ตอนที่ 11 การเดินทางของสามเกลอ
“เจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา
แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะต่อมาชายผู้นั้นรีบจ้ำอ้าวเดินลงมายังข้างลำธารที่มีเสี่ยวจ๋ายร่างมนุษย์ยืนอยู่ด้วยความเร็วแสง สองขายาวที่น่ายำเกรงเดินลงมาหยุด มองซ้ายแลขวาจับเสี่ยวจ๋ายหัวสำรวจทุกพื้นที่
“เจ้านี่เป็นตัวประหลาดหรือเป็นสิ่งใดกัน”
“ข้ามิใช่ตัวประหลาด เจ้าดู!นี่หางของข้าของแท้แน่นอน และข้าเป็นถึงเพื่อนเล่นของเหมยซินซูแห่งป่าท้อเชียวนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หางทั้งหมดที่มีเริ่มกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักน่าชัง
“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..” เจียอวี่ขยับนิ้วนับหางของเสี่ยวจ๋ายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แบบเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่
“เก้าหาง ไม่ต้องนับ!” เสี่ยวจ๋ายสะบัดหางทั้งเก้าโชว์อย่างโอ้อวด ภูมิใจ ใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้
“เจ้าพูดได้ แล้วเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก” เจียอวี่ยืดตัวเต็มความสูง เท้าเอวจ้องหน้ามองเสี่ยวจ๋ายอย่างหาเรื่อง
“ก็ข้าแค่ไม่อยากเสวนากับคนอย่างเจ้า” แต่มีหรือเจ้าจิ้งจอกอย่างเขาจะกลัว เพราะทันทีที่เจียอวี่ยืดตัวเท้าเอว เสี่ยวจ๋ายเองก็ทำท่าเดียวกัน ทั้งสองจ้องมองกันราวกับจะกินเลือดเฉือนเนื้อ
“เพราะสิ่งใด เจ้าถึงไม่อยากเสวนากับข้า” เฟยหลงยืนมองทั้งสองเถียงกันอย่างเอือมระอา
เธอเดินขึ้นจากลำธาร มายืนเท้าเอวมองทั้งสองด้วยสายตาของคนที่รำคาญขั้นสุดอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองต่างพากันเงียบเสียงที่เถียงกันไม่ลดละเมื่อครู่ลง รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากด้านหลัง ใบหน้าของผู้ชายที่หล่อเหลาทั้งสองเบือนหน้ามามองเฟยหลงอย่างเชื่องช้า
“เมื่อไหร่พวกเจ้าจะเลิกถกเถียงกันเรื่องไร้สาระนี่เสียที เจ้า!ในเมื่อเจ้าหายดีแล้ว และเจ้า!ในเมื่อพวกเจ้ามีแขนสองข้าง มีขาสองข้าง มีหาง.. เอ่อ อันนี้ช่างมันเถอะ! งั้นก็ไปหาอาหารมา ข้าจะทำให้พวกเจ้ากิน!” เฟยหลงคิดถึงเมนูอาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วน้ำลายแทบไหล เธอชี้นิ้วไปที่ทั้งสองคนอย่างออกคำสั่ง
“เจ้าจะทำ!” และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เจียอวี่และเจ้าจิ้งจอกถึงรีบอุทานออกมาพร้อมใบหน้าเหยเก
“ก็ข้านะสิ หรือพวกเจ้าจะทำ” เฟยหลงใช้เรียวนิ้วปัดปอยผมสะบัดหน้าอย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเหล่มองหน้าทั้งสองอย่างจับผิด ก็ตัวเธอนั้นทำอาหารออกจะหน้าตาน่ารับประทาน เหตุใดพวกเขาถึงแสดงใบหน้าเช่นนั้นออกมากันนะ
“ข้าว่า.. เจ้ากับข้าออกไปหาเป็นผลไม้ดีกว่า ใช่ไหมเจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ละล่ำละลักพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้น คือเจ้าเสี่ยวจ๋ายก็พยักหน้ารัวเห็นดีเห็นงามด้วยเสียอย่างนั้น!
“พวกเจ้านี่แปลกพิกล เมื่อครู่ยังนึกว่าจะกินเลือดเฉือนเนื้อกันอยู่เลย เหตุใดตอนนี้ถึงเกิดสามัคคีกันแล้วเล่า” เฟยหลงหรี่ตาจ้องทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
“เชื่อข้าเถอะ เดี๋ยวพวกข้าไปหาผลไม้มาให้เจ้า แล้วรุ่งเช้าเราเดินทางเข้าวังกันดีหรือไม่” เจียอวี่เอ่ยขึ้นอย่างขอเจรจา ไม่เพียงเท่านั้นมือของเขายังกระตุกชายเสื้อของเสี่ยวจ๋ายอย่างหาตัวช่วย
“ได้! เช่นนั้นเอาตามนี้” แม้จะไม่เข้าใจ แต่เฟยหลงตัดสินใจตกปากรับคำของเขาทันที เสี่ยวจ๋ายมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่แสดงอาการใด หรือแม้แต่จะพูดอะไรจนคนด้านข้างเกิดสงสัย
“เจ้าเป็นอันใด หรือว่าเจ้าไม่อยากไปกับข้าหรือ” เจียอวี่หันหน้าไปเอ่ยถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“เหตุใดเจ้าถึงเชื่อใจคนผู้นี้ ถึงขั้นตามเข้าวังโดยไม่สืบสาเหตุให้แน่ชัด เจ้าไม่กลัวหรือ” จิ้งจอกขาวไม่เพียงแต่ที่จะไม่ตอบคำถามของเจียอวี่ แต่เขายังเปลี่ยนเป็นคำถามที่ถามเฟยหลงแทนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“จิ้งจอกน้อย.. ในวังมีของกินเยอะนะ มีเนื้อ มีปลา มีนก มีไก่ ใช่ไหมเจียอวี่” เธอไม่รู้หรอกว่าในวังเป็นเช่นไร แต่เรื่องข้าวปลาอาหาร คงไม่ขาดตกบกพร่องกระมัง
“ใช่.. โดยเฉพาะปลา เจ้ากินทั้งเดือนก็ไม่มีหมด!”
“ข.. ข้าไม่ได้เห็นแก่ของกินเล็กน้อยพวกนั้นหรอกนะ ข้าเพียงแต่คิดว่ายังไงก็จะให้หญิงสาวมาอยู่ตัวคนเดียวในป่าเห็นจะไม่ดีนัก ควรเข้าวังพบปะผู้คนเสียหน่อยก็ดี” ทั้งสองหันมองหน้าเสี่ยวจ๋ายที่พูดไป ทำท่าทางน้ำลายไหลไปด้วยความขบขัน
ยามโฉ่ว
“เจ้าเก็บหางของเจ้าได้หรือไม่ เจ้าไปสภาพนี้คนที่พบเห็นได้ตกใจกันพอดี”
“ข้าไม่อยากเก็บ เวลาข้าไม่มีหางมันน่าเกลียด ข้ารับไม่ได้”
“ต่อให้เจ้ามีหางเป็นร้อย เจ้าก็ไม่ได้ดูดีนักหรอก เก็บเข้าไป”
“เจ้าใช้ตาที่ไม่มีแววของเจ้านั้นดูข้าให้ชัดเจนอีกครา เส้นผมสีเทาของข้านุ่มสลวย หางฟูนี่ก็เช่นกัน ไหนจะใบหน้าที่ไร้ที่ติเช่นนี้ เจ้ากลับบอกว่าข้าดูไม่ดีเช่นนั้นหรือ!”
เสียงการสนทนาจากด้านนอกปลุกให้หญิงงามอันดับหนึ่งในกระท่อมหลังนี้ต้องลืมตาตื่น เฟยหลงมองดูรอบตัวพบว่าทุกอย่างยังคงมืดสนิท แล้วเหตุใดทั้งสองด้านนอกถึงส่งเสียงดังรบกวนเช่นนี้
เธอดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงไม้อย่างหมดอาลัยตายอยาก สองเท้าก้าวตรงไปที่ประตูด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว ไม่เพียงเท่านั้นอารมณ์ของเธอตอนนี้จัดได้ว่ากำลังเดือดปุดราวน้ำที่ถูกต้มด้วยอุณหภูมิมากกว่า120องศา
“นี่พวกเจ้าจะเสียงดังกันทำไม!” เฟยหลงผลักประตูออกมาด้วยความโมโห จ้องมองทั้งสองที่ยืนเถียงกันอยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าที่เรียกได้ว่าโมโหขั้นสุด
“เจ้าตื่นแล้วหรือ เช่นนั้นพวกเราเดินทางกันได้แล้ว” เจียอวี่หันมามองเฟยหลงที่อยู่ในสภาพของหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอน ใบหน้าที่มันเยิ้ม ผมเผ้าที่ฟูไม่เป็นทรง ด้วยอาการกลั้นหัวเราะจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“เจ้าไปแต่งกายให้รัดกุมหน่อยดีหรือไม่ กว่าจะถึงที่หมายที่ว่าใช้เวลาหลายชั่วยามหรืออาจจะหลายวัน” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งสะบัดหางของตนเองเก็บเข้าที่ เพื่อให้ตัวเองนั้นอยู่ในร่างมนุษย์แบบเต็มร้อย จิ้งจอกขาวตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่มชายที่เรียกว่าหล่อมากตัวหนึ่ง หาเป็นในโลกปัจจุบัน ความหล่อของเขาเทียบเท่ากับเหล่าดารานักแสดงอันดับต้น ๆ ได้สบาย แต่พอนึกถึงนิสัยที่เหมือนเด็กนั่นแล้ว
“อืม” เธอพับเก็บความคิด ก่อนจะตอบรับทั้งสองปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง จุดตะเกียงและแต่งกายด้วยชุดที่คิดว่าทะมัดทะแมงที่สุดในกระท่อมหลังนี้
สายตากวาดมองไปโดยรอบ หยิบสิ่งของที่คิดว่าจำเป็นและเป็นประโยชน์ที่สุดใส่ถุงผ้า เธอสำรวจในห้องนอนอย่างละเอียดก่อนออกจากที่นี่อีกครั้ง เพราะคิดว่าหากเธอไปจากที่นี่แล้วคงไม่ได้กลับมาที่กระท่อมหลังนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
กึก!
“พวกเจ้าทั้งสองเรียบร้อยแล้วหรือ” เฟยหลงเดินหอบถุงผ้าถุงใหญ่ เปิดประตูออกมาก็พบว่าทั้งสองคนเตรียมตัว นั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว
“เจ้ามีสิ่งใดที่อยากพกไปอีกหรือไม่” เฟยหลงมองดูรอบกระท่อม ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ ห่างจากที่นี่ไม่มากจะมีหมู่บ้าน พวกเราจะไปหาม้าจากที่นั่น เจ้าเดินไหวหรือไม่” เจียอวี่จัดแจงทุกอย่างจนเรียบร้อยการเดินทางของพวกเขาจึงเริ่มต้นขึ้น
“ข้าไหว”
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน