แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อ

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย

หลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณ

เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจ

จากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้า

ก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”

อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันที

และรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนา

อวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”

พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้องทำเช่นนี้”

พวกผู้ใหญ่คุยกัน เด็กน้อยสองคนที่อยู่ข้างๆ พวกเขา ต่างคนต่างมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อก่อนอวิ๋นจิงมั่วมักถูกขังอยู่ในบ้านเสียส่วนใหญ่ น้อยครั้งที่จะได้ออกมาเล่นข้างนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหาเพื่อน

คราวนี้มาเจอเด็กที่อายุไล่เลี่ยกับตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะแอบมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

ส่วนโจวฉางจี๋ไม่เคยเห็นเด็กที่หน้าตาน่ารักอย่างอวิ๋นจิงมั่ว

เขาฉีกยิ้มให้อวิ๋นจิงมั่วอย่างซื่อบื้อโดยไม่รู้ตัว

อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกถึงเจตนาดีของเขา ก็เม้มปากยิ้มเช่นกัน

ท้ายที่สุดอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่สามารถทนต่อการรบเร้าของสองสามีภรรยาไหว ได้แต่รับลูกเดือยถุงนั้นเอาไว้

หลังจากสองสามีภรรยามอบของตอบแทนเสร็จ ก็กล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะอุ้มลูกชายโจวฉางจี๋จากไป

เวลานี้ ชาวบ้านต่างคนต่างหาพื้นที่พักผ่อนจุดละสองสามคนแล้ว

บางคนที่ตากฝน ก็เปลี่ยนชุดที่เปียก

หลังจากนั้นบิดเสื้อจนน้ำแห้ง ถือโอกาสตอนนี้ยังมีแดด นำกิ่งไม้มาต่อกันแล้วตากไว้ข้างบน

คนที่ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนทำได้เพียงบิดน้ำที่อยู่ในเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็ไปตากแดดโดยใช้ร่างกายเป็นราวตากผ้า

ดีที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อน สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาบางและแดดก็แรง ตากเพียงครู่เดียวเสื้อผ้าก็ตากจนเกือบแห้งแล้ว

หลังจากอวิ๋นฝูหลิงกวาดมองหนึ่งรอบ ในใจก็เริ่มมีแผนแล้ว

ในเวลาช่วงสั้นๆ เกรงว่าพวกเขาต้องอยู่บนยอดเขา รอให้น้ำท่วมลดลง

เช่นนั้นก็ต้องคิดเรื่องอาหาร ที่พัก และความปลอดภัยแล้ว

อวิ๋นฝูหลิงนำเสื้อกันฝนและลูกเดือยถุงนั้นใส่ในตะกร้าไม้ไผ่ จากนั้นก็แบกตะกร้าไม้ไผ่ จูงมืออวิ๋นจิงมั่วไปเก็บฟืนในละแวกนี้

อีกไม่กี่ชั่วโมงฟ้าก็จะมืดแล้ว นางต้องอาศัยโอกาสนี้เก็บฟืนมาตากให้แห้ง

เช่นนี้จึงจะก่อไฟหุงข้าว ให้แสงสว่างและความอบอุ่นได้สะดวก

อวิ๋นจิงมั่วฉลาดมาก หลังจากดูครู่หนึ่ง ก็ขยับขาสั้นๆ เก็บฟืนส่งให้อวิ๋นฝูหลิง

อวิ๋นฝูหลิงรับฟืนมาหนึ่งท่อน ก็ชมอวิ๋นจิงมั่วหนึ่งคำ

อวิ๋นจิงมั่วถูกชมจนมีความสุข ยิ่งมีความกระตือรือร้นในการเก็บฟืนเพิ่มขึ้น

สองแม่ลูกยิ่งเดินยิ่งห่างออกไปจากจุดที่ชาวบ้านรวมตัวกันโดยไม่รู้ตัว

เมื่อโหวซานและคนอื่นเห็น ต่างส่งสัญญาณทางสายตาให้กันและกัน จากนั้นก็รีบตามไปทันที

ระหว่างที่อวิ๋นฝูหลิงเก็บฟืน ยังได้เจอเห็ดไม่น้อยด้วย

นอกจากนี้ สมุนไพรบนภูเขาแห่งนี้เติบโตได้เขียวชอุ่ม อวิ๋นฝูหลิงก็เลยอาศัยโอกาสนี้เก็บมาบางส่วน

อวิ๋นฝูหลิงกำลังขุดขิงป่าพุ่มหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ในอากาศ

หลังจากร่างกายร่างนี้ของนางได้รับการดัดแปลงจากหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณ ประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงเฉียบคมมาก

นางรีบลุกขึ้นยืน ดมแล้วดมอีกอย่างละเอียด

เป็นกลิ่นคาวของเลือดจริงๆ อีกทั้งกลิ่นแรงกว่าเมื่อครู่หลายส่วน

ที่นี่มีกลิ่นคาวเลือดไม่ใช่เรื่องดีอะไร มันสามารถดึงดูดสัตว์ป่ามาทางนี้

สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเคร่งขรึมทันที

นางมองไปตามทิศทางที่กลิ่นคาวเลือดลอยมา ก็มองเห็นพุ่มหญ้าป่าขนาดใหญ่ที่สูงเท่าครึ่งคน

เวลานี้ไร้ลม พุ่มหญ้าป่ากลับกำลังสั่นเบาๆ เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน

อวิ๋นฝูหลิงกลัวเจอสัตว์ป่าขนาดใหญ่ พลันแน่นหน้าอก รีบจูงมืออวิ๋นจิงมั่ว คิดจะจากไปทันที

ใครจะรู้ว่านางเพิ่งหมุนกาย ก็เห็นโหวซานและคนอื่นใกล้เข้ามา

อวิ๋นฝูหลิงรีบป้องอวิ๋นจิงมั่วไว้ข้างกาย มองไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”

สีหน้าโหวซานโกรธแค้น “เจ้าฆ่าพวกพี่ใหญ่ข้า ข้าย่อมจะมาฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นให้พวกเขา!”

อวิ๋นฝูหลิงนึกถึงภาพใต้เขาที่ถูกน้ำท่วม นางเลิกคิ้วทันที แสร้งแสดงสีหน้าโกรธเคืองเพราะถูกปรักปรำ

“เจ้าบอกว่าข้าฆ่าคน มีหลักฐานหรือไม่?”

“มันเป็นแค่คำพูดฝ่ายเดียวของเจ้าก็เท่านั้น ตอนนี้ข้าตะโกนแค่คำเดียว ดึงดูดชาวบ้านมาทางนี้ เจ้าว่าพวกเขาจะเชื่อเจ้าหรือเชื่อข้า?”

เจ้าของร่างเดิมอ่อนแอมาโดยตลอด ใครจะเชื่อว่านางสามารถฆ่าคนได้?

อีกทั้งเมื่อครู่นางเพิ่งช่วยสะใภ้ใหญ่กับหลานชายคนโตของครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านโจว

เมื่อเทียบกับอันธพาลเจ้าถิ่นเหล่านี้ คาดว่าคนในหมู่บ้านหลินซานจะเชื่อนางมากกว่า

ราชวงศ์ต้าฉีสถาปนาแคว้นจนถึงตอนนี้ก็มีฮ่องเต้สามพระองค์แล้ว ปัจจุบันทั่วหล้าสงบสุข มีกฎหมายปกครองแคว้น ย่อมไม่ได้วุ่นวายและอันตรายเหมือนตอนที่นางอยู่โลกวิบัติ

อวิ๋นฝูหลิงในเวลานี้ก็ไม่ได้บู่มบ่ามเหมือนตอนที่เพิ่งฟื้น

นางรู้ดี แม้ว่ามิติเวลาแห่งนี้เป็นยุคศักดินาที่ปกครองโดยราชอำนาจ แต่ถ้าหากอยากใช้ชีวิตที่นี่ในฐานะเจ้าของร่าง การกระทำของนางไม่สามารถป่าเถื่อนเหมือนตอนอยู่โลกวิบัติได้

หากต้องการจัดการปัญหาตรงหน้ากลุ่มนี้ มีวิธีเยอะแยะโดยไม่ต้องทำร้ายคน

บางครั้งแสดงความอ่อนแอ ยืมแรงต้านแรง ก็เป็นวิธีที่ไม่เลว

โหวซานรู้ดีว่าหลักฐานถูกทำลายหมดแล้ว เวลานี้ได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดถึง เขาจึงโกรธมาก

“ข้าจะฆ่านังแพศยาอย่างเจ้าให้ได้!”

ทว่าโหวซานยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกลูกพี่อู๋ที่เป็นผู้นำขัดขวาง

ลูกพี่อู๋คว้าไหล่ของโหวซาน กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “โหวซาน ไม่ต้องรีบลงมือ”

เขามองไปทางอวิ๋นฝูหลิง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตะลึง เมื่อมาดูใกล้ๆ เช่นนี้ เหมือนจะยิ่งงามกว่าเดิม

อวิ๋นฝูหลิงถูกสายตาของลูกพี่อู๋มองจนขมวดคิ้ว

แต่คนผู้นี้นอกจากสายตาที่มองมาอย่างเร่าร้อน ก็ไม่ได้ดูหื่นกาม ที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนพวกโหวซาน

แต่อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ชอบที่ถูกคนมองเช่นนี้

นางกำลังจะระเบิดอารมณ์ ลูกพี่อู๋กลับชิงเอ่ยปากกล่าวก่อน

“แม่นางอวิ๋น เลิกขู่พวกเราได้แล้ว ที่นี่อยู่ห่างจากจุดรวมตัวของชาวบ้านไกลมาก เกรงว่าเจ้าตะโกนจนคอแตก พวกเขาทุกคนก็ไม่ได้ยิน!”

อวิ๋นฝูหลิงจึงจะพบว่า รู้ตัวอีกทีนางก็อยู่ห่างจากจุดรวมตัวของชาวบ้านไกลมากแล้ว

ลูกพี่อู๋กล่าวต่อ “เจ้าบอบบางตัวคนเดียวและยังพาลูกมาด้วย หนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของพวกเราหรอก!”

“เช่นนี้ก็แล้วกัน ขอแค่เจ้ายอมแต่งงานกับข้า ข้าก็ช่วยเจ้าคุยกับโหวซาน คลายความแค้นนี้”

เมื่อชายจมูกงุ้มและคนอื่นได้ยิน ก็เริ่มหยอกเย้าทันที ชั่วขณะเสียงเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่า ‘ซ้อใหญ่’ ดังขึ้นเรื่อยๆ

มีเพียงสีหน้าของโหวซานที่น่าเกลียดมาก

“ลูกพี่อู๋ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้คุยกันแบบนี้นี่!”

ลูกพี่อู๋ตบไหล่ของโหวซาน เขากล่าวเสียงเบา “สบายใจได้ ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 656

    เมื่อหลิงโหยวมองหนังสือสัญญาตรงหน้าให้ชัดเจนแล้ว มือทั้งสองก็สั่นระริกขึ้นมาในชั่วพริบตา จนเกือบจะถือกระดาษบาง ๆ แผ่นนั้นไม่อยู่นี่เป็นหนังสือสัญญาที่อวิ๋นฝูหลิงมอบให้เขา ในหนังสือสัญญาเขียนไว้ว่าต่อไปผลกำไรจากสำนักช่วยชีพในทุก ๆ ปีจะเป็นของเขาหนึ่งส่วนอย่าเห็นว่ามีเพียงแค่หนึ่งส่วน ว่ากันตามรายรับของสำนักช่วยชีพแล้ว เงินจำนวนนี้เป็นตัวเลขไม่น้อยเลยค่าจ้างสิบปีของหลิงโหยวในยามนี้ ยังมีมากไม่เท่าเงินหนึ่งส่วนนี้เลยหลิงโหยวตาแดงระเรื่ออย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกปั่นป่วนไปมา ในลำคอก็เหมือนมีก้อนสำลีอัดแน่น พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะผ่านไปพักหนึ่ง เขาถึงหาเสียงของตนเองเจอในที่สุด“คุณหนูใหญ่ นี่มันมีค่ามากเกินไป บ่าวรับไว้ไม่ได้หรอกขอรับ!” หลิงโหยวดันหนังสือสัญญากลับไปอวิ๋นฝูหลิงห้ามเขาไว้ แล้วนำหนังสือสัญญาไปวางไว้ด้านหน้าหลิงโหยวอีกครั้ง“ท่านลุงหลิง นี่เป็นสิ่งที่ท่านลุงควรได้รับ”“ถ้าไม่ใช่ว่ามีท่านคอยช่วยข้าจัดการดูแลสำนักช่วยชีพ ตัวข้าคนเดียวจะไปทำได้อย่างไร?”“อีกทั้งที่กิจการสำนักช่วยชีพรุ่งเรืองได้อย่างในทุกวันนี้ ก็เป็นความดีความชอบท่านลุงหลิงด้วย!”การที่สำนักช่วยชีพที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 655

    ปีนี้ได้อาศัยวาสนาของพระชายาอี้อ๋อง หลาย ๆ ครัวเรือนจึงมีเงินเก็บอยู่ในมือขึ้นมาบ้างเมื่อมีเงินเหลืออยู่ในมือ กอปรกับมาถึงสิ้นปีแล้ว ย่อมอยากฉลองปีใหม่ดี ๆ สักหนขณะที่ทุกคนกำลังคิดวางแผนว่าปีนี้จะซื้อของอะไรมาเตรียมสำหรับวันปีใหม่ อยู่ ๆ ผู้ดูแลที่ดินก็ตีฆ้องเรียกให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่หน้าหมู่บ้านมีคนรั้งตัวผู้ดูแลที่ดินไว้ แล้วเอ่ยถาม “จะให้พวกเราไปทำอะไร?”ผู้ดูแลที่ดินหัวเราะพลางกล่าว “พวกเจ้าไปถึงก็จะรู้เอง”ทุกคนเห็นว่าใบหน้าของผู้ดูแลที่ดินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงคาดเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องดีทุกคนเกาะกลุ่มกันเดินไปยังหน้าหมู่บ้าน แล้วจึงได้เห็นว่าที่หน้าหมู่บ้านมีรถเข็นจอดอยู่หลายคัน ทั้งมีคนกำลังขนของลงจากรถเมื่อได้มองดูให้ดี ก็มีทั้งเนื้อ ทั้งสุรา ทั้งผ้าทุกผู้คนยืนจับกลุ่มกันเป็นกระจุก ๆ ขณะที่กำลังกระซิบกระซาบพูดคุยกันอยู่ ทันใดนั้นเสียงตีฆ้องก็ดังขึ้น บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งเดินออกมาครั้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมา ก็จำได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือผู้ดูแลที่อยู่ใต้บัญชาของพระชายาอี้อ๋อง แซ่อู๋กิจธุระของสวนสมุนไพรบนเขาทุกอย่าง ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของเขาลูกพี่อู๋เดินฝ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 654

    นี่ก็เป็นโอกาสที่จะดึงคนใต้บังคับบัญชามาเป็นพวก และซื้อใจคนเช่นกันหากไม่มอบประโยชน์ในเรื่องทรัพย์สินเงินทองให้ แล้วใครจะไปยอมถวายชีวิตให้เจ้าสุดหัวใจเล่า?นอกจากเงินค่าจ้างที่ได้รับตามปกติแล้ว ยังได้รับสวัสดิการพิเศษอีกก้อนหนึ่ง ใครบ้างจะไม่ดีใจ?ครั้นได้รับประโยชน์อันจับต้องได้ เข้าใจแล้วว่าอยู่กับนางแล้วทำงานได้เงิน ทั้งมีเนื้อให้กิน ย่อมทุ่มทำงานกับนางสุดหัวจิตหัวใจแน่หลังจากอวิ๋นฝูหลิงไตร่ตรองคร่าว ๆ อยู่ในใจ และเมื่อเซียวจิ่งอี้กลับมาในยามเย็นแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจะหารือกับเขาเรื่องมอบสวัสดิการให้คนใต้บังคับบัญชาเมื่อก่อนเซียวจิ่งอี้ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยเรื่องยิบย่อยเช่นนี้ ล้วนมีพ่อบ้านฝูคอยจัดการเขาขบคิดเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ข้าจำได้ราง ๆ ว่าช่วงวันปีใหม่จะมีการมอบเงินเบี้ยเลี้ยงจำนวนหนึ่งเดือนให้”อวิ๋นฝูหลิงทราบเรื่องนี้มาจากพ่อบ้านฝูแล้ว จึงพยักหน้าพลางกล่าว “เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้จริง”“แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน ท่านแต่งข้าเข้ามา ทำให้ในจวนอ๋องมีนายหญิงแล้ว แน่นอนว่าต้องมีบรรยากาศอะไรใหม่ ๆ บ้าง”“มิเช่นนั้นก็จะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของข้า จะมีข้าอยู่ในจวนอ๋องหรือไม่ล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 653

    ตรวจฎีกามาตลอดทั้งเช้า ฮ่องเต้จิ่งผิงทรงกำลังเหนื่อยอยู่บ้างพอดียิ่งไปกว่านั้นเมื่อลองดูชั่วยามแล้ว อีกไม่นานก็ถึงยามกินข้าวกลางวันเซียวจิงมั่วมาหาในยามนี้ ก็จะได้ร่วมกินข้าวกลางวันกับเขาพอดีหลังเซียวจิงมั่วเข้ามาในตำหนัก ก็ทำการคารวะและถวายพระพรตามธรรมเนียมฮ่องเต้จิ่งผิงแย้มสรวลพลางโบกมือให้เซียวจิงมั่ว “ไม่ต้องมากพิธีไป เข้ามาให้เสด็จปู่ดูหน่อยเร็ว”เซียวจิงมั่วก้าวไปด้านหน้าตามพระกระแสรับสั่งยิ่งมองดูเซียวจิงมั่วพระราชนัดดาผู้นี้ ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ยิ่งทรงรักใคร่รูปโฉมของเซียวจิงมั่วนั้นเป็นการรวมเอาข้อดีของเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงเข้าด้วยกัน แม้จะอายุน้อย ก็ดูออกว่าวันข้างหน้าจะต้องกลายเป็นคุณชายรูปงามสง่าผู้หนึ่งแน่นอนอีกทั้งเด็กน้อยผู้นี้ก็ไม่มีดีเพียงแค่รูปโฉมเท่านั้น ทว่ายังฉลาดเฉลียวอีกด้วย หลายวันมานี้ยามที่เข้าไปในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้จิ่งผิงก็มักจะได้ยินเหล่าอัครมหาเสนาบดีที่มาสอนวิชาแก่เหล่าองค์ชายและพระราชนัดดาเอ่ยปากชมเซียวจิงมั่วอยู่หลายครั้งอายุน้อยเพียงเท่านี้ ก็โดดเด่นกว่าลูกผู้พี่ที่อายุมากกว่าเขาเสียแล้วมีพระราชนัดดาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ในใจฮ่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 652

    พระราชนัดดาองค์อื่นที่ได้รับเกียรติเช่นนี้ มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นครั้นหันมองครอบครัวตนเอง ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์ชายสามเพิ่งถูกฮ่องเต้จิ่งผิงติเตียนไป ทั้งยังกักตัวเขาไว้ในจวนอ๋องพระชายาองค์ชายสามรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจมากเป็นพิเศษในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หากมิใช่เพราะต้องการเลี่ยงมิให้ผู้อื่นจับผิด แล้วกุมจุดอ่อนของจวนองค์ชายสามไว้ได้อีก วันนี้พระชายาองค์ชายสามคงไม่เหยียบย่างมาถึงที่นี่แน่ก็แค่งานเลี้ยงวันเกิดของเด็กคนหนึ่งเท่านั้นอีกทั้งมิใช่งานเลี้ยงใหญ่โตที่มีความหมายพิเศษอันใด ควรค่าแก่การที่นางซึ่งเป็นถึงผู้อาวุโสมากกว่าต้องมาร่วมงานถึงที่นี่เชียว?จนใจที่ยามนี้สถานการณ์ของจวนองค์ชายสามมิสู้ดี กอปรกับเจ้าเด็กน่าชังอย่างเซียวจิงมั่วได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้จิ่งผิง หลายครั้งหลายคราวก่อนหน้านี้ถึงขั้นพาเขาไปท้องพระโรงด้วย หลังจากพระชายาองค์ชายสามหารือกับองค์ชายสามแล้ว จึงตัดสินใจพาบุตรชายมาเยี่ยมเยือนถึงที่นี่สักครั้งเป็นการดีที่จะได้แสดงให้ฮ่องเต้จิ่งผิงเห็นถึงความรักความเมตตาที่พวกเขามีต่อหลานชายงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ เซียวจิงมั่วเฉลิมฉลองอย่างสุขใจเป็นพิเศษ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 651

    ผู้คนส่งเสียงจอแจ พูดคุยกันสนุกสนานครื้นเครงเซียวคังถูกเบียดไปยังอีกฝั่งฟาก ครั้นเห็นเซียวจิงมั่วจูงเสือตัวหนึ่งออกมาจริง ใบหน้าก็ประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดงด้วยความอับอายแม้เสือขาวตัวนี้จะเป็นเพียงเสืออ่อนวัย ทว่าก็เป็นเสือจริงๆ!เซียวลี่เห็นเซียวคังสีหน้าดูไม่ได้ พลันก็เหมือนจะรู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมาก็ไม่ปาน เขาเท้าเอวพลางกล่าวว่า“ใครกันนะที่บอกว่าจิงมั่วของพวกเราพูดโกหกหลอกลวงผู้อื่น?”ว่าจบ เขาก็แค่นเสียงร้องเฮอะแรง ๆ ไปทางเซียวคัง จากนั้นจึงทำหน้าทะเล้นเซียวคังโมโหจนใบหน้าแดงเถือกเขาลอบกัดฟันกรอด ในใจทั้งเดือดดาลทั้งเกลียดชังเลื่อนสายตาไปอยู่ที่เสือขาวน้อยตัวนั้น ในดวงตาพลันประกายแววอาฆาตเคียดแค้นทำไมเซียวจิงมั่วถึงเลี้ยงเสือขาวให้เชื่องได้?ทำไมกัน ไม่เพียงแค่บิดาของเซียวจิงมั่วเท่านั้นที่เหนือกว่าท่านพ่อของตน กระทั่งวันนี้มันก็ยังเหนือกว่าตนด้วย?เขาไม่ยอม!ทุกคนล้วนเข้าไปมุงดูเจ้าเสือขาวตัวน้อยด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครเลยที่สนใจความรู้สึกของเซียวคังหลังจากเหล่าพระราชนัดดาไม่กี่คนที่มีความสัมพันธ์ดี ๆ กับเซียวจิงมั่วได้รับคำอนุญาตจากเขา ก็ยังได้รับเกียรติให้ได้ล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status