ต่อปากต่อคำจนนางหมดแรง อันเนี่ยนฉีเหนื่อยจะทะเลาะกับเขาแล้ว แค่เดินมาจนถึงที่นี่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาจับนางนอนคว่ำหน้าไปกับรถม้า ไม่เห็นด้วยซ้ำว่าสายตาของเขาตอนนี้กำลังแสดงอาการเช่นไร
ร่างกายของเจ้าตัวเล็กผู้นี้ร้อนจัด คงเป็นเพราะบาดเจ็บหนักจนทำกลายเป็นเช่นนี้ เมื่อคืนนั้นนางยังดี ๆ อยู่เลย แต่ไฉนเลยร่างกายจึงได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้ นางตัวเล็กแบบบางราวกับกิ่งหลิว ใครกล้าทำร้ายนางกัน ถึงนางจะเป็นสตรีโง่เง่า แต่การทำร้ายร่างกายเช่นนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย หรือว่าคืนนั้นหลังจากนางออกมาพบกับเขา ถูกคนจวนอัครเสนาบดีจับได้และลงโทษงั้นหรือ งั้นเขา ควรจะเข้าไปสารภาพความจริงที่เกิดขึ้นดีหรือไม่
เพราะมีบางอย่างทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ จนทำให้แม่ทัพหนุ่มลืมเรื่องของยาพิษอะไรนั่นไปเสียสนิท
รถม้ากลับเข้ามาในเมือง ถึงทางแยกที่จะแยกกลับไปจวนแม่ทัพ
“ถึงไหนแล้ว ทิ้งข้าไว้ตรงนี้ก็ได้แล้วเดี๋ยวจะเดินกลับไปเอง” นางส่งเสียง
“ไปที่จวนของข้าก่อน ที่นั่นมีหมอรักษาแผลที่เช
หนานกงหว่านเฉียนถอดเสื้อผ้าของตนออก หูพลันได้ยินเสียงนางสะอึกสะอื้นเบา ๆ จึงก้มลงฟังให้ชัด ๆ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นอันเนี่ยนฉี เห็นหน้าเขาก็ปาดน้ำตาป้อย ผินหน้าไปทางอื่น คนชั่วช้าทำให้นางอับอาย นางเกลียดนัก“คุณหนูเก้า เจ้าเป็นอะไร” เขาเชยคางนางกลับมา จุมพิตแก้มนุ่มของนางเบา ๆ“...” นางเบะปากไม่พูดสิ่งใด เขาทำเหมือนกับเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งที่ทำให้นางอับอายงั้นหรือ“อ้อ...นึกออกแล้ว เจ้าไม่ได้ทำเรื่องสกปรกหรอกนะ มันคือ...ธรรมชาติของร่างกายสตรีต่างหาก” หนานกงหว่านเฉียนจูบซับน้ำตา “ครั้งแรกที่เจ้ากับข้ามีสัมพันธ์กันเจ้าก็ทำเรื่องเช่นนี้มาแล้ว”อันเนี่ยนฉีอ้าปากค้าง หัวสมองเล็ก ๆ ของนางตื้อไปหมด หมายความว่ายังไงกัน อันที่จริง ประสบการณ์ที่นางมีในครั้งก่อน...มัน...ไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก นางถูกวางยากระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความคิดของนางในเวลานั้นได้แต่ภาวนาให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปเสียที และไม่คิดจะจดจำประสบการณ์พวกนั้นเสี
เมื่อครบสามวัน ตั้งใจทดสอบอาการดูสักหน่อย ก็พบว่าร่างกายของหนานกงหว่านเฉียนก็มีอาการแปลกไปอย่างที่นางว่าเอาไว้จริง ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างเชื่องช้า แม้จะใช้พลังปราณในการสกัดกั้นเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เห็นทีว่าถ้าหากไม่ได้สนองก็คงจะทรมานอยู่เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นี่แค่เพียงขั้นต้น ก็แย่แล้ว แล้วนางล่ะ เป็นเพียงสตรีธรรมดาเท่านั้น มีหรือจะทนความเจ็บปวดนี้ได้รั้งรออยู่จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินค่อนไปจนเกือบดึก หนานกงหว่านเฉียนจึงลักลอบไปที่จวนอัครเสนาบดีในทันที หน้าต่างห้องนอนของนางไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ เขาเปิดเข้าไปอย่างง่ายดาย มุ่งตรงไปที่เตียงนอนที่อยู่ด้านในสุด อย่างเชื่องช้าและคิดไม่ถึงว่านางจะรอเขาอยู่แล้ว“ท่านมาแล้ว” น้ำเสียงของอันเนี่ยนฉีสั่นเครือเจือความออดอ้อน ร่างเล็กหย่อนขาลงข้างเตียง“ไปกันเถอะ” เขาส่งมือให้แก่นาง แต่นางทำหน้าเศร้าไม่ยอมสบตา ซ้ำยังไม่ส่งมือออกมา ทำเอาเขาประหลาดใจ “คุณหนูเก้าหรือท่านจะเปลี่ยนใจ”&ldqu
แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปราวกับผีเสื้อขยับปีก แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนเรื่องที่นางถูกลงโทษได้ เมื่อการลงทัณฑ์ของนางจบสิ้น อันรั่วหลันได้รู้สึกว่าตนเองระบายอารมณ์แล้วก็หมุนตัวเดินจากไป บ่าวรับใช้ที่เป็นคนของพี่ชาย ก็อยู่ในสภาพไม่แตกต่างจากผู้เป็นนาย แต่กระนั้นก็ยังประคองตนเองมาอยู่เคียงข้างคุณหนูเก้าพวกนางได้รับการสั่งสอนมาจากในวังหลวง ให้รู้จักขนบธรรมเนียมอันดีงาม ตอนแรกที่ได้ยินว่าจะได้ออกมาดูแลคุณหนูจวนเสนาบดี ก็ยังคิดว่าสบายแล้ว เพราะเรื่องความเคร่งครัดอาจจะด้อยไปกว่าตอนอยู่ในวังหลวง แต่ก็มีบางเรื่องที่พวกนางคิดไม่ถึงคุณหนูเก้าผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก มือของสตรี ร่างกายของสตรี ยิ่งเป็นชนชั้นสูงจะให้มีบาดแผลได้อย่างไรกัน แม้จะใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่พวกนางก็ผูกใจเอาไว้กับเจ้านายคนใหม่ผู้นี้แล้ว“คุณหนู” พวกนางประคองเจ้านายของตนให้กลับขึ้นไปบนที่นอน“พวกเขากระทำเช่นนี้กับคุณหนูตลอดเลยหรือเจ้าคะ”อันเนี่ยนฉีพยักหน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนิ่งเฉยคาดเดาไม่ได้ว่านางกำลังค
พอหลุดออกมาจากอ้อมแขนของหนานกงหว่านเฉียนนางก็กระโดดถอยออกมาไกล ๆ ครั้นมั่นใจว่าปลอดภัยจึงรู้สึกโล่งใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามือที่ปกติใช้จับดาบฆ่าฟันศัตรู จะซุกซนไม่เข้าเรื่องเช่นนั้น นางส่งสายตาค้อนขวับให้เขาหนึ่งที แล้วไอ้การทำหน้าตาชั่วร้าย แถมยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกจะให้นางคิดอย่างไรกันอีกสามวัน กว่าจะถึงวันนั้นเขาอาจจะขาดใจตายไปแล้วก็ได้ ในตอนแรกออกจะรังเกียจนางอยู่สักหน่อย แต่เมื่อพบว่าคืนนั้นเป็นครั้งแรกของเขาและนาง อีกทั้งนางทำไปก็เพราะถูกพิษที่ตอนนี้ยังหาตัวผู้กระทำไม่ได้ อันเนี่ยนฉีเองก็นับว่าเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ยาพิษหนอนไหมคู่รักอะไรนั่นเขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นกับตาของตนเองและรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งสิ่งนั้น ให้คนของเขาที่อยู่ในสำนักตรวจการตรวจสอบแล้วอีกไม่นานก็คงได้รู้“แล้วถ้าเกิดถึงวันนั้นแล้ว เราจะพบกันที่ไหน”นางเองก็คิดไม่ตก “ที่จวนท่านดีหรือไม่ ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด” นางตอบซื่อ ๆ เพราะคิดไม่ออกว่าเรื่องแบบนั้นอยู่ที่ใ
นางไม่รู้ว่าพี่ชายของนางไปเจรจาสิ่งใดกับหนานกงหว่านเฉียน แต่เมื่อพบว่าตนกลับมาอยู่ที่จวนอัครเสนาบดีได้อย่างราบรื่นปลอดภัย ก็เลยคิดเอาเองว่าสุดท้ายแล้วก็คงตกลงกันด้วยดีกระมัง รักษาตัวอยู่เป็นสัปดาห์ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ครบกำหนดสิบสี่วัน แม้จะเคยร่วมสัมพันธ์กับเขามาครั้งหนึ่งแล้วแต่นางก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดีหลังจากอาการไข้ของนางดีขึ้น อันเนี่ยนฉีจึงหมั่นออกมาเดินเล่นในสวน สวนที่แต่ก่อนนางไม่มีสิทธิ์ออกมาเดินเตร็ดเตร่โดยเด็ดขาด คิดไม่ถึงว่าการขอร้องอันจิ้งหยางแค่เพียงครั้งเดียว จะสามารถพลิกชีวิตของนางได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากเมื่อชีวิตที่แล้ว นางกล้าอ้อนวอนเขา ชีวิตก็คง...ไม่ลำบากถึงขั้นนั้นอีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดสิบสี่วันอย่างตามที่นางบอกเอาไว้ตั้งแต่ครานั้น ข่าวจากจวนอัครเสนาบดีก็ไม่มีส่งมาที่เขา ด้วยความกังวลใจ จึงเกิดความคิดอะไรดี ๆ ก็ในเมื่อพี่ชายของนางเป็นคนพูดเอาเองว่าในเวลาปกติสามารถไปพบนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปที่จวนอัครเสนาบดีในทันที
เสียงคนกลุ่มหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกห้อง เดาจากฝีเท้าผู้หนึ่งเป็นผู้ไม่เป็นยุทธ์ ส่วนคนข้าง ๆ กันเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง คงเป็นคุณชายใหญ่พี่ชายของนางกระมัง เมื่อห่มผ้าให้นางเรียบร้อยแล้ว เขาจึงโผล่หน้าออกไปนอกห้องเมื่อออกมานอกห้องก็พบกับบุรุษสวมชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน มีบางส่วนคล้ายคลึงกับสตรีที่นอนอยู่ในห้อง บางมุมก็คล้ายกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ดวงตาล้ำลึก เป็นผู้มีความรู้ ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคุณชายใหญ่อัน ที่อันเนี่ยนฉีขอร้องให้เขาไปตามตัวสายตาของคุณชายใหญ่อันผู้นี้ชัดเจนว่ากำลังสงสัยเรื่องของและผู้เป็นน้องสาว ส่วนข้าง ๆ กันเป็นองครักษ์ผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ถือกระบี่เคียงข้างเขา ใบหน้านิ่งเฉย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดผิดกับผู้เป็นเจ้านาย ที่ร้อนรนจนแสดงอาการวิตกกังวล“ด้านในมีเพียงท่านกับนางงั้นหรือ” อันจิ้งหยางยืนรอสักพัก รอว่าอาจจะมีหญิงรับใช้หรือใครอื่นนอกจากเขาเดินตามออกมา“ช่างเป็นคำทักทายที่แปลกใหม่ดีจริง ๆ คุณชายใหญ่” เดาจากท่าทางร้อนรนคงเป