บททั้งหมดของ ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ: บทที่ 1 - บทที่ 10

45

บทที่1 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว

แสงตะวันยามเช้าทอประกายสีทองอ่อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แผ่กระจายทั่วหมู่บ้าน ‘ธาราใส’ ผู้คนเริ่มตื่นนอนเพื่อเริ่มวิถีชีวิตและการทำงาน บางครอบครัวแบกจอบแบกเสียมเข้าไปทำไร่ตามวิสัยปกติ บางครอบครัวพากันลุกขึ้นมาทำอาหาร ควันจากการทำอาหารลอยอบอวลส่งกลิ่นหอมจากปล่องควัน ล่องลอยไปตามลมเชิญชวนทุกผู้คนให้น้ำลายสอ เสียงจากวิถีชีวิตอันเริ่มดำเนินไปเป็นเหตุให้ความสงบถูกความวุ่นวายเริ่มแสดงตัว ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากบ้านชาวบ้าน... ตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากไร้ซึ่งคนเข้ามาอยู่อาศัยนานหลายปี ภายในบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ภายในกระท่อมมีกลิ่นอับชื้นโชยมาเป็นเหตุให้ร่างบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ค่อย ๆ รู้สึกตัว นางมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ พลันรู้สึกประหลาดกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งแรกที่มองเห็นเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีรอยแตกร้าว อีกทั้งยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาราวกับประกาศศักดาความผุพังของมัน ยามกวาดสายตาไปรอบ ๆ นางเห็นผนังของตัวบ้านแสนเก่าคร่ำครึ แม้แต่อิฐยังมีรอยแตกร้าว หยากไย่พาดไขว้ไปมาทุกหนแห่งอันเป็นมุมอับ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-20
อ่านเพิ่มเติม

บทที่2 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)

เดินลัดเลาะจนมาถึงตรอกที่หญิงชรากล่าวถึง ตรงบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก เซียวอันหนิงมองตรงไปเห็นร้านเครื่องประดับตั้งแผงขายอยู่ ลูกค้าไม่ค่อยมีนักหากแต่ผู้ขายกลับดูขัดตากันเล็กน้อย ผู้ขายเป็นบุรุษ ส่วนสูงปานกลาง ลักษณะทางกายไม่อ้วนผอมชัดเจน ใบหน้ามีลักษณะสื่อว่าเป็นคนใจซื่อ แววตาไม่เจ้าเล่ห์แสนกล ผิวพรรณออกเข้ม เมื่อคนลักษณะเช่นนี้มาขายเครื่องประดับจึงดูแปลกไปเสียหน่อย หญิงสาวมองไปก่อนคิดได้ว่าหากนางสามารถขายเครื่องประดับพวกนี้ได้สักชิ้นคงมีส่วนแบ่งพอให้ใช้ชีวิตไปหลายวัน เนื่องจากเครื่องประดับงดงามหากแต่ผู้ค้าทำให้ดูขัดตาจึงมีลูกค้าน้อยตามไปด้วย เถ้าแก่ซ่งนั่งมองเครื่องประดับตนเองซึ่งขายไม่ออกเท่าที่ควร พวกมันงดงามทว่าไม่มีผู้ใดอยากครอบครองพวกมันเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ปิดร้านแทนเป็นแน่แท้ เขาขาดทุนมาหลายเดือนแล้ว สถานะทางการเงินเปลี่ยนไปพอสมควร จากมีลูกจ้างก็ต้องมานั่งขายเอง จนตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว ห่วงก็แต่บุตรสาวผู้มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยกระเสาะกระแส ถ้าเขาไม่สามารถฟื้นฟูกิจการอันเป็นมรดกตกทอดนี้ได้ ภายภาคหน้าถ้าบุตรสาวออกเร
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-20
อ่านเพิ่มเติม

บทที่3 ค้นพบมิติวิเศษ

หลังจากแยกย้ายกับจากเถ้าแก่ซ่ง สิ่งหนึ่งที่นางพบคือไม่ว่าเดินไปที่ใดก็มักเป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น ด้วยรูปร่างสะโอดสะองสมส่วนไปเสียหมดล้วนแต่ดึงดูดสายตาจากทั่วสารทิศให้มองมาหากแต่นางมิได้สนใจนัก คนงามรีบเดินไปหาโรงเตี๊ยมซึ่งถามจากหญิงชรา เนื่องจากตอนนี้ทั้งหิวและอยากพักผ่อนมากเหลือเกิน ขณะกำลังเดินไปตามทาง ในหัวคิดวิเคราะห์จากประสบการณ์การอ่านนิยายว่าค่าเงินในยุคนี้มีค่าเท่าใด จำนวนอัฐที่ได้มาจะสามารถอยู่ได้หลายวันหรือเปล่า เถ้าแก่ซ่งได้ไปสิบเหรียญทองกับอีกห้าเหรียญเงิน เขาดูดีใจมากเพียงนั้นกัลยอดเงินที่ได้แบ่งออกไป เป็นไปได้ว่าจำนวนเงินคงไม่ใช่น้อยเป็นแน่ เมื่อลองเปรียบเทียบค่าเงินที่พอจะจำได้ พลันรู้สึกได้ว่าเงินนั้นคงเยอะพอสมควรเลยทีเดียว กลิ่นน้ำซุปที่ลอยมาตามลมดึงความสนใจจากเซียวอันหนิงแทบทันที ตอนนี้ร่างกายทั้งหิวโหยอ่อนล้า เพียงกลิ่นน้ำซุปหอมที่ลอยมาตามลมมันก็แทบทำให้น้ำลายสอเสียแล้ว จึงเริ่มมองหาที่มาของกลิ่นน้ำซุปว่าอยู่ตรงที่ใด อย่างน้อยก่อนไปโรงเตี๊ยมได้กินบะหมี่ผักสักชามก็ยังดี นางไม่อยากเสี่ยงไปโรงเตี๊ยมแล้วไม่มีอะไรกินต้องนอนทนหิวไปทั้งอย่าง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-20
อ่านเพิ่มเติม

บทที่4 ค้นพบมิติวิเศษ (ตอนปลาย)

เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเฉียดใกล้ นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆ ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที! นางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้านธูป (หนึ่งชั่วโมง) ทว่าก็ยังไม่เจอเจ้าเห็ดหล
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-02
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 5 เจอหมอเท้าเปล่า

เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเบฉียดใกล้ นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆและเรื่องรอวาสนาอย่างได้หวังเลย ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที! ร่างบางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-02
อ่านเพิ่มเติม

บทที่6 เจอหมอเท้าเปล่า (ช่วงปลาย)

ศิษย์อาจารย์ค่อย ๆ เดินออกมาจากพุ่มไม้จนถึงตัวบุรุษชุดดำผู้นอนหายใจรวยริน เซียวเหวินก้มลงคุกเข่าข้างคนเจ็บ ใช้มือตรวจเส้นชีพจรจึงรู้ว่าร่างกายยังพอไปไหว คงไม่ตายเร็ว ๆ นี้ เมื่อแน่ใจว่ายังมีหนทางรักษาจึงหันไปบอกลูกศิษย์สาว“เจ้ารีบมาช่วยพยุง เขายังรักษาได้”เซียวอันหนิงรีบเข้ามาช่วยพยุง บุรุษผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่งดูสูงเพรียวมากทว่าร่างกายกลับหนักอึ้งประหนึ่งแบกหิน หญิงสาวกัดฟันทนพยุงเขาจนพาไปพิงกับต้นไม้ใหญ่ได้ก็รีบหลีกให้เซียวเหวินเริ่มการรักษา เขาเริ่มจากการห้ามเลือด ปลดเสื้อผ้าตัวนอกออกเพื่อให้หายใจได้สะดวก ไม่กดทับร่างกายมากเกินไป ทว่าก็ยังรักษาความลับให้โดยการละเว้นผ้าปิดบังใบหน้าไว้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อนชีวิต หากผู้ใดปิดหน้าคาดตาแปลได้อย่างเดียวคือห้ามสอดรู้ ดังนั้นเพื่อให้ได้รับผลดีมากกว่าร้าย ละเว้นไว้แล้วรักษาตามสมควรจึงเป็นเรื่องฉลาดกว่าเซียวเหวินค้นย่ามเก่าหยาบของตัวเอง หยิบเอายาต้มห่อหนึ่งส่งให้เซียวอันหนิงก่อนบอก “เจ้าไปต้มยาสำหรับแก้ไข้เสีย ในคืนนี้เขาจะต้องเป็นไข้อย่างแน่นอน”หญิงสาวรับห่อยามาก่อนหัวเราะแห้ง ๆ “แฮะ แฮะ เอ่อ...อาจารย์เจ้าคะ ข้ามิเคยก่อไฟมาก่อนเจ้าค
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-06
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 7 เดินทางถึงเมืองหลวง

หลังจากเดินทางมาแรมเดือน ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงประตูเมืองจนได้ เซียวอันหนิงมองกำแพงสูงใหญ่ปิดกั้นสายตาจากด้านนอก มันสูงมากเสียจนต่อให้ยืนบนต้นไม้ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นด้านในได้เสียด้วยซ้ำ ประตูเมืองทำด้วยไม้แผ่นใหญ่สองบานปิดเข้าหากัน ด้านหน้ามีทหารยามเฝ้า คอยดูแลคนเข้าออกในแต่ละวันอย่างเคร่งครัด ได้อ่านคำว่าเมืองหลวงมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งผ่านหนังสือ ครั้นมาเห็นกับตากลับรู้สึกมิธรรมดา ดูยิ่งใหญ่อลังการ คนโบราณช่างเก่งกาจเสียจริงที่สร้าง สถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ออกมาได้โดยใช้เพียงกำลังคนเพียงอย่างเดียว ทั้งสองรีบเดินเข้าไปเพื่อทำเรื่องขอเข้าเมือง ใช้เวลาพักใหญ่จึงเรียบร้อย เมื่อได้ตราประทับรับรองมายืนอยู่พร้อมกับคนอื่น ๆ ซึ่งรอเข้าเมืองเช่นกัน ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงคล้ายกับไม้ขนาดใหญ่เสียดสีกันอย่างเชื่องช้า ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ อ้าออกจากกันจนเห็นพื้นที่ด้านหลังประตู ภาพที่ทั้งสองเห็นคือผู้คนซึ่งคึกคักอย่างมาก มีผู้คนพลุกถล่านรวมไปถึงร้านค้ามากมาย ด้านนอกดูทุรกันดารพอสมควรหากแต่ภายในกลับไม่ใช่เลย เห็นได้ชัดว่านอกประตูเมืองกับในประตูเมืองมันช่างต่างกันเสียมากมาย มันปิดซ่อนสีสัน
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-06
อ่านเพิ่มเติม

บทที่8 เดินทางเข้าเมืองหลวง (ช่วงปลาย)

อีกด้านหนึ่ง “อาจารย์ ข้าว่าพักโรงเตี๊ยมนี้ดีกว่า” เซียวอันหนิงพูดขึ้นเมื่อเห็นที่เหมาะ ๆ อีกทั้งตอนนี้นางเมื่อยเต็มที อาจารย์พานางเดินไปทั่วเสียจนตอนนี้ขาจะหลุดออกมาอยู่แล้ว โชคดีที่เซียวเหวินเองก็เมื่อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้เกิดการถกเถียงจริง ๆ เมื่อตกลงกันได้จึงพากันเข้าไปในโรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกสร้างเป็นแบบสองชั้น มีห้องพักอยู่หลายรูปแบบ พักห้องละสองคน หรือพักด้วยกันห้องละสี่ถึงห้าคน แล้วยังมีห้องพักแบบคนเดียวเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ทั้งสองพากันมองซ้ายขวา ไม่นานจึงเห็นเถ้าแก่คนหนึ่งกำลังขีดเขียนลงกระดาษจึงได้เอ่ยออกไป เซียวอันหนิงร้องบอกเขา “เถ้าแก่ ข้าต้องการที่พักสองห้อง” “เอาห้องแบบไหนเล่าแม่นาง” เถ้าแก่ถามขึ้นขณะวางกระดาษในมือแล้วเดินมารับรองลูกค้าท่าทางสุภาพ เซียวอันหนิงตอบไปแทบทันที “เอาห้องพักแบบเดี่ยวสองห้อง” เถ้าแก่พยักหน้า คิดเงินเรียบร้อยจึงรีบเดินขึ้นไปเตรียมที่พักให้ทันที โชคดีว่าไม่ต้องรอนานนัก ทั้งคู่พากันเดินไปยังห้องพักส่วนตัวแล้วแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตนเองทันที นางเข้ามาในห้อง ค
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-06
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 9 เกิดโรคระบาด

หลังจากเริ่มมีชาวบ้านเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดโรงหมอก็ไม่สามารถรับคนไข้ได้อีก ชาวบ้านที่เจ็บป่วยล้นออกมา เพราะเตียงไม่พอ หยูกยาพร่องไม่เว้นวันทำเอาศิษย์อาจารย์หัวหมุนกันตลอด “ท่านอาจารย์ ข้าว่าข้าเคยเห็นอาการเช่นนี้” เซียวอันหนิงนึกย้อนไปถึงโลกเดิมที่จากมา ผู้มีอาการท้องเสียรุนแรงบางรายอาจมีอาเจียนร่วมด้วย เวลากลางคืนจะมีไข้ขึ้นสูง มันคืออาการของโรค อหิวาซึ่งแพร่ระบาดเร็วมาก แล้วยิ่งยุคนี้ผู้คนยังไม่เข้าใจเรื่องสุขอนามัยมากนักก็จะยิ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หมอเซียวได้ยินเช่นนั้นพลันสนใจ เขาเดินมาหานางก่อนถามเสียงเครียด “เจ้าว่าเคยเห็นเช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะท่านอาจารย์ โรคนี้แพร่ระบาดรวดเร็วเป็นอันมาก ข้ามียารักษาซึ่งช่วยระงับอาการได้รวดเร็วมากกว่ายาต้มเจ้าค่ะ หากแต่ผู้คนอาจมิคุ้นชิน เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่เชื่อถือจนอาจปฏิเสธได้” ว่าแล้วเซียงอันหนิงก็รีบเอายาของโลกปัจจุบันให้เดู ประสิทธิภาพมากมายกว่ายาต้มสมัยนี้มากนักหากแต่ต้องหว่านล้อมอย่างไรให้ชาวบ้านและผู้ป่วยเข้าใจได้ว่ามันไม่อันตราย แม้จะเชื่อศิษย์หญิงทุกอย่างยัง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-10
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 10เข้าวังหลวง

หลังจากจัดการเรื่องโรคระบาดเรียบร้อย หลี่จิ้งหานได้เข้าเฝ้ากราบทูลฮ่องเต้ถึงความจริงว่าที่สามารถควบคุมจัดการโรคได้เร็วถึงเพียงนี้ก็เพราะหมอเซียว ที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปาก หากไม่ได้เขาก็คงไม่สามารถควบคุมโรคระบาดได้ว่องไวเช่นนี้ ซึ่งฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นมีหรือจะมิพอพระทัย พระองค์พอพระทัยอย่างยิ่งทั้งยังประทานรางวัลเป็นพื้นที่หนึ่งร้อยหมู่สมุนไพรหลากชนิดหนึ่งคันรถและเงินอีกหนึ่งร้อยตำลึงทอง ซึ่งจะมีการมอบให้เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ทันได้สนทนาพาทีในเรื่องอื่น ขันทีน้อยประจำตำหนักฮองเฮาก็ได้เข้ามากราบทูล สีหน้าไม่สู้ดีอีกทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงประชวรพ่ะย่ะค่ะ อาการปวดพระเศียรได้กำเริบครานี้เป็นหนักกว่าครั้งอื่นพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮามักมีอาการปวดพระเศียรเป็นพัก ๆ และมักจบลงที่หมอหลวงจัดยาให้ทว่าก็ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ทางฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นพลันลุกพรวดด้วยความตกใจ “เจ้าว่าอย่างไรนะ! ฮองเฮาประชวรเช่นนี้ได้ไปตามหมอหลวงแล้วหรือไม่!” “ท่านหมอหลวงไปที่ตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่าฮองเฮาให้กระหม่อมมาแจ้งข่าวแก่ฝ่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-13
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
12345
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status