวัน นี่อย่าบอกนะว่าแกไปจัดการเรื่องนั้น”
เสียงฝีเท้าผู้เป็นอามาพร้อมคำทักทายแสนเย้ยหยัน ใช่! ตฤณภัทรรู้ดีกว่าใครว่าคีตะกำลังทำอะไรอยู่
“อาจะไปทำงานเหรอครับ” คีตะถามเสียงแหบเนือย
“ใช่สิ นายกรัฐมนตรีอย่างฉัน ชนะแล้วแต่ก็ยังต้องออกไปทำคะแนนกับประชาชน ฉันไม่ได้อยากเป็นนายกแค่สมัยเดียวนี่ จริงไหม” ตฤณภัทรฉีกยิ้มแล้วเดินเข้าไปตบบ่าหลานชาย
“ขอให้สิ่งที่แกทำอยู่ สำเร็จไว ๆ ละกัน”
“ครับ...” คีตะหยักยิ้มจาง ๆ ตอบ ดวงตาอ่อนล้ามองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายที่เดินอาด ๆ จากไป
หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...
ไม่สิ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!
คีตะนึกถึงใบหน้าแดงก่ำขัดเขินของคีรติยามถูกเขาป้อนคำหวานมากมายใส่ โดยเฉพาะตอนที่เขาแกล้งละเมอดึงเธอมากอดนั่น...
แหงสิ เขาแค่ ‘แกล้ง’ ละเมอเฉย ๆ คีรติคงไม่รู้ตัวสินะว่าผู้หญิงเย่อหยิ่งอย่างเธอไม่เหลือมาดอะไรเลยต่อหน้าเขา ทำตัวเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาไปได้ ทั้งที่ความจริงเธอมันปลอมเปลือกเสียยิ่งกว่าอะไร
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แผนการของเขาจะได้สำเร็จไว ๆ
“คุณง่ายกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ...เค้ก”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า เขาขอสาบานว่าจะทำทุกอย่างให้คีรติต้องเจ็บปวดปางตาย เหมือนที่เขาต้องเจ็บอยู่ในตอนนี้!
***
สองหนุ่มสาวใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน คีตะพาเธอไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารสุดหรูของรีสอร์ต ก่อนจะพาเธอไปทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้าชมสวนป่ารอบรีสอร์ต อ้อ นี่เป็นอีกเรื่องที่คีรติแอบเซอร์ไพรส์ ไม่คิดว่าคนรักจะขี่ม้าได้เก่งถึงเพียงนี้ ตอนแรกคิดว่าผู้ชายหน้าตาสะอาดหมดจดอย่างเขาจะเป็นหนุ่มสำอาง ไม่รักการละเล่นผาดโผน แต่เธอคิดผิดถนัดเมื่อกิจกรรมต่อไปที่ต้องเจอคือการขับโกคาร์ต!คีรติชักไม่แน่ใจแล้ว นี่เขาพาเธอมาเดต หรือพามาทรมานกันแน่…ถึงบ่นอย่างนั้น กิจกรรมสมบุกสมบันกลับทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่คิด ชายหนุ่มคล้ายจะตั้งใจพาเธอไปปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมานานหลายปี กว่าจะเล่นเสร็จเวลาก็ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงค่ำของวันแล้วทั้งสองคนเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปดินเนอร์ข้างนอก หลังกลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย คีตะจึงสั่งพนักงานให้เตรียมอาหารกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟถึงที่ พวกเขาจึงกำลังนั่งจิบไวน์ดูดาวท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายหลังตะลุยเล่นหนักกันมาทั้งวัน“คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ เค้กจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองดูดาวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” คีรติอมยิ้ม เหม่อมองภาพฟากฟ้าเกลื่อนทะเลดาวอย่างเผลอไผล“ผมก็เ
หลังจากพาคนรักมาเจอครอบครัวเป็นครั้งแรก ความไม่สบายใจก็เกาะติดอยู่กับคีรติไม่ยอมจาง ครั้นรู้ว่าคีตะจะไปดูงานที่รีสอร์ต แถมเขายังชวนเธอไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกัน หญิงสาวจึงตอบตกลงทันที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธออยากใช้เวลาอยู่กับคนรัก อีกส่วนเป็นเพราะเธออยากให้คีตะเชื่อมั่นในตัวเธอ ต่อให้พ่อหรือพี่ชายจะไม่เปิดใจต้อนรับเขา ไม่ยินดีให้เธอคบหากับเขา แต่เธอจะยืนหยัดเพื่อความรักครั้งนี้ โดยจะไม่ยอมให้คนอื่นมามีผลต่อความรู้สึกเธอที่มีให้ชายหนุ่ม“หน้าตาคุณดูไม่สดชื่นเลยนะ” คีตะถามขึ้นในความเงียบบนรถยนต์“คุณคีย์คะ เรื่องเมื่อวานเค้กขอโทษแทนพ่อกับพี่เขตด้วยนะ”“ที่จริงตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยโดนใครพูดจาแบบนั้นใส่เลย แต่ก็เข้าใจได้นะ คุณเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อกับพี่ชายคุณย่อมต้องห่วงหวงมากเป็นธรรมดา” คนขับรถหันไปยิ้มแสนอบอุ่นให้สาวสวยด้านข้าง“คุณอย่าโกรธท่านเลยนะคะ จริง ๆ พ่อกับพี่เขตใจดีมาก อาจจะดูดุหรือปากร้ายไปหน่อย แต่ถ้าลองได้รักชอบใครแล้วพวกเขาจะใจดีด้วยจนน่าใจหายเลยละค่ะ”คืนนั้นคีรติลองทบทวนดูแล้ว เธอพอเข้าใจว่าทุกสิ่งที่พ่อกับพี่ชายทำ เป็นเพราะทั้งสองคนห่วงเธอฐานทัตผู้เป็นพ่อแม้จะไม่เคยพูด
คีตะกลับไปแล้ว...ในที่สุดคีรติก็หายใจหายคอได้เต็มปอดเสียที ไม่ใช่เพราะเธออึดอัดที่คนรักมาบ้าน แต่เธอไม่ชอบใจท่าทีปฏิบัติต่อแขกของพ่อและพี่ชายตัวเองต่างหาก ทั้งที่คีตะไม่ได้แสดงท่าทีหยาบคายเลยแม้แต่น้อย พวกเขากลับตั้งแง่อคติ ออกตัวชัดว่าไม่ชอบหน้าแฟนเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน“แกจะคบกับมันจริง ๆ เหรอ” ฐานทัตจ้องหน้าลูกสาว ดวงตา สีหน้า รวมถึงน้ำเสียงเขาทั้งดุดันและคมกริบ“ค่ะ”“ทั้งที่แกยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามันเนี่ยนะ”“คุณคีย์เพิ่งกลับมาสานต่อธุรกิจรีสอร์ตของครอบครัว เขาก็บอกพ่อแล้วนี่คะ”“ยัยเค้ก! แล้วแกคิดว่ามันจะรักแกจริงหรือไง แกลืมไปแล้วเหรอว่าแกคือลูกสาวฉัน ใคร ๆ ก็เข้าหาแกเพราะผลประโยชน์กันทั้งนั้น”“ตอนที่เขาเข้าหาเค้ก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้กเป็นลูกใคร” คีรติเถียงหน้าบึ้ง พ่อดูถูกความรักของเธอกับคีตะมากเกินไปแล้ว“แกนี่มัน...โง่ ไม่ทันคนเหมือนเดิมเลย”นี่เป็นอีกเหตุผลที่ฐานทัตไม่สามารถปล่อยวางเรื่องคีรติได้ ภายนอกลูกสาวเขาอาจจะดูแข็งแกร่ง เข้าถึงยาก แต่ความจริงเธอใจอ่อน หัวอ่อน เขาถึงได้ห่วงลูกสาวจอมดื้อคนนี้มากกว่าใคร“คุณคะ ฉันว่าใจเย็น ๆ ก่อนดีกว
คีตะเหม่อมองคฤหาสน์หลังใหญ่ของหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนเห็นจะจริงอย่างที่เคยได้ยินมา...ไอ้เดรัจฉานนั่นเป็นคนตระกูลใหญ่โต มีคนมากมายนับหน้าถือตา มากถึงขั้นที่หากไอ้ฐานทัตทำผิดมหันต์แค่ไหนก็สามารถเก็บกวาดได้หมดจด ไม่เหลือหลักฐานใดให้เอาผิดเหอะ มันจะรู้สึกอย่างไรกันนะ หากรู้ว่าวันนี้ลูกชายของคนที่มันเคยสั่งฆ่าต่อหน้าสาธารณชนกลางที่ทำการพรรค กำลังจะเหยียบย่างเข้ามาในบ้านพร้อมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของมัน!สาเหตุที่คีตะอยากมาที่นี่ เพราะเขาอยากมั่นใจว่าคีรติเป็นลูกชังอย่างที่หล่อนว่า หรือจริง ๆ แล้วเป็นแก้วตาดวงใจของไอ้ชั่วนั่นกันแน่ เรื่องแบบนี้ลำพังฟังจากปากคีรติฝ่ายเดียวไม่พอหรอก“คุณคีย์คะ คุณคีย์” เสียงหวานดังขึ้นฉุดสติเขากลับมาคีตะเก็บสายตาแฝงเลศนัย เอ่ยตอบ “ครับ?”“คุณโอเคไหมคะ เค้กเห็นคุณเหม่อมาสักพักแล้วนะ กลัวพ่อเค้กเหรอ” หญิงสาวกุมมือคนรักอย่างให้กำลังใจหลังทะเลาะกันในคืนนั้น คีรติจึงรวบรวมความกล้าบอกพ่อและพี่ชายว่าเธอจะพา ‘คนรัก’ มารับประทานข้าวที่บ้าน ณ เวลานั้นสายตาดุดันของคนเป็นพ่อตวัดมองมา พร้อม ๆ กับสายตาสงสัยใคร่รู้จากเขตคาม คราแรกพ่อเธอทำท่าเหมือนจะไม่อนุญาต เรื่องนี้คงต้อ
คีรติสงบลงเมื่อรู้ว่าสู้แรงคนโกรธาไม่ไหว ยอมปล่อยให้เขาพาเธอไปยังลานจอดรถ แฟนหนุ่มดันเธอเข้าไปนั่งประจำที่ ส่วนเขาเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับตามปกติ คีตะเวลานี้กำลังหอบหายใจแรง ไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรนลงแม้แต่น้อย ร้อนให้เธอต้องเอื้อมมือแตะแขนคนรัก หวังจะบรรเทาอารมณ์โมโหของเขาให้จางลงบ้าง“คุณคีย์คะ เค้กขอโทษแทนพี่เหม…”“ดูไม่ออกหรือไงว่ามันชอบคุณ!” เขาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างคาดคั้น“คะ?” คีรตินิ่วหน้า “ไม่หรอกค่ะ พี่เหมเป็นเพื่อนสนิทพี่เขต เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเขาก็เลยเป็นห่วงเค้กแค่นั้นเอง”“ผมไม่ได้ต้องการฟังคุณรำลึกความหลังถึงมันหรอกนะ ผมต้องการคำตอบจากใจจริงของคุณ” คีตะไม่เชื่อหรอกว่าคนฉลาดอย่างคีรติดูไม่ออกว่าเหมราชคิดอย่างไรกับเธอแล้วไอ้การที่เธอยอมนั่งกินข้าวอี๋อ๋อหัวร่อต่อกระซิกกับมัน จะมีอะไรไปมากกว่าการทอดสะพานให้ผู้ชายอื่น ทั้งที่ตัวเองก็มีคนรักอยู่ทนโท่แล้วเหอะ! ยังไม่ทันไรลูกสาวไอ้ฐานทัตก็ฉายแวว ‘ร่าน’ แล้วสินะ“โอเคค่ะ เค้กก็ไม่แน่ใจ พี่เหมดูสนใจเค้กแต่เขาไม่เคยบอกเค้กตรง ๆ ซึ่งมันก็ดีแล้วค่ะ เพราะเค้กไม่ได้คิดอะไรกับเขา” คีรติยอมตอบชายหนุ่มในที่สุดใครต่อใครต่างบอกว่
“คุณคีย์...” น้ำเสียงคีรติแฝงแววกังวล ทันทีที่คนรักหย่อนกายลงนั่งเคียงข้างเธอพลางเขม็งมองเหมราชไม่วางตา เธอก็รู้สึกประหม่าปนหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก“เพื่อนเค้กเหรอ” เหมราชจ้องหน้าผู้มาใหม่ รู้สึกไม่ถูกชะตาชอบกล อาจเป็นเพราะแววตาวาวโรจน์คู่นั้น บวกรวมกับท่าทีแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคีรติ ที่อ่านออกได้ชัดเจนราวกับอีกฝ่ายต้องการจะป่าวประกาศให้โลกรู้อย่างไรอย่างนั้นแน่นอน เหมราชผู้ผ่านชีวิตมามากมายมองแค่ปราดเดียวก็ดูออก ไอ้หมอนี่มันกำลัง ‘หึง’ น้องเค้ก!“เอ่อ คือ...” หญิงสาวอึกอัก“แฟน ผมเป็นแฟนเค้ก” คีตะแทรกเสียงแข็งพลางเหล่มองหญิงสาวที่เอาแต่อ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากบอกสถานะทั้งคู่ให้คนอื่นรับรู้วินาทีที่คีตะเห็นเธอนั่งอยู่กับผู้ชายคนอื่น แรกเริ่มเขาแค่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ครั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ จนได้ยินประโยคที่มันพูด...“หลังกินมื้อเย็นเสร็จ พี่ขอไปดื่มที่บาร์ของน้องเค้กได้ไหม”แม่งตั้งใจจะจีบ ‘ผู้หญิงของเขา’ อย่างหน้าด้าน ๆ งั้นสิ!“พี่เหมคะ นี่คุณคีย์ แฟนเค้กเองค่ะ คุณคีย์คะ นี่พี่เหม เพื่อนของพี่ชายเค้ก” หญิงสาวแนะนำชายทั้งสองคนให้รู้จักกันด้วยน้ำเสียงปกติ แม้จะสัมผัสได้ถึงรังส