‘มาลิน’ มองเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มหน้าตาดูดีด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อสายตา
อะไรกันนี่ หิมะจะตกในประเทศไทยรึเปล่า?!!
ผู้หญิงที่ปฏิเสธผู้ชายมานับไม่ถ้วนอย่างคีรติคิดจะสละโสดแล้วเหรอ แถมเพื่อนเธอยังไวไฟถึงขั้นพาคนรักมาค้างคืนที่บาร์ด้วย?
เป็นข่าวที่เรียกได้ว่าสุดอะเมซิ่ง สุดอึ้ง แล้วก็สุดจะน่าทึ่งมากสำหรับเธอ!
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟังเลย!”
คีรติกะพริบตาถี่เรียกสติตัวเองหลังมัวแต่ยืนอึ้งอยู่นาน ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างคีตะน่ะเหรอ...เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ปฏิเสธสักคำ!
“เดี๋ยวใจเย็น” เธอรีบยกมือทำท่าห้ามปราม “มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด”
เห็นคีรติเอาแต่อ้ำอึ้ง เป้าหมายของมาลินจึงเบนไปทางหนุ่มรูปหล่อคนนี้แทน “คุณเป็นแฟนยัยเค้กใช่ไหมคะ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”
จะว่าไปคีรติก็ตาถึงไม่เบานะ เก็บซิงไว้ชิงโชค ดูซิ ได้โชคใหญ่หล่นทับเป็นหนุ่มหล่อราวกับเทพบุตรด้วย
“เอ่อ คือว่า...” คีตะเกาศีรษะแก้เก้อ ทำทีเป็นอมยิ้มมองคีรติ
“ไม่ใช่ คุณคีย์ไม่ได้เป็นแฟนฉันยัยเพื่อนบ้า” คีรติเข้าไปประจันหน้ากับเพื่อนอย่างเหลือทน ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความ ‘ไม่เล่น’ นั่นทำเอามาลินนิ่งไปครู่หนึ่ง สมองหมุนเร็วจี๋รีบใช้ความคิด
“แต่ว่า...ฉันเห็นเขาออกมาจากห้องแกนะ”
“คุณคีย์เขาเป็นลูกค้า เรื่องมันยาวน่ะ แต่เอาเป็นว่าเขาไม่ใช่แฟนฉัน โอเคไหม”
“ตอนนี้ไม่ใช่แฟน แต่ต่อไปคงไม่แน่ใช่ไหมคะ” มาลินหันไปแซวชายหนุ่ม
พ่อคนเจ้าเล่ห์ตอบด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ...
“คุณ! ทำไมไม่บอกเพื่อนฉันไปว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน” หญิงสาวหันไปโวยวายใส่คีตะที่เอาแต่ทำหน้าตายไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ผมแค่ไม่อยากด่วนสรุปอนาคตที่ยังมาไม่ถึง” เขายักไหล่ ส่งยิ้มมีเลศนัย
หน๊อย ๆ
คีรติละแทบอยากจะกางเล็บข่วนหน้าเขาสักทีสองทีให้หายมันเขี้ยว
“อุ๊ย ฉันคงมาผิดจังหวะแล้วจริง ๆ เอ่อ ฉันชื่อมาลินนะคะ เรียกว่าหลินก็ได้ เป็นเพื่อนสนิทของเค้ก ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”
“ผมคีตะ...คีย์ครับ หวังว่าต่อไปเราคงได้เจอกันอีกนะครับ” คีตะส่งยิ้มให้มาลินอย่างเป็นมิตร
“คุณคีย์…” คีรติขมวดคิ้ว
“งั้นวันนี้คุณอยู่กับเพื่อนเถอะ ผมไม่กวนดีกว่า คืนนี้เจอกันนะ เค้ก” คีตะสบตาหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย ทันเห็นเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นทีละนิด ดูทั้งน่ารักและน่าแกล้งในคราเดียวกัน
“อ๊ายยย ยัยเค้ก ๆ บอกมานะว่าแกไปหาแฟนแบบนี้ได้จากที่ไหน มีเสน่ห์ แล้วก็กร๊าวใจเป็นบ้า” ทันทีที่ชายหนุ่มออกไปมาลินก็เขย่าแขนเพื่อนด้วยความตื่นเต้น
“ยัยหลิน ฉันบอกแล้วไงว่าเขาเป็นลูกค้า แล้วที่แกเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานฉันก็เพราะว่าเขาเมาจนกลับบ้านไม่ไหว ฉันเลยจำเป็นต้องให้เขานอนที่นี่”
“หมายความว่าเมื่อคืนนี้แกกับเขา...อ๊ายยย?”
“ฉันกลับไปนอนที่บ้าน หยุดคิดอะไรอกุศลเดี๋ยวนี้” คีรติรีบแย้งก่อนมาลินจะมโนไปถึงไหนต่อไหน
“อกุศลอะไรกัน ดูก็รู้ว่าเขาชอบแก ฉันว่าแกอย่าเล่นตัวนักเลย หนุ่มหล่องานพรีเมียมแบบนี้หลุดมือไปเสียดายตาย” มาลินอยากเห็นใครสักคนเอาชนะใจเพื่อนเธอได้สักที อืม ดู ๆ ไปแล้วท่าทางคุณคีย์คนนี้ก็เหมาะสมกับคีรติดีนะ?
“ไม่ใช่แค่เขาที่งานพรีเมียม ฉันก็งานพรีเมียมเหมือนกันย่ะ อีกอย่างคุณคีย์เขาไม่ได้ชอบฉัน แกหยุดเพ้อเจ้อได้ละ” หญิงสาวสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว จริงอยู่ว่าคีตะมีท่าทีแปลก ๆ ทำให้เธอใจสั่นหลายครั้งแล้ว แต่ลองคิดดูนะ ผู้ชายที่ทั้งหล่อและมีเสน่ห์ขนาดนั้น จะเป็นไปได้เหรอที่เขาจะยังโสดอยู่ อ้อ นอกจากว่าเขาจะเป็นพวก ‘ล่าเหยื่อ’ กินไปวัน ๆ น่ะนะ
“ก็เพราะแกสวยขนาดนี้ไง คุณคีย์เขาถึงได้ตามจีบ ถามจริงเถอะ นี่แกจะใจแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าฉันสวยแบบแกนะ โหยยย ป่านนี้ผัวเยอะเป็นโหลแล้วมั้ง คุณคีย์น่ะงานดีกว่าผู้ชายทุกคนที่เคยมาจีบแกด้วยซ้ำ ไม่สิ...ยกเว้นพี่เหมไว้คนหนึ่ง นั่นก็งานดีแต่แกไม่สนใจ แต่กับคุณคีย์ ห้ามแกปล่อยให้หลุดมือไปนะ ฉันมั่นใจว่าเขากำลังจีบแกอยู่ นี่ถ้าเขาไม่คิดอะไรกับแก เมื่อกี้เขาคงปฏิเสธที่ฉันถามไปแล้วละ...”
“พอ ๆ เลิกพูด ทั้งพี่เหมแล้วก็คุณคีย์ไม่มีใครจีบฉันทั้งนั้น แกเลิกมโนได้ละ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ ถ้ามีแฟนเมื่อไหร่ฉันจะรีบบอกแกคนแรกเลย” คีรติตัดจบบทสนทนาของเพื่อนด้วยการเดินหนีกลับเข้าห้องทำงาน
แต่...หัวใจเจ้ากรรมของเธอดันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
เพียงแค่คิดถึงอ้อมกอดของใครบางคน นึกถึงสายตาสื่อความหมายที่เขามองมา คีรติก็จำต้องเตือนสติตัวเองซ้ำ ๆ แล้วว่า
อย่า - คิด - เกิน - เลย!
***
สามเดือนแล้วสินะที่ไม่เคยได้หลับสนิทเลย...
คีตะจ้องตาตัวเองผ่านกระจกมองหลังรถยนต์ เงาสะท้อนนั้นฉายให้เห็นแววตาอิดโรยอ่อนล้า รอยยิ้มอบอุ่นสดใสต่อหน้าคีรติหายวับไปนานแล้ว หลงเหลือไว้แต่ความเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ
ชายหนุ่มลงจากรถ ก้าวขาเดินเข้าคฤหาสน์ที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง ในใจหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน...
ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยตัวให้เมามายขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อได้ระบายเรื่องราวน้ำเน่าของครอบครัวตัวเองแล้ว ความยับยั้งชั่งใจก็คล้ายจะลดต่ำลง เขาเผลอดื่มแอลกอฮอล์มากเกินลิมิตจนแทบคงสติไม่อยู่ ต้องขอบคุณตัวเองที่แม้จะเมาแค่ไหนก็ยังคงรักษา ‘ความลับ’ ของตัวเองไว้ได้
ยอมรับว่าคีรติรู้จักใช้จิตวิทยา ทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ อยากเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เธอฟัง และเธอก็มีเสน่ห์เหลือล้นจนเขาแทบไม่อยากห่างไปไหน
แต่...คีตะไม่มีวันเป็นคนโง่เผลอหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นแน่!
“ไง คีตะหายไปหลายวัน นี่อย่าบอกนะว่าแกไปจัดการเรื่องนั้น”
เสียงฝีเท้าผู้เป็นอามาพร้อมคำทักทายแสนเย้ยหยัน ใช่! ตฤณภัทรรู้ดีกว่าใครว่าคีตะกำลังทำอะไรอยู่
“อาจะไปทำงานเหรอครับ” คีตะถามเสียงแหบเนือย
“ใช่สิ นายกรัฐมนตรีอย่างฉัน ชนะแล้วแต่ก็ยังต้องออกไปทำคะแนนกับประชาชน ฉันไม่ได้อยากเป็นนายกแค่สมัยเดียวนี่ จริงไหม” ตฤณภัทรฉีกยิ้มแล้วเดินเข้าไปตบบ่าหลานชาย
“ขอให้สิ่งที่แกทำอยู่ สำเร็จไว ๆ ละกัน”
“ครับ...” คีตะหยักยิ้มจาง ๆ ตอบ ดวงตาอ่อนล้ามองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายที่เดินอาด ๆ จากไป
หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...
ไม่สิ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!
คีตะนึกถึงใบหน้าแดงก่ำขัดเขินของคีรติยามถูกเขาป้อนคำหวานมากมายใส่ โดยเฉพาะตอนที่เขาแกล้งละเมอดึงเธอมากอดนั่น...
แหงสิ เขาแค่ ‘แกล้ง’ ละเมอเฉย ๆ คีรติคงไม่รู้ตัวสินะว่าผู้หญิงเย่อหยิ่งอย่างเธอไม่เหลือมาดอะไรเลยต่อหน้าเขา ทำตัวเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาไปได้ ทั้งที่ความจริงเธอมันปลอมเปลือกเสียยิ่งกว่าอะไร
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แผนการของเขาจะได้สำเร็จไว ๆ
“คุณง่ายกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ...เค้ก”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า เขาขอสาบานว่าจะทำทุกอย่างให้คีรติต้องเจ็บปวดปางตาย เหมือนที่เขาต้องเจ็บอยู่ในตอนนี้!
***
“แล้วไปค่ะ ไม่งั้นเค้กก็แย่เลยสิ” คีรติถอนหายใจ ยินยอมเปิดเปลือยทุกความรู้สึกของตนให้ชายหนุ่มรับรู้อย่างไม่อาย สำหรับความรักครั้งนี้ เธอไม่อยากมีข้ออคติในใจ รวมทั้งอยากให้ชายหนุ่มได้รู้จักตัวตนของเธอในทุกด้านด้วย“จริงสิ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมมีแฟนล่ะ ลูกค้าหนุ่ม ๆ ก็น่าจะตามจีบคุณเยอะไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่สนใจคุณ”“อืม...ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวย่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้เค้กคิดว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร คนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยถามว่ามีไหม มันก็มีค่ะ แค่สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะพ่อเค้กไม่อนุญาตให้มีแฟน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ท่านเลือกให้”หญิงสาวกำลังนึกถึง ‘เหมราช’ เพื่อนของพี่ชาย คนที่ฐานทัตผู้เป็นพ่อหมายมั่นจะให้เป็นคนรักของเธอ จริงอยู่ว่าเหมราชแสดงออกชัดเจนว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าพี่น้อง แม้เขาจะไม่เคยพูดมันออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่เธอมองเหมราชเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะเข้าใจไปว่าทุกสิ่งที่เขาทำน่าจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นพ่อ“แบบนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นสินะ” คีตะเหยียดยิ้ม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เขาเลือกเข้าหาคีรติ เธอคงไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้...รู
ก๊อก ๆ ๆ คีรติเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ปัญหาใหญ่ที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้นั่นคือ พวกเขาสองคนไม่ได้ตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนมาด้วย ทว่า…ก่อนจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนหญิงสาวจัดสาบเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างให้ปกปิดมิดชิด แล้วเดินไปส่องที่ตาแมวตรงประตู พบว่าเป็นพนักงานหญิงของทางโรงแรมจึงเปิดให้ทันที“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงเป็นมิตร“ดิฉันเอาเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิงค่ะ” พนักงานคนดังกล่าวส่งถุงใส่ของมาให้เธอคีรติส่ายศีรษะปฏิเสธ “เอ่อ แต่ว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ”“คุณผู้ชายที่มากับคุณเป็นคนสั่งให้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานตอบยิ้ม ๆ“อ่อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คีรติยอมรับถุงเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้หญิงสาวเปิดถุงเสื้อผ้าออก พบว่ามีเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้สวยน่ารักหรือสวมใส่สบายเท่าชุดนอนตัวโปรดของเธอ แต่คีรติกลับพอใจกับมันจริง ๆ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สามารถใส่เสื้อยืดผู้ชายแบบโอเวอร์ไซซ์ได้ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงหาซื้อชุดให้เธอลำบากแย่ว่าแต่...ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะเธอมองเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เด
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ว่าแต่คุณออกมากับผมแบบนี้ทางบ้านว่าอะไรไหม” คีตะเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ เขารู้ว่าคีรติเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสของฐานทัตกับภรรยาน้อย แต่ที่เขาไม่แน่ใจนักคือความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อ ในข่าวต่างตีแผ่มากมายว่าเธอเป็น ‘ลูกนอกคอก’ ที่พ่อไม่รัก แต่พอได้รู้จักกับหญิงสาวจริง ๆ คีตะไม่อยากจะเชื่อว่าฐานทัตจะใจจืดใจดำจนไม่นึกรักลูกสาวคนนี้ในเมื่อคีรติทั้งน่ารักและอ่อนหวานเสียปานนี้“อ่อ เค้กไม่ได้บอกอะไรค่ะ” สีหน้าหญิงสาวหม่นลง หากบอกพ่อว่าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน มีหวังทั้งเธอและคีตะคงไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไปแน่“ทำไมล่ะ...เอ่อ ขอโทษถ้าผมเสียมารยาท คุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ”“คุณไปอยู่เมืองนอกมานาน เค้กไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักพรรคการเมืองในไทยบ้างหรือเปล่า”“ทำไมเหรอครับ” คีตะกระตุกยิ้มซ่อนแววตาลึกล้ำทำไมจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้เลยละ!“พ่อของเค้กท่านเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนค่ะ” เธอเดาไม่ออกเลยว่าคีตะจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจจะดีใจที่ได้คบหากับผู้หญิงจากครอบครัวมีอำนาจ แต่บางคนอาจจะมองว่าการคบหากับเธอจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียมากกว
คีรติกับคีตะเป็นแฟนกันแล้วทุกสิ่งอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่เมื่อทั้งสองคนต่างเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้กัน คีรติกลับมีความสุขมาก เธอรู้ใจตัวเองยิ่งขึ้นว่าตนหลงรักชายหนุ่มมาก...มากเสียจนไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเขาคือรักแรกของเธอ และเธอก็หวังว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไปด้วย“รอนานไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักบุคคลที่หญิงสาวกำลังนั่งเหม่อคิดถึงอยู่เดินเข้ามาด้านในบาร์ วันนี้คีตะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำทะเล ลุคของชายหนุ่มวันนี้ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกสบายตา แม้จะแตกต่างจากทุกคืนที่เธอได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคีตะเป็นผู้ชายหุ่นดี ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าแบบใดก็ยังน่ามองเสมอ“ไม่เลยค่ะ ไปกันเลยไหม” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ‘แฟนหนุ่ม’ แล้วก้าวไปหาเขา“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักจัง” คีตะหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆวันนี้คีรติสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ผ้าพลิ้ว ปล่อยผมยาวสลวยเป็นลอนคลาย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ส่งเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและเซ็กซี่ในคราเดียวกัน“ปากหวานแต่หัววันเลยนะคะ” หญิงสาวแสร้งค้อน ตั้งแต่คบกันมาไม่เค
“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่“คีรติ…ผ
“คุณ...อื้อ!” วินาทีต่อมา ริมฝีปากหยักกดลงหาเธออีกครั้งคีตะจูบเธออย่างคนไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไออุ่นและกลิ่นกายหญิงสาวก็ยิ่งพาให้สติคีตะกระเจิดกระเจิงเลือนหาย คล้ายคนมึนเมาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจคีรติทำให้เขา ‘อยากได้’ เธอจนแทบคลั่ง!“คุณคีย์ ปล่อยค่ะ อื้อ...” คีรติพยายามห้ามปากร้อนที่เริ่มคลอเคลียลงมาถึงตรงซอกคอขาว น้ำเสียงเธอสั่นระริกด้วยความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หารู้ไม่ว่าแม้ปากตนจะเอ่ยห้าม มือทั้งสองข้างกลับเกาะเกี่ยวร่างหนาไว้แน่นไม่ให้ห่างกายไปไหนแต่เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...พลั่ก! “เค้ก..” คีตะถูกหญิงสาวผลักอกอย่างแรงจนสติกลับเข้าร่างทันทีให้ตายเถอะ! ชายหนุ่มนึกอยากจะชกหน้าตัวเองแรง ๆ สักที โทษฐานที่พลั้งเผลอไปตามอารมณ์วาบหวามจนเกือบจะหักหาญน้ำใจเธอ หากเขาทำอะไรเกินเลยไปตอนนี้ละก็ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะไหวตัวทัน แล้วทุกสิ่งที่ทำมาก็อาจจะพังทลายลงได้ในพริบตาเย็นไว้ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้ผู้หญิงคนนี้สักวัน...คีตะเตือนตัวเองพลางยกมือลูบผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง คนตัวเล็กรีบลุกออกจากตักเขาราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสือร้ายก็ไม่ปาน แม