กิ่งไม้แหลมเล็กพุ่งเข้าใส่ปักท่อนแขนดุจลูกศรยิงจากธนู ดวงตาคมวาวจ้องมองด้วยความงุนงง ความเจ็บแปลบตอกย้ำว่านี่เป็นเรื่องจริง โลหิตสีเข้มไหลออกมา องค์ชายเฟยเทียนจึงขยับท่อนแขนพิศมองด้วยความประหลาดใจ
สิบปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีสิ่งใดทำร้ายท่อนแขนมังกรข้างนี้ได้เลยสักครั้งเดียว!
“ท่านอ๋อง” ว่านหนิงเหมยได้สติ ทรงตัวได้ก่อนจะล้มไปก้นกระแทกพื้น พอเห็นกิ่งไม้แหลมเล็กนั่นก็รู้ทันทีว่าเป็นเพราะนาง เมื่อหกปีก่อนก็เป็นเช่นนี้ เพราะนางตกใจและหวาดกลัวผสมกับรู้สึกถูกคุกคาม ต้นไม้จึงปกป้องโดยที่นางเองไม่ได้สั่งให้ทำร้ายใคร
“ท่านอ๋อง”
เป็นเสียงขององครักษ์ที่เฝ้าดูอยู่ไม่ไกลนัก เพราะติดตามองค์ชายมานาน รู้ดีถึงแขนซ้ายที่เป็นดั่งเกราะเหล็กกล้าปกป้องผู้เป็นนายได้ยอดเยี่ยมเพียงใด จึงไม่ได้ออกมาปกป้องแต่แรก ไม่คิดว่ากิ่งไม้เล็กๆ ที่จู่ๆ ก็พุ่งเข้าใส่นั้น ปักท่อนแขนซ้ำยังทำให้โลหิตหลั่งอีกด้วย!
“ไม่เป็นไร เล็กน้อยเท่านั้น” องค์ชายเฟยเทียนโบกมือห้าม หากเปรียบเป็นลูกศรยามออกรบก็เรียกได้ว่านี่เป็นศรเตือน ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดมากนักหรือจะเอาชีวิตเขาแต่อย่างใด
“หม่อมฉัน...” นางพูดอะไรไม่ออก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำอย่างไรดี? นางควรทำอย่างไร เรื่องเก่ายังไม่ทันสะสาง เรื่องใหม่เกิดซ้ำอีกแล้วรึ
“หม่อมฉันไม่สบายขอทูลลาเพคะ”
หญิงสาวย่อตัวคารวะแล้วหันหลังวิ่งหนีไปทันที!
“ท่านอ๋อง” เป็นเจิ้งไฉที่เอ่ยขึ้นขอคำสั่งจากชายหนุ่ม
“สืบดูแต่อย่าทำร้ายนาง”
“รับทราบ!” เพียงพริบตา เจิ้งไฉกระโจนไปอย่างรวดเร็วราวกับหายตัวได้
“อย่าให้ผู้ใดรู้ ตามซิ่นเจี่ยงมาพบข้าที่ห้อง”
“รับทราบ!” เจิ้งหู่รับคำสั่ง
องค์ชายเฟยเทียนดึงกิ่งไม้นั้นออก ใช้มือกดปากแผลเพียงครู่เดียวเลือดก็หยุดไหล กิ่งไม้แหลมเล็กปักเข้าไปไม่ลึก เพียงแต่ความเร็วและแรงนั้นทำให้ปักแน่นไปสักหน่อย คล้ายเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพียงแต่ครั้งนั้น กิ่งไม้ตวัดคล้ายแส้พลาดไปถูกแก้มขวาของเด็กหญิงสิบสองขวบผู้นั้น!.
เพราะรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ครั้งนี้รถม้าจึงมาส่งว่านหนิงเหมยถึงคฤหาสน์ตระกูลว่าน
เมื่อลงจากรถม้าแล้ว หญิงสาวยื่นมือรับห่อผ้าจากขันที ส่งยิ้มให้กันเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน มือเล็กยกขึ้นแตะหน้าผาก รู้สึกเหงื่อออกมากเกินไป ปกตินางไม่ค่อยมีเหงื่อออกมากขนาดนี้
“นึกว่าเจ้ากลับบ้านไม่เป็นแล้วเสียอีก”
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย สูดลมหายใจลึกเตรียมรับมือกับคุณชายว่านซือสือ แม้นางกับเขาจะเกิดปีเดียวกัน อายุเท่ากันแต่ฐานะของนางนั้นไม่อาจเปรียบกับลูกชายคนโตของภรรยาเอกได้เลยสักนิด
“คุณชายมีอะไรจะใช้ข้ารึ?” นางเริ่มเวียนศีรษะขึ้นมาแล้ว
“อย่างข้านะเรอะจะกล้าเรียกใช้คนโปรดของฮองไทเฮา”
ชายหนุ่มคลี่พัดโบกไปมา ว่านหนิงเหมยชินชากับการพูดจาประชดประชันแกมหาเรื่องของว่านซือสือบุตรชายคนโตของท่านพ่อแล้ว ตั้งแต่จำความได้ นางก็เป็นเสมือนของเล่นที่เขารังแกอยู่เสมอ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน เหนื่อยกับการรับใช้ฮองไทเฮาเหลือเกิน” นางเพียงทำท่าทางนอบน้อมเจียมเนื้อเจียมตัว กระชับห่อผ้าไว้แนบกับอก หมุนตัวเดินออกไปได้แค่ครึ่งก้าว ไหล่ก็ถูกกระชากเอาไว้ก่อน
“ถือตัวว่าเป็นคนโปรดเรอะ! ที่แท้ก็ไม่ต่างจากคนรับใช้!”
ว่านหนิงเหมยคลี่ยิ้ม “คุณชายซือสือกล่าวมาล้วนถูกต้อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนรับใช้ของผู้ใด”
“เจ้านี่! ช่างปากกล้าเกินไปแล้ว” เขารวบพัดแล้วยกขึ้นหมายใช้ตีศีรษะของอีกฝ่ายเป็นการสั่งสอนเหมือนที่ทำกับบ่าวไพร่ หากไม่พอใจก็ลงไม้ลงมือทุบตีเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่านหนิงเหมยกลับเชิดหน้าขึ้นไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกไปสักนิด
“เชิญคุณชายสั่งสอนข้าได้ แต่ถ้าข้ามีบาดแผลหรือรอยช้ำละก็ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทูลฮองไทเฮาอย่างไร”
มือที่ยกอยู่ชะงักค้างในอากาศ กลายเป็นว่านซือสือที่ไม่กล้าลงมือกับนาง
“หนิงเหมย กลับมาแล้วรีบไปที่ห้องของเจ้าเสีย อย่ามายืนเกะกะหน้าบ้านเช่นนี้”
ว่านหนิงเหมยหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เป็นมารดาของนางเดิน
เข้ามาพร้อมสาวใช้วัยกลางคน นางจึงยอมลดอารมณ์ ไม่ปะทะกับว่านซือสือ ตั้งแต่เด็กนางมักถูกผู้อื่นรังแกเสมอ แม้แต่มารดาก็ไม่เคยปกป้อง หลังจากที่นางได้เข้าวังรับใช้ฮองไทเฮา พอได้หยิบยกเอาเรื่องนี้ไว้เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นกล้ารังแกนางได้อีก แม้ความจริงยามอยู่ในวังหลวงก็ไม่มีตัวตนสลักสำคัญอันใดนัก
“ท่านแม่ ของในห่อนี้ฮองไทเฮาประทานให้ รบกวนท่านแม่ด้วย”
นางยื่นห่อผ้าที่ได้มาส่งให้หญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างมารดา ตั้งแต่มีโอกาสได้รับใช้ฮองไทเฮา ไม่ว่านางได้รับสิ่งใดจะมอบให้มารดาเสมอ ส่วนมารดาเก็บไว้ให้นางหรือนำไปทำอะไร ก็สุดแท้แต่ความประสงค์ของมารดา มีเพียงสายตาเศร้าสร้อยฉาบที่แววตาของนางเพียงครู่เดียว หญิงสาวผงกศีรษะให้มารดาเล็กน้อย หมุนตัวเดินไปที่ห้องพักของตัวเอง
เด็กชายตัวเล็กพอรู้ว่านางกลับมา รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาต้อนรับ ว่านหนิงเหมยยิ้มให้จ้าวต้า มีเพียงแค่เด็กคนนี้กระมังที่รอคอยนางกลับมาด้วยสายตายินดีเช่นนี้
“เป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่อยู่บ้านสองสามวัน มีใครรังแกเจ้าหรือไม่” ว่านหนิงเหมยยื่นมือไปลูบผมของเขาเบาๆ
“ไม่มีขอรับ” เด็กชายยืดอกพูด เขาไม่พูดความจริงเพราะเกรงทำให้คุณหนูเป็นกังวล เขาจะอดทน ไม่ว่าคุณชายทั้งสองจะกลั่นแกล้งอย่างไรก็ตาม
“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เจ้าไปบอกป้าฮุยเหอว่าข้าไม่ค่อยสบายช่วยต้มโจ๊กร้อนๆ ให้ข้าสักชามเถิดนะ”
“คุณหนูไม่สบายหรือ? ให้ตามหมอไหมขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก พักผ่อนเสียหน่อยคงดีขึ้น เจ้าไปเอาน้ำอุ่นให้ข้าสักอ่างก็แล้วกัน ข้ารู้สึกมีไข้”
“ขอรับคุณหนู”
ว่านหนิงเหมยมองร่างเล็กรีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว นางยิ้มให้กับความรีบร้อนของจ้าวต้า เมื่อเดินไปถึงห้องนอนของตนเอง นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเอนหลังลงนอนพักผ่อน เพิ่งหย่อนตัวลงนั่งจ้าวต้าเดินเร็วๆ เข้ามาพร้อมอ่างใส่น้ำอุ่น เขาวางอ่างใบนั้นลงบนโต๊ะหยิบผ้าที่พาดบ่าลงชุบน้ำบิดหมาดๆ เดินมาทางนางหมายจะเช็ดหน้าให้ แต่ท่าทางเงอะงะขัดเขินของเขานั้น สร้างรอยยิ้มให้กับว่านหนิงเหมยจนเด็กชายเขินอายเสียเอง
ลมหายใจของเขามีไว้เพื่อนาง ลมหายใจของนางมีไว้เพื่อ เรื่องย่อ เรื่องราวระหว่างเทพมังกรดิน ฮวงหลง และหญิงสาวเดินดินนามซิ่นฮวา เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้หญิงสาวมองเห็น ‘เทพมังกรดิน’ เขาจำ(ใจ)ต้องปรากฏกายทุกครั้งที่นางเรียกขานนามของเขา ทำให้เทพเซียนชั้นฟ้ากลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็กหญิงตัวน้อย จวบจนนางเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง กฎสวรรค์ทำให้เขาต้องหักห้ามใจ แต่เพราะนางและเขามีชะตาที่ต้องชดใช้กรรมร่วมกัน และมีเพียง ‘ลมหายใจมังกร’ เท่านั้น ที่จะต่อลมหายใจของนางได้ เส้นทางที่เขาเลือกมิใช่สิ่งที่นางปรารถนา เพียงหนึ่งชาติภพเพื่อให้ใจได้ ‘รัก’ แม้ช่วงเวลานั้นจะแสนสั้น.... นางก็ยินดี จาก ‘ท่อนแขนมังกร’ สู่ ‘ลมหายใจมังกร’ (ท่อนแขนมังกรรุ่นลูก) ‘ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างกายท่าน จะไม่มีวันทอดทิ้งท่านอย่างเด็ดขาด’ “แม้ว่าข้าจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ เจ้าก็ยังอยู่เคียงข้างข้าหรือ?” ‘แน่นอน’ นางยืนยันด้วยแววตาใสซื่อ ‘ข้ามิได้รักท่านที่หน้าตา แต่เพราะจิตใจของท่านต่างหากที่ข้าหลงรัก’ “เจ้ารักข้า?” คำสารภาพรักของนางนั้น เขาได้ยินมานับร้อยนับพันครั้งแล้วกระมัง แต่ครั้งนี้ แม้นางไม่ไ
“เช่นนั้นเจ้าไม่ลองมีลูกสาวให้เป็นเพื่อนซิ่นฮวาอีกคนเล่า เด็กๆในตำหนักมีแต่เด็กผู้ชาย ถ้ามีลูกผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกคนก็คงดีไม่น้อย ตอนนี้ซิ่นสือก็สามขวบแล้ว ถ้าเจ้าจะมีลูกอีกสักคนก็...”บุรุษหนุ่มผู้กรำศึกมานับไม่ถ้วนถึงกับสะอึกไปเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของภรรยาตัวน้อย“ข้ามิใช่แม่หมูนะ” เหตุใดมาเคี่ยวเข็ญให้นางตั้งท้องขนาดนี้นะ“โธ่! เพราะเห็นเจ้าเป็นภรรยาหนึ่งเดียวของข้าถึงได้ชวนเจ้ามีลูกอีกสักคนหรือสองคนก็ได้” เขาโอบไหล่นางพานางกลับเข้าห้องพัก ปล่อยให้จ้าวต้าอยู่กับลูกชายสองคนของเขา คงเป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจจากว่านหนิงเหมยให้จ้าวต้าไปรับตัวซิ่นฮวาจากสวนกระจ่างใจจ้าวต้าโคลงศีรษะไปมาแล้วมองเด็กน้อยทั้งสอง แม้ฐานะของเขาต้อยต่ำนัก แต่เขาเสมือนพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลเด็กๆ เหล่านี้ เขาถอนหายใจก่อนยิ้มอ่อนโยน จูงมือซิ่นหลิงและอุ้มซิ่นสือไปส่งป้าฮุยเหอก่อนแล้วค่อยไปรับเด็กหญิงแสนซุกซนผู้นั้นเด็กหญิงตัวต้นเรื่องนั่งหน้าบึ้งตึงในศาลาหกเหลี่ยมของสวนกระจ่างใจ ท่านแม่ให้นางนั่งสำนึกผิดอยู่ผู้เดียว แต่กระนั้น นางก็รู้และมั่นใจว่าองครักษ์ของท่านพ่อคอยจับตาดูนางอยู่“เรื่องนิดเดียวเอง ไยท่านแม่ต้องโกรธถึงเ
ชายหนุ่มวัยสิบหกพาเรือนร่างกำยำเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้าคมเข้ม แม้อายุเพียงแค่สิบหกปีแต่เพราะฝึกฝนวรยุทธ์อย่างเข้มงวด ทำให้เขาดูสูงใหญ่กว่าชายหนุ่มวัยเดียวกัน แทบไม่เหลือเค้าโครงเด็กชายผอมกะหร่องที่ค่อยติดตามพระชายาเลยแม้แต่น้อย เพียงร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถง พลันประสาทรับรู้ถึงการพุ่งเข้าใส่ ทว่าเขากลับไม่ปัดป้องหรือหลบหลีก ยอมให้ร่างเล็กโถมเข้าใส่สุดแรงจนเสียหลักหงายหลังล้มลงให้เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบนั่งทับ “พี่จ้าวต้ากลับมาแล้ว!” มือน้อยของเด็กชายขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่าย สีหน้าตื่นเต้นดีใจทั้งที่ไม่เจอกันแค่สามเดือน “คุณชายซิ่นหลิง” ชายหนุ่มหัวเราะขบขันกับท่าทางดีอกดีใจของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าผู้ที่พุ่งเข้ามาเป็นใครจึงยอมให้นั่งทับบนร่างตัวเองเช่นนี้ เขาจับไหล่เด็กชายตัวน้อย ยกตัวขึ้นเพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้ “พี่จ้าวต้ามาแล้ว ไปช่วยซิ่นฮวาเร็วๆ เข้า” มือน้อยกระตุกมือใหญ่แล้วชี้ไปทางด้านหลังของตำหนักดุจตะวัน “หือ? คุณหนูเป็นอะไรไปขอรับ” เขาถามพลางมองไปตามทิศทางที่นิ้วป้อมๆ ชี้ไป ถ้าคุณหนูตัวน้อยอยู่ที่สวนก
พูดได้แค่นั้นก็อยากจะอาเจียนหรือหาของเปรี้ยวมากิน คราวนี้ฮองไทเฮาอดหัวเราะไม่ได้ ในขณะที่หลานรักอย่างเขากลับรู้สึกอับอายยิ่งนัก เพราะหลบสายตาของผู้เป็นย่าจึงปะทะกับสายตาล้อเลียนขององครักษ์ฝาแฝดทั้งสอง ทำได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ ก็ใครใช้ให้เขารักนางมากขนาดนี้กันเล่า เฮ้อ!“เอาเถิดๆ อย่างไรข้าจะเป็นยายแก่หนังเหนียวรอเจ้าพาเหลนและสะใภ้กลับมาเยี่ยมอยู่ที่นี่”องค์ชายเฟยเทียนโค้งตัวอำลาฮองไทเฮา คราวนี้เขาไม่รั้งอยู่นาน ใช้วิชาตัวเบาราวล่องหนหายออกไปจากวังหลวงพร้อมองครักษ์ทั้งสองอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปดูแลคนที่ทำให้เขาต้องออกอาการแพ้ท้องแทนอยู่อย่างนี้ตุนหวงรถม้ามาหยุดหน้าตำหนักดุจตะวัน หญิงวัยกลางคนโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถอย่างไม่มั่นใจนัก จนกระทั่งเห็นเด็กชายที่เคยเลี้ยงดูรีบวิ่งเข้ามาหา นางจึงยิ้มกว้างออกมา“จ้าวต้า”“ป้าฮุยเหอมาแล้ว” จ้าวตารีบไปประคองให้นางลงจากรถม้า ก่อนท่านอ๋องเดินทางไปเมืองหลวงได้สอบถามเขาถึงคนสนิทหญิงรับใช้ที่บ้านเดิม ท่านอ๋องต้องการให้พระชายามีคนคุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือยามตั้งครรภ์แรก เขาจึงนึกถึงป้าฮุยเหอที่ดูแลเขาและพระชายามาตั้งแต่เกิด แต่เ
ดวงเนตรเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินโอรสที่ทรงหมางเมินกล่าวออกมาเช่นนี้ จ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกันนัก สิ่งที่ลูกชายพูดออกมานั้นล้วนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ทุกครั้งที่มองใบหน้านี้จึงเหมือนมองตนเองในวันวัยเดียวกัน ยามที่เป็นเพียงองค์รัชทายาทก็ราวกับเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ใครต่อใครบงการ พยายามอย่างยิ่งให้เป็นที่ยอมรับ ได้รับความรักจากบิดาหรือก็คืออดีตฮ่องเต้องค์ก่อน แม้รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นไม่ถูกต้อง แต่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าบุรุษเบื้องหน้าผู้ถอดแบบเขาออกมาแทบทุกกระเบียดนิ้ว จะมองออกจนทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ “สิ่งที่กระหม่อมทำก็เพื่อแผ่นดินมังกรแห่งนี้ ศึกภายในกระหม่อมไม่ขอยุ่งเกี่ยว กระหม่อมมิสนใจว่าผู้ใดต้องการกำจัดกระหม่อม แต่ชีวิตของกระหม่อมขอเพียงได้ปกป้องราษฎรและรักษาแผ่นดินที่แลกมาด้วยหยาดโลหิตและชีวิตทหาร หากกำจัดกระหม่อมไปแล้ว เห็นทีว่าจะไม่เป็นผลดีต่อแผ่นดินนี้”“เจ้ากำลังข่มขู่ข้ากระนั้นรึ” “มิได้ กระหม่อมแค่ต้องการย้ำให้พระบิดาเข้าใจ อย่าได้สิ้นเปลืองสมองมาระแวงกระหม่อม”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง
เทพมังกรดินดูผลงานของตน เฝ้ามองเหล่ามารปีศาจกลับคืนสู่นรกแล้ว จึงกลายร่างเป็นบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง เดินเข้าไปหาคนทั้งสอง หญิงสาวพลิกตัวใช้ร่างของตนบังร่างของชายที่นางรักไว้ แม้นางรูปร่างเล็ก แต่กางแขนออกเพื่อปกป้องเขา“หนิงเหมย” เขาปรามนาง อยากจะหัวเราะที่เวลานี้มีหญิงสาวตัวเล็กกางแขนปกป้องเขาเต็มที่ ในชีวิตของเขา จะมีใครสักกี่คนที่ยอมอยู่เคียงข้างเช่นนี้ เพียงหนึ่งชีวิตอันแสนสั้น ได้รู้จักรัก หัวใจได้รับความรักก็นับว่ามีค่าและมีเกียรติให้ตายได้อย่างสงบแล้วเป็นนางเท่านั้นที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะรัก ได้สัมผัสความรัก เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆ เทพมังกรดินจ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองแล้วก็ลอบถอนหายใจ นี่แหละหนา จึงเป็นได้เพียงมนุษย์ไม่อาจละทิ้งอาวรณ์ได้ เขายื่นมือไปใช้เพียงปลายนิ้วแตะน้ำตาของหญิงสาว ว่านหนิงเหมยเบิกตาโต เห็นน้ำตาของตนกลั่นกลายเป็นก้อนกลมเล็กดุจลูกแก้ววาววับลอยเหนือฝ่ามือของเทพมังกรดิน แล้วยื่นไปที่เบื้องหน้าขององค์ชายเฟยเทียน “นี่คือ...” ว่านหนิงเหมยพึมพำ “กลืนมันลงไป” เทพมังกรดินสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด องค์ช