เคยอ่านเจอแต่ในนิยาย ว่าคนเราสามารถทะลุมิติไปในโลกที่คิดว่าเป็นแค่จินตนาการได้เหมือนฝันเพียงตื่นหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!"
ดูเพิ่มเติมตอนที่ 1 ความฝัน (1)
ในค่ำคืนที่มีพายุฝนกระหน่ำโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย หลี่เฟยหลง นักเขียนนิยายมีชื่อเจ้าของนามปากกา โหวเมี่ยนเถียว เธอตกอยู่ในห้วงฝันอยู่หลายฉาก ถึงบทในนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดที่ตัวเองนั้นกำลังแต่งมาจนใกล้จะถึงครึ่งเรื่องแล้ว
ราวกับว่าตัวของเธอนั้นกำลังเข้าไปเป็นผู้กำกับบทนิยายนั้น เฟยหลงฝันถึงฉากที่หลี่เฟยหลงยังเขียนบรรยายไว้ได้ไม่จบดี ก่อนจะเห็นภาพที่มีหญิงสาวนักปรุงยาผู้หนึ่ง ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับตัวของเธอยิ่งนัก
“เอ๊ะ? นั่นใคร.. ทำไมหน้าตาเธอเหมือนกับเราแบบนี้ละ”
หญิงสาวผู้นั้นเดินทางเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อนำยาที่นางปรุงเสร็จขึ้นถวายแก่พระองค์ที่พำนักอยู่ในห้องทรงงาน เฟยหลงยังคงจดจ้องตั้งใจมองภาพที่เห็นทั้งหมดที่ลอยอยู่ในหัวของเธอราวกับว่าตัวเธอนั้นกำลังดูภาพยนตร์3มิติ
'พระองค์ทรงดื่มยาเถิดเพคะ'
'แม่นางเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร'
'พระสนมทรงมีคำสั่งให้หม่อมฉันนำโอสถมาถวายฮ่องเต้เพคะ'
'อืม.. ขอบใจเจ้ามาก เจ้าวางไว้ตรงนั้นก่อน'
'พระสนมทรงรับสั่งหม่อมฉันไว้ว่าต้องให้พระองค์ทรงดื่มให้หม่อมฉันเห็นเพคะ พระสนมทรงเป็นห่วงพระองค์มากเพื่อให้อาการป่วยของพระองค์จะได้ดีขึ้นเพคะ’
เฟยหลงเห็นเพียงเท่านั้น ฉากในความฝันของเธอได้ตัดภาพไปที่ชายฝั่งข้ามแม่น้ำแคว้นฉวาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังแม่ทัพใหญ่อย่างกองกำลังอาชานภา ที่เธอจำได้ว่าวางบทไว้ให้เจิงเถาฮ่วนเป็นผู้นำทัพ รอบบริเวณนั้นรวมมีกองกำลังที่แน่นหนา รวมถึงพลธนูที่ดักซุ่ม และหน่วยสังหารที่เฝ้าระวังเป็นอย่างดี
ถัดไปประมาณเจ็ดสิบลี้เห็นจะได้ พบกองทัพขนาดเล็กกำลังเคลื่อนไหวมุ่งหน้ามาทางแคว้นฉวาง จากธงที่กำลังโบกสะบัดตามความเร็วของอาชา คาดว่าเป็นกองทัพจากเมืองอวี้ที่วางบทไว้ให้เป็นเมืองศัตรูคู่แค้นเป็นแน่
“ไหนนะ แม่ทัพใหญ่ผู้นั้นหน้าตาเป็นเช่นไรกันนะ”
ยังไม่ทันที่เฟยหลงจะได้เห็นหน้าของแม่ทัพเจิงเถาฮ่วนที่น่าเกรงขามและไม่สนใจสตรีผู้นั้น ภาพฝันนั้นก็ตัดไปที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนเดิมที่ไม่ว่าจะเพ่งมองแค่ไหน หรือมองในมุมมองที่ใกล้ขึ้น ใบหน้าของหญิงผู้นี้ก็คงละม้ายคล้ายกับตนเองอยู่มาก ราวกับว่าเป็นคนเดียวกันเสียอย่างนั้น
“คนนี้อีกแล้ว”
หญิงสาวผู้นี้นั่งอยู่ในกระท่อมเดี่ยวกลางป่า ที่ห้อมล้อมโดยรอบด้วยธารน้ำจากน้ำตกด้านหลัง ทั้งนี้ยังมีแปลงดอกไม้ที่ออกดอกสีสันสดใสล้อมรอบ ไกลไปอีกหน่อยมีแปลงสมุนไพรหน้าตาประหลาดกำลังผลิใบชูช่อ เฟยหลงมองภาพนี้ยังคิดว่าที่นี่เป็นดั่งสรวงสวรรค์ของสาวผู้นี้เป็นแน่
“แต่ทำไมหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ถึงมาอยู่กลางป่ากันนะ ไม่ใช่ว่านางอยู่ในวังหรอกหรือ”
หลี่เฟยหลงจ้องมองไปที่หญิงผู้นั้น สองมือของนางบดยาอยู่บนโต๊ะไม้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ข้างกันนั้นมีแผ่นกระดาษแบบฉบับสมัยโบราณไว้จดบันทึกอยู่หลายแผ่น นางวางมันไว้อย่างไม่เป็นระเบียบราวกับว่านางกำลังทดลองหรือวิจัยยาตัวใหม่แบบนักวิทยาศาสตร์
“ยาอะไรกันที่ทำให้หญิงผู้นี้ปรุงไปแบบเคร่งเครียดเช่นนั้น”
เฟยหลงถึงจะมีสติรับรู้ว่านี่คือความฝัน แต่เธอกลับไม่สามารถพาตัวเองออกจากความฝันนี้ได้ แต่พอคิดดูแล้วเธอไม่เห็นจะจำได้เลยว่าในนิยายที่เธอแต่งนั้นจะมีกระท่อมของหญิงปรุงยาผู้นี้ หากเป็นเช่นนั้นแล้วหญิงสาวผู้นี้นางเป็นใครกัน หรือว่าที่นี่จะไม่ใช่เนื้อเรื่องในนิยายที่เธอแต่งกันแน่
ถึงแม้หลี่เฟยหลงจะพยายามปลุกตัวเองให้ตื่นจากความฝันมากเท่าไหร่ แต่กลับเหมือนยิ่งถูกดึงดูดให้มองภาพในห้วงฝันนี้มากขึ้นเท่านั้น
เธอยังคงเห็นหญิงผู้นั้นขะมักเขม้นในการดูตำราและปรุงยาหลายต่อหลายหม้อ ผ่านไปค่อนข้างนานในความคิดและความรู้สึกของเฟยหลง เห็นหญิงผู้นั้นลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไม้ มือหนึ่งถือตะกร้าสานใบโต มุ่งหน้าไปหลังเขาอย่างมีจุดหมาย
ภาพในห้วงฝันตัดฉับราวกับผู้กำกับตีเสลท ตัดภาพมาที่แคว้นฉวางจากที่มองน่าจะในส่วนของราชวัง ปรากฏภาพของฮองเฮาที่ไม่ว่ามองเช่นไรก็เหมือนที่เธอแต่งไว้ในนิยายไม่มีผิด
รูปโฉมที่งดงาม ความมีสง่าราศี ยืนถือถ้วยโอสถเตรียมถวายแก่ฮ่องเต้ ซึ่งกำลังพำนักอยู่กับสนมในตำหนักเล็ก สองมือกำถ้วยโอสถแน่นราวกับคนที่มีความทุกข์หนัก สายตาทอดมองเข้าไปยังห้องของสนมอย่างเหม่อลอย
เฟยหลงมองภาพนั้นเขม็ง ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที พระองค์ถึงได้ส่งสัญญาณรับสั่งให้คนรับใช้เคาะประตู เมื่อประตูเปิดออกพบว่ามีหญิงงามอีกผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านในยกยิ้มเย้ยหยัน หลี่เฟยหลงหรี่ตามองทั้งสอง ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา หญิงผู้นี้จัดได้ว่าเป็นหญิงที่สวยสดงดงามนางหนึ่งเลยทีเดียว
ใบหน้าขาวผ่องนวลเนียน ริมฝีปากที่กำลังยกยิ้มดูแคลนถูกป้ายด้วยชาดสีสด เรียวคิ้วโก่งรับใบหน้า นางใช้สายตามองไปยังฮองเฮาราวกับเป็นผู้ชนะ มือของเธอเอื้อมกระชากถ้วยยาที่อยู่ในมือฮองเฮาอย่างเร็ว ทำความเคารพและปิดประตูลงทันที ทิ้งให้ฮองเฮานั้นยืนกำมือแน่นอยู่หน้าตำหนัก
“อื้อฮือ นิสัย”
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ความคิดเห็น