แชร์

บทที่ 428

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
ทว่าวิธีการผ่าท้องนั้นอันตรายมากเหลือเกิน นับแต่อดีตจวบจนบัดนี้ ก็มีเพียงอวิ๋นฝูหลิงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้

ยิ่งไปกว่านั้นการผ่าตัดเมื่อก่อนของอวิ๋นฝูหลิงก็ได้พูดอย่างชัดแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วว่า วิธีการผ่าท้องนี้นางมิได้มีความมั่นใจเต็มที่มากนัก มีความมั่นใจเพียงห้าส่วนเท่านั้น

ดังนั้นการที่คุณชายน้อยสกุลลู่กับฮูหยินน้อยสู่สามารถมีชีวิตรอดมาได้ นอกจากอวิ๋นฝูหลิงจะเหนือชั้นทางฝีมือการแพทย์แล้ว เกรงว่ายังต้องพึ่งโชคอีกเล็กน้อย

หลาย ๆ คนจึงโต้เถียงกัน

ทางหนึ่งคิดว่าการผ่าท้องนั้นสุ่มเสี่ยงเกินไป ไม่อาจเอาชีวิตของผู้ป่วยไปเสี่ยงอันตรายด้วย

ส่วนอีกทางก็คิดว่าโรคฝีลำไส้เฉียบพลันนี้เป็นโรคร้ายแรง ใช้ยาก็จะเห็นฤทธิ์ช้าไป บางทียังไม่ทันรอให้ยาออกฤทธิ์ คนก็สิ้นลมเพราะความเจ็บปวดไปเสียก่อน

ระหว่างที่โอกาสที่จะรอดชีวิตเลือนราง สู้ต่อให้ไร้ซึ่งความหวังแต่ก็ยังพยายามเต็มที่เสียดีกว่า

แม้ผ่าท้องจะมีอันตราย ทว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ยังมีความหวังที่จะรักษาให้หายขาดได้ถึงครึ่งเชียวนะ!

แล้วบัดนี้ก็ได้พบกับอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นเจ้าของหัวเรื่อง ในฐานะที่เป็นหมอที่ผ่าท้องคนไข้ และคนไข้ยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อมา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 429

    ทันทีที่เฉิงชงคิดได้เช่นนั้น ก็รีบประสานมือคารวะอวิ๋นฝูหลิง กล่าวขอคำชี้แนะด้วยสีหน้าท่าทางถ่อมตัวว่า“เป็นจริงอย่างที่แม่นางอวิ๋นว่า หากพบโรคฝีลำไส้ชนิดเฉียบพลัน นอกจากผ่าท้องตัดลำไส้ตายออก ก็ไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้แล้ว” “เพียงแต่ทันทีที่ผ่าท้อง คนป่วยจะไข้ขึ้นสูงไม่ลด บาดแผลบวมแดงและเป็นหนอน ต่อมาก็สิ้นลมหายใจ”“มีเพียงคนไข้สองรายที่แม่นางอวิ๋นผ่าท้องให้เท่านั้น ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้”“โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน แม่นางอวิ๋นนับว่าเป็นคนแรกตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้เลยเชียว”“ไม่ทราบว่าแม่นางอวิ๋นมีเคล็ดลับอะไรอยู่ในมือหรือไม่ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนสำคัญที่รักษาชีวิตไว้ได้?”คำถามนี้ของเฉิงชงเรียกได้ว่าช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลยต่อให้เป็นท่านหมอที่มีชื่อเสียงเล็กน้อย มีใครบ้างที่ไม่มีศาสตร์ลับอยู่ในมือสักอย่างสองอย่าง?ศาสตร์ลับนี้เป็นพื้นฐานในการตั้งตัวของพวกเขา และเป็นเชื้อไฟที่ไม่มีวันหมดแก่ชนรุ่นหลังของตระกูลต้องกุมศาสตร์ลับของตระกูลตนไว้ให้แน่น ศาสตร์ลับของตระกูลอื่นก็ต้องคอยถ่างตารอโอกาสได้ยลสักหนทุกคนล้วนมีความคิดอย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 430

    ขณะที่เฉิงชงกำลังกางหูรอฟังอยู่นั้น ใครจะคาดคิดว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับพูดออกมาว่า “แต่ว่าส่วนสำคัญนี้ มิใช่ว่าเมื่อครู่นี้ข้าได้พูดให้ทุกท่านฟังไปแล้วหรอกหรือ!”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงพูดเช่นนั้นออกไป ก็เปลี่ยนไปหัวเราะเสียงเย็น มองเฉิงชงแล้วกล่าวว่า “ได้ยินว่าท่านหมอหลวงเฉิงมีศาสตร์ลับรักษาอาการแก้ไปที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูลจาง มิลองนำมาให้ทุกท่านได้ศึกษาดูสักหน่อยหรือเจ้าคะ?”เฉิงชงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าพลันแข็งค้างไปในชั่วพริบตา ริมฝีปากสั่นระริกพูดอะไรไม่ออกดวงตาของอวิ๋นฝูหลิงกวาดมองไปยังคนอื่น ๆ ที่เหลือครั้นท่านหมอทั้งหลายในศาลานี้สบเข้ากับดวงตาของนาง ก็พากันก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตานางตรง ๆ“ข้ายังมีธุระอื่น ต้องขอตัวก่อน”อวิ๋นฝูหลิงหัวเราะเสียงเย็น หลังพูดออกไปเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วค่อย ๆ เดินจากไปทิ้งให้คนที่อยู่ในศาลาได้แต่มองหน้ากันไปมาผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดก็มีคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน ราวกับต้องการจะทำลายบรรยากาศอึดอัดนี้ไป “จุดสำคัญที่แม่นางอวิ๋นพูดถึงว่าบอกกับพวกเราแล้วนั้น คืออันใดกัน?”คนอื่น ๆ ก็รีบทบทวนความทรงจำกันทันทีหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีคนพูดออกมาว่า “หากข้าจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 431

    เมื่อครู่ตอนถกเถียงเรื่องฝีลำไส้ อวิ๋นฝูหลิงได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าหากผ่าท้อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสะอาด ไม่ให้บาดแผลติดเชื้อนางชี้แนะถึงขั้นนี้ มันก็เพียงพอแล้วส่วนทำอย่างไรไม่ให้บาดแผลติดเชื้อ ย่อมเป็นเพราะนางมียา อีกทั้งยังเป็นยาในมิติที่เติมน้ำพุวิญญาณแต่นางไม่มีทางพูดเรื่องเหล่านี้!นอกจากนี้ทำไมนางต้องบอกพวกเฉิงชง?แต่ว่าเฉิงชงคนนั้นก็ตาไม่ถึงจริงๆเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้ามาถามสูตรลับกับนางโดยตรง?อาศัยที่เขาหน้าด้านมากพอหรือ?เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเฉิงชงอยู่แล้ว หลังจากผ่านเรื่องนี้ ยิ่งไม่ชอบเขาแล้วนางพ่นลมออกจากปากเบาๆ ตั้งใจจะปัดเรื่องที่ไม่สบอารมณ์เหล่านี้ทิ้งไปให้หมด ใครจะรู้ว่านางเพิ่งเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็มีความคิดที่แปลกประหลาดแวบเข้ามาในสมองนางนึกถึงคดีคนหายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้ผู้หญิงที่หายตัวไปเหล่านั้น มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือพวกนางล้วนเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ใครจะยอมลำบากไปลักพาตัวผู้หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ?ไม่ว่าจะเพื่อเงินหรือเรื่องทางเพศ ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดแน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 432

    กล่าวจบ นางก็ย้อนถาม “เตรียมรถม้าเสร็จหรือยัง?”เดิมทีหลิงโหยวยังอยากเกลี้ยกล่อม เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงถาม รีบกล่าวตอบทันที “เตรียมเสร็จแล้วขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ทางอวิ๋นเทียนย่วนให้เจ้าดูแลแทน ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็ไปขอให้ท่านปู่โอวหยางกับท่านปู่หางช่วย”หลิงโหยวหลุบตาขานรับทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปส่งอวิ๋นฝูหลิงที่ประตูข้างกับเหยากวงแล้วรอหลังจากอวิ๋นฝูหลิงขึ้นรถม้าจากไป หลิงโหยวจึงจะนึกขึ้นได้ทางอวิ๋นเทียนย่วนมีเรือนรับรอง แม้แต่หมอมีชื่อเสียงหลายคนก็พักที่นี่ระหว่างการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์อวิ๋นฝูหลิงมีเรื่องส่วนตัวในอวิ๋นเทียนย่วน ถ้าหากพักผ่อน กลับไปพักที่เรือนโดยตรงก็สิ้นเรื่องเหตุใดต้องเดินทางไกล จะกลับไปพักผ่อนที่จวนอี้อ๋องให้ได้?หลิงโหยวกลอกตา แอบคาดเดาหรือว่าช่วงนี้คุณหนูใหญ่อยู่อวิ๋นเทียนย่วนมาโดยตลอด คิดถึงอี้อ๋องแล้ว? นึกถึงแม้การแต่งงานของคุณหนูใหญ่เป็นเรื่องบังเอิญ กลับเป็นวาสนาที่สวรรค์ประทานอี้อ๋องกับคุณหนูใหญ่สามีภรรยารักใคร่ ความสัมพันธ์ดีงามคิดว่าท่านโหวผู้เฒ่า ท่านโหวและฮูหยินโหวอยู่ในยมโลก ก็ปลื้มปีติเช่นกันแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรคุณหนูใหญ่ถึงจะม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 433

    เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินก็ตกใจ อดไม่ได้ที่จะกล่าว “เพื่อผ่าท้องทำคลอด?”อวิ๋นฝูหลิง “นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น”นางเงียบไปครู่หนึ่ง วิเคราะห์อย่างจริงจัง“คนร้ายลักพาตัวผู้หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ มันไม่สมเหตุสมผลเลย”“ไม่ว่าจะทำเพื่อเงินหรือเรื่องทางเพศ ผู้หญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าหากทำเพื่อความแค้น ผู้หญิงตั้งครรภ์เหล่านั้นล้วนไม่รู้จักกัน นอกจากตั้งครรภ์แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี”“เช่นนั้นก็เหลือแค่ตัวของผู้หญิงตั้งครรภ์แล้ว!”“ประกอบกับเรื่องที่ข้าผ่าท้องทำคลอดให้ฮูหยินน้อยฉู่เมื่อช่วงก่อน เป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งเมือง”“คิดว่าวิชาผ่าท้องทำคลอดนี่ ไปกระตุ้นความสนใจของหมอบางคนแน่นอน”“ข้าเดาว่าเจตนาของคนร้ายน่าจะเอาผู้หญิงตั้งครรภ์มาทำการทดลอง โดยหวังจะเลียนแบบวิชาผ่าท้องทำคลอดของข้า!”เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินแล้วสีหน้ายิ่งเย็นชาถ้าหากการคาดเดาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นจริง เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้โหดร้ายและบ้ามากเซียวจิ่งอี้จับมือของอวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “ข้ารู้แล้ว ข้าจะให้คนไปสืบในทิศทางนี้ดู”อวิ๋น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 434

    แต่หลังจากมีผู้หญิงตั้งครรภ์หายตัวอีกครั้ง อวิ๋นฝูหลิงยิ่งมั่นใจการคาดเดาก่อนหน้านี้แล้ว ต้องเป็นเพราะผู้หญิงตั้งครรภ์ที่คนร้ายลักพาตัวไปก่อนหน้านี้ การทดลองล้มเหลวแน่นอนคนร้ายต้องการผู้ทดลองคนใหม่ ดังนั้นจึงเสี่ยงก็อาชญากรรม ลักพาตัวผู้หญิงตั้งครรภ์อีกครั้งเมื่อนึกถึงการคาดเดานี้อาจจะเป็นจริง อวิ๋นฝูหลิงทั้งโกรธทั้งเกลียดจำเป็นต้องจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว จะปล่อยให้เขาทำชั่วต่อไปไม่ได้แล้วในเมื่อคนร้ายซ่อนได้ลึกมาก สืบไม่พบเบาะแสอะไรเลยเช่นนั้นก็ล่องูออกจากรูให้คนร้ายกระโดดออกมาเอง!เกิดแผนที่บ้ามากขึ้นในใจอวิ๋นฝูหลิงแต่ว่าแผนนี้อาศัยแค่นางคนเดียวทำไม่ได้แน่นอน……พริบตาเดียว การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ก็ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใกล้จะถึงตอนท้ายแล้วอวิ๋นฝูหลิงนำตำราแพทย์อันล้ำค่าของสกุลอวิ๋นออกมาให้ทุกคนอ่านก่อน ทำให้นางได้รับคำชมเชยล้นหลามหลังจากนั้นก็แลกเปลี่ยนความรู้วิชาแพทย์ วินิจฉัยโรคและเขียนเทียบยา ใช้ความสามารถของตัวเองชนะใจของผู้คนในแวดวงการแพทย์อย่างแท้จริงประกอบกับยาลูกกลอนและวัตถุดิบยาที่ปลุกในสวนสมุนไพรของสำนักช่วยชีพ อวิ๋นฝูหลิงได้เจรจาความร่วมมือกับร้านยา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 435

    ไม่ว่าจะเป็นอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องคุณชายน้อยสกุลลู่เมื่อครั้งก่อน หรือผ่าท้องทำคลอดให้ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในช่วงที่ผ่านมา แม้ข่าวได้แพร่กระจายออกเป็นวงกว้าง แต่คนที่เคยเห็นกับตากลับมีไม่มากประกอบกับหลังจากผ่าท้อง คนยังสามารถมีชีวิตอยู่ นี่ยิ่งเพิ่มสีสันของตำนานและความลึกลับด้วยเหตุนี้ อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปากเอง ในบรรดาหมอที่มาเข้าร่วมการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ มีไม่น้อยที่เกิดความสนใจทุกคนพากันรุมถามอวิ๋นฝูหลิงเป็นเช่นนี้อยู่สองสามวัน ทุกอย่างยังคงปกติ ไม่พบความผิดปกติใดๆแรกเริ่มอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้รีบร้อน แต่เมื่อเห็นว่าการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ปลายังไม่ติดเบ็ดอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะเริ่มร้อนใจแล้วแต่ไม่นานนางก็เกลี้ยกล่อมตัวเองสำเร็จ ต้องอดทนเอาไว้ในเมื่อเหยื่อไม่พอ เช่นนั้นก็เพิ่มเหยื่ออีกวันนี้อวิ๋นฝูหลิงไปอวิ๋นเทียนย่วนตามปกติใครจะรู้ว่ากลับพบเฉิงชงระหว่างทางอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย หลังจากทักทายก็เดินผ่านไปใครจะรู้ว่าเฉิงชงกลับเรียกนางกะทันหัน“แม่นางอวิ๋น” เฉิงชงยิ้มแย้ม ท่าทางนอบน้อมและกระตือรือร้นเล็กน้อย “ข้าน้อยมีเรื่องจะปรึกษ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 436

    อวิ๋นฝูหลิงหันไปมองเหยากวง “เจ้าก็ได้ยินแล้ว มีหมอหลวงเฉิงค่อยปกป้องข้า เจ้ารีบไปเถอะ”เหยากวงลังเลครู่หนึ่ง จึงจะประสานมือกล่าวกับเฉิงชง “รบกวนหมอหลวงเฉิงแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ”กล่าวจบ เหยากวงสื่อสารกับอวิ๋นฝูหลิงทางสายตาแวบหนึ่ง ก็หมุนกายจากไปแล้วส่วนอวิ๋นฝูหลิงหันกลับไปมองเฉิงชงอีกครั้ง นางกล่าว “พวกเราไปคุยกันทางนั้น”โถงบุปผาที่เฉิงชงพูดถึงอยู่ไม่ไกลนักทั้งสองเดินไปได้ครู่เดียวก็ถึงแล้วตำแหน่งของโถงบุปผาแห่งนี้ค่อนข้างเปลี่ยว แต่พื้นที่โดยรอบเขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่ง เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมากอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งก้าวเข้าโถงบุปผา จู่ๆ ก็ถูกคนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกจากข้างหลังอวิ๋นฝูหลิงสูดดมไปแค่ทีเดียว ก็ดมออกแล้วว่าบนผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยผงวิญญาณเคลิ้ม สามารถทำให้คนหมดสติชั่วคราวนางรีบกลั้นหายใจทันที แสร้งดิ้นรนครู่หนึ่ง ก็หมดสติไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่ามือเท้าของตัวเองถูกมัดแล้ว และยังมีก้อนผ้ายัดไว้ในปากก่อนหน้านี้ตอนเพิ่งเจอเฉิงชง อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้คิดอะไรมากกระทั่งเฉิงชงบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษากับนางหลายวันนี้อวิ๋นฝูหลิงโยนเหยื่อเพื่อต

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status