Share

บทที่ 254

Author: หลันซานอวี่
“นางเป็นฮูหยินของข้า คุณชายท่านนี้ โปรดสำรวมหน่อย!”

หมอสวินมองเซียวจิ่งอี้แวบหนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าว “เหอะ เจ้าบอกว่าใช่ก็ใช่หรือ? น้องอวิ๋นของข้าเป็นหญิงสูงศักดิ์จวนโหว อย่าคิดว่านางเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ก็สามารถปล่อยให้เจ้ารังแกตามใจชอบ”

“เจ้าอยากแต่งนาง ต้องถามสกุลอวิ๋นของเราก็ว่าตอบตกลงหรือไม่!”

เขาจำได้ว่าคนที่มีหมั้นหมายกับน้องอวิ๋นคือซื่อจื่ออันกั๋วกง

เขาเคยเจอซื่อจื่ออันกั๋วกงท่านนั้น ไม่ใช่คนตรงหน้าคนนี้

แม้ไม่รู้ว่าหลายปีนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่น้องอวิ๋นก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไหนก็สามารถแต่งไปได้

หมอสวินผลักเซียวจิ่งอี้ออก กระโจนไปที่ตรงหน้าอวิ๋นฝูหลิงอีกครั้ง

แต่เขากลับพบว่า สายตาที่อวิ๋นฝูหลิงมองเขาห่างเหินมาก ราวกับไม่รู้จักเขา

“น้องอวิ๋น เจ้าลืมข้าแล้วหรือ?”

อวิ๋นฝูหลิงค้นหาในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหนึ่งรอบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะจำได้

“ท่านคือพี่เส้าคัง?”

ในแววตาสวินเส้าคังเต็มไปด้วยเจตนายิ้ม “เป็นข้าเอง!”

“ข้าคิดว่าเจ้าลืมข้าแล้วเสียอีก ยังดีที่เจ้ายังจำข้าได้!”

สวินเส้าคังยังคงเหมือนสมัยเด็ก ลูบศีรษะของอวิ๋นฝูหลิง “ไม่เจอกันหลายปี เจ้าโตแล้ว แต่หน้าตายังดูคล้ายสมัยเด
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Wilawan
ช่วยเพิ่มหลายๆ ตอนด้วยค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 255

    อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หยิบพู่กันเขียนเทียบยาที่ตัวเองคิดไว้แล้วยื่นให้สวินเส้าคัง“พี่เส้าคัง นี่เป็นเทียบยาที่ข้าตั้งใจจะใช้ ท่านลองดูว่าเป็นอย่างไร?”หลังจากสวินเส้าคังรับเทียบยามาดูอย่างละเอียด อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกใจ “เยี่ยมไปเลย!”“ว่านนางคำเสริมลม บรรเทาความเครียด หินเหล็กเสริมหยินหนุนหยาง ชาดแดงสงบจิตสงบใจ แล้วใช้น้ำแกงสะระแหน่ทำให้จางลง”“เทียบยานี้เยี่ยมจริงมาก น้องอวิ๋น เจ้าสมกับเป็นคนรุ่นหลังของสกุลอวิ๋นจริงๆ พรสวรรค์ด้านการเรียนแพทย์นี่อยู่ไกลเกินข้าเอื้อมจริงๆ”“แต่ว่าแม้เทียบยาใบนี้ดีกว่าของข้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่พอรักษาโรคลมชักของนายน้อยสกุลวั่นกระมัง?”“สมกับเป็นศิษย์พี่ใหญ่!” อวิ๋นฝูหลิงยกนิ้วโป้งให้สวินเส้าคัง“เทียบยาใบนี้แค่สามารถรักษาปลายเหตุ ไม่สามารถรักษาต้นเหตุ แต่ประกอบกับทักษะเข็มสกุลอวิ๋นของข้า เช่นนั้นผลลัพธ์ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว ข้ามีความมั่นใจเก้าส่วน สามารถรักษาโรคลมชักของนายน้อยวั่น”เมื่อสวินเส้าคังได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นกระทั้งวิชาฝังเข็มของสกุลอวิ๋น ก็ยอมแพ้แล้วจริงๆสมกับเป็นคนรุ่นหลังของสกุลอวิ๋น มีพรสวรรค์ด้านการเรียนแพทย์ไหลเวียนอย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 256

    สวินเส้าคังก็ไม่ชอบหน้าเซียวจิ่งอี้นานแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นเขากล้าเรียกชื่อของอวิ๋นฝูหลิงตรงๆ สายตาเย็นลงเล็กน้อยทันที“เรื่องของสกุลอวิ๋น ไม่ต้องรบกวนคนนอกมาช่วยกังวล”“คนที่สามารถหนุนหลังน้องอวิ๋นก็มีคนเยอะแยะ นางไม่จำเป็นต้องพึ่งเจ้า!”เซียวจิ่งอี้หัวเราะอย่างเย็นชา “คนนอก? ข้าว่าเจ้าต่างหากที่เป็นคนนอกกระมัง!”“เหมือนคุณชายสวินจะแซ่สวิน ไม่ได้แซ่อวิ๋นนะ!”สวินเส้าคังโต้กลับ “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เป็นพ่อทั้งชีวิต ข้าคือลูกศิษย์โดยตรงของจี้ชุนโหว ย่อมเป็นคนสกุลอวิ๋น!”เซียวจิ่งอี้จับมืออวิ๋นหลิง สิบนิ้วเกี่ยวกันกับนาง แล้วมองสวินเส้าคังด้วยสายตายั่วยุ“ข้าเป็นสามีของนาง เป็นลูกเขยของสกุลอวิ๋น ลูกเขยก็เป็นลูกครึ่งหนึ่ง ข้าเป็นครึ่งหนึ่งของสกุลอวิ๋น ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าลูกศิษย์อะไรนั่นของเจ้า!”“เจ้า…” สวินเส้าคังตาแดงแล้ว แม้ก่อนหน้านี้เซียวจิ่งอี้บอกว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฮูหยินของเขา แต่สวินเส้าคังไม่เชื่อ และไม่ยอมรับด้วย“ต้องเป็นเพราะเจ้าฉวยโอกาสตอนที่น้องอวิ๋นลำบาก หลอกนางแน่!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นทั้งสองตู้เถียงกันไม่หยุด จึงตะคอกห้ามปราม “พอที เลิกทะเลาะกันได้แล้ว!”อวิ๋นฝู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 257

    เรื่องราวในตอนนั้น สวินเส้าคังตรวจสอบจนรู้ทุกอย่างหลายปีนี้ที่อวิ๋นฝูหลิงเร่ร่อนอยู่ข้างนอก หาเบาะแสไม่เจอ ทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มจากเซียวจิ่งอี้ตอนนั้นถ้าหากเขาไม่พรากความบริสุทธิ์ของอวิ๋นฝูหลิง แล้วทำให้นางอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย อวิ๋นกานซงจะมีโอกาสลงมือกับอวิ๋นฝูหลิงอย่างโหดร้ายได้อย่างไร?คนเช่นนี้ แม้เขาเป็นองค์ชายก็ไม่คู่ควรกับน้องหญิงของเขา!ความคิดของสวินเส้าอ่อนไหว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเมื่อครู่อวิ๋นฝูหลิงจงใจเว้นระยะห่างกับเขาเรื่องนี้ จากสรรพนามการเรียกก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ตอนแรกยังเรียกเขาว่าพี่เส้าคัง หลังจากนั้นก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ จนมาตอนท้ายเรียกเขาว่าศิษย์พี่เฉยๆ แล้วอวิ๋นฝูหลิงเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเพราะห่วงความรู้สึกเซียวจิ่งอี้จะเห็นได้ว่าในใจนางมีเขาแล้วน้องอวิ๋นต้องถูกเขาหลอกแน่ๆ และไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่เช่นนั้น นางคงไม่มีทางอยู่กับเซียวจิ่งอี้เขาปกป้องน้องอวิ๋นอย่างเงียบๆ มานานหลายปี รอนางโตเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด เขาไม่มีทางปล่อยมือทั้งเช่นนี้แน่นอน!สกุลวั่นจัดรถม้าส่งอวิ๋นฝูหลิงกลับโรงเตี๊ยมอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งขึ้นรถม้า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 258

    เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้”เซียวจิ่งอี้ลองคำนวณเวลา เที่ยวเล่นที่เขตปกครองจินโจวจินโจวสองวัน ไม่ทำให้การเดินทางกลับเมืองหลวงล่าช้า และไม่พลาดงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวังหลวงแต่ในเมื่อเขาเปิดเผยตัวตนที่สกุลวั่นแล้ว ก็ไม่สะดวกอยู่เขตปกครองจินโจวต่อแล้ว รีบไปจากที่นี่โดยเร็วดีกว่าเซียวจิ่งอี้สั่งให้คนเก็บสัมภาระ เตรียมตัวออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ใครจะรู้ว่าพอถึงช่วงบ่าย มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งมาที่โรงเตี๊ยมเซียวจิ่งอี้เห็นสวินเส้าคังมา เขาหรี่ตาเล็กน้อย “คุณชายสวินมีธุระอะไร?”สวินเส้าคังประสานมือคำนับเซียวจิ่งอี้ แม้ท่าทีนอบน้อม กลับไม่มีความยำเกรง“วันนี้ได้พบกับน้องอวิ๋นอีกครั้ง ย่อมต้องกินข้าวฉลองกันสักมื้อ”“อีกอย่าง ข้ายังมีเรื่องอยากคุยกับอี้อ๋องสักหน่อย”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้ารู้ตัวตนของข้าแล้ว”“ในเมื่อรู้ตัวตนของข้าแล้ว ยังกล้าใช้ท่าทีเช่นนี้พูดจากับข้าอีก ใจกล้าจริงๆ!”สวินเส้าคังไม่เย่อหยิ่งไม่ถ่อมตน “แม้ท่านเป็นองค์ชาย แต่เรื่องบางเรื่อง ข้า สวินเส้าคังก็ไม่คิดจะถอย”“เพื่อน้องอวิ๋นแล้ว แม้ต้องแล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 259

    พลันสวินเส้าคังอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้นมา กล่าวอย่างมีความสุข “เจ้าหลานชาย รอไปถึงเมืองหลวงแล้ว ลุงพาเจ้าไปเที่ยวดีหรือไม่?”อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกได้ว่าท่านลุงที่เจอกันครั้งแรกคนนี้ ชอบเขามากจริงๆ จึงพยักหน้ากล่าวทันที “ดีขอรับ!”สวินเส้าคังอยู่กินอาหารเย็นกับครอบครัวอวิ๋นฝูหลิงในโรงเตี๊ยมอย่างหน้าด้านๆ แล้วหลังอาหารเย็น สวินเส้าคังหาโอกาสคุยกับอวิ๋นฝูหลิงอย่างพักใหญ่“น้องอวิ๋น เจ้าคิดดีแล้วหรือว่าจะอยู่กับเขาจริงๆ?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ศิษย์พี่สวิน หลังจากข้าพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว จึงตัดสินใจ”“ข้าอยากอยู่ร่วมกับเขา อีกทั้งพวกเรายังมีจิงมั่ว”ในแนวคิดของอวิ๋นฝูหลิง ผู้หญิงยุคใหม่ ต่อให้มีลูกแล้ว และจะไม่ถูกผู้ชายผูกมัดเพราะลูกนางเห็นกรณีที่ทิ้งสามีเลี้ยงลูกคนเดียวมาเยอะแล้วแต่อยู่ในยุคนี้ ในสายตาของคนทั่วไป ผู้หญิงคนหนึ่งเสียตัวให้ผู้ชายคนหนึ่ง และยังให้กำเนิดลูกของเขา ชีวิตนี้ก็จะถูกตีตราของผู้ชายคนนั้นแม้อวิ๋นฝูหลิงดูถูกความคิดเช่นนี้แต่ถ้าหากสามารถใช้ข้ออ้างนี้โน้มน้าวสวินเส้าคัง อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ถือสาที่จะหยิบเอามาใช้เป็นอย่างที่คิด เมื่อได้ย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 260

    “แม่นางหลี่ท่านนี้กับข้าพอจะรู้จักกัน หวังว่าผู้นำตระกูลวั่นจะเห็นแก่หน้าข้า ช่วยดูแลนางเป็นการส่วนตัวหน่อย”วั่นจื้อซินหน้าซีดทันที เกือบจะคุกเข่าโดยตรงเขาคิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะไปอยู่แล้ว ยังจะถือโอกาสจัดการเขาอีกยกและยิ่งคิดไม่ถึงว่าแม่นางสกุลหลี่ที่กลายเป็นเด็กกำพร้าแล้ว จะรู้จักกับอวิ๋นฝูหลิงด้วย เขารีบสารภาพทันที “เมื่อก่อนข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่กล้าอีกแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”วั่นหงเขม็งใส่วั่นจื้อซินแวบหนึ่ง แล้วกล่าวสัญญากับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น เจ้าวางใจได้ ข้าจะอบรมเจ้าหลานชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ดีๆ แน่นอน”“ส่วนทางแม่นางหลี่ ข้าก็จะให้คนดูแลช่วยดูแล จะไม่มีใครหาเรื่องนางอีกแน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นรบกวนผู้นำตระกูลวั่นแล้ว”“ข้าไปรอนายน้อยวั่นที่เมืองหลวงนะ!”หลังจากกล่าวอำลาผู้นำตระกูลวั่นและคนอื่น รถม้าก็แล่นออกจากเขตปกครองจินโจวจากจินโจวถึงเมืองหลวง ใช้เวลาไม่ถึงสองวันก็ถึงแล้วเมื่อเห็นว่าเริ่มเข้าใกล้เมืองหลวงทีละนิด วันนี้ ตอนอวิ๋นฝูหลิงและคนอื่นเดินทางถึงชานเมืองเมืองหลวง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกน “ช่วยด้วย”เป็นเสียงของผู้หญิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 261

    อวิ๋นฝูหลิงโบกมือทันทีโดยไม่ยอมรับข้อกล่าวหา“เจ้าอย่าพูดไร้สาระ ข้าไปทำร้ายเจ้าเมื่อใด?”อวิ๋นซานหูทุบพื้นด้วยหมัด ก่อนจะกล่าวโทษออกมาทีละคำ“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะโดยกรงเล็บเสือข่วนที่หน้าหรือ?”“หากมิใช่เพราะเจ้าปฏิเสธที่จะเอายาออกมาเพื่อรักษาข้า รูปโฉมของข้าจะถูกทำลายหรือ?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะถูกท่านพ่อทิ้งไว้ที่หมู่บ้านชนบทหรือ?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะถูกผู้อื่นเหยียดหยาม จนแม้แต่คนรับใช้ที่หมู่บ้านชนบทก็ยังเมินข้า และกล้าดูหมิ่นข้าหรือ?”แต่ละคำที่อวิ๋นซานหูกล่าวออกมา เต็มไปด้วยความโศกเศร้า สิ้นหวัง ความเจ็บปวดและเคียดแค้นอวิ๋นฝูหลิงฟังจากคำพูดไม่กี่ประโยคของนาง ไม่นานก็พอจะคาดเดาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้อวิ๋นซานหูถูกเสือข่วนหน้าที่เขาเฟิ่งลั่ว เพราะขาดการรักษาและยา ทั้งยังเสียเวลาไปนาน ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หลังจากนั้นย่อมมีแผลเป็นแม้ว่านางจะรีบกลับมาเมืองหลวง เพื่อมารับการรักษาจากหมอที่ดีที่สุด ก็ยังไม่อาจรักษาให้หายสนิทได้ด้วยนิสัยเห็นแก่ผลประโยชน์ของอวิ๋นกานซง ลูกสาวผู้สูญเสียรูปโฉมไป ย่อมสูญเสียราคาไปด้วยไม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 262

    ไม่นาน ขบวนรถม้าก็เดินทางอีกครั้งเซียวจิ่งอี้ถาม “เจ้าจับนางมาเพื่ออันใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงเผยรอยยิ้มลึกล้ำออกมา “ย่อมเป็นเพราะมีประโยชน์ หลังจากนี้ท่านจะรู้เอง”ในช่วงเวลาสั้น ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็มีแผนการในใจแล้วเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ในใจก็คาดเดาออกได้หลายส่วน แต่ก็มิได้ซักไซ้ ทว่ากลับเอ่ยเตือน“สตรีผู้นี้โง่เขลา หากเจ้าต้องการใช้ประโยชน์จากนาง ต้องระวังเสียหน่อย เพื่อมิให้นางทำเสียเรื่องมากกว่าจะสร้างประโยชน์ จนทำลายแผนของเจ้า”อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกราวกับตัวเองเจอเนื้อคู่ความรู้สึกที่ใจตรงกันเช่นนี้ และเข้าใจกันได้โดยมิต้องเอ่ย ช่างดีมากจริง ๆอวิ๋นฝูหลิงจับมือของเซียวจิ่งอี้ พลางเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ข้าคิดคำนวณไว้ในใจแล้ว”รถม้าแล่นไปถึงเมืองหลวง ยามที่ดวงอาทิตย์สูงเสียดฟ้า ก็มาถึงประตูเมืองเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐศาสตร์ของแคว้นต้าฉี แค่พื้นที่โล่งหน้าประตูเมือง ก็มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามลูกหนังสามสนามแล้วผู้คนที่กำลังต่อแถวเข้าเมือง มีลักษณะแถวยาวราวกับตัวมังกรกำแพงเมืองสูงตระหง่านทะลุเมฆ ดูแข็งแกร่งมั่นคงทั้งบนกำแพงเมืองและใต้กำแพงเมืองล้วนมีองครักษ์เฝ้าอยู่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status