Home / รักโบราณ / ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ / บทที่ 5 เจอหมอเท้าเปล่า

Share

บทที่ 5 เจอหมอเท้าเปล่า

          เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเฉียดใกล้

          นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆและเรื่องรอวาสนาอย่างได้หวังเลย

          ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที!

          ร่างบางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้านธูป (หนึ่งชั่วโมง) ทว่าก็ยังไม่เจอเจ้าเห็ดหลินจือเลยแม้แต่ดอกเดียวอีกทั้งตอนนี้นางเองก็เริ่มร้อนมากแล้วด้วย สิ่งนี้ทำเอาสงสัยว่าเจ้าเห็ดนั่นไปโผล่ที่นิยายเรื่องอื่นหมดแล้วใช่หรือไม่ถึงได้ไม่โผล่มาให้เห็นเลยสักดอกเช่นนี้ บอกแล้วเรื่องโชคลาบนี่ช่างห่างไกลจากนางเสียจริง

          แต่นางไม่ยอมหรอก!

          เซียวอันหนิงอดทนต่อการหาของป่าราคาสูงต่อไปจนกระทั่งถึงยามอู่ (เวลา 11:00 – 12:59 น.) ตอนนี้แผ่นหลังปวดร้าวไปหมดเสียจนต้องขอถอนตัวกลางคัน ทว่าขณะกำลังจะถอยกลับไปตั้งหลักนางกลับเหลือบไปเห็นชายชราผู้หนึ่งกำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ หน้าตาซีดเผือดไร้สีเลือด สำรวจคร่าว ๆ พบว่าเนื้อตัวไม่ได้บาดเจ็บอะไรคงแค่หน้ามืดตามช่วงวัยซึ่งไม่ควรออกแรงมาก มือเรียวกระชับสายสะพายกระบุงเล็กน้อย ตัดสินใจเดินเข้าไปหา เผื่อว่ามีเรื่องไหนให้ช่วยได้

          “ท่านตาเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” 

          ชายชราเหลือบตามองตามเสียงใส พลันเห็นหญิงสาวผู้หนึ่ง หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรากำลังมองเขาด้วยแววตาสงสัย เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อย “ข้ามิได้เป็นอันใด แค่เวียนหัวนิดหน่อยเพียงเท่านั้น” 

          เซียวอันหนิงดูแล้วคิดว่าเขาเพียงหน้ามืดเท่านั้นจึงตั้งจิตเข้าไปในมิติ หยิบยาดมออกมาด้วยแล้วสอดไว้ในกระเป๋า แต่เมื่อลูบดูจึงรู้ว่ามันเป็นกระปุกแบบพลาสติกซึ่งไม่มีทางพบได้ในยุคสมัยนี้จึงขอตัวไปจัดการธุระสักเล็กน้อย นางเทสมุนไพรซึ่งเป็นส่วนผสมของยาดมออกมา หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาก่อนคลี่แล้วเอาไส้ยาดมเทลงไปก่อนผูกมันแน่น แบบนี้ดูเข้าท่ากว่ามาก

          นางกลับมาหาชายชราแล้วยื่นก้อนผ้าเช็ดหน้าซึ่งมีสมุนไพรจากกระปุกยาดมอัดแน่นอยู่ส่งให้เขาพร้อมรอยยิ้ม

          “รับสิ่งนี้ไปเถิดท่านตา หากดมมันแล้วอาการเวียนหัวน่าจะดีขึ้น ที่ท่านเป็นเช่นนี้คงเพราะเวียนหัว ดมสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”

          ชายชรามองสิ่งที่หญิงสาวยื่นมาให้ ก็แสดงสีหน้าแปลกใจเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยปกติแล้วยารักษาของที่นี่มักเป็นรูปแบบของน้ำหรือถ้าเป็นแบบควันก็มักเป็นสิ่งที่ซื้อขายกันในบ้านที่พอมีเงินสักหน่อย หากแต่ยาอันมีลักษณะให้สูดดมนั้นไม่มีเลย

          “มันคือสิ่งใดรึ?” 

          “โปรดวางใจเถิดท่านตา รับรองมันช่วยท่านได้ ข้ามิหลอกลวงท่านเป็นแน่” ยังจะมาสงสัยอีก ยิ่งไม่รู้จะอธิบายอย่างไรอยู่ด้วย

          ชายชราลังเลใจชั่วครู่ก็รับมาพร้อมกับสูดดมเข้าไป กลิ่นหอมเย็นเข้าสู่โสตประสาท แม้ไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้งทว่าก็ดีขึ้นจริง ๆ มิใช่แค่กล่าวอ้างไปอย่างนั้น เขามองก้อนผ้าในมือกับสตรีปริศนาซึ่งมาโผล่อยู่กลางป่าโปร่งแล้วขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายทนความสงสัยไม่ไหวจึงถามไป

          “สำหรับสิ่งนี้ข้าขอบใจเจ้ามาก เหตุใดถึงมาอยู่ตรงนี้ได้เล่า?”

          “ข้าพลัดตกลงไปในแม่น้ำจนเป็นไข้ไปหลายวัน ครั้นตื่นขึ้นมาความทรงจำก็เลอะเลือนไป จำสิ่งใดมิได้เลย ตอนนี้จำได้เพียงชื่อตนเองเท่านั้น” เมื่อได้เจอคำถามสมองก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว เอ่ยขึ้นด้วยยังมิวางใจในชายชราผู้นี้เท่าใดนัก

          “อืม...แล้วเจ้าชื่ออะไร กำลังจะไปที่ใดเล่า?” 

          “ข้าชื่อเซียวอันหนิง ส่วนเรื่องจะไปที่ใดก็ยังมิรู้เหมือนกันเจ้าค่ะ เพราะตอนรู้สึกตัวก็มาอยู่หมู่บ้านนี้แล้ว”

          แม้จะบอกว่าต้องไปเมืองหลวงก็ตาม แต่นั่นก็เป็นการตั้งเป้าหมายตามแบบที่นางเอกนิยายมักชอบตั้งกัน เมืองหลวงของที่นี่ต่อให้ไม่สุขสบายเท่าปัจจุบันแต่อย่างไรต้องเจริญกว่าอยู่แล้ว ไปที่นั่นอย่างน้อยก็สามารถตั้งตัวได้อย่างไม่ยากเย็นเนื่องจากมีลู่ทางมากกว่าหมู่บ้านชนบทแห่งนี้เป็นแน่

          เซียวอันหนิงมีสีหน้าซับซ้อน ชายชรารับรู้ได้จึงตอบกลับ “ข้าแซ่เซียว ชื่อ ซื่อเหวิน”

          หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นท่าทางสนใจ ไม่คิดว่าจะเจอคนแซ่เดียวกันในยุคสมัยเช่นนี้จึงยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ หรือจะเป็นตระกูลของนางกันนะ พลางคิดอย่างตลก ๆ

          “แล้วท่านตาเป็นคนหมู่บ้านนี้หรือเจ้าคะ” 

          เซียวเหวินส่ายหน้า เขาเพียงผ่านมาเท่านั้นแต่กลับหน้ามืดเสียนี่ “เปล่า...ข้าเป็นหมอ ชอบร่อนเร่พเนจรไปเรื่อย ๆ และกำลังจะเดินทางเข้าเมืองหลวง” 

          เซียวอันหนิงฟังแล้วพลันสนใจขึ้นมา หากเขาบอกว่าเป็นหมอก็น่าจะพอดีกันกับที่นางมีสมุนไพรมากมายในมิติ มีเยอะจนใช้ไม่มีวันหมดหากแต่ไม่รู้ว่าต้องนำไปใช้กับอะไร ครั้นเห็นว่ามีหมอมายืนตรงหน้าจึงอดตื่นเต้นไม่ได้ ในยุคนี้หากไม่ได้เปิดโรงหมอเป็นกิจจะลักษณะก็มักร่อนเร่พเนจรไปเรื่อย เช่นนี้แล้วเขาเป็นหมอเท้าเปล่าใช่หรือไม่ แต่อาชีพนี้จะเกิดขึ้นก็ตั้งปี 1930 ซึ่งไม่มีทางเป็นยุคสมัยนั้นได้อย่างแน่นอน

          หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เจตนาชัดเจนว่าต้องการร่วมเดินทางไปพร้อมเขา “ท่านตา ท่านอยากได้ลูกศิษย์บ้างหรือไม่ ข้าเก่งหลายอย่างเลยนะเจ้าคะ หากยอมให้ติดตามท่าน รับรองว่าท่านจะไม่ลำบากอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

          เซียวเหวินมองมาพร้อมสายตางุนงง ไม่ทันได้อ้าปากตอบ นางก็บอกเองเสร็จสรรพ “ดีใจยิ่งนัก ท่านมิปฏิเสธข้า เช่นนี้แล้วศิษย์ขอฝากตัวกับอาจารย์เซียวนะเจ้าคะ”

          เซียวเหวินมีคำถามเต็มใบหน้าเขาไปตกปากรับคำตั้งแต่เมื่อใดกัน ตั้งแต่เป็นหมอมาจนป่านนี้เขาไม่มีศิษย์เลยสักคนเดียวอีกทั้งยังเดินท่องเที่ยวรักษาผู้คนไปทั่วดินแดนจึงเหงาไม่น้อย แม้จะงุนงงอยู่บ้างแต่ก็ต้องยอมรับว่าการมีศิษย์มาร่วมเดินทางไปกับตนทำให้คลายเหงาได้อย่างไม่ต้องสงสัย

          ทางด้านเซียวอันหนิงยิ้มร่า รีบหาทางเกาะติดเขาไปเมื่อหลวงด้วยโดยทันที 

          “อาจารย์ ข้าจะไปเมืองหลวงกับท่านด้วย”

          เซียวเหวินพยักหน้ารับท่าทางงุนงงทว่าไม่ได้ต่อว่าอะไร “ย่อมเป็นเช่นนั้น ก็เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าแล้วนี่นะ...?” 

          “แล้วเมืองหลวงมันห่างไกลจากที่นี่มากหรือไม่ ท่านอาจารย์”

          “หากเดินเท้าก็น่าจะประมาณหนึ่งเดือน” 

          “ฮะ! ไกลขนาดนั้นเชียวหรือ?”

          นางมีสีหน้ายุ่งยากทันที ไม่คิดว่าจะต้องเดินทางรอนแรมเป็นเดือนขนาดนั้น ทว่าก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้เนื่องจากนางมาจากยุคสมัยที่การเดินทางเร็วไวไปหมด ขนาดว่าอยู่ห่างคนละซีกโลกก็ยังไม่ใช้เวลานานเกินกว่าสองวันเลย ทางเซียวเหวินเห็นแบบนั้นพลันอดหมั่นไส้ไม่ได้ ไม่ทันได้เดินทางก็ยังอิดออดเสียแล้ว

          “แล้วเจ้าจะไปหรือไม่ หากไม่ก็อยู่หมู่บ้านนี้ไปเสีย”

          เซียวอันหนิงถอนหายใจก่อนบอกไป น้ำเสียงสื่อชัดว่าเหนื่อยล้าทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มเดินทางเสียด้วยซ้ำ

          “ไปสิเจ้าคะ แหม...ข้าเพียงแค่เอ่ยนิดเดียวเอง”

          นางรอจนชายชราอาการดีขึ้นถึงได้เริ่มเดินทางกัน ยามเจอสมุนไพรเขาก็มักหันมาสั่งสอนบอกสรรพคุณแก่นาง ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์และโทษรวมไปถึงการนำไปทำเรื่องซุกซนอย่างการวางยาพิษคนเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งหากมองให้ดีก็จะทราบว่าเขาบอกไว้เผื่อในอนาคตนางมีเหตุให้ต้องป้องกันตัว ความรู้พวกนี้ย่อมช่วยได้มากทีเดียว

          เซียวอันหนิงก็รู้บ้างไม่รู้บ้าง เข้าใจบ้างเป็นบางครั้งด้วยไม่เคยมีพื้นฐานความรู้ในด้านสักเพียงนิด

          พวกเขาใช้เวลาเดินทางมาด้วยกันจนเข้าวันที่ห้า ทว่าเสียงแหวกอากาศด้านหน้าทำให้หญิงสาวรีบดึงมือชายชราหลบหลังต้นไม้ทันที

          ทั้งสองค่อย ๆ ขยับตัวไปตามแนวพุ่มไม้จนกระทั่งเห็นบุรุษในชุดสีดำปิดบังทั้งตัวไม่เห็นกระทั่งใบหน้าชัดเจนกำลังยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพัง เบื้องหน้าเขามีศัตรูนับสิบรุมล้อมหมายทำร้ายเอาชีวิต นางกับอาจารย์นั่งมองทักษะการต่อสู้อันดุดันดังพยัคฆ์กันอย่างสนใจ ดูท่าแล้วคงตึงมือไม่น้อยทว่าสุดท้ายก็ถูกพลาดท่าโดนฟันไปหลายแผล แม้กระนั้นก็ยังต้านทานรับความเจ็บปวดแล้วไล่จัดการสังหารฝ่ายตรงข้ามนับสิบคนจนหมดสิ้น

          ร่างที่ถูกสังหารร่วงกระทบพื้นจากการต่อสู้ราวกับใบไม้ร่วง ทว่าทางด้านบุรุษชุดดำเองก็ดูสาหัสไม่น้อยทำเอาเซียวอันหนิงหันไปมองเชายชราด้วยท่าทางลังเลใจ บุรุษผู้นั้นอันตรายอย่างมากจากการต่อสู้ของเขา หากแต่ต่อมศีลธรรมของนางก็ช่างสั่นไหวเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มโอนเอนไปมา

          “อาจารย์ พวกเราควรเข้าไปดูไหมว่าเขาตายหรือไม่?” เมื่อพลั้งปากไปแล้วถึงได้มารู้สึกตัว ว่าทำไมต้องมาแส่เรื่องคนอื่นด้วยก็ไม่รู้

          ร่างบางหันมากระซิบกระซาบเพื่อขอความคิดเห็นจากอาจารย์

          “เราเป็นหมอ เมื่อเจอผู้ได้รับบาดเจ็บต้องช่วยเหลือ ไปเถิด ลองเข้าไปดูเสียหน่อยให้แน่ใจ” ชายชราคาดว่าบุรุษผู้นั้นอาจจะยังมิเสียชีวิตก็เป็นได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่ 5 เจอหมอเท้าเปล่า

    เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเบฉียดใกล้ นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆและเรื่องรอวาสนาอย่างได้หวังเลย ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที! ร่างบางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้า

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่4 ค้นพบมิติวิเศษ (ตอนปลาย)

    เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเฉียดใกล้ นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆ ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที! นางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้านธูป (หนึ่งชั่วโมง) ทว่าก็ยังไม่เจอเจ้าเห็ดหล

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   ค้นพบมิติวิเศษ

    บทที่ 2ค้นพบ มิติวิเศษหลังจากแยกย้ายกับจากเถ้าแก่ซ่ง สิ่งหนึ่งที่นางพบคือไม่ว่าเดินไปที่ใดก็มักเป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น ด้วยรูปร่างสะโอดสะองสมส่วนไปเสียหมดล้วนแต่ดึงดูดสายตาจากทั่วสารทิศให้มองมาหากแต่นางมิได้สนใจนัก คนงามรีบเดินไปหาโรงเตี๊ยมซึ่งถามจากหญิงชรา เนื่องจากตอนนี้ทั้งหิวและอยากพักผ่อนมากเหลือเกิน ขณะกำลังเดินไปตามทาง ในหัวคิดวิเคราะห์จากประสบการณ์การอ่านนิยายว่าค่าเงินในยุคนี้มีค่าเท่าใด จำนวนอัฐที่ได้มาจะสามารถอยู่ได้หลายวันหรือเปล่าเถ้าแก่ซ่งได้ไปสิบเหรียญทองกับอีกห้าเหรียญเงิน เขาดูดีใจมากเพียงนั้นเป็นไปได้ว่าจำนวนเงินคงมิใช่น้อยเป็นแน่เมื่อลองเปรียบเทียบค่าเงินที่พอจะจำได้ พลันรู้สึกได้ว่าเงินนั้นคงเยอะพอสมควรเลยทีเดียวกลิ่นน้ำซุปที่ลอยมาตามลมดึงความสนใจจากเซียวอันหนิงแทบทันที ตอนนี้ร่างกายทั้งหิวโหยอ่อนล้า เพียงกลิ่นน้ำซุปหอมที่ลอยมาตามลมมันก็แทบทำให้น้ำลายสอเสียแล้ว นางเริ่มมองหาที่มาของกลิ่นน้ำซุปว่าอยู่ตรงที่ใด อย่างน้อยก่อนไปโรงเตี๊ยมได้กินบะหมี่ผักสักชามก็ยังดี นางไม่อยากเสี่ยงไปโรงเตี๊ยมแล้วไม่มีอะไรกินต้องนอนทนหิวไปทั้งอย่างนั้น หลังจากมองซ้ายขวาอยู่หลายคร

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)

    ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)ยามซื่อ (ยามมะเส็ง คือช่วงเวลา 09:00 – 10:59 น.)นางเดินลัดเลาะจนมาถึงตรอกที่หญิงชรากล่าวถึง ตรงบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก เซียวอันหนิงมองตรงไปเห็นร้านเครื่องประดับตั้งแผงขายอยู่ ลูกค้าไม่ค่อยมีนักหากแต่ผู้ขายกลับดูขัดตากันเล็กน้อย ผู้ขายเป็นบุรุษ ส่วนสูงปานกลาง ลักษณะทางกายไม่อ้วนผอมชัดเจน ใบหน้ามีลักษณะสื่อว่าเป็นคนใจซื่อ แววตาไม่เจ้าเล่ห์แสนกล ผิวพรรณออกเข้ม เมื่อคนลักษณะเช่นนี้มาขายเครื่องประดับจึงดูแปลกไปเสียหน่อย หญิงสาวมองไปก่อนคิดได้ว่าหากนางสามารถขายเครื่องประดับพวกนี้ได้สักชิ้นคงมีส่วนแบ่งพอให้ใช้ชีวิตไปหลายวัน เนื่องจากเครื่องประดับงดงามหากแต่ผู้ค้าทำให้ดูขัดตาจึงมีลูกค้าน้อยตามไปด้วยเถ้าแก่ซ่งนั่งมองเครื่องประดับตนเองซึ่งขายไม่ออกเท่าที่ควร พวกมันงดงามทว่าไม่มีผู้ใดอยากครอบครองพวกมันเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ปิดร้านแทนเป็นแน่แท้ เขาขาดทุนมาหลายเดือนแล้ว สถานะทางการเงินเปลี่ยนไปพอสมควร จากมีลูกจ้างก็ต้องมานั่งขายเอง จนตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว ห่วงก็แต่บุตรสาวผู้มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยกระเสาะกระแส

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว

    บทที่ 1ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัวแสงตะวันยามเช้าทอประกายสีทองอ่อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แผ่กระจายทั่วหมู่บ้าน ‘ธาราใส’ผู้คนเริ่มตื่นนอนเพื่อเริ่มวิถีชีวิตและการทำงาน บางครอบครัวแบกจอบแบกเสียมเข้าไปทำไร่ตามวิสัยปกติ บางครอบครัวพากันลุกขึ้นมาทำอาหาร ควันจากการทำอาหารลอยอบอวลส่งกลิ่นหอมจากปล่องควัน ล่องลอยไปตามลมเชิญชวนทุกผู้คนให้น้ำลายสอ เสียงจากวิถีชีวิตอันเริ่มดำเนินไปเป็นเหตุให้ความสงบถูกความวุ่นวายเริ่มแสดงตัวณ บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากบ้านชาวบ้าน...ตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากไร้ซึ่งคนเข้ามาอยู่อาศัยนานหลายปี ภายในบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ภายในกระท่อมมีกลิ่นอับชื้นโชยมาเป็นเหตุให้ร่างบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ค่อย ๆ รู้สึกตัว นางมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ พลันรู้สึกประหลาดกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งแรกที่มองเห็นเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีรอยแตกร้าว อีกทั้งยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาราวกับประกาศศักดาความผุพังของมัน ยามกวาดสายตาไปรอบ ๆ นางเห็นผนังของตัวบ้านแสนเก่าคร่ำครึ แม้แต่อิฐยังมีรอยแตกร้าว หยากไย่พาดไขว้ไปมาทุกหนแห่งอันเป็นมุมอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status