เข้าสู่ระบบ“เขา” คือหนุ่มลูกครึ่งเมืองกรุงกับชาวไร่ “เธอ” คือสาวชาวกรุงผู้ต่ำต้อย เพราะธุรกิจจึงทำให้เขาได้พบเธอบ่อยครั้ง เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอต้องหนี หนีจากจิ้งจอกเฒ่าไปเจอสิงโตเจ้าเล่ห์อย่างเขา
ดูเพิ่มเติมสาวสวยหุ่นนางแบบ เครื่องหน้าจิ้มลิ้มรับกันดีทุกส่วน กำลังเดินยิ้มหน้าบานอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ตรงไปหาเป้าหมายที่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าตึงเครียด
“จ๊ะเอ๋” เธอตบโต๊ะเบา ๆ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“ปลาย พี่ตกใจหมดเลย”
“อะไรกัน แค่นี้ตกใจ มัวแต่คิดถึงใครอยู่ล่ะพี่แฟน” ทิตยาหรือปลาย ถามเพื่อนร่วมงานที่มีสถานะเป็นลูกจ้าง และยังเคยเป็นรุ่นพี่ที่เรียนคณะเดียวกันกับเธอมาก่อน จึงสนิทกันมากตั้งแต่สมัยเรียน
“เอ่อ..”
“ห้ามบอกว่าไม่มีอะไร เพราะปลายไม่เชื่อเด็ดขาด”
“หน้าพี่มันฟ้องขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอใช้ฝ่ามือคลำใบหน้าตัวเอง
“ก็ใช่นะสิ หน้าพี่มันฟ้องชัดมาก ๆ แล้วจะบอกได้หรือยังว่าเรื่องอะไร” ปกติรุ่นพี่ของเธอเป็นคนอารมณ์ดีจะตาย ออกจะต๊อง ๆ บ๊อง ๆ ด้วยซ้ำ คุยกันแต่ละทีเสียงดังลั่นไม่สนใจชาวบ้านชาวช่อง
“เครียดเรื่องแม่น่ะ ตอนนี้แม่พี่แอดมิตอยู่ที่โรงพยาบาล อาการยังไม่ดีขึ้นเลย” เธอนึกถึงมารดาที่ตอนนี้นอนป่วยอยู่ เมื่อก่อนตอนที่ยังแข็งแรงดี หลังจากเลิกจากงานแล้ว แม่เธอก็ออกตะลอน ๆ ไปตามบ่อนการพนัน แถว ๆ ชุมชนที่เธออาศัยอยู่เป็นประจำทุกวัน..
แม่เป็นพนักงานเทศบาล มีหน้าที่กวาดถนน วันหนึ่งทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว จึงมีเวลาว่างเหลือเฟือ
แรกเริ่มเดิมทีแม่ของเธอไม่ใช่คนติดเล่นพนันแบบนี้ แม่เธอเป็นคนดี ขยันทำงาน เลิกจากงานประจำก็จะทำขนมส่งขายตามร้านค้าแถวบ้านที่รู้จักกัน เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
จนกระทั่งเธอเรียนจบและเริ่มทำงาน จึงบอกให้แม่หยุดทำขนม เพราะเธอได้เงินเดือนมากพอที่จะอยู่กันสบาย ๆ สองคนแม่ลูก แต่เธอคิดผิด เพราะเมื่อแม่ว่างมากขึ้น เพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วยกันก็เริ่มชวนแม่เข้าบ่อน แรก ๆ ก็เล่นแบบสนุก ๆ ลงตาละบาทสองบาท ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่าแค่เล่นเพื่อเข้าสังคมกับเพื่อนฝูงในกลุ่มเท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ได้บอกกับเธอว่าจะพาสามีใหม่มาให้รู้จัก ตอนนั้นเธอแทบช็อก และถามถึงที่มาที่ไปของผู้ชายคนนั้น จึงรู้ว่าแม่ไม่ได้เล่นการพนันเพื่อความสนุกสนานแบบแต่ก่อนแล้ว แต่แม่เล่นหนักขึ้นและเข้าบ่อนที่ใหญ่ขึ้น จนได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้น ที่อายุน้อยกว่าแม่เกือบสิบปี เขาอายุแค่สามสิบปลาย ๆ เท่านั้น.. แต่ถ้าเทียบกับแม่เธอแล้ว ดูเหมือนจะอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกัน เพราะแม่แต่งตัววัยรุ่นและรักษารูปร่างได้ดีมาก และที่สำคัญแม่เธอเป็นคนสวย
หลังจากพูดกับเธอได้ไม่นาน แม่ก็พาสามีใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน ตลอดระยะเวลาห้าปีที่เข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เธอไม่เคยไว้ใจมันเลย ทั้งสายตาที่มันใช้มองเธอเมื่อยามที่แม่เธอไม่อยู่ หรือยามที่แม่เผลอ แล้วคำพูดที่ใช้กับเธอ เวลาที่แม่อยู่กับไม่อยู่มันก็ต่างกันลิบลับ
เธอเคยเปรย ๆ กับแม่ แต่แม่กลับตำหนิกลับมาอย่างเข้าข้างสามีมากกว่า จึงทำให้เธอต้องหยุดพูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้แม่ต้องทุกข์ใจ และเข้าใจดีว่าแม่ต้องทนเหงามาเกือบยี่สิบปี เพราะพ่อจากไปด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอจึงอยากให้แม่ได้พบความสุขบ้าง
มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องอดทนอยู่อย่างระวังตัว และพกอาวุธเล็ก ๆ ติดตัวเสมอ
“แม่อาการยังไม่ดีขึ้นเลยเหรอพี่แฟน”
ธิมาดาหลุดจากภวังค์ “ยังเลย หมอบอกว่าอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็น่าจะกลับบ้านได้ แต่ต้องหมั่นทำกายภาพบำบัด และให้ไปหาหมอตามนัด” แม่เธอเป็นโรคความดันโลหิตสูง และไม่ค่อยกินยาตามที่หมอสั่ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์
“ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ใครจะดูแลแม่ล่ะพี่แฟน” ทิตยาถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ก็คงต้องจ้างคนมาดูแลแหละปลาย” แล้วเธอก็ถอนหายใจยืดยาว เพราะรายจ่ายต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามาช่วงที่แม่เธอป่วยมันมากเหลือเกิน มากจนเงินเก็บที่อดออมมาตั้งแต่สมัยเรียนแทบจะไม่เหลือติดบัญชีแล้ว จากคนที่ไม่เคยสนใจจะทำบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดอะไรต่าง ๆ ตอนนี้ก็มีบัตรเหล่านั้นมาครอบครองเผื่อฉุกเฉินหลายใบแล้ว
“พี่แฟนมีอะไรก็บอกปลายได้นะ ปลายยินดีช่วยเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ทุกเรื่องนะพี่แฟน”
“จ้ะ ขอบใจนะปลาย” เธอวางมือลงบนหลังมือบางนั้น “ว่าแต่ที่เดินมาหาพี่ถึงนี่ คงไม่ใช่แค่มาถามว่าพี่เป็นอะไรหรอกนะ”
“เบื่อพวกรู้ทันจังเลย” สาวสวยทำปากยื่นแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้อีกครั้ง “ปลายจะมาบอกพี่แฟนว่าเย็นนี้ให้ไปงานเลี้ยงด้วยกันหน่อย ปลายจะไปรับที่บ้านตอนสองทุ่มนะ” พูดจบก็ลุกจากไปทันที เพราะไม่อยากจะฟังคำปฏิเสธจากรุ่นพี่ เพราะรู้จักกันมานานจนรู้นิสัยกันเป็นอย่างดี ถ้าพูดจบแล้วรีบเดินหนี อีกฝ่ายต้องยอมไปด้วยแน่นอน
แต่วันนี้เธอทำไม่สำเร็จ เพราะอีกฝ่ายรีบเดินมาดักหน้าเอาไว้
“ทำไมปลายไม่ไปกับพี่ต้นล่ะ” เธอหมายถึงฐวรรษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท และยังเป็นเพื่อนสนิทของประธานบริษัท ซึ่งก็คือพี่ชายของรุ่นน้องเธอคนนี้นั่นเอง
“ก็..”
“ก็อะไร ไม่ต้องมามองหน้าทำท่าอึกอักเลย มุกเดิมใช้ไม่ได้แล้วย่ะเธอ” แล้วบิดที่ต้นแขนเบา ๆ อย่างหยอกเย้ามากกว่าจะเอาจริง
“ทำไมจะไม่ดี พี่ว่าดีมากเลยแหละ หนูเองก็เป็นเพื่อนกับน้องปลายมาก่อน ใคร ๆ เขาก็รู้ความสัมพันธ์ของเรากันทั้งบริษัท เมื่อก่อนแฟนก็เรียกพี่ว่าพี่เป้ตลอดจำได้ไหม”“จำได้ค่ะ”“ถ้าจำได้ก็ลองเรียกหน่อยสิ”“..พี่เป้”“ก็แค่นี้แหละ ฟังสบายหูกว่าคุณกว่าท่านตั้งเยอะ”“แฟนก็แค่อยากให้ฟังดูเป็นทางการน่ะค่ะ..กลัวเพื่อนร่วมงานจะหาว่าแฟนโอ้อวด แสดงความสนิทชิดเชื้อกับพี่เป้มากเกินไป”“เขาคิดก็ช่างเขาเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเขาพูดให้ได้ยินก็พูดไปเลยว่าหนูกับพี่รู้จักกันมาก่อน แต่ถ้าเขาไม่จบก็ข่มไปเลยว่าจะไปฟ้องพี่”“พี่เป้ก็” เธอทำหน้าเหวอกับคำพูดของเขา แต่พอเห็นเขายิ้มก็ค่อยหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ“พี่ไม่ชอบให้คนที่พี่รู้จักมาวางตัวเป็นทางการกับพี่หรอกนะ สำหรับพี่แล้วหนูแฟนก็คือคนในครอบครัวคนหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย” เขาจะคิดว่าเธอเป็นคนอื่นได้ยังไง เพราะเขาคิดแต่อยากจะให้เธอมาเป็นคนใกล้ตัวของเขา อยากเป็นเจ้าของหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูแฟน” เธอยิ้มให้เขา พลอยรู้สึกดีกับความทรงจำเก่า ๆ ที่กลับคืนมาชายหนุ่มยิ้มตอบ ตั้งใจจะถามทุกข์สุขของเธอ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา
แม้จะแปลกใจอย่างมาก แต่รอยยิ้มก็ปรากฏเต็มใบหน้าด้วยความตื่นเต้นยินดี“ขอบคุณนะคะพี่ต้น” เธอพูดเบา ๆ กับหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเอามันมาแนบที่อกโดยลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียวธิมาดายิ้มพอใจกับท่าทีปลื้มปริ่มของรุ่นน้อง โธ่เอ๊ย! ถ้าไม่ได้เธอเป็นสะพานจะคืบหน้าไหมล่ะ“พี่ต้นส่งอะไรมาเหรอ” แกล้งโง่ถามออกไปทั้งที่อ่านแล้ว“อุ้ย! พี่แฟน”“อะไร ตกใจอะไรจ้ะปลาย”“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ปลายง่วงแล้ว” แล้วรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ ล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังหนีอีกฝ่ายอย่างเขินอาย “ฝันดีค่ะพี่แฟน”“งั้นก็นอนหลับฝันดีนะคะน้องปลายของพี่แฟน” ธิมาดาล้อเลียนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทิตยาเขินอายจนพูดไม่ออกเมื่อถูกล้อ ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อยู่กับหมอนธิมาดามองด้านหลังรุ่นน้องอย่างเอ็นดู เฮ้อ! อายุก็ตั้งยี่สิบเจ็ดแล้ว เด็กกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่ก็ยังไร้เดียงสาอยู่เลย ผิดกับคนที่ต้องสู้ชีวิตอย่างเธอเหลือเกิน เช้าวันใหม่ยุทิตย์เดินเข้าไปในห้องอาหาร แต่ไม่เห็นสองสาวนั่งอยู่จึงมองหาคนรับใช้ แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของครอบครัว“คนอื่นไปไหนกันหมดป้าแจ่ม”“กำลังยกอาหารมาค่ะ บางคนก็ทำงานของตัวเองอยู่ คุณหนูอยากได้
“สวัสดีหนูแฟน ไปกับพวกเขาด้วยเหรอ” ถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแกมแปลกใจ รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาทันที ที่ได้เจอหน้าเธอก่อนเข้าบริษัท หน้าที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาหลายปีที่ได้ร่วมงานกัน“ค่ะคุณเป้” ธิมาดาส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขาด้วยความรู้สึกกริ่งเกรง แม้จะทำงานกับเขามานานหลายปี แต่ก็ไม่สนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ เพราะเดือน ๆ หนึ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ“ฉันกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ฐวรรษบอกเพื่อนแล้วหันมารับไหว้จากสองสาว“พี่ต้นคะ” ธิมาดาเดินตามเขาไปใกล้ ๆ ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูรถ “น้องปลายฝากบอกสวีตดรีมค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ” เธอกระซิบบอกเบา ๆ แล้วโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้ฐวรรษพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหู แต่ไม่กล้าส่งสายตาไปทางหญิงสาว เพราะกริ่งเกรงต่อสายตาของพี่ชายเธอ รีบเปิดประตูขึ้นรถแล้วแอบมองเธอผ่านกระจกรถยุทิตย์เห็นท่าทางสนิทสนมของเพื่อนรักกับรุ่นพี่ของน้องสาว แล้วรู้สึกหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เธอสนิทสนมกับเพื่อนของเขาได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาบ้างทั้งที่เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงานร่วมกัน ตอนที่เธอยังเป็นแค่รุ่นพี่ในมหา
หลายวันที่ผ่านมามันก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย หรือมันอาจจะกลับแต่เธอไม่รู้ เพราะพอแม่ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอก็ให้คนรู้จักมาช่วยใส่กลอนประตูหน้าต่างเพิ่มความแข็งแรง เธอล็อกประตูบ้านยันประตูรั้วเพื่อไม่ให้มันเข้าออกบ้านได้อย่างเสรี แต่วันนี้มันก็โผล่มาจนได้ทิตยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และพอจะรู้เรื่องราวของรุ่นพี่กับพ่อเลี้ยงดีพอสมควร จึงรีบเดินไปหาหญิงสาว“พี่แฟน วันนี้ไปนอนบ้านปลายนะ ปลายมีเรื่องอยากจะปรึกษา”“ไม่ได้นะหนูแฟน เป็นสาวเป็นนางจะไปนอนที่อื่นได้ยังไงกัน นอกบ้านอันตรายจะตาย” พ่อเลี้ยงที่หวังจะเคลมลูกเลี้ยงรีบออกตัว เขารอโอกาสมาหลายวันแล้ว ตั้งใจจะรวบรัดเธอเป็นเมียของเขาให้ได้ให้เร็วที่สุด ในช่วงที่อีแก่แม่ของเธอไม่อยู่“บ้านของฉันจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อไม่มีแกอยู่ด้วยเท่านั้นแหละ” แล้วจูงมือทิตยาเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน “ไปเก็บของเป็นเพื่อนพี่หน่อย”“คุณน้าจะไปไหนครับ อยู่คุยกับผมก่อน” ฐวรรษดึงแขนของสุชาติที่ทำท่าจะเดินตามสาว ๆ เข้าไปในบ้าน“ฉันจะเข้าบ้านฉัน แกอย่ามายุ่ง” สุชาติสะบัดแขนอย่างไม่พอใจ แล้วเดินตามหลังหญิงสาวทั้งสองเข้าไป ฐวรรษเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามเข้าไปอีกคน เพรา





