เช้าวันต่อมา
เมื่อคืนคีรติแทบไม่ได้นอน เพราะเอาแต่ห่วงผู้ชายที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ในบาร์ของเธอ!
เช้านี้เธอเลยรีบออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมง หลีกเลี่ยงเวลาอาหารเช้าของคนที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามจากฐานทัต เดิมทีคิดว่ามาถึงบาร์ตัวต้นเรื่องน่าจะฟื้นแล้ว แต่เปล่าเลย...คีตะยังคงหลับอุตุ ดูเหมือนว่าจะฝันดีไม่เลิกด้วย เพราะเวลานี้เจ้าตัวยังคงอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
เพิ่งเคยเห็นคนนอนแล้วยิ้มก็ครั้งนี้...
หญิงสาวเผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะนั่งลงแล้วก้มมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาใกล้ ๆ เวลาที่ชายหนุ่มยังไม่ตื่นเช่นนี้ช่างดูไร้พิษสงและใสซื่อกว่าตอนที่เจ้าตัวตื่นอยู่หลายเท่า การแสดงออกเช่นนั้นคงเป็นเพราะชายหนุ่มต้องการปกปิดความเจ็บปวดเมื่อครั้งสมัยเด็ก รวมถึงความร้าวรานที่ต้องสูญเสียพ่อไปโดยยังไม่ทันได้มีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน
จะว่าไปเขาก็เป็นผู้ชายน่าสงสารคนหนึ่ง การที่คีตะเลือกมาใช้บริการบาร์ของเธอตลอดหนึ่งเดือน เขาคงพยายามหาวิถีทางเยียวยาตัวเอง เพื่อจะลืมเลือนความเจ็บปวดสินะ?
คิดมาถึงตรงนี้คีรติก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไรนัก
“อืม...” เสียงงัวเงียของคนตรงหน้าทำหญิงสาวตกใจ คิดจะลุกขึ้นยืน ทว่า...
หมับ!
“อ๊ะ? คุณคีย์ปล่อยนะคะ!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ เธอถูกคนมือไวคว้าตัวลงไปนอนแนบชิดด้วยกันบนโซฟา แถมยังกอดแนบแน่นเสียจนคีรติหายใจแทบไม่ออก
หัวใจของคีรติเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนตัวโต ใบหน้าเธอก็ยิ่งร้อนผ่าว
“อื้ม...นุ่มจัง” คีตะยังคงละเมอเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาเขาหลับพริ้มขณะกอดคนตัวเล็กไว้แนบแน่นมากขึ้น
เวลานี้คีรติทำอะไรไม่ถูก เธอพยายามผลักอกชายหนุ่มออกแต่ยิ่งผลักไสเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น หน้าอกอวบบดเบียดเข้ากับอกแกร่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครั้นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนหลับไม่รู้เรื่องก็พบว่าเวลานี้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
นั่นทำเอาผู้หญิงที่ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อนอย่างเธอแทบลืมหายใจ...
คีรติมองคนตรงหน้า หยุดดิ้นโดยปริยาย
“อืม...”
ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อย ๆ ปรือเปิดเชื่องช้า ทันใดนั้นคีตะก็ได้สบตากับ ‘นางฟ้า’ ในฝัน
ราวกับกาลเวลาหยุดลงชั่วขณะ ทั้งสองคนต่างสบมองตากัน เสียงหัวใจในอกเต้นกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ปล่อย!” คีรติรีบผลักอกชายหนุ่มอย่างแรง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้อยู่ในสภาพปกติที่สุด เวลานี้เธออับอายจนไม่กล้าสู้หน้าชายหนุ่มแล้ว
“คุณเค้ก ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คีตะที่เพิ่งได้สติลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นยกมือกุมศีรษะตัวเอง นึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณจำอะไรไม่ได้”
“นี่ผมทำอะไรไม่ดีลงไปหรือเปล่า” สีหน้าคีตะเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แน่สิคะ เมื่อคืนคุณเมามากจนกลับไม่ไหว ก็เลยงอแงขอฉันนอนค้างที่บาร์นี่” หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ผมหมายถึงเมื่อคืนนี้ผมทำอะไรคุณหรือเปล่า ทำไมเมื่อกี้เราถึงนอนกอดกัน”
“คะ?” คำถามของชายหนุ่มทำเอาคีรติพูดไม่ออก ใบหน้าสวยเห่อร้อนราวถูกลนด้วยไฟ พอจะเดาได้เลยละว่าเวลานี้ผิวแก้มเธอคงเปลี่ยนสีเป็นแดงระเรื่อให้ได้อับอายต่อหน้าเขาอีกรอบแล้ว
“เราสองคนไม่ได้...”
“ไม่มีค่ะ เมื่อคืนฉันกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนเรื่องเมื่อกี้ก็แค่อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” คีรติรีบตอบก่อนที่คีตะจะคิดอะไรเลยเถิดไปไกลถึงไหนต่อไหน
“อ่อ...อย่างนี้นี่เอง น่าเสียดายจัง”
“ว่าไงนะคะ” เธอถามซ้ำเมื่อได้ยินพ่อคนเจ้าเล่ห์พูดไม่ค่อยถนัด
“เปล่าครับ ผมขอโทษคุณจริง ๆ นะที่ทำให้เดือดร้อน แล้วก็ขอบคุณมากด้วยที่อุตส่าห์ยอมให้ผมนอนค้างที่นี่ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผมได้นอนข้างถนนแน่ ๆ” คีตะวาดรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นลูกค้า ยังไงฉันก็ต้องช่วยเหลือคุณเท่าที่จะทำได้ แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกนะคะ” เจ้าของบาร์กอดอกมองคุณลูกค้าอย่างคาดโทษ
“ครับ นอกเสียจากว่าผมตั้งใจ” คีตะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
เวลานั้นเองที่คีรติพลันระลึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม...
“ถ้าผมเมาก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าเพราะผมยอมให้คุณมอมต่างหาก”
“นี่คุณตั้งใจปล่อยตัวเองให้เมาอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อย่าเรียกว่าตั้งใจเลย ผมแค่อยากทำอะไรโดยไม่ต้องคิดมาก ทุกวันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดมากพอแล้ว คุณอย่าโกรธผมเลยนะเค้ก” คีตะยืนขึ้นมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด
“เฮ้อ...ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าครั้งหน้าคุณก็บอกที่อยู่กับฉันแล้วกัน ฉันจะได้เรียกรถไปส่งคุณถูก”
“น่ารักจัง เวลาที่คุณใจดีไม่แยกเขี้ยวใส่ผมแบบนี้ คุณน่ารักมากรู้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยชมจากใจ ยิ่งเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดไปรเวทธรรมดา บนใบหน้านวลไร้ซึ่งเครื่องสำอางใด ๆ เขายิ่งรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์น่าค้นหามากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เอ่อ ฉันว่าคุณกลับได้แล้วละค่ะ ฉันจะทำงาน”
“ขอผมเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทนได้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นอีกครั้งที่คีรติตอบโดยไม่ต้องคิด
“แต่ผมไม่อยากนอนที่นี่ฟรี ๆ นี่นา อีกอย่างผมรู้สึกผิดมากด้วยที่เมื่อคืนเผลอทำตัวงี่เง่าใส่คุณ ยังไงก็ให้ผมตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเถอะนะครับ” เขายังคงตื๊อไม่เลิกด้วยหวังว่าจะทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจได้
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณอยากตอบแทนฉัน ขอแค่อย่าเมาไม่รู้เรื่องแบบนั้นอีกก็พอ” ให้ออกไปกับผู้ชายที่อันตรายต่อหัวใจแบบนี้ คีรติไม่ขอเสี่ยงดีกว่า
“โอเค คุณว่าไงก็ว่างั้น” คีตะยักไหล่อย่างจนใจ
“ขอบคุณที่ไม่ดื้อนะคะ” หญิงสาวยิ้มประชดใส่คนที่ทำตัวไม่ต่างจากเด็กน้อยกำลังอ้อนวอนขออะไรบางอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกันนะครับ” คีตะว่าพลางเดินออกจากห้องทำงานตามหลังหญิงสาว
“หวังว่าคุณจะไม่...” คำพูดหญิงสาวถูกกลืนลงคอโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญเปิดประตูเข้ามาในบาร์
ร้อยวันพันปียัยเพื่อนตัวแสบไม่เคยจะโผล่มาที่นี่ ไหงถึงมาได้ถูกวันขนาดนี้นะ!
“หลิน?”
“ยัยเค้ก นี่แกนอนกับแฟนที่นี่เหรอ!”
“แล้วไปค่ะ ไม่งั้นเค้กก็แย่เลยสิ” คีรติถอนหายใจ ยินยอมเปิดเปลือยทุกความรู้สึกของตนให้ชายหนุ่มรับรู้อย่างไม่อาย สำหรับความรักครั้งนี้ เธอไม่อยากมีข้ออคติในใจ รวมทั้งอยากให้ชายหนุ่มได้รู้จักตัวตนของเธอในทุกด้านด้วย“จริงสิ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมมีแฟนล่ะ ลูกค้าหนุ่ม ๆ ก็น่าจะตามจีบคุณเยอะไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่สนใจคุณ”“อืม...ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวย่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้เค้กคิดว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร คนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยถามว่ามีไหม มันก็มีค่ะ แค่สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะพ่อเค้กไม่อนุญาตให้มีแฟน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ท่านเลือกให้”หญิงสาวกำลังนึกถึง ‘เหมราช’ เพื่อนของพี่ชาย คนที่ฐานทัตผู้เป็นพ่อหมายมั่นจะให้เป็นคนรักของเธอ จริงอยู่ว่าเหมราชแสดงออกชัดเจนว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าพี่น้อง แม้เขาจะไม่เคยพูดมันออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่เธอมองเหมราชเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะเข้าใจไปว่าทุกสิ่งที่เขาทำน่าจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นพ่อ“แบบนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นสินะ” คีตะเหยียดยิ้ม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เขาเลือกเข้าหาคีรติ เธอคงไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้...รู
ก๊อก ๆ ๆ คีรติเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ปัญหาใหญ่ที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้นั่นคือ พวกเขาสองคนไม่ได้ตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนมาด้วย ทว่า…ก่อนจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนหญิงสาวจัดสาบเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างให้ปกปิดมิดชิด แล้วเดินไปส่องที่ตาแมวตรงประตู พบว่าเป็นพนักงานหญิงของทางโรงแรมจึงเปิดให้ทันที“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงเป็นมิตร“ดิฉันเอาเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิงค่ะ” พนักงานคนดังกล่าวส่งถุงใส่ของมาให้เธอคีรติส่ายศีรษะปฏิเสธ “เอ่อ แต่ว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ”“คุณผู้ชายที่มากับคุณเป็นคนสั่งให้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานตอบยิ้ม ๆ“อ่อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คีรติยอมรับถุงเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้หญิงสาวเปิดถุงเสื้อผ้าออก พบว่ามีเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้สวยน่ารักหรือสวมใส่สบายเท่าชุดนอนตัวโปรดของเธอ แต่คีรติกลับพอใจกับมันจริง ๆ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สามารถใส่เสื้อยืดผู้ชายแบบโอเวอร์ไซซ์ได้ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงหาซื้อชุดให้เธอลำบากแย่ว่าแต่...ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะเธอมองเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เด
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ว่าแต่คุณออกมากับผมแบบนี้ทางบ้านว่าอะไรไหม” คีตะเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ เขารู้ว่าคีรติเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสของฐานทัตกับภรรยาน้อย แต่ที่เขาไม่แน่ใจนักคือความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อ ในข่าวต่างตีแผ่มากมายว่าเธอเป็น ‘ลูกนอกคอก’ ที่พ่อไม่รัก แต่พอได้รู้จักกับหญิงสาวจริง ๆ คีตะไม่อยากจะเชื่อว่าฐานทัตจะใจจืดใจดำจนไม่นึกรักลูกสาวคนนี้ในเมื่อคีรติทั้งน่ารักและอ่อนหวานเสียปานนี้“อ่อ เค้กไม่ได้บอกอะไรค่ะ” สีหน้าหญิงสาวหม่นลง หากบอกพ่อว่าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน มีหวังทั้งเธอและคีตะคงไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไปแน่“ทำไมล่ะ...เอ่อ ขอโทษถ้าผมเสียมารยาท คุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ”“คุณไปอยู่เมืองนอกมานาน เค้กไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักพรรคการเมืองในไทยบ้างหรือเปล่า”“ทำไมเหรอครับ” คีตะกระตุกยิ้มซ่อนแววตาลึกล้ำทำไมจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้เลยละ!“พ่อของเค้กท่านเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนค่ะ” เธอเดาไม่ออกเลยว่าคีตะจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจจะดีใจที่ได้คบหากับผู้หญิงจากครอบครัวมีอำนาจ แต่บางคนอาจจะมองว่าการคบหากับเธอจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียมากกว
คีรติกับคีตะเป็นแฟนกันแล้วทุกสิ่งอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่เมื่อทั้งสองคนต่างเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้กัน คีรติกลับมีความสุขมาก เธอรู้ใจตัวเองยิ่งขึ้นว่าตนหลงรักชายหนุ่มมาก...มากเสียจนไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเขาคือรักแรกของเธอ และเธอก็หวังว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไปด้วย“รอนานไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักบุคคลที่หญิงสาวกำลังนั่งเหม่อคิดถึงอยู่เดินเข้ามาด้านในบาร์ วันนี้คีตะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำทะเล ลุคของชายหนุ่มวันนี้ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกสบายตา แม้จะแตกต่างจากทุกคืนที่เธอได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคีตะเป็นผู้ชายหุ่นดี ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าแบบใดก็ยังน่ามองเสมอ“ไม่เลยค่ะ ไปกันเลยไหม” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ‘แฟนหนุ่ม’ แล้วก้าวไปหาเขา“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักจัง” คีตะหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆวันนี้คีรติสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ผ้าพลิ้ว ปล่อยผมยาวสลวยเป็นลอนคลาย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ส่งเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและเซ็กซี่ในคราเดียวกัน“ปากหวานแต่หัววันเลยนะคะ” หญิงสาวแสร้งค้อน ตั้งแต่คบกันมาไม่เค
“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่“คีรติ…ผ
“คุณ...อื้อ!” วินาทีต่อมา ริมฝีปากหยักกดลงหาเธออีกครั้งคีตะจูบเธออย่างคนไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไออุ่นและกลิ่นกายหญิงสาวก็ยิ่งพาให้สติคีตะกระเจิดกระเจิงเลือนหาย คล้ายคนมึนเมาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจคีรติทำให้เขา ‘อยากได้’ เธอจนแทบคลั่ง!“คุณคีย์ ปล่อยค่ะ อื้อ...” คีรติพยายามห้ามปากร้อนที่เริ่มคลอเคลียลงมาถึงตรงซอกคอขาว น้ำเสียงเธอสั่นระริกด้วยความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หารู้ไม่ว่าแม้ปากตนจะเอ่ยห้าม มือทั้งสองข้างกลับเกาะเกี่ยวร่างหนาไว้แน่นไม่ให้ห่างกายไปไหนแต่เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...พลั่ก! “เค้ก..” คีตะถูกหญิงสาวผลักอกอย่างแรงจนสติกลับเข้าร่างทันทีให้ตายเถอะ! ชายหนุ่มนึกอยากจะชกหน้าตัวเองแรง ๆ สักที โทษฐานที่พลั้งเผลอไปตามอารมณ์วาบหวามจนเกือบจะหักหาญน้ำใจเธอ หากเขาทำอะไรเกินเลยไปตอนนี้ละก็ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะไหวตัวทัน แล้วทุกสิ่งที่ทำมาก็อาจจะพังทลายลงได้ในพริบตาเย็นไว้ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้ผู้หญิงคนนี้สักวัน...คีตะเตือนตัวเองพลางยกมือลูบผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง คนตัวเล็กรีบลุกออกจากตักเขาราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสือร้ายก็ไม่ปาน แม