LOGINเช้าวันต่อมา
เมื่อคืนคีรติแทบไม่ได้นอน เพราะเอาแต่ห่วงผู้ชายที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ในบาร์ของเธอ!
เช้านี้เธอเลยรีบออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมง หลีกเลี่ยงเวลาอาหารเช้าของคนที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามจากฐานทัต เดิมทีคิดว่ามาถึงบาร์ตัวต้นเรื่องน่าจะฟื้นแล้ว แต่เปล่าเลย...คีตะยังคงหลับอุตุ ดูเหมือนว่าจะฝันดีไม่เลิกด้วย เพราะเวลานี้เจ้าตัวยังคงอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
เพิ่งเคยเห็นคนนอนแล้วยิ้มก็ครั้งนี้...
หญิงสาวเผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะนั่งลงแล้วก้มมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาใกล้ ๆ เวลาที่ชายหนุ่มยังไม่ตื่นเช่นนี้ช่างดูไร้พิษสงและใสซื่อกว่าตอนที่เจ้าตัวตื่นอยู่หลายเท่า การแสดงออกเช่นนั้นคงเป็นเพราะชายหนุ่มต้องการปกปิดความเจ็บปวดเมื่อครั้งสมัยเด็ก รวมถึงความร้าวรานที่ต้องสูญเสียพ่อไปโดยยังไม่ทันได้มีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน
จะว่าไปเขาก็เป็นผู้ชายน่าสงสารคนหนึ่ง การที่คีตะเลือกมาใช้บริการบาร์ของเธอตลอดหนึ่งเดือน เขาคงพยายามหาวิถีทางเยียวยาตัวเอง เพื่อจะลืมเลือนความเจ็บปวดสินะ?
คิดมาถึงตรงนี้คีรติก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไรนัก
“อืม...” เสียงงัวเงียของคนตรงหน้าทำหญิงสาวตกใจ คิดจะลุกขึ้นยืน ทว่า...
หมับ!
“อ๊ะ? คุณคีย์ปล่อยนะคะ!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ เธอถูกคนมือไวคว้าตัวลงไปนอนแนบชิดด้วยกันบนโซฟา แถมยังกอดแนบแน่นเสียจนคีรติหายใจแทบไม่ออก
หัวใจของคีรติเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนตัวโต ใบหน้าเธอก็ยิ่งร้อนผ่าว
“อื้ม...นุ่มจัง” คีตะยังคงละเมอเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาเขาหลับพริ้มขณะกอดคนตัวเล็กไว้แนบแน่นมากขึ้น
เวลานี้คีรติทำอะไรไม่ถูก เธอพยายามผลักอกชายหนุ่มออกแต่ยิ่งผลักไสเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น หน้าอกอวบบดเบียดเข้ากับอกแกร่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครั้นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนหลับไม่รู้เรื่องก็พบว่าเวลานี้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
นั่นทำเอาผู้หญิงที่ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อนอย่างเธอแทบลืมหายใจ...
คีรติมองคนตรงหน้า หยุดดิ้นโดยปริยาย
“อืม...”
ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อย ๆ ปรือเปิดเชื่องช้า ทันใดนั้นคีตะก็ได้สบตากับ ‘นางฟ้า’ ในฝัน
ราวกับกาลเวลาหยุดลงชั่วขณะ ทั้งสองคนต่างสบมองตากัน เสียงหัวใจในอกเต้นกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ปล่อย!” คีรติรีบผลักอกชายหนุ่มอย่างแรง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้อยู่ในสภาพปกติที่สุด เวลานี้เธออับอายจนไม่กล้าสู้หน้าชายหนุ่มแล้ว
“คุณเค้ก ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คีตะที่เพิ่งได้สติลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นยกมือกุมศีรษะตัวเอง นึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณจำอะไรไม่ได้”
“นี่ผมทำอะไรไม่ดีลงไปหรือเปล่า” สีหน้าคีตะเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แน่สิคะ เมื่อคืนคุณเมามากจนกลับไม่ไหว ก็เลยงอแงขอฉันนอนค้างที่บาร์นี่” หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ผมหมายถึงเมื่อคืนนี้ผมทำอะไรคุณหรือเปล่า ทำไมเมื่อกี้เราถึงนอนกอดกัน”
“คะ?” คำถามของชายหนุ่มทำเอาคีรติพูดไม่ออก ใบหน้าสวยเห่อร้อนราวถูกลนด้วยไฟ พอจะเดาได้เลยละว่าเวลานี้ผิวแก้มเธอคงเปลี่ยนสีเป็นแดงระเรื่อให้ได้อับอายต่อหน้าเขาอีกรอบแล้ว
“เราสองคนไม่ได้...”
“ไม่มีค่ะ เมื่อคืนฉันกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนเรื่องเมื่อกี้ก็แค่อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” คีรติรีบตอบก่อนที่คีตะจะคิดอะไรเลยเถิดไปไกลถึงไหนต่อไหน
“อ่อ...อย่างนี้นี่เอง น่าเสียดายจัง”
“ว่าไงนะคะ” เธอถามซ้ำเมื่อได้ยินพ่อคนเจ้าเล่ห์พูดไม่ค่อยถนัด
“เปล่าครับ ผมขอโทษคุณจริง ๆ นะที่ทำให้เดือดร้อน แล้วก็ขอบคุณมากด้วยที่อุตส่าห์ยอมให้ผมนอนค้างที่นี่ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผมได้นอนข้างถนนแน่ ๆ” คีตะวาดรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นลูกค้า ยังไงฉันก็ต้องช่วยเหลือคุณเท่าที่จะทำได้ แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกนะคะ” เจ้าของบาร์กอดอกมองคุณลูกค้าอย่างคาดโทษ
“ครับ นอกเสียจากว่าผมตั้งใจ” คีตะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
เวลานั้นเองที่คีรติพลันระลึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม...
“ถ้าผมเมาก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าเพราะผมยอมให้คุณมอมต่างหาก”
“นี่คุณตั้งใจปล่อยตัวเองให้เมาอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อย่าเรียกว่าตั้งใจเลย ผมแค่อยากทำอะไรโดยไม่ต้องคิดมาก ทุกวันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดมากพอแล้ว คุณอย่าโกรธผมเลยนะเค้ก” คีตะยืนขึ้นมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด
“เฮ้อ...ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าครั้งหน้าคุณก็บอกที่อยู่กับฉันแล้วกัน ฉันจะได้เรียกรถไปส่งคุณถูก”
“น่ารักจัง เวลาที่คุณใจดีไม่แยกเขี้ยวใส่ผมแบบนี้ คุณน่ารักมากรู้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยชมจากใจ ยิ่งเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดไปรเวทธรรมดา บนใบหน้านวลไร้ซึ่งเครื่องสำอางใด ๆ เขายิ่งรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์น่าค้นหามากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เอ่อ ฉันว่าคุณกลับได้แล้วละค่ะ ฉันจะทำงาน”
“ขอผมเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทนได้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นอีกครั้งที่คีรติตอบโดยไม่ต้องคิด
“แต่ผมไม่อยากนอนที่นี่ฟรี ๆ นี่นา อีกอย่างผมรู้สึกผิดมากด้วยที่เมื่อคืนเผลอทำตัวงี่เง่าใส่คุณ ยังไงก็ให้ผมตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเถอะนะครับ” เขายังคงตื๊อไม่เลิกด้วยหวังว่าจะทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจได้
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณอยากตอบแทนฉัน ขอแค่อย่าเมาไม่รู้เรื่องแบบนั้นอีกก็พอ” ให้ออกไปกับผู้ชายที่อันตรายต่อหัวใจแบบนี้ คีรติไม่ขอเสี่ยงดีกว่า
“โอเค คุณว่าไงก็ว่างั้น” คีตะยักไหล่อย่างจนใจ
“ขอบคุณที่ไม่ดื้อนะคะ” หญิงสาวยิ้มประชดใส่คนที่ทำตัวไม่ต่างจากเด็กน้อยกำลังอ้อนวอนขออะไรบางอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกันนะครับ” คีตะว่าพลางเดินออกจากห้องทำงานตามหลังหญิงสาว
“หวังว่าคุณจะไม่...” คำพูดหญิงสาวถูกกลืนลงคอโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญเปิดประตูเข้ามาในบาร์
ร้อยวันพันปียัยเพื่อนตัวแสบไม่เคยจะโผล่มาที่นี่ ไหงถึงมาได้ถูกวันขนาดนี้นะ!
“หลิน?”
“ยัยเค้ก นี่แกนอนกับแฟนที่นี่เหรอ!”
“อื้ม คงอยากจะเจอหลานมั้ง น้องครีมทำอะไรเอ่ยให้พ่อช่วยไหมคะ” คนเป็นพ่อรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปสนใจลูกสาวที่กำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลินแบบเนียน ๆ“คุณพ่อระบายสีแดงนะคะ” เด็กน้อยยื่นดินสอสีแดงให้พ่อ“เอ...อาทิตย์นี้พ่อยังไม่ซื้อของเล่นให้เราเลยใช่ไหม” คีตะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่ง ๆ กับเรื่องงานจนไม่มีเวลามองหาของเล่นมาเอาใจลูกสาวทุกอาทิตย์เหมือนอย่างเคย“ไม่เป็นไรค่ะ อาทิตย์นี้น้องครีมไม่อยากได้อะไร” น้องครีมเจื้อยแจ้วตอบเสียงใสคำตอบของลูกทำให้คนเป็นแม่ลอบยิ้มพลางพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้สอนสั่ง ทว่าครีมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าของเล่นที่มีอยู่ตอนนี้ก็เต็มบ้านจนเล่นแทบไม่ทันแล้ว“แน่ใจ?” คีตะย้ำถาม“งุยยย จริง ๆ ครีมอยากได้ลาบูบู้ค่ะ แต่คุณครูบอกว่ามันแพ้งแพง”“อะอ้าว ไหนบอกว่าไม่อยากได้อะไรไงคะลูก” คุณแม่อ้าปากเหวอทันที“ก็มีแค่ลาบูบู้ที่อยากได้ แต่มันแพงมากกก” เจ้าตัวน้อยลากเสียงยาวพลางทำตาปริบ ๆ“ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวพ่อจัดให้เลยดีไหมคะ” คนเป็นพ่อยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมจะส่งข้อความสั่
“แหวะ!”“ไหวไหมเค้ก...” ชายหนุ่มลูบหลังปลอบคนรักที่กำลังก้มตัวอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงสาบานเลยว่าคีตะโคตรจะโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกันนะก่อนหน้านี้เขาทำบ้าอะไรอยู่ เขาควรจะดูแลคีรติช่วงตั้งท้องสองสามเดือนแรกให้ดี ๆ ดูซิว่าอาการแพ้ท้องเล่นงานหญิงสาวหนักขนาดไหน!หนักขนาดไหนน่ะเหรอ...ก็ชนิดที่ว่ากินอะไรไม่ได้ พานเหม็นจนคลื่นไส้ไปหมด ลุกขึ้นยืนเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดวิงเวียนศีรษะ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะแพ้ท้องแทนเธอเสียจริงตั้งแต่ตั้งครรภ์เข้าเดือนที่สี่ เธอก็ยิ่งแพ้ท้องหนักขึ้นจนกินอะไรไม่ได้ ต้องกินแค่อาหารอ่อน ๆ หรืออาหารรสจัดเท่านั้น แถมสภาวะอารมณ์ก็ไม่ค่อยปกติเท่าที่ควรอันที่จริงอาการแพ้ท้องควรจะหายไปได้แล้ว ไม่รู้เหตุใดคีรติถึงยังคงแพ้ท้องอยู่ ราวกับว่าลูกในท้องอยากให้พ่อเห็นใจแม่เยอะ ๆแต่แม่ก็เหนื่อยนะ...“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปกินข้าวต่อเถอะ เค้กชินแล้—” พูดยังไม่ทันจบหญิงสาวก็โก่งคออาเจียนเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้เป็นเรื่องปกติที่อารมณ์คนท้องจะแปรปรวน คีรติรู้ตัวทว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอเผลอหงุดหงิดใส่คีตะ แต่พอได้สติก็ต้องรีบไปขอโทษชายหนุ่มทัน
ก็ไม่ได้ผิดคาดสักเท่าไร...ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่คีตะทำเมื่อคืนก็ไม่ถูกต้องนัก“เค้ก มานั่งข้างป้ามา” นิษฐาเรียกลูกเลี้ยงพลางจับแขนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คีรติกำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอไม่อยากให้เรื่องเครียดกระทบกระเทือนจิตใจเจ้าตัวมากนัก“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันถูกต้องไหม” ฐานทัตจ้องคีตะเขม็ง“ไม่ครับ ผมรู้ว่าทำไม่ถูกที่พาเค้กไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าผมไม่ทำ คุณกับไอ้เขตก็คงไม่ให้ผมเจอเค้กง่าย ๆ” คีตะตอบตามตรง ยอมรับว่าผิด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็จะยังทำเช่นเดิมต่อให้คีรติไม่ใจอ่อนยอมคืนดีด้วย อย่างน้อย ๆ ครั้งหนึ่งเขาก็ได้พยายามจนสุดชีวิตเพื่อจะเปิดอกพูดคุยกับเธอแล้ว เขาไม่เสียใจเลยกับสิ่งที่ทำลงไป“มึงเลยใช้วิธีแบบพวกไม่มีการศึกษา ลักพาตัวน้องกูเนี่ยนะ” เขตคามเข่นเขี้ยว“ถ้ามันทำให้กูดีกับเมียได้ ต่อให้โดนด่าว่าไร้การศึกษา ทำตัวเหมือนสวะข้างถนน กูก็ยอม”“มึงนี่เหมือนพ่อมึงไม่มีผิด ช่างยึดมั่นถือมั่นในเป้าหมายเสียจริงนะ” ชายวัยกลางคนกระตุกยิ้มเมื่อหวนนึกถึงบุคลิกของตฤณภพ ที่ดู ๆ ไปก็เหมือนลูกชายหัวดื้อของมันอยู่“...”ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้
เช้านี้ไม่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา...คีรติตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นของคีตะ เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เธอได้นอนหลับสนิท เพียงเพราะเรื่องราวค้าง ๆ คา ๆ ที่ทำให้กังวลใจมาตลอดหลายเดือนถูกปลดล็อกจนเคลียร์ การให้อภัยชายหนุ่มและให้โอกาสตัวเองได้รักเขาอีกครั้ง เป็นเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้ในชั่วข้ามคืน“แอบมองผมแบบนี้ อยากได้อะไรครับ” คีตะปรือตาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียคีรติพอรู้ตัวว่าโดนจับได้ก็ทำท่าจะรีบผละกายออกจากอ้อมอกเขา เสียแต่ว่าคนมือไวแถวนี้คว้าร่างเปล่าเปลือยของเธอไปกอดแนบชิดยิ่งกว่าเดิม“คุณคีย์ ปล่อยนะคะ” หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบท้วง ในใจไพล่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้...หลังจากเธอใจอ่อนยอมให้คีตะจูบ ไหนเลยเขาจะยอมจบแค่จูบเพียงครั้งเดียว คนเจ้าเล่ห์ใช้ประสบการณ์รักที่คุ้นเคยมาชักจูงเธอ ยั่วยวนเธอ จนเธอยินยอมมอบกายให้ ที่สำคัญเธอเองก็โหยหาเขาไม่ต่างกัน สุดท้ายก็พลาดท่าเสียตัวให้เขาอีกจนได้ โชคยังดีที่คนของขาดมานานนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ คีตะละเมียดละไมกลืนกินเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล จนเธอหลงระเริงไปกับเขา“ไม่ปล่อย นุ่ม ๆ หอม ๆ ขนาดนี้ใครปล่อยก็บ้าแล้ว” คีตะแย้มยิ้มแ
“ฉันไม่เก่งเท่าคุณหรอกค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำเต็มไปด้วยความปวดร้าว “สุดท้ายฉันก็โง่... ปล่อยให้คุณเข้ามาในชีวิตอยู่ดี” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในใจของคนฟังยิ่งกว่าคำด่าเสียอีกภายนอกเธอเหมือนจะเข้มแข็ง เย็นชาไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ในใจลึก ๆ คีรติกลับอดนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเขาไม่ได้...ต้องยอมรับอย่างไม่อาจหลอกตัวเองได้เลยว่า แค่ได้สบตาเขา แค่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ ปราการในใจเธอก็สั่นสะเทือนจนแทบพังคีตะ...ผู้ชายคนนั้นเหมือนเกิดมาเพื่อล่อลวงให้เธอตกหลุมพรางโดยเฉพาะเสน่ห์ของเขาร้ายกาจเกินกว่าจะต้านทานได้ และเธอ ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจใครเลยสักคนในชีวิต กลับมีแต่เขาคนเดียวอยู่ในสายตาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา“ผมคิดว่ามันคือโชคชะตาระหว่างเรามากกว่านะ เหมือนที่ตอนแรกผมไม่คิดจะรักคุณเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะทำให้คุณหลง... แล้วก็เดินจากไปตามแผน”เขาหัวเราะนิด ๆ กลั้วความขมขื่น สายตาแอบสั่นไหวเล็กน้อย“แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นผมเองที่รักคุณ แก้แค้นเองรักเสียเองซะอย่างนั้น อ้อ... ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ”คีรติมองสบตาเขาอยู่นาน ก่อนตัดสินใจยอบกายนั่งลงข้างเขาเงียบ ๆ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา เธอปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ“แต่สุดท้าย คนที่ทำลายกำแพงนั้นจนพังยับก็คือคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่า วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามคุณ พยายามง้องอน พยายามขอความรัก อ้อนวอนให้คุณกลับมา มันน่าสมเพชแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม” เธอกัดฟันแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ“ฉันจะเป็นจะตายทุกครั้งที่คุณเย็นชาใส่ เหมือนโลกทั้งใบจะพังทลายเวลาคุณไม่สนใจ แต่พอวันนี้ วันที่ฉันเลือกเดินออกมาจากชีวิตคุณ... คุณกลับมาบอกว่าขอโทษ?”เสียงหัวเราะเย้ยหยันหลุดออกมาอย่างไม่อาจห้าม“เหอะ แล้วคุณก็คงจะเริ่มพล่ามเรื่องอดีต... เหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดได้งั้นละ ถามหน่อยสิ... มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ คุณทำลายชีวิตฉันจนพังไปหมด แล้วแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ คำเดียว... คุณคิดว่ามันจะลบล้างทุกอย่างได้งั้นเหรอ?!”ความเจ็บปวดที่เก็บงำมานานแสนนาน ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้น...“ลืมแล้วเหรอ... ว่าคุณทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงโง่ที่โดนคุณหลอกใช้ กลายเป็นผู้หญิงที่...ท้องลูกไม่มีพ่อ!” เสียงสั่นเครือของคีรติดังขึ้นทั้งน้ำตา ราวกับกรีดหัวใจคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า“คุณร







