หงส์เหนือพันธการ

หงส์เหนือพันธการ

last updateLast Updated : 2025-05-10
By:  KUNNUKUpdated just now
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
9Chapters
3views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เขากล่าววาจาว่าเกลียดชัง แล้วเหตุใดจึงกักขังไม่ให้นางหลบหนี เส้นทางนี้อย่างไรไม่อาจร่วมเดิน สาบานว่าต่อให้เขานอนตายอยู่ตรงหน้า นางจะไม่ชายตาแลเหลียว ยินยอมอยู่ใต้ทุกสิ่ง ขออยู่เหนือเพียงรักซึ่งเป็นพันธการ

View More

Chapter 1

บทที่ ๑/๑ ยินยอม ไม่ยินดี

แคว้นต้าเฉวียน

รัชศกฮุ่ยอัน,โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้

วังหลวง

 .

     ช่วงท้ายปลายฤดูฝน พายุโหมกระหน่ำแทบทุกวันไม่เว้นว่าง ยามนี้เป็นเวลากลางวัน ทว่าท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีดำมืดมิด เสียงลมพัดหวีดหวิวสอดประสานกับเสียงฟ้าร้องคำราม เมฆฝนกลุ่มใหญ่เคลื่อนคล้อยใกล้เข้ามาหา บ่งบอกว่าช่วงเวลาของพายุยังอีกยาวนาน

     หากบอกว่าสวรรค์พิโรธโกรธเคืองคงเชื่อได้โดยไร้ข้อสงสัย วันนี้ที่เฝ้ารอ วันที่ควรจะเป็นมงคลยิ่ง กลับถูกธรรมชาติทำให้หวั่นใจไปเสียแล้ว

     เทพธิดากำลังเดินเยื้องย่างท่ามกลางพายุฝน หากมีใครสักคนมาเห็นย่อมมีเสียงชื่นชมเช่นนี้ เพียงแต่ว่าฝนห่าใหญ่ทำให้มนุษย์หลีกเร้นหลบซ่อนหนี คนงามซึ่งหวังจะจำแลงกายเป็นเทพธิดาท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายจึงต้องผิดหวัง หนทางเดินเข้าสู่วังหลวง ไร้ผู้คนสวนทาง

     อัสนีบาตกระทบเข้านัยน์ตา โสตประสาทตื่นตัวยิ่งกว่าเคย ท่าทางภายนอกคนงามดูสงบนิ่ง ทว่าในใจหาได้เป็นเช่นนั้น ร้อนรนยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ต้องให้ใครมาบอก ก็รู้ได้ทันที ‘วันนี้ฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว

     คนงามถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เวทนาในชะตาของตน อากาศเย็นจนหนาวสั่น ละอองฝนสัมผัสถูกตัวไม่น้อย

     แต่กลับดับความร้อนภายในใจไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว!

     ลมหายใจเข้าออกล้วนถูกควบคุม ท่วงท่าการเดินเยื้องย่าง หันหน้าไม่ว่าด้านซ้ายหรือด้านขวา สายตาจะมองผู้ใด คำนับผู้น้อยหรือผู้ใหญ่ ล้วนต้องงดงามในทุกอิริยาบท

     ลำคอเรียวระหงจึงต้องตั้งตรงเสมอ ไหล่เล็กบอบบางสองข้างไม่ต่างกัน ต้องตั้งมั่นห้ามงองุ้ม ปลายคางถูกสั่งให้เชิดขึ้นไว้เล็กน้อย ท่าทางโดยรวมดูหยิ่งทะนงถือตัว

     โฉมงามอันดับหนึ่งของต้าเฉวียน อวี่เทียนเหมย บุตรีคนรองของราชครูอวี่ บุตรสาวผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในทุกด้าน ต้นแบบและศัตรูของสตรีมากมาย คำชื่นชมมาพร้อมการจับจ้องเพื่อหาข้อติติง บ้างก็ชื่นชอบ บ้างก็เกลียดชัง ทั้งหมดนี้คนงามแซ่อวี่หาได้เก็บมาไว้ใส่ใจ ด้วยว่าหากกระทำสิ่งใดลงไปแล้วงดงาม หมื่นคำนินทาหาสู้ได้

    เครื่องหน้าของนางทุกส่วนล้วนส่งเสริมกัน ดวงตาหงส์คู่งามนั้นโดดเด่นกว่าใคร ประกอบเข้ากับรูปร่างอรชรมีส่วนโค้งเว้า ผิวขาวเนียนละเอียดกลืนไปกับอาภรณ์สีขาวซึ่งสวมใส่ ทำให้เจ้าตัวดูงดงามอย่างเทพธิดาตามความตั้งใจ

     ทว่าเพราะฟ้าฝน นอกจากทหารเฝ้ายามแล้ว ไม่มีใครสักคนในเส้นทางเดิน พวกเขาไม่ต่างจากรูปปั้น ต่อให้นางเดินตัวเปลือยเปล่า หรือสวมใส่ชุดล้ำค่าในรูปแบบใดก็ตาม ไหนเลยจะได้รับความสนใจ ตรงกันข้ามหากคนงามมีอาวุธติดตัวมา หรือมีทีท่าน่าสงสัย ไม่พ้นคงถูกส่งเข้าคุกหลวงตั้งแต่หน้าประตูวัง

     การเฉยชาไม่สนใจในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง ดูจะเป็นข้อเสีย แต่ความจริงแท้ เป็นข้อดีอันหาได้ยากยิ่งในวังหลวง สนใจเพียงหน้าที่ของตนเอง เช่นนี้ดียิ่ง!

     อวี่เทียนเหมยแม้มีเพียงสาวใช้คนสนิทซึ่งติดตามมาสองคนอยู่ด้านหลัง นางก็ยังคงต้องปฏิบัติตัวเช่นเดิม เป็นนิสัยอันแก้ไม่หายไปเสียแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาก็ใช่ว่าจะไม่มีคนจับจ้อง

    รู้อยู่แก่ใจ…

    วังหลวง มีหรือจะร้างไร้สายตาสอดส่อง!

    อวี่เทียนเหมยนึกสงสัย สิ่งใดดึงดูดใจให้คนทุกผู้ปรารถนาเข้ามาสัมผัส วังหลวงแคว้นต้าเฉวียน เป็นดั่งบึงมังกร ถ้ำพยัคฆ์[1]

     อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง ฐานันดร ตำแหน่ง

     ณ ที่แห่งนี้ ไม่เคยมีสิ่งใดได้มาโดยง่าย แต่ยามสูญเสียกลับสลายหายไปราวไม่เคยมีอยู่

     อันตรายในทุกลมหายใจ ประหนึ่งชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย การกระทำใดก็ตาม ผิดพลาดแม้เพียงนิด ยิ่งใหญ่มากกว่าหนึ่งชีวิตจะชดใช้

     สงสัยในเรื่องของผู้อื่น จนหลงลืมตนเอง อวี่เทียนเหมยเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่านางไม่แตกต่างจากคนเหล่านั้น จะสงสัยไปเพื่อสิ่งใดกันเล่า…เพราะกระทั่งตัวนางเองยังหาคำตอบไม่ได้ ใบหน้างามจึงปรากฏยิ้มเหยียดหยันตนเองเสียหนึ่งครา

    ‘ตนเองยังตอบไม่ได้ จะให้ผู้ใดตอบ!’

     ชวนให้ขบขันไม่น้อย เพราะไร้ซึ่งคำตอบ จึงต้องอยู่ ณ ตรงนี้ในตอนนี้หวนนึกไปถึงคำกล่าวหนึ่งซึ่งกล่าวถึงตัวของนางเอาไว้ ว่ากันว่านอกเหนือจากความงามแล้ว สิ่งหนึ่งที่อวี่เทียนเหมยผู้นี้มีเหนือกว่าใคร คือ วาสนา

     อวี่เทียนเหมยมีวาสนาดอกท้อ[2] เป็นดอกท้อทองคำเสียด้วย ดูท่าชาติที่แล้วนางคงทำบุญโปรดสัตว์มามาก ผลบุญจึงส่งผลถึงชาตินี้!

     สุดจะคิดใคร่ครวญไตร่ตรอง ด้วยว่าดอกท้อที่มีในมือ ได้มาโดยบัญชาสวรรค์ โชคชะตากำหนด หาใช่ความต้องการของนาง สูงค่าเกินกว่าจะคิดว่าเป็นเพียงวาสนา

     ผู้ใดกล่าว ผู้ใดเล่าลือ ผู้ใดจะรู้เท่านาง เดินมาไกลจนถึงวันนี้ได้จนกล้าเผยอหน้ารับกับทุกวาจา สิ่งใดก็หาได้มีความสำคัญ เทียบเท่าบุรุษผู้เดียว

บุรุษผู้ซึ่งหนึ่งชีวิตของนางนี้ มอบแก่เขานับแต่ลมหายใจแรก!

     งดงามเท่าใดก็ตามเถิด ต่อให้นางมีข้อดีมากมายนับหมื่นข้อ หากเขาผู้นั้นไม่เล็งเห็น เท่ากับสูญค่า

     ยามเท้าก้าวเข้าผ่านธรณีประตูด่านสุดท้าย ใจเต้นรัวเร็วเหมือนจะทะลุออกจากอกมาให้ขายหน้า ความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองวนเวียนอยู่ในหัว ความกลัวเริ่มปรากฎ โชคดีที่สายฝนจากบนฟากฟ้าซึ่งตกกระทบหลังคา ช่วยกลบเสียงหัวใจไม่ให้ใครรู้ว่านางมีความประหม่า

     วังหลวง...อวี่เทียนเหมยคุ้นเคยเสียจนไม่ต้องมีคนเดินนำทางอย่างใคร เขตพระราชฐานชั้นใน น้อยคนจะได้รับอนุญาตให้เข้ามา นางเป็นหนึ่งในข้อยกเว้น

     หากประสบความสำเร็จดังมุ่งหวัง วังหลวงเป็นสถานที่ต้องคำสาป เมื่อเข้ามาแล้ว อวี่เทียนเหมยรู้ดี...ชั่วชีวิตนี้ นางจะไม่มีวันได้ออกไป แม้เพียงหนึ่งก้าวก็ไม่สามารถ

     ดวงตาหงส์คู่งามเริ่มเห็นทหารยามเปลี่ยนไปเป็นราชองครักษ์ บ่งบอกว่าปลายทางของนางอยู่อีกไม่ไกล องครักษ์ทั้งหลายตั้งแถวเรียงรายยืนนิ่งกลางสายฝนราวกับว่าไม่ใช่คนทำตนเป็นรูปปั้น ผู้พิทักษ์ความปลอดภัยไร้ชีวิตชีวา นิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อน หลอกล่อลอบวางกับดักให้วางใจ ที่แท้แล้วเม็ดฝนตกกระทบพื้นยังไม่รวดเร็วเท่าการเคลื่อนไหวของพวกเขายามมีภัยมาเยือนนายเหนือหัว

     อวี่เทียนเหมยอยู่ใต้ชายคา พวกเขาอยู่ใต้แผ่นฟ้า เหมือนกันหนึ่งข้อ ล้วนมีหน้าที่ซึ่งต้องกระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งสิ้น

    จังหวะการเดินของคนงามช้าลงด้วยความตั้งใจ กิริยาอ่อนโยนนุ่มนวลในทันใด เมื่อเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นที่คุ้นเคย “เสิ่นกงกง” เอ่ยคำทักทายด้วยเสียงหวานใสพร้อมย่อตัวทำความเคารพ ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ

     ขันทีเฒ่าพยักหน้ารับช้า ๆ สายตาสำรวจกวาดมองคนงามทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า บังเกิดความปิติชื่นชมเปี่ยมล้นอยู่ในใจของผู้เฒ่า ไร้คำใดอาจหาญเอ่ยถึงความงดงามตรงหน้าให้สมค่า

     สายตาฝ้าฟางเคยเห็นสาวงามมานับหมื่น งามใบหน้าหรืองามที่กิริยา บุตรสาวราชครูผู้นี้ ขันทีเฒ่าที่เฝ้ามองผู้คนมานานนับห้าสิบปี ไม่มีสตรีใดกล้าเป็นหนึ่ง หากอวี่เทียนเหมยบุตรีราชครูอวี่เป็นสอง

    “ฝ่าบาทให้ผู้เฒ่ามาคอยท่าน” ปากกล่าววาจา สายตาสื่อความนัยพินิจพิจารณาหยั่งเชิงท่าที ค้นหาคำตอบว่าคนงามเข้าใจถึงสารที่ต้องการจะสื่อหรือไม่

     อวี่เทียนเหมยสบตากับขันทีเฒ่า เข้าใจแจ่มแจ้งในเจตนาของผู้ส่งสารนางย่อตัวลงอีกครั้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

     เสิ่นกงกงได้ฟังคำตอบที่ต้องการ ขันทีเฒ่าพอใจแล้ว ไม่พูดอะไรเพิ่ม สะบัดแส้ขนหางจามรีประจำตัวในมือ ก่อนจะออกเดินนำหน้า

     เสิ่นกงกงเป็นเจ้าสำนักขันที รับใช้ตำหนักเฉียนชิง ฐานะเทียบเท่ากับขุนนางขั้นสี่ ผ้าไหมสีแดงเข้มเนื้อดีปักลวดลายสะบัดไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน อัญมณีประดับยอดหมวกบนศีรษะบ่งบอกความสำคัญขันทีเฒ่า เสิ่นกงกงรับใช้ฮ่องเต้มาแล้วสองพระองค์ นายเหนือหัวมีเพียงหนึ่งเดียวคือโอรสสวรรค์ เสิ่นกงกงผ่านการเปลี่ยนรัชสมัยได้โดยปลอดภัย ยิ่งใหญ่ในตำแหน่งเดิมที่สูงขึ้น ได้มาไม่เท่ารักษาโดยแท้

     ขันทีเฒ่าติดตามฮ่องเต้ประหนึ่งเงาไม่เคยห่างหาย โอรสสวรรค์ผู้ครองบัลลังก์มังกรเสด็จไปที่ใดย่อมมีเสิ่นกงกงตามไปรับใช้ถวายงาน ขันทีเฒ่าจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของฝ่าบาท

     การส่งเสิ่นกงกงมารอรับถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ อวี่เทียนเหมยรู้ซึ้งถึงพระเมตตาของฝ่าบาท ทรงให้ความสำคัญต่อนางมากถึงเพียงนี้ ให้เกียรติทั้งนางและคนตระกูลอวี่ ใจของอวี่เทียนเหมยหนักอึ้งขึ้นมาอีกหลายส่วน

     มาถึงยามนี้แล้ว สายน้ำต่อให้เชี่ยวกรากมากด้วยอันตรายอย่างไรนางก็ต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้[3] ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดมา ใช่ว่าจะกระทำทุกอย่างได้ดังใจ มีเพียงแค่ต้องทำตนให้สมกับทุกสิ่งที่ได้รับ

     ก็เพียงเท่านั้น

[1] สถานที่อันตราย ต้องระวังตัวเอาไว้ตลอดเวลา

[2] มีโชคเรื่องคู่ครอง

[3] ไม่ถอยหลังในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
9 Chapters
บทที่ ๑/๑ ยินยอม ไม่ยินดี
แคว้นต้าเฉวียนรัชศกฮุ่ยอัน,โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้วังหลวง . ช่วงท้ายปลายฤดูฝน พายุโหมกระหน่ำแทบทุกวันไม่เว้นว่าง ยามนี้เป็นเวลากลางวัน ทว่าท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีดำมืดมิด เสียงลมพัดหวีดหวิวสอดประสานกับเสียงฟ้าร้องคำราม เมฆฝนกลุ่มใหญ่เคลื่อนคล้อยใกล้เข้ามาหา บ่งบอกว่าช่วงเวลาของพายุยังอีกยาวนาน หากบอกว่าสวรรค์พิโรธโกรธเคืองคงเชื่อได้โดยไร้ข้อสงสัย วันนี้ที่เฝ้ารอ วันที่ควรจะเป็นมงคลยิ่ง กลับถูกธรรมชาติทำให้หวั่นใจไปเสียแล้ว เทพธิดากำลังเดินเยื้องย่างท่ามกลางพายุฝน หากมีใครสักคนมาเห็นย่อมมีเสียงชื่นชมเช่นนี้ เพียงแต่ว่าฝนห่าใหญ่ทำให้มนุษย์หลีกเร้นหลบซ่อนหนี คนงามซึ่งหวังจะจำแลงกายเป็นเทพธิดาท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายจึงต้องผิดหวัง หนทางเดินเข้าสู่วังหลวง ไร้ผู้คนสวนทาง อัสนีบาตกระทบเข้านัยน์ตา โสตประสาทตื่นตัวยิ่งกว่าเคย ท่าทางภายนอกคนงามดูสงบนิ่ง ทว่าในใจหาได้เป็นเช่นนั้น ร้อนรนยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ต้องให้ใครมาบอก ก็รู้ได้ทันที ‘วันนี้ฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว’ คนงามถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เวทนาในชะตาของตน อากาศเย็นจนหนาวสั่น ละอองฝนสัมผัสถูกตัวไม่น้อย แต่กลับดับความร้อนภ
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๑/๒ ยินยอม ไม่ยินดี
การเดินเท้าเงียบงัน ไม่มีกระทั่งเสียงรองเท้ากระทบพื้น อวี่เทียนเหมยเดินตามเสิ่นกงกงมาเรื่อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีกเช่นเดียวกับผู้เฒ่าที่ตั้งหน้าตั้งตานำทาง จวบจนเดินเข้ามาในเขตหวงห้าม อวี่เทียนเหมยมองไปรอบ ๆ ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ยังเป็นเฉกเช่นครั้งล่าสุดที่ได้มาเยือน ห้องทรงพระอักษร พื้นที่ส่วนพระองค์ของโม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ ฝ่าบาททรงแยกไว้เป็นสัดส่วนกับห้องทรงงาน อวี่เทียนเหมยหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย ยามเฝ้ารอ...เหตุใดจึงนานนัก ยามถึงเวลา...เหลือทางข้างหน้าอีกเพียงแค่หนึ่งก้าว นางกลับเริ่มไม่แน่ใจราวกับว่าที่ผ่านมายังเตรียมตัวได้ไม่ดีพร้อม อยู่ ๆ ใจก็เต้นแรงอีกครั้ง มือสองข้างบีบเข้าหากันแน่น อึดอัดจนหายใจไม่ค่อยสะดวก ทั้ง ๆ ที่ห้องโปร่งโล่งสบายอากาศถ่ายเท หากไม่ใช่ว่ารู้สึกไปเอง เหมือนจะมีเหงื่อออกที่ใบหน้าเล็กน้อย เข้าเฝ้าฝ่าบาทร้อยครั้งไร้ความตื่นเต้น อวี่เทียนเหมยไม่เคยเป็นเช่นนี้ โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ พญามัจจุราชองค์รัชทายาทแห่งต้าเฉวียน เขาทำให้นางผิดแปลกไปจากเดิม เขาจะเป็นอะไรก็เป็นไป อวี่เทียนเหมยหาได้ใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคู่หม
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๑/๓ ยินยอม ไม่ยินดี
มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ทอดถอนพระทัย ใช่ว่าปรารถนาให้พวกเขาเคียงคู่กันรักมั่นดั่งนกยวนยาง ขอเพียงหงส์เคียงคู่มังกรอย่างสงบสุข ขอความเมตตาเล็กน้อยจากโม่เทียนอวี่ให้แก่อวี่เทียนเหมย มันยากมากนักหรือ! “แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไร” พระองค์ไม่ตรัส โม่เทียนอวี่ก็ไม่พูด หากทรงไม่ริเริ่มการสนทนาก็ไม่พ้นไม่ได้ความ “แปดเก้าไม่ห่างสิบ”[1] ‘ห่างมากทีเดียวเด็กโง่!’ ทรงเข้าพระทัยในความหมายของถ้อยคำ แต่จะให้ทำตามไม่ได้เด็ดขาด ไท่จื่อเฟยก็คือไท่จื่อเฟย ใช่ว่าเป็นสตรีขององค์รัชทายาทแล้วจะมีฐานะเทียบเท่ากันทุกตำแหน่ง! ความจริงทรงไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่พระราชโองการเดียว โม่เทียนอวี่ก็ไม่อาจขัดขืน อยากบังคับเหลือเกิน แต่บังคับไม่ได้ เพราะพระโอรสของพระองค์ โม่เทียนอวี่เป็นผู้กล้าตัดข้อมือ [2]เด็ดขาดไม่เกรงกลัว ตัดสินใจแล้วไม่พิจารณาซ้ำสอง เอาเถิด… มรรคาสามพัน สวรรค์ไม่ตัดหนทางมนุษย์ [3]โอกาสใช่ว่ามีหนเดียว อย่างไรเสีย...ก็ไม่มีคำปฏิเสธว่าจะไม่แต่ง ไม่ย่อท้อ ไม่หมดหวัง จึงจะสมหวัง “เช่นนั้น หากข้าบังคับเจ้า...ประกาศพระราชโองก
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๒/๑ ไร้ประโยชน์
อวี่คือแซ่ อักษรเหมยท้ายชื่อมาจากวันที่นางเกิดนั้นมีดอกเหมยบานสะพรั่งทั่วแผ่นดิน อักษรตัวสำคัญคือคำว่าเทียน ไหนเลยจะมาจากผู้อื่น เป็นเขาผู้นั้น องค์รัชทายาทโม่เทียนอวี่ อักษรเทียนนี้ ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่นาง พร้อมพระราชโองการระบุสัญญาหมั้นหมายที่มาเยือนถึงหน้าจวนตระกูลอวี่ สัญญาหมั้นหมายแตกต่างอย่างไรกับการผูกมัด ใคร ๆ ก็ว่าเป็นเรื่องมงคลยิ่ง มงคลอย่างไรกัน...แตกต่างจากพันธการอย่างไรหรือ อักษรเทียนกลางชื่อของอวี่เทียนเหมย ก็เป็นดังรับสั่งจากสวรรค์ ให้นางยึดเขาเป็นศูนย์กลางของชีวิต โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ ‘ชีวิตของหม่อมฉันไม่เคยได้ใช้เพื่อตนเอง ล้วนแต่เพื่อพระองค์ทั้งสิ้น’ ไม่ชอบไม่ว่า ไม่เคยปรารถนาให้รัก...แต่มาหยามเกียรตินางต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่ละอายใจบ้างหรือ ตัวเป็นบุรุษกลับรังแกสตรีด้วยวาจา เขาอายุนับปีนี้ได้ยี่สิบสองปี มากกว่านางถึงห้าปี เด็กน้อยอายุห้าปี...อ่านตำรารู้ภาษาคนแล้ว ตรงข้ามกับนางซึ่งยังเป็นทารกน้อยนอนอยู่ในห่อผ้า หากไม่ยินดี เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธด้วยตนเองตั้งแต่ยามนั้น ปล่อยเวลาล่วงเลยผันผ่าน จนถอยหลังกลับไม่ได้เพื่อสิ่งใด! องค์รัชทายาทโม่เที
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๒/๒ ไร้ประโยชน์
เมื่อนั้น… เรียกสามครั้งไม่หัน ครั้งที่สี่เขาจึงยอมหันหน้ากลับมามองนาง อวี่เทียนเหมยไม่สงวนท่าทีแล้ว วิ่งหน้าตั้งไปหาเขา ทว่าไหนเลยนางจะกล้าหอบหายใจต่อหน้า เหงื่อไหลพรากเพียงใด อวี่เทียนเหมยก็ไร้เสียง นางจ้องหน้าเขาไม่ยอมละสายตา กลัวว่าหากคลาดไปเพียงเสี้ยว เขาจะหายไปอีก เขาหยุดรออยู่ชั่วครู่ สตรีน่ารำคาญพยายามควบคุมลมหายใจ คงไม่อยากแสดงอาการเหนื่อยให้เห็น ยืนจ้องหน้าเขาด้วยท่าทีไม่น่าดู จะพูดก็ไม่พูดเช่นนี้ ไม่น่าเกลียดกว่าเดิมหรือ โม่เทียนอวี่ใช้โอกาสนี้กวาดสายตามองคนงามตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘นึกว่าพวกจิตรกรวาดแต่งแต้มเสริมเติมแต่ง เห็นใบหน้าจึงรู้ว่าที่แท้งามกว่า’ โม่เทียนอวี่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจที่นางงดงาม ! เหตุใดจะต้องมีเหตุผลให้หยุดคิดในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว! ไหนเลยจะชื่นชอบตัวเองยามนี้ รับรู้ถึงความรู้สึกแปลกไปอันรู้แก่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด เพื่อให้ใจแน่วแน่ไม่แปรผัน โม่เทียนอวี่หันหลังกลับ เดินห่างออกไปทันที อวี่เทียนเหมยหายเหนื่อยทันควัน จะวิ่งก็ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว จึงก้าวเท้ายาวเดินตามเขาไปต่อ ไม่กล้าเรียกขานดังเช่นเมื่อครู่
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๓/๑ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว
อวี่เทียนเหมยนอนหงายอยู่บนเตียง เงยหน้ามองเพดาน สีหน้าบางครั้งซีดเซียวกว่าคนป่วยไข้ปกติธรรมดา บางคราก็แดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้เหตุผล ผ้าห่มหลายผืนถูกคลุมไว้บนร่างกายซ้อนทับกันไว้ให้ความอบอุ่น คนงามปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวเพราะพิษไข้ นับได้เจ็ดวันหลังจากวันนั้น นางไม่รอให้ฝนซารีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ตำหนักฉือหนิง ฐานที่มั่นอันคุ้นเคยหนึ่งเดียวของอวี่เทียนเหมยในวังหลวง ไทเฮามีพระเมตตามากล้น พระราชทานเสื้อผ้าชุดใหม่ไหมล้ำค่าปลอบประโลมใจ คนงามมีใบหน้ายิ้มแย้มกลับจวน กลัวคนในครอบครัวเป็นกังวล ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามอาการทรุด ล้มป่วยจนได้ บิดามารดา เห็นสีหน้านางไม่ถามไถ่ อวี่เทียนเหมยไม่กล้าคาดเดา และไม่ได้บอกเล่าออกไปว่าเรื่องราวในวันนั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบโกหก หากถูกถามขึ้นมาไม่พ้นต้องบอกตามจริง ยิ่งคิดยิ่งอาย อยากย้อนเวลากลับไปได้ รู้สึกว่าตนเองขาดการไตร่ตรองไม่น้อย หากกลับจวน วันหน้าค่อยไปพบ บางทีคงดีกว่า ‘โง่เขลายิ่งนัก’ มีเพียงคำก่นด่า สมน้ำหน้าตนเอง เอาเถิด…หากไม่ทำก็ไม่หายข้องใจ อย่างไรก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้! ถอนหายใจอีกครั้ง หลับตาลงตั้
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๒/๓ ไร้ประโยชน์
พูดช้า ๆ เสียงหนักแน่น ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ เขาเคยชินกับการพูดโดยไม่จำเป็นต้องคอยสังเกตสีหน้าของใคร เมื่อพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ฝนยังไม่หยุดตก สภาพนางเหมือนไก่ในน้ำแกง [1]เขาตัดสินใจทิ้งร่มในมือไว้ข้างตัวนาง เพียงแต่ปล่อยมือเร็วไปเล็กน้อย ร่มร่วงลงไปที่พื้น...ราวกับว่าเขาขว้างทิ้ง หาใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ โม่เทียนอวี่หันหลังกลับไปหาเจี้ยนฉางและถางจี้ ยื่นมือไปรับร่มอีกคันจากองครักษ์ สายฝนต้องถูกตัวไม่น้อย เขาร่างกายแข็งแรงยังรู้สึกเย็น แล้วกับสตรีนางหนึ่งเล่า... สลัดความรู้สึกผิดออกจากใจได้ไม่หมด ออกคำสั่งกับเจี้ยนฉางว่า “เรื่องวันนี้อย่าได้แพร่งพราย” เจี้ยนฉางรับคำ โม่เทียนอวี่วางใจ ไม่ต้องพูดให้มากมาย โดยปกติเขาสงวนถ้อยคำยิ่งกว่าทองคำ มีวันนี้พูดมากไปกว่าทุกวัน ชี้แจงมุมมองของตนเองตามคำถามแล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง กลับกัน…. อวี่เทียนเหมยน้ำตาไหลพราก ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองตกต่ำมากถึงเพียงนี้ เขากล่าวว่านางไร้ประโยชน์! สามคำนี้เด่นชัดในหู สลักลึกยิ่งกว่าคำว่าไร้ศักดิ์ศรี! ไม่รู้ว่าเพราะตากฝนนาน หรือเพราะถ้อยคำที่ได้ยิน ส
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๓/๒ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว
ฟ้าฝนกำลังจะลาจาก ส่งท้ายฤดูกาลด้วยสายลมหนาว เป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อมกับเหมันต์ฤดู อวี่เทียนเหมยสวมเสื้อคลุมอยู่แล้วยังคิดว่าหนาวอยู่ดี ต่อมาเมื่อเจียถิงเอาผ้าอีกผืนมาคลุมเพิ่มให้ จึงรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง คนงามเหลียวมองรอบห้องหาสาวใช้อีกคน แน่นอนว่าไม่มีเสียงพูดเจื้อยแจ้วเข้าหู แสดงว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในบริเวณนี้ “ซูผิงเล่า” “นางไปเอายามาให้คุณหนูเจ้าค่ะ” เจียถิงตอบกลับมา รู้ว่าเจ้านายมองหาอะไร อวี่เทียนเหมยพยักหน้าว่ารับรู้ มองตามสาวใช้ คุ้นชินแล้วกับการหางานทำอย่างไม่หยุดหย่อนของเจียถิง แม้ไม่มีงานให้ทำ เจียถิงก็จะไปหาอะไรสักอย่างมาทำจนได้ ปากของเจียถิงนิ่งสงบ ลมไม่มีโอกาสเข้าปาก หากไม่มีคนถาม แต่มือของเจียถิงตรงข้ามกัน เคลื่อนไหวตลอดเวลา แตกต่างจากซูผิงที่ไม่มีทางอยู่นิ่ง ยิ่งกับการสนทนาหาข่าวที่ชอบอ้างว่าทำไปเพื่อเปิดหูตาให้กว้างไกล หรือเรียกอีกอย่างว่าการซุบซิบนินทานั้น ดูจะเป็นงานหลักมากกว่าการดูแลเจ้านายอย่างอวี่เทียนเหมย ซูผิงอยู่ไม่ติดที่ วิ่งไปมาทั้งวัน อยู่นอกจวนมากกว่าในจวน แต่ไม่มีผู้ใดตำหนิจริงจังเสียที เพราะซูผิงซุกซนเพียงแค่ในจวน เมื่อก้าวเท้า
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
บทที่ ๓/๓ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว
อวี่เทียนเหมยสบตากับมารดา รู้สึกอุ่นใจขื้นมาอีกมาก ท่านแม่เข้าใจในเหตุผลของนาง อวี่เทียนเหมยคิดว่าตนเองยังสามารถทนได้ อยากจะลองพยายามดูอีกสักครั้ง ทนมาแล้วแต่แรก ทนอีกต่อไปก็ไม่เสียหาย รู้ดีว่าหากตนทนไม่ไหว ประเมินแล้วได้ข้อสรุปว่า ตั้งรับกับไท่จื่อไม่ได้ นางคงร้องไห้โฮกลับจวนแต่วันแรก ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านมานานถึงเจ็ดวัน แล้วจึงค่อยฟูมฟาย แม้จะโกรธเคืองพญามัจจุราชเพียงใด ก็ไม่มีความคิดจะยกเลิกมากเท่า ปรารถนาให้การหมั้นหมายยังคงอยู่ อวี่เสียนเห็นท่าทีของฮูหยินและบุตรสาว พลันเกิดความรู้สึกสับสนในใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะต้องเสียใจ หรือยินดีกับความเข้มแข็งทางจิตใจของเหล่าสตรีแซ่อวี่ ที่มีมากจนเกินความพอดีนี้ “แล้วเจ้ายินดีหรือ” บิดาถามไถ่บุตรสาว “แล้วข้ายกเลิกได้หรือเจ้าคะ” ส่งถามคำถามที่มีคำตอบตายตัวอยู่แล้วออกไป ไม่มีใครตอบนางในข้อนี้ได้สักคน ทุ่มเถียงกันอย่างไร มีเพียงคนตระกูลอวี่ก็ไม่อาจยกเลิกได้ อวี่เทียนเหมยยิ้มพร้อมน้ำตาก่อนจะพูดถึงเรื่องกังวลใจอีกหนึ่งเรื่องออกไป “พี่ใหญ่…” บุตรสาวพูดไม่ทันได้จบประโยค เพียงแค่กำลังจะเริ่มเท่านั้น อวี่ฮูหยินผู้เป็นมารด
last updateLast Updated : 2025-05-10
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status