ไม่น่าเลย! เธอไม่น่าถามเรื่องนี้เลยจริง ๆ เพราะมันไม่ได้จบแค่เท่าที่คีตะบอกเล่า เธอดันเก็บเอาฉากนั้นมาจินตนาการภาพตามไปด้วย
หมายความว่าคีตะกับผู้หญิงคนนั้นกำลัง...
“ตาผมแล้ว” คีตะเรียกสติหญิงสาว คว้าขวดไวน์มาหมุนอย่างไม่รอช้า
และครั้งนี้ ปากขวดชี้ไปทางคีรติจนได้!
“ท้ามาเลยค่ะ หรือจะถามอะไรก็ตามสบาย” ปากแม้จะพูดแบบนั้น ใจหญิงสาวกลับอดกลัวไม่ได้ เธอเล่นถามเรื่องน่าอายกับเขาไปแล้ว ไม่รู้ว่าคีตะจะเอาคืนเธอด้วยคำถามแนวไหน
“คุณมีแฟนหรือยัง”
“คะ?”
ถามแค่นี้เนี่ยนะ!
“ผมอยากรู้ว่าคุณมีแฟนหรือยัง ถ้าให้เดาจากที่เพื่อนคุณเข้าใจผิดเรื่องเราเมื่อเช้า ผมเดาว่าคุณคงโสดอยู่ แต่ถึงยังไงก็อยากได้ยินจากปากคุณมากกว่า” คีตะจ้องเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ฉันยังโสดค่ะ” คีรติตอบ ก็ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้วนี่? เธอสามารถตอบคำถามได้อย่างง่ายดาย ในใจก็นึกหมั่นไส้รอยยิ้มของคนตั้งคำถามไปด้วย
“เหรอครับ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามีคนปล่อยคุณหลุดมือมาได้”
หึ หรือต่อให้เธอมีคนรักก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าคีตะอยากได้ เขาก็ต้องได้!
“เรียกว่าฉันไม่ยอมอยู่ในกำมือผู้ชายคนไหนง่าย ๆ จะดีกว่าค่ะ” คีรติเท้าคางสบตาชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว เธอรู้ว่าคีตะกำลังหว่านเสน่ห์ และก็ยอมรับด้วยว่าเขาทำเธอใจสั่นได้ อาการหนักถึงขั้นที่เธอยังต้องโมโหตัวเองเลยละ
“ดีครับผมชอบผู้หญิงแบบนี้ อ่อ ส่วนผมก็ไม่มีนะครับ...ผมโสด” คีตะอยากให้เธอรู้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ถาม ดวงตาคู่คมก็คอยจับจ้องปฏิกิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหญิงสาวไปด้วยราวกับเหยี่ยวร้ายจับจ้องเหยื่อ
นั่นไง...เป็นอย่างที่คิด
สายตาแกร่งกล้าเมื่อครู่หลบวูบไปจากเขาอย่างรวดเร็ว ไม่เห็นเก่งเหมือนคำคุยเมื่อครู่เลยสักนิด?
“ต่อเลยดีกว่าค่ะ ตาฉันแล้ว” คีรติรีบหมุนขวดไวน์ต่อ กลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจ
ทว่า ฟ้าช่างไม่เข้าข้างเอาเสียเลย ปากขวดดันชี้ตรงมาที่เธออีกแล้ว!
“หวังว่าครั้งนี้คุณคงไม่ถามอะไรไร้สาระอีกนะคะ” หญิงสาวทำสีหน้าเย่อหยิ่งแก้กระดากอาย
“คุณชอบผู้ชายแบบไหน แบบผมพอมีสิทธิ์ไหมครับ...”
“คุณคีย์! ฉันเพิ่งบอกว่าอย่าถามอะไรไร้สาระ” คีรติดุเสียงเข้ม
ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ตรงหน้ากลับยิ้มแย้มเหมือนไม่รู้สึกอะไร กลับกันยิ่งเห็นหญิงสาวเขินเขาก็ยิ่งสนุกที่ได้ไล่ต้อน “แล้วนี่มันไร้สาระตรงไหน สำหรับผมมันมีความหมายมากนะ ผมอยากรู้ว่าผู้ชายแบบไหนถึงจะชนะใจคุณได้ แค่ตอบผมเองคีรติ”
“ฉัน...” ในหัวคีรติมีความคิดมากมายตีกันมัวไปหมด ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเรียบเรียงมันออกมาอย่างไรดี
ปึก!
“ฉันดื่มก็ได้ค่ะ”
คีรติยอมรับความพ่ายแพ้ ยกแก้วไวน์ดื่มหมดในรวดเดียว จริงอยู่ว่าเธอทำงานกลางคืนและต้องชิมเครื่องดื่มตัวเองเป็นประจำ แต่การดื่มหมดแก้วในครั้งเดียวก็สามารถทำเธอมึนได้เช่นกัน
“อะไรกัน ผมว่าคำถามไม่เห็นจะยากตรงไหน นี่คุณถึงกับยอมกลืนน้ำลายตัวเองเลยเหรอ” คีตะเย้าขัน ๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะทำให้คุณยอมดื่มกับผมให้ได้”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ดูร้ายกาจทว่าหล่อเร้าใจเหลือเกินผุดบนใบหน้าคีตะอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหยิบแก้วไวน์ตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“ผมดื่มเป็นเพื่อนคุณแล้วกัน”
“ไม่จำเป็นค่ะ กติกาก็คือกติกา อีกอย่างตอนนี้ฉันไม่ได้มองว่าคุณเป็นลูกค้า คุณเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง แล้ว ‘ผู้ชายคนหนึ่ง’ เกี่ยวอะไรกับกฎที่ฉันเคยบอกเอาไว้คะ” หญิงสาวเถียงกลับยิ้ม ๆ แม้ใจจะเริ่มไม่เป็นสุขก็ตามที เธอไม่น่าหลวมตัวมาเล่นเกมกับผู้ชายอันตรายคนนี้เลยจริง ๆ
“เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะคีรติ” คีตะพยักหน้า ยิ้มพอใจกับคำแถของหญิงสาว แต่แล้วไงล่ะ...จะดื่มในสถานะอะไร สุดท้ายเธอก็ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดอีกก้าวหนึ่งแล้วอยู่ดีนี่?
“ตาคุณแล้ว เริ่มสิคะ เดี๋ยวจะหมดสนุกซะก่อน”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไวน์ขวดนี้จะมีฤทธิ์ทำให้คีรติมึนศีรษะได้ง่ายดายขนาดนี้ อาจเพราะไวน์ที่คีตะเลือกเป็นขวดที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงที่สุดละมั้ง เธอเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท เพราะมัวแต่คิดว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอคงไม่จนมุมเขาแน่...เป็นไงล่ะ เธอหลงกลเขาจนได้
คีตะเทไวน์ลงแก้วของเขาและเธอ ก่อนจะดื่มรวดเดียวหมดอีกครั้ง รสหวานอมเปรี้ยวกรุ่นแอลกอฮอล์ทำให้เขากระชุ่มกระชวย ทั้งยังสนุกที่ได้เห็นคีรติกำลังท้าทายเขามากขึ้น
“ฉันว่าไม่ต้องเล่นแล้วมั้งคะ ดูท่าคุณคงอยากดื่มมากกว่า”
“ผมอยากเล่น” คีตะไม่ฟังคำทัดทานนั้น ยกมือเริ่มหมุนขวดไวน์อีกครั้งทันที
คราวนี้ปากขวดชี้มาที่ตัวเขาเอง ชายหนุ่มเงยหน้าสบตากับบาร์เทนเดอร์สาวด้วยความคาดหวัง
อยากรู้จังนะว่าครั้งนี้เธอจะเลือกถามอะไรเขา
“จริง ๆ ฉันไม่มีอะไรอยากจะถามแล้ว” หญิงสาวทำทีเป็นไหวไหล่เบา ๆ ด้วยเกรงว่าหากถามอีกเขาคงจะหาคำตอบมาทำเธอใจสั่นเหมือนครั้งแรกอีก
“ถามเถอะ ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องสงสัยในตัวผมอีกเยอะ”
“โอเคค่ะ เห็นคุณบอกว่าเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่นานแล้วก็มีธุรกิจครอบครัวที่กำลังทำอยู่ แต่ฉันอยากรู้ค่ะว่าถ้าเลือกได้ตอนนี้ คุณอยากทำอะไรมากที่สุดคะ” คีรติถามด้วยความอยากรู้จากใจจริง ไม่ใช่ว่าเธออยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขา คำถามนี้มันซับซ้อนกว่านั้น เธออยากรู้ว่าคนที่มีพร้อมทุกอย่างเพียบพร้อมแบบคีตะ หากเลือกได้ เขาจะยังเลือกสืบทอดธุรกิจของครอบครัวอยู่ไหม
“อยากรู้จริง ๆ เหรอว่าผมอยากทำอะไร” คีตะสบตาคนตรงหน้า รอยยิ้มเขาเลือนลับหาย หลงเหลือเพียงแต่สายตาที่เปี่ยมปรารถนามากล้น
ความต้องการที่รุ่มร้อนดั่งไฟสุมก่อตัวขึ้นอย่างที่คีตะเองก็ไม่คาดคิด พลันสายตาเลื่อนลงมองริมฝีปากอวบอิ่มของคีรติอย่างอดใจไม่ไหวอีกครา
หนนี้เขาหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!
หมับ!
“อื้อ...?!” คีรติไม่ทันตั้งตัวเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกคนตัวโตคว้าต้นคอแล้วกดจูบในเวลาไม่ถึงเสี้ยววิฯ หญิงสาวพยายามปฏิเสธจูบอันจาบจ้วงของเขา ทว่าเรี่ยวแรงเธอไม่สามารถต้านทานชายหนุ่มได้เลย ครั้นเมื่อเขาพยายามจูบเธออย่างนุ่มนวลมากขึ้น ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อเกิดจนคีรติหูอื้อตาลาย มือที่เคยผลักไสแปรเปลี่ยนเป็นวางลงบนบ่าแข็งแกร่งราวกับต้องการหาที่ยึดหลัก ก่อนเริ่มจูบตอบอย่างไม่ประสีประสา
ท่าทีตอบสนองของหญิงสาวทำให้คีตะพึงพอใจอย่างมาก เขาค่อย ๆ จูบริมฝีปากนุ่มอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีโอนอ่อนค่อยสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปชิมความหวานข้างใน ไม่ต่างจากผึ้งที่กำลังไล่กวาดชิมน้ำหวานอย่างไม่รู้จักพอ
ชายหนุ่มเกี่ยวตวัดลิ้นเล็กของเธออย่างคนมากประสบการณ์ ขณะเดียวกันแขนทั้งสองข้างก็รั้งร่างบางมาอยู่ในอ้อมกอดได้สำเร็จ
หวาน...หวานเหลือเกิน
คีรติหอมหวานจนคีตะอยากทำมากกกว่านี้ ทว่าเขาจำต้องถอนจูบออกอย่างน่าเสียดาย
“ผมอยากจูบคุณ”
“แล้วไปค่ะ ไม่งั้นเค้กก็แย่เลยสิ” คีรติถอนหายใจ ยินยอมเปิดเปลือยทุกความรู้สึกของตนให้ชายหนุ่มรับรู้อย่างไม่อาย สำหรับความรักครั้งนี้ เธอไม่อยากมีข้ออคติในใจ รวมทั้งอยากให้ชายหนุ่มได้รู้จักตัวตนของเธอในทุกด้านด้วย“จริงสิ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมมีแฟนล่ะ ลูกค้าหนุ่ม ๆ ก็น่าจะตามจีบคุณเยอะไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่สนใจคุณ”“อืม...ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวย่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้เค้กคิดว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร คนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยถามว่ามีไหม มันก็มีค่ะ แค่สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะพ่อเค้กไม่อนุญาตให้มีแฟน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ท่านเลือกให้”หญิงสาวกำลังนึกถึง ‘เหมราช’ เพื่อนของพี่ชาย คนที่ฐานทัตผู้เป็นพ่อหมายมั่นจะให้เป็นคนรักของเธอ จริงอยู่ว่าเหมราชแสดงออกชัดเจนว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าพี่น้อง แม้เขาจะไม่เคยพูดมันออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่เธอมองเหมราชเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะเข้าใจไปว่าทุกสิ่งที่เขาทำน่าจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นพ่อ“แบบนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นสินะ” คีตะเหยียดยิ้ม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เขาเลือกเข้าหาคีรติ เธอคงไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้...รู
ก๊อก ๆ ๆ คีรติเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ปัญหาใหญ่ที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้นั่นคือ พวกเขาสองคนไม่ได้ตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนมาด้วย ทว่า…ก่อนจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนหญิงสาวจัดสาบเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างให้ปกปิดมิดชิด แล้วเดินไปส่องที่ตาแมวตรงประตู พบว่าเป็นพนักงานหญิงของทางโรงแรมจึงเปิดให้ทันที“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงเป็นมิตร“ดิฉันเอาเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิงค่ะ” พนักงานคนดังกล่าวส่งถุงใส่ของมาให้เธอคีรติส่ายศีรษะปฏิเสธ “เอ่อ แต่ว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ”“คุณผู้ชายที่มากับคุณเป็นคนสั่งให้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานตอบยิ้ม ๆ“อ่อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คีรติยอมรับถุงเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้หญิงสาวเปิดถุงเสื้อผ้าออก พบว่ามีเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้สวยน่ารักหรือสวมใส่สบายเท่าชุดนอนตัวโปรดของเธอ แต่คีรติกลับพอใจกับมันจริง ๆ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สามารถใส่เสื้อยืดผู้ชายแบบโอเวอร์ไซซ์ได้ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงหาซื้อชุดให้เธอลำบากแย่ว่าแต่...ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะเธอมองเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เด
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ว่าแต่คุณออกมากับผมแบบนี้ทางบ้านว่าอะไรไหม” คีตะเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ เขารู้ว่าคีรติเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสของฐานทัตกับภรรยาน้อย แต่ที่เขาไม่แน่ใจนักคือความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อ ในข่าวต่างตีแผ่มากมายว่าเธอเป็น ‘ลูกนอกคอก’ ที่พ่อไม่รัก แต่พอได้รู้จักกับหญิงสาวจริง ๆ คีตะไม่อยากจะเชื่อว่าฐานทัตจะใจจืดใจดำจนไม่นึกรักลูกสาวคนนี้ในเมื่อคีรติทั้งน่ารักและอ่อนหวานเสียปานนี้“อ่อ เค้กไม่ได้บอกอะไรค่ะ” สีหน้าหญิงสาวหม่นลง หากบอกพ่อว่าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน มีหวังทั้งเธอและคีตะคงไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไปแน่“ทำไมล่ะ...เอ่อ ขอโทษถ้าผมเสียมารยาท คุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ”“คุณไปอยู่เมืองนอกมานาน เค้กไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักพรรคการเมืองในไทยบ้างหรือเปล่า”“ทำไมเหรอครับ” คีตะกระตุกยิ้มซ่อนแววตาลึกล้ำทำไมจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้เลยละ!“พ่อของเค้กท่านเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนค่ะ” เธอเดาไม่ออกเลยว่าคีตะจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจจะดีใจที่ได้คบหากับผู้หญิงจากครอบครัวมีอำนาจ แต่บางคนอาจจะมองว่าการคบหากับเธอจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียมากกว
คีรติกับคีตะเป็นแฟนกันแล้วทุกสิ่งอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่เมื่อทั้งสองคนต่างเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้กัน คีรติกลับมีความสุขมาก เธอรู้ใจตัวเองยิ่งขึ้นว่าตนหลงรักชายหนุ่มมาก...มากเสียจนไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเขาคือรักแรกของเธอ และเธอก็หวังว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไปด้วย“รอนานไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักบุคคลที่หญิงสาวกำลังนั่งเหม่อคิดถึงอยู่เดินเข้ามาด้านในบาร์ วันนี้คีตะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำทะเล ลุคของชายหนุ่มวันนี้ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกสบายตา แม้จะแตกต่างจากทุกคืนที่เธอได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคีตะเป็นผู้ชายหุ่นดี ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าแบบใดก็ยังน่ามองเสมอ“ไม่เลยค่ะ ไปกันเลยไหม” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ‘แฟนหนุ่ม’ แล้วก้าวไปหาเขา“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักจัง” คีตะหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆวันนี้คีรติสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ผ้าพลิ้ว ปล่อยผมยาวสลวยเป็นลอนคลาย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ส่งเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและเซ็กซี่ในคราเดียวกัน“ปากหวานแต่หัววันเลยนะคะ” หญิงสาวแสร้งค้อน ตั้งแต่คบกันมาไม่เค
“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่“คีรติ…ผ
“คุณ...อื้อ!” วินาทีต่อมา ริมฝีปากหยักกดลงหาเธออีกครั้งคีตะจูบเธออย่างคนไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไออุ่นและกลิ่นกายหญิงสาวก็ยิ่งพาให้สติคีตะกระเจิดกระเจิงเลือนหาย คล้ายคนมึนเมาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจคีรติทำให้เขา ‘อยากได้’ เธอจนแทบคลั่ง!“คุณคีย์ ปล่อยค่ะ อื้อ...” คีรติพยายามห้ามปากร้อนที่เริ่มคลอเคลียลงมาถึงตรงซอกคอขาว น้ำเสียงเธอสั่นระริกด้วยความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หารู้ไม่ว่าแม้ปากตนจะเอ่ยห้าม มือทั้งสองข้างกลับเกาะเกี่ยวร่างหนาไว้แน่นไม่ให้ห่างกายไปไหนแต่เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...พลั่ก! “เค้ก..” คีตะถูกหญิงสาวผลักอกอย่างแรงจนสติกลับเข้าร่างทันทีให้ตายเถอะ! ชายหนุ่มนึกอยากจะชกหน้าตัวเองแรง ๆ สักที โทษฐานที่พลั้งเผลอไปตามอารมณ์วาบหวามจนเกือบจะหักหาญน้ำใจเธอ หากเขาทำอะไรเกินเลยไปตอนนี้ละก็ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะไหวตัวทัน แล้วทุกสิ่งที่ทำมาก็อาจจะพังทลายลงได้ในพริบตาเย็นไว้ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้ผู้หญิงคนนี้สักวัน...คีตะเตือนตัวเองพลางยกมือลูบผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง คนตัวเล็กรีบลุกออกจากตักเขาราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสือร้ายก็ไม่ปาน แม