Share

บทที่ 569

Author: หลันซานอวี่
ขณะที่เซียวจิ่งอี้กำลังกังวลว่าจะกวาดล้างคนแคว้นเยว่บนเกาะหมัวกุ่ยอย่างไร เรือที่นำโดยอวิ๋นฝูหลิงก็กำลังมุ่งตรงมายังทิศทางของเกาะหมัวกุ่ย

มีฟางอวี่นำทาง เกาเทียนหย่วนคอยคุมหางเสือ ทั้งสองคนร่วมมือกัน ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ก็มาถึงอาณาเขตทะเลของเกาะหมัวกุ่ย

ที่นี่อยู่ห่างจากเกาะหมัวกุ่ยประมาณสิบกว่าไมล์ทะเล

ฟางอวี่กล่าวเตือน “บนเกาะหมัวกุ่ยมีคนคอยลาดตระเวน หากเรือใหญ่ขนาดนี้ของพวกเราแล่นผ่านไป ไม่ทันได้เข้าใกล้เกาะหมัวกุ่ย ก็คงถูกเจอตัวก่อน”

อวิ๋นฝูหลิงได้ยินก็พยักหน้า คิดว่าฟางอวี่พูดมีเหตุผล

เรือของพวกเขาใหญ่ขนาดนี้ เป็นเป้าสายตาที่ใหญ่เกินไป

อวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ไม่นานก็นึกถึงเรือลำเล็กสองสามลำบนเรือ

หากไปด้วยเรือลำเล็ก เป้าสายตาก็จะเล็กลงมาก

ยามที่เคลื่อนไหวก็ระมัดระวังเสียหน่อย โอกาสที่จะถูกเจอตัวก็จะลดลงมาก

ตอนนี้อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ตัดสินใจลงมืออย่างบุ่มบ่าม แต่ถามความคิดเห็นของฟางอวี่ก่อน

ถึงอย่างไรเขาก็เคยอยู่ที่เกาะหมัวกุ่ยมาสองปี จึงคุ้นเคยกับเกาะหมัวกุ่ยมาก

ครั้งนี้ยังหนีออกจากเกาะหมัวกุ่ยได้สำเร็จ ย่อมมีประสบการณ์อยู่บ้าง รู้ว่าไปตรงไหนสามารถหลบเลี่ยงสายตาของทห
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 570

    “หากเดินไปเส้นทางอื่น จะถูกคนของหน่วยลาดตระเวนเหล่านั้นพบตัวได้ง่ายมาก”หลังฟางอวี่คิดว่าจะถูกพบตัว และถูกจับไปใช้แรงงานบนเกาะหมัวกุ่ยอีกครั้งถึงขั้นที่อาจมีคนจำได้ว่าเขาคือคนที่หนีออกไปจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้ สิ่งที่รอเขาอยู่ ก็ยิ่งเป็นจุดจบที่น่าอนาถคิดมาถึงตรงนี้ ฟางอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอวิ๋นฝูหลิงเก็บสายตากลับมาแม้ว่าแนวปะการังแห่งนี้จะสูงชัน จนคนทั่วไปปีนได้ยากอยู่บ้าง ทว่าสำหรับนางไม่นับว่าเป็นอันใดเลยยิ่งไปกว่านั้นแนวปะการังแห่งนี้ยังถูกน้ำทะเลกัดเซาะมานานหลายปี พื้นผิวจึงขรุขระ นี่ทำให้ระหว่างทางที่ปีนมีจุดที่สามารถใช้เหยียบเท้าได้เยอะมาก ความยากในการปีนขึ้นไปจึงลดระดับลงบ้างสายตาของอวิ๋นฝูหลิงกวาดมองร่างของพวกเทียนเฉวียนทั้งสามคนเทียนเฉวียนมีวรยุทธ์สูงส่ง การปีนแนวปะการังระเกะระกะแห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้ฟางอวี่หลบหนีไปจากตรงนี้ คิดว่าเขาคงคุ้นเคยกับแนวปะการังระเกะระกะแห่งนี้เป็นอย่างดี การปีนขึ้นไปย่อมไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันยามที่สายตาของอวิ๋นฝูหลิงตกมาอยู่ที่ร่างของลูกพี่อู๋เป็นคนสุดท้าย ก็ชะงักอยู่นานล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 571

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดสงสัยอยู่ในใจไม่หายเดิมทีเขาคิดว่าอวิ๋นฝูหลิงอยากให้คุมตัวเจ้านั่นไว้ เพื่อจะได้รับรองความปลอดภัยของพวกเขาได้มากขึ้นทว่าความจริงแล้วดูไม่ค่อยเหมือนกับสิ่งที่เขาคิดสักเท่าไรว่าแต่ เรื่องสำคัญกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงพูดถึงมันคืออะไรกัน?ยังไม่ทันที่เทียนเฉวียนจะได้คิดอันใดมากมาย เขาเห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบของสีดำ ๆ รูปร่างเหมือนนกออกมาจากในห่อผ้าเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าเทียนเฉวียนนัก ทว่าสถานการณ์ในยามนี้ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่รู้เรื่องการป้องกันบนเกาะหมัวกุ่ยที่แน่ชัด หากขืนเข้าไปทั้งอย่างนี้ จะต้องมีสภาพไม่ต่างกับแมลงวันหัวขาดแน่นอนนางคิดสะระตะไปมา สุดท้ายจึงตัดสินใจคว้าโดรนจากในมิติออกมา ใช้มันสืบส่องสถานการณ์บนเกาะดูเสียก่อนดังนั้นการตรวจสอบด้านบนเกาะครั้งนี้ นางจึงตั้งใจพามาแค่พวกเทียนเฉวียนสามคนเท่านั้นทั้งยังหาข้ออ้างให้ลูกพี่อู่กับฟางอวี่ออกไปที่อื่นที่ให้เทียนเฉวียนรั้งอยู่ ก็เพราะนางต้องการผู้ช่วยหนึ่งคนมาวาดแผนที่สภาพบนเกาะอีกทั้งในลูกน้องกลุ่มนี้ เทียนเฉวียนนั้นซื่อสัตย์และไว้ใจได้ อวิ๋นฝูหลิงเชื่อใจเขาอวิ๋นฝูหลิงบังคับรีโมท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 572

    “เจ้าเก็บแผนที่นี้ไว้ มีมันแล้ว จะเคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้น”“ตรงสามจุดนี้...” อวิ๋นฝูหลิงเอื้อมมือออกไปชี้ที่ตำแหน่งทั้งสามบนแผนที่ จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “ทั้งสามจุดนี้น่าจะเป็นสถานที่ซึ่งคนที่ถูกจับมาบนเกาะต้องใช้แรงงาน เป็นไปได้มากว่าท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วจะแฝงตัวอยู่ในนี้ เจ้าต้องให้ความสำคัญกับการค้นหาในทั้งสามจุดนี้” “เมื่อหาตัวท่านอ๋องเจอ ให้แจ้งสถานการณ์แก่ท่านอ๋องให้ชัดเจน แล้วดูว่าท่านอ๋องมีแผนการอะไรหรือไม่?”คิดดูแล้ว เซียวจิ่งอี้น่าจะเข้าใจสถานการณ์บนกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้มากกว่าพวกเขาแน่เขาอยู่บนเกาะมานานขนาดนี้ แต่กลับไม่หาโอกาสออกไปเลย คิดแล้วคงจะต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่เทียนเฉวียนพยักหน้าหนัก ๆ “ผู้น้อยจดจำไวแล้วขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงนึกถึงเรื่องโดรน ทันใดนั้นจึงกระแอมออกมาเบา ๆ หนึ่งครั้ง แล้วกล่าวว่า “เทียนเฉวียน เมื่อครู่นี้...”อวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันพูดจนจบ เทียนเฉวียนก็พูดขึ้นมาอย่างมีไหวพริบยิ่ง “เมื่อครู่นี้ผู้น้อยไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่มีทางพูดอะไรออกไปแน่นอนขอรับ” อวิ๋นฝูหลิงเผยสีหน้าประหนึ่งได้พบเข้ากับเด็กฉลาดสั่งสอนได้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 573

    ลูกพี่อู๋ได้ยินเช่นนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบไต่โขดหินลงไปทันทีทว่าฟางอวี่กลับแปลกใจนักที่นี่เป็นบริเวณที่ขึ้นไปบนเกาะได้โดยไม่ถูกจับง่าย ๆ ที่สุด ก่อนหน้านี้ก็ตกลงแล้วว่าจะขึ้นเกาะจากตรงนี้ กว่าเขากับลูกพี่อู๋จะปีขึ้นมาได้นี่มันไม่ง่ายเลยนะ ทั้งยังรอพวกอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างบนตั้งนาน แล้วไยตอนนี้อวิ๋นฝูหลิงจะให้พวกเขาลงไปอีก?ฟางอวี่สงสัยไม่หาย กระทั่งยามที่เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เบื้องหน้าก็ไร้เงาของเทียนเฉวียนแล้วฟางอวี่ได้แต่เก็บงำความสงสัยที่มีอยู่เต็มท้องลงไป ไต่โขดหินลงไปด้านล่างอีกครั้งกับลูกพี่อู๋กระทั่งทั้งสองคนลงมาถึงด้านล่าง ก็เห็นอวิ๋นฝูหลิงกำลังนั่งเอนหลังตากแดดอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หันหน้าไปก็เห็นพวกเขาสองคน จึงอธิบายว่า “บนเกาะนี้มีการป้องกันแน่นหนา เป้าหมายของพวกเราทั้งสี่ใหญ่เกินไป เขาเลยลองคิดดู ก็เห็นว่าให้เทียนเฉวียนขึ้นเกาะไปหาตัวคนจะเป็นการดีกว่า”“เขามีวรยุทธ์แข็งแกร่ง วิชาตัวเบาก็ดี เขาไปคนเดียวไม่มีทางถูกจับได้ง่าย ๆ แน่”“ต่อให้ถูกจับได้ ก็หลบหนีออกมาได้ง่าย”คำอธิบายนี้ของอวิ๋นฝูหลิงมีเหตุผลยิ่ง ลูกพี่อู๋กับฟางอวี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 574

    ดูท่าคนของเขาจะตามมาถึงบนเกาะหมัวกุ่ยแล้ว แค่ไม่รู้ว่าคนที่มานั้นเป็นใคร?เซียวจิ่งอี้เปลี่ยนความคิด ยกมือขึ้นกุมท้องทันที แล้วส่งเสียงร้อง “โอ๊ย” ออกมาโจวไห่เซิงที่อยู่ใกล้ที่สุดหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็นเช่นนั้น รีบเข้ามาประคองเขา “น้องจิ่ง เป็นอะไรไป?”เมื่อวานเซียวจิ่งอี้ช่วยเขาจากแส้ของผู้คุม ในใจโจวไห่เซิงจึงซาบซึ้งในตัวเซียวจิ่งอี้เป็นอย่างยิ่งครั้นยามนี้เห็นเขากุมท้องพลางร้องโอดโอย ความร้อนรนความเป็นกังวลผุดขึ้นมาเต็มหัวใจในชั่วพริบตาจั่วเยี่ยนที่อยู่ห่างพวกเขาไปเจ็ดแปดก้าวเห็นเช่นนั้น ทั้งตกใจทั้งร้อนใจขึ้นมาทันที รีบทิ้งจอบในมือแล้ววิ่งไปทางเซียวจิ่งอี้เขาจะให้เกิดอะไรขึ้นกับเซียวจิ่งอี้ไม่ได้เด็ดขาด!ไหนเลยจะรู้ว่าเขาเพิ่งวิ่งออกไปได้สองก้าว ก็เห็นเข้ากับสายตาของเซียวจิ่งอี้ที่ส่งมาให้เขาจั่วเยี่ยนเข้าใจได้ทันที เซียวจิ่งอี้แกล้งทำเขาชะลอฝีเท้าลงทันทียามนี้เองที่การเคลื่อนไหวของทางนี้เกิดไปดึงดูดความสนใจของผู้คุมพวกนั้นเข้าผู้คุมคนหนึ่งสะบัดแส้ออกมา แล้วตะโกนลั่น “ทำอะไรกัน? แยกย้ายออกไปทำงานเสีย!”เซียวจิ่งอี้กุมท้องไว้ แล้วยิ้มสู้ผู้คุมพลางกล่าวว่า “ใต้เ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 575

    อวิ๋นฝูหลิงเอนหลังอยู่บนโขดหิน รองมือทั้งสองข้างไว้ใต้ศีรษะต่างหมอน เหม่อมองออกไปไกลยังท้องทะเลตรงขอบฟ้าลูกพี่อู๋กับฟางอวี่นั่งอยู่ไม่ไกลทั้งสองคนมองไปทางอวิ๋นฝูหลิงอยู่หลายครั้ง อยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่ากลับลังเลแล้วไม่พูดออกไปไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร มองดวงตะวันที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศประจิม ทว่ากลับยังไม่เห็นเทียนเฉวียนกลับมาลูกพี่อู๋อดรู้สึกร้อนรนขึ้นมาในใจไม่ได้ยามนี้เอง อวิ๋นฝูหลิงขยับหูเล็กน้อย จู่ ๆ ก็ผุดกายลุกขึ้นนั่งหลังจากที่ร่างกายของนางได้รับหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากในมิติมาแล้ว สัมผัสทั้งห้าก็ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ความเคลื่อนไหวภายในรัศมีสามลี้นางล้วนสัมผัสรับรู้ได้นางถึงได้อาบแดดอยู่บนชายหาดได้อย่างสบายอกสบายใจ ไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าจะถูกคนบนเกาะหมัวกุ่ยจับได้เพราะทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ นางก็จะรับรู้ได้ทันทียามนี้นางรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกระแสลมในอากาศ มีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนางและคนที่มาก็ฝีเท้าเบายิ่ง หากมิใช่ว่าประสาทหูนางดีจนน่าตกใจ คงแทบรับรู้ไม่ได้ คิดดูแล้ววิทยายุทธของอีกฝ่ายคงไม่เบา อย่างน้อยที่สุดวิชาตัวเบาก็ดีเยี่ยมอวิ๋นฝูหลิงนึก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 576

    แค่ประมาทเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกคนเจาะช่องทาง หาโอกาสหลบหนีลงทะเลได้เมื่อมีคนหนีออกไปได้ แล้วแอบไปแจ้งข่าวแก่มือมืดที่อยู่เบื้องหลังและวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ ผลที่ตามมาต้องเลวร้ายจนไม่อยากนึกถึงแน่ฉะนั้นอุบายที่ใช้ยาสลบนี้ เป็นวิธีที่ทั้งสบายใจ ทั้งประหยัดแรงที่สุดจริง ๆอวิ๋นฝูหลิงรีบแสร้งทำเป็นล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วควักยาสลบออกมาสองสามห่อส่งให้เทียนเฉวียน“ยาไม่กี่ห่อนี้ มากพอที่จะทำให้คนนับพันสลบไสลได้”“ใส่ยาลงไปในน้ำหรืออาหาร ไร้สีไร้รส สัมผัสไม่ได้สักนิดเดียว พอกินเข้าไปแล้ว ใช้เวลาไม่เกินห้าลมหายใจก็พากันสลบแล้ว”“สองห่อนี้เป็นควันยาสลบ หากไม่สะดวกลงมือกับอาหารก็จุดควันยาสลบนี่ ขอแค่สูดควันยาสลบนี้เข้าไป ก็จะหมดสติล้มพับทันที”“ห่อนี้เป็นยาแก้ เผื่อว่าพวกเจ้าไม่ระวังจนโดนลูกหลงไปด้วย ก็ให้ใช้ยาแก้นี้”เทียนเฉวียนเก็บยาสลบที่อวิ๋นฝูหลิงให้ไว้เรียบร้อย“ท่านอ๋องบอกว่ายามโหย่วพลลาดตระเวนบนเกาะจะถึงคราวเปลี่ยนกะ และยามนี้ก็จะเป็นเวลาที่กำหนดไว้ให้ทานข้าว ยาวโหย่วเป็นเวลาที่เหมาะแก่การลงมือที่สุด”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้านำความไปบอกแก่ท่านอ๋อง ยามโหย่วข้า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 577

    ยามโหย่วอวิ๋นฝูหลิงทำตามแผนที่ได้ตกลงไว้กับเซียวจิ่งอี้ นำคนขึ้นชายหาดโดยไร้สุ้มเสียงหลังจัดการยามที่ด่านรอบนอกทั้งสองแห่ง ก็เปลี่ยนคนที่เฝ้ายามทั้งหมดเป็นคนของพวกเขาเองจะว่าไปแล้ว เพื่อให้จัดการเหล่าแรงงานที่ถูกจับมาบนเกาะเหล่านั้นได้สะดวก ไม่ให้พวกเขาหลบหนี จึงตั้งด่านไว้ตามจุดสำคัญ ๆ ไม่กี่แห่งบนเกาะหมัวกุ่ย และจัดคนไปคอยเฝ้าไว้ส่วนสถานที่อื่น ๆ บ้างก็ปลูกพุ่มหนามไว้ บ้างก็สร้างกำแพงสูงขึ้นมาล้อมไว้ ไม่ให้คนเดินผ่านเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ช่วยทำให้อวิ๋นฝูหลิงเบาใจไปไม่น้อยแต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง อวิ๋นฝูหลิงจึงจัดแจงคนคอยลาดตระเวนตามแนวชายหาดไว้ จับตาดูเกาะหมัวกุ่ยทั้งเกาะไว้อย่างแน่นหนา ไม่ปล่อยให้ใครก็ตามหนีออกไปได้เมื่อจัดแจงเรื่องรอบนอกเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงจึงนำคนเข้าไปในเกาะด้วยตัวเองนางคว้าแผ่นที่ฉบับหนึ่งออกมาดูแผนที่ที่วาดไว้ก่อนหน้านี้ให้เทียนเฉวียนไปแล้ว ส่วนแผ่นนี้เป็นแผ่นี่นางวาดขึ้นมาใหม่ตามที่จดจำได้หลังจากที่นางกลับไปที่เรือใหญ่แล้วอวิ๋นฝูหลิงแยกแยะทิศทาง เข้าเกาะไปตามสัญลักษณ์บนแผนที่ เพื่อไปรวมตัวกับเซียวจิ่งอี้ตลอดทางมานี้ หากพบเข้ากับคนที่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status