เช้าวันต่อมา
เมื่อคืนคีรติแทบไม่ได้นอน เพราะเอาแต่ห่วงผู้ชายที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ในบาร์ของเธอ!
เช้านี้เธอเลยรีบออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมง หลีกเลี่ยงเวลาอาหารเช้าของคนที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามจากฐานทัต เดิมทีคิดว่ามาถึงบาร์ตัวต้นเรื่องน่าจะฟื้นแล้ว แต่เปล่าเลย...คีตะยังคงหลับอุตุ ดูเหมือนว่าจะฝันดีไม่เลิกด้วย เพราะเวลานี้เจ้าตัวยังคงอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
เพิ่งเคยเห็นคนนอนแล้วยิ้มก็ครั้งนี้...
หญิงสาวเผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะนั่งลงแล้วก้มมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาใกล้ ๆ เวลาที่ชายหนุ่มยังไม่ตื่นเช่นนี้ช่างดูไร้พิษสงและใสซื่อกว่าตอนที่เจ้าตัวตื่นอยู่หลายเท่า การแสดงออกเช่นนั้นคงเป็นเพราะชายหนุ่มต้องการปกปิดความเจ็บปวดเมื่อครั้งสมัยเด็ก รวมถึงความร้าวรานที่ต้องสูญเสียพ่อไปโดยยังไม่ทันได้มีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน
จะว่าไปเขาก็เป็นผู้ชายน่าสงสารคนหนึ่ง การที่คีตะเลือกมาใช้บริการบาร์ของเธอตลอดหนึ่งเดือน เขาคงพยายามหาวิถีทางเยียวยาตัวเอง เพื่อจะลืมเลือนความเจ็บปวดสินะ?
คิดมาถึงตรงนี้คีรติก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไรนัก
“อืม...” เสียงงัวเงียของคนตรงหน้าทำหญิงสาวตกใจ คิดจะลุกขึ้นยืน ทว่า...
หมับ!
“อ๊ะ? คุณคีย์ปล่อยนะคะ!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ เธอถูกคนมือไวคว้าตัวลงไปนอนแนบชิดด้วยกันบนโซฟา แถมยังกอดแนบแน่นเสียจนคีรติหายใจแทบไม่ออก
หัวใจของคีรติเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนตัวโต ใบหน้าเธอก็ยิ่งร้อนผ่าว
“อื้ม...นุ่มจัง” คีตะยังคงละเมอเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาเขาหลับพริ้มขณะกอดคนตัวเล็กไว้แนบแน่นมากขึ้น
เวลานี้คีรติทำอะไรไม่ถูก เธอพยายามผลักอกชายหนุ่มออกแต่ยิ่งผลักไสเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น หน้าอกอวบบดเบียดเข้ากับอกแกร่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครั้นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนหลับไม่รู้เรื่องก็พบว่าเวลานี้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
นั่นทำเอาผู้หญิงที่ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อนอย่างเธอแทบลืมหายใจ...
คีรติมองคนตรงหน้า หยุดดิ้นโดยปริยาย
“อืม...”
ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อย ๆ ปรือเปิดเชื่องช้า ทันใดนั้นคีตะก็ได้สบตากับ ‘นางฟ้า’ ในฝัน
ราวกับกาลเวลาหยุดลงชั่วขณะ ทั้งสองคนต่างสบมองตากัน เสียงหัวใจในอกเต้นกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ปล่อย!” คีรติรีบผลักอกชายหนุ่มอย่างแรง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้อยู่ในสภาพปกติที่สุด เวลานี้เธออับอายจนไม่กล้าสู้หน้าชายหนุ่มแล้ว
“คุณเค้ก ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คีตะที่เพิ่งได้สติลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นยกมือกุมศีรษะตัวเอง นึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณจำอะไรไม่ได้”
“นี่ผมทำอะไรไม่ดีลงไปหรือเปล่า” สีหน้าคีตะเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แน่สิคะ เมื่อคืนคุณเมามากจนกลับไม่ไหว ก็เลยงอแงขอฉันนอนค้างที่บาร์นี่” หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ผมหมายถึงเมื่อคืนนี้ผมทำอะไรคุณหรือเปล่า ทำไมเมื่อกี้เราถึงนอนกอดกัน”
“คะ?” คำถามของชายหนุ่มทำเอาคีรติพูดไม่ออก ใบหน้าสวยเห่อร้อนราวถูกลนด้วยไฟ พอจะเดาได้เลยละว่าเวลานี้ผิวแก้มเธอคงเปลี่ยนสีเป็นแดงระเรื่อให้ได้อับอายต่อหน้าเขาอีกรอบแล้ว
“เราสองคนไม่ได้...”
“ไม่มีค่ะ เมื่อคืนฉันกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนเรื่องเมื่อกี้ก็แค่อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” คีรติรีบตอบก่อนที่คีตะจะคิดอะไรเลยเถิดไปไกลถึงไหนต่อไหน
“อ่อ...อย่างนี้นี่เอง น่าเสียดายจัง”
“ว่าไงนะคะ” เธอถามซ้ำเมื่อได้ยินพ่อคนเจ้าเล่ห์พูดไม่ค่อยถนัด
“เปล่าครับ ผมขอโทษคุณจริง ๆ นะที่ทำให้เดือดร้อน แล้วก็ขอบคุณมากด้วยที่อุตส่าห์ยอมให้ผมนอนค้างที่นี่ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผมได้นอนข้างถนนแน่ ๆ” คีตะวาดรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นลูกค้า ยังไงฉันก็ต้องช่วยเหลือคุณเท่าที่จะทำได้ แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกนะคะ” เจ้าของบาร์กอดอกมองคุณลูกค้าอย่างคาดโทษ
“ครับ นอกเสียจากว่าผมตั้งใจ” คีตะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
เวลานั้นเองที่คีรติพลันระลึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม...
“ถ้าผมเมาก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าเพราะผมยอมให้คุณมอมต่างหาก”
“นี่คุณตั้งใจปล่อยตัวเองให้เมาอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อย่าเรียกว่าตั้งใจเลย ผมแค่อยากทำอะไรโดยไม่ต้องคิดมาก ทุกวันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดมากพอแล้ว คุณอย่าโกรธผมเลยนะเค้ก” คีตะยืนขึ้นมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด
“เฮ้อ...ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าครั้งหน้าคุณก็บอกที่อยู่กับฉันแล้วกัน ฉันจะได้เรียกรถไปส่งคุณถูก”
“น่ารักจัง เวลาที่คุณใจดีไม่แยกเขี้ยวใส่ผมแบบนี้ คุณน่ารักมากรู้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยชมจากใจ ยิ่งเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดไปรเวทธรรมดา บนใบหน้านวลไร้ซึ่งเครื่องสำอางใด ๆ เขายิ่งรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์น่าค้นหามากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เอ่อ ฉันว่าคุณกลับได้แล้วละค่ะ ฉันจะทำงาน”
“ขอผมเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทนได้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นอีกครั้งที่คีรติตอบโดยไม่ต้องคิด
“แต่ผมไม่อยากนอนที่นี่ฟรี ๆ นี่นา อีกอย่างผมรู้สึกผิดมากด้วยที่เมื่อคืนเผลอทำตัวงี่เง่าใส่คุณ ยังไงก็ให้ผมตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเถอะนะครับ” เขายังคงตื๊อไม่เลิกด้วยหวังว่าจะทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจได้
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณอยากตอบแทนฉัน ขอแค่อย่าเมาไม่รู้เรื่องแบบนั้นอีกก็พอ” ให้ออกไปกับผู้ชายที่อันตรายต่อหัวใจแบบนี้ คีรติไม่ขอเสี่ยงดีกว่า
“โอเค คุณว่าไงก็ว่างั้น” คีตะยักไหล่อย่างจนใจ
“ขอบคุณที่ไม่ดื้อนะคะ” หญิงสาวยิ้มประชดใส่คนที่ทำตัวไม่ต่างจากเด็กน้อยกำลังอ้อนวอนขออะไรบางอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกันนะครับ” คีตะว่าพลางเดินออกจากห้องทำงานตามหลังหญิงสาว
“หวังว่าคุณจะไม่...” คำพูดหญิงสาวถูกกลืนลงคอโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญเปิดประตูเข้ามาในบาร์
ร้อยวันพันปียัยเพื่อนตัวแสบไม่เคยจะโผล่มาที่นี่ ไหงถึงมาได้ถูกวันขนาดนี้นะ!
“หลิน?”
“ยัยเค้ก นี่แกนอนกับแฟนที่นี่เหรอ!”
สองหนุ่มสาวใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน คีตะพาเธอไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารสุดหรูของรีสอร์ต ก่อนจะพาเธอไปทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้าชมสวนป่ารอบรีสอร์ต อ้อ นี่เป็นอีกเรื่องที่คีรติแอบเซอร์ไพรส์ ไม่คิดว่าคนรักจะขี่ม้าได้เก่งถึงเพียงนี้ ตอนแรกคิดว่าผู้ชายหน้าตาสะอาดหมดจดอย่างเขาจะเป็นหนุ่มสำอาง ไม่รักการละเล่นผาดโผน แต่เธอคิดผิดถนัดเมื่อกิจกรรมต่อไปที่ต้องเจอคือการขับโกคาร์ต!คีรติชักไม่แน่ใจแล้ว นี่เขาพาเธอมาเดต หรือพามาทรมานกันแน่…ถึงบ่นอย่างนั้น กิจกรรมสมบุกสมบันกลับทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่คิด ชายหนุ่มคล้ายจะตั้งใจพาเธอไปปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมานานหลายปี กว่าจะเล่นเสร็จเวลาก็ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงค่ำของวันแล้วทั้งสองคนเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปดินเนอร์ข้างนอก หลังกลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย คีตะจึงสั่งพนักงานให้เตรียมอาหารกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟถึงที่ พวกเขาจึงกำลังนั่งจิบไวน์ดูดาวท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายหลังตะลุยเล่นหนักกันมาทั้งวัน“คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ เค้กจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองดูดาวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” คีรติอมยิ้ม เหม่อมองภาพฟากฟ้าเกลื่อนทะเลดาวอย่างเผลอไผล“ผมก็เ
หลังจากพาคนรักมาเจอครอบครัวเป็นครั้งแรก ความไม่สบายใจก็เกาะติดอยู่กับคีรติไม่ยอมจาง ครั้นรู้ว่าคีตะจะไปดูงานที่รีสอร์ต แถมเขายังชวนเธอไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกัน หญิงสาวจึงตอบตกลงทันที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธออยากใช้เวลาอยู่กับคนรัก อีกส่วนเป็นเพราะเธออยากให้คีตะเชื่อมั่นในตัวเธอ ต่อให้พ่อหรือพี่ชายจะไม่เปิดใจต้อนรับเขา ไม่ยินดีให้เธอคบหากับเขา แต่เธอจะยืนหยัดเพื่อความรักครั้งนี้ โดยจะไม่ยอมให้คนอื่นมามีผลต่อความรู้สึกเธอที่มีให้ชายหนุ่ม“หน้าตาคุณดูไม่สดชื่นเลยนะ” คีตะถามขึ้นในความเงียบบนรถยนต์“คุณคีย์คะ เรื่องเมื่อวานเค้กขอโทษแทนพ่อกับพี่เขตด้วยนะ”“ที่จริงตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยโดนใครพูดจาแบบนั้นใส่เลย แต่ก็เข้าใจได้นะ คุณเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อกับพี่ชายคุณย่อมต้องห่วงหวงมากเป็นธรรมดา” คนขับรถหันไปยิ้มแสนอบอุ่นให้สาวสวยด้านข้าง“คุณอย่าโกรธท่านเลยนะคะ จริง ๆ พ่อกับพี่เขตใจดีมาก อาจจะดูดุหรือปากร้ายไปหน่อย แต่ถ้าลองได้รักชอบใครแล้วพวกเขาจะใจดีด้วยจนน่าใจหายเลยละค่ะ”คืนนั้นคีรติลองทบทวนดูแล้ว เธอพอเข้าใจว่าทุกสิ่งที่พ่อกับพี่ชายทำ เป็นเพราะทั้งสองคนห่วงเธอฐานทัตผู้เป็นพ่อแม้จะไม่เคยพูด
คีตะกลับไปแล้ว...ในที่สุดคีรติก็หายใจหายคอได้เต็มปอดเสียที ไม่ใช่เพราะเธออึดอัดที่คนรักมาบ้าน แต่เธอไม่ชอบใจท่าทีปฏิบัติต่อแขกของพ่อและพี่ชายตัวเองต่างหาก ทั้งที่คีตะไม่ได้แสดงท่าทีหยาบคายเลยแม้แต่น้อย พวกเขากลับตั้งแง่อคติ ออกตัวชัดว่าไม่ชอบหน้าแฟนเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน“แกจะคบกับมันจริง ๆ เหรอ” ฐานทัตจ้องหน้าลูกสาว ดวงตา สีหน้า รวมถึงน้ำเสียงเขาทั้งดุดันและคมกริบ“ค่ะ”“ทั้งที่แกยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามันเนี่ยนะ”“คุณคีย์เพิ่งกลับมาสานต่อธุรกิจรีสอร์ตของครอบครัว เขาก็บอกพ่อแล้วนี่คะ”“ยัยเค้ก! แล้วแกคิดว่ามันจะรักแกจริงหรือไง แกลืมไปแล้วเหรอว่าแกคือลูกสาวฉัน ใคร ๆ ก็เข้าหาแกเพราะผลประโยชน์กันทั้งนั้น”“ตอนที่เขาเข้าหาเค้ก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้กเป็นลูกใคร” คีรติเถียงหน้าบึ้ง พ่อดูถูกความรักของเธอกับคีตะมากเกินไปแล้ว“แกนี่มัน...โง่ ไม่ทันคนเหมือนเดิมเลย”นี่เป็นอีกเหตุผลที่ฐานทัตไม่สามารถปล่อยวางเรื่องคีรติได้ ภายนอกลูกสาวเขาอาจจะดูแข็งแกร่ง เข้าถึงยาก แต่ความจริงเธอใจอ่อน หัวอ่อน เขาถึงได้ห่วงลูกสาวจอมดื้อคนนี้มากกว่าใคร“คุณคะ ฉันว่าใจเย็น ๆ ก่อนดีกว
คีตะเหม่อมองคฤหาสน์หลังใหญ่ของหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนเห็นจะจริงอย่างที่เคยได้ยินมา...ไอ้เดรัจฉานนั่นเป็นคนตระกูลใหญ่โต มีคนมากมายนับหน้าถือตา มากถึงขั้นที่หากไอ้ฐานทัตทำผิดมหันต์แค่ไหนก็สามารถเก็บกวาดได้หมดจด ไม่เหลือหลักฐานใดให้เอาผิดเหอะ มันจะรู้สึกอย่างไรกันนะ หากรู้ว่าวันนี้ลูกชายของคนที่มันเคยสั่งฆ่าต่อหน้าสาธารณชนกลางที่ทำการพรรค กำลังจะเหยียบย่างเข้ามาในบ้านพร้อมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของมัน!สาเหตุที่คีตะอยากมาที่นี่ เพราะเขาอยากมั่นใจว่าคีรติเป็นลูกชังอย่างที่หล่อนว่า หรือจริง ๆ แล้วเป็นแก้วตาดวงใจของไอ้ชั่วนั่นกันแน่ เรื่องแบบนี้ลำพังฟังจากปากคีรติฝ่ายเดียวไม่พอหรอก“คุณคีย์คะ คุณคีย์” เสียงหวานดังขึ้นฉุดสติเขากลับมาคีตะเก็บสายตาแฝงเลศนัย เอ่ยตอบ “ครับ?”“คุณโอเคไหมคะ เค้กเห็นคุณเหม่อมาสักพักแล้วนะ กลัวพ่อเค้กเหรอ” หญิงสาวกุมมือคนรักอย่างให้กำลังใจหลังทะเลาะกันในคืนนั้น คีรติจึงรวบรวมความกล้าบอกพ่อและพี่ชายว่าเธอจะพา ‘คนรัก’ มารับประทานข้าวที่บ้าน ณ เวลานั้นสายตาดุดันของคนเป็นพ่อตวัดมองมา พร้อม ๆ กับสายตาสงสัยใคร่รู้จากเขตคาม คราแรกพ่อเธอทำท่าเหมือนจะไม่อนุญาต เรื่องนี้คงต้อ
คีรติสงบลงเมื่อรู้ว่าสู้แรงคนโกรธาไม่ไหว ยอมปล่อยให้เขาพาเธอไปยังลานจอดรถ แฟนหนุ่มดันเธอเข้าไปนั่งประจำที่ ส่วนเขาเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับตามปกติ คีตะเวลานี้กำลังหอบหายใจแรง ไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรนลงแม้แต่น้อย ร้อนให้เธอต้องเอื้อมมือแตะแขนคนรัก หวังจะบรรเทาอารมณ์โมโหของเขาให้จางลงบ้าง“คุณคีย์คะ เค้กขอโทษแทนพี่เหม…”“ดูไม่ออกหรือไงว่ามันชอบคุณ!” เขาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างคาดคั้น“คะ?” คีรตินิ่วหน้า “ไม่หรอกค่ะ พี่เหมเป็นเพื่อนสนิทพี่เขต เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเขาก็เลยเป็นห่วงเค้กแค่นั้นเอง”“ผมไม่ได้ต้องการฟังคุณรำลึกความหลังถึงมันหรอกนะ ผมต้องการคำตอบจากใจจริงของคุณ” คีตะไม่เชื่อหรอกว่าคนฉลาดอย่างคีรติดูไม่ออกว่าเหมราชคิดอย่างไรกับเธอแล้วไอ้การที่เธอยอมนั่งกินข้าวอี๋อ๋อหัวร่อต่อกระซิกกับมัน จะมีอะไรไปมากกว่าการทอดสะพานให้ผู้ชายอื่น ทั้งที่ตัวเองก็มีคนรักอยู่ทนโท่แล้วเหอะ! ยังไม่ทันไรลูกสาวไอ้ฐานทัตก็ฉายแวว ‘ร่าน’ แล้วสินะ“โอเคค่ะ เค้กก็ไม่แน่ใจ พี่เหมดูสนใจเค้กแต่เขาไม่เคยบอกเค้กตรง ๆ ซึ่งมันก็ดีแล้วค่ะ เพราะเค้กไม่ได้คิดอะไรกับเขา” คีรติยอมตอบชายหนุ่มในที่สุดใครต่อใครต่างบอกว่
“คุณคีย์...” น้ำเสียงคีรติแฝงแววกังวล ทันทีที่คนรักหย่อนกายลงนั่งเคียงข้างเธอพลางเขม็งมองเหมราชไม่วางตา เธอก็รู้สึกประหม่าปนหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก“เพื่อนเค้กเหรอ” เหมราชจ้องหน้าผู้มาใหม่ รู้สึกไม่ถูกชะตาชอบกล อาจเป็นเพราะแววตาวาวโรจน์คู่นั้น บวกรวมกับท่าทีแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคีรติ ที่อ่านออกได้ชัดเจนราวกับอีกฝ่ายต้องการจะป่าวประกาศให้โลกรู้อย่างไรอย่างนั้นแน่นอน เหมราชผู้ผ่านชีวิตมามากมายมองแค่ปราดเดียวก็ดูออก ไอ้หมอนี่มันกำลัง ‘หึง’ น้องเค้ก!“เอ่อ คือ...” หญิงสาวอึกอัก“แฟน ผมเป็นแฟนเค้ก” คีตะแทรกเสียงแข็งพลางเหล่มองหญิงสาวที่เอาแต่อ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากบอกสถานะทั้งคู่ให้คนอื่นรับรู้วินาทีที่คีตะเห็นเธอนั่งอยู่กับผู้ชายคนอื่น แรกเริ่มเขาแค่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ครั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ จนได้ยินประโยคที่มันพูด...“หลังกินมื้อเย็นเสร็จ พี่ขอไปดื่มที่บาร์ของน้องเค้กได้ไหม”แม่งตั้งใจจะจีบ ‘ผู้หญิงของเขา’ อย่างหน้าด้าน ๆ งั้นสิ!“พี่เหมคะ นี่คุณคีย์ แฟนเค้กเองค่ะ คุณคีย์คะ นี่พี่เหม เพื่อนของพี่ชายเค้ก” หญิงสาวแนะนำชายทั้งสองคนให้รู้จักกันด้วยน้ำเสียงปกติ แม้จะสัมผัสได้ถึงรังส