“พูด!” ฮ่องเต้เห็นว่านางนิ่งงันไป ก็ตรัสตะคอกเสียงเข้ม“ลูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ลูกไม่ควรลงมือกับท่านอ๋องสาม และยิ่งไม่ควรทำให้เขากลายเป็นขันที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ทันได้คิดไตรตรอง รีบพูดออกมาทันที“เพล้ง” ฮ่องเต้ยกโถที่บรรจุน้ำตาลขึ้นมา ก่อนจะใช้แรงเท่ากันเขวี้ยงลงบนพื้นโถน้ำตาลทำขึ้นจากเคร
ครั้นได้ดื่มน้ำหวานที่นึกถึงมานาน อารมณ์ของพระองค์ก็แจ่มใสขึ้นมาหลังจากดื่มชานมไปหนึ่งแก้วใหญ่เต็ม ๆ พระองค์ถึงได้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดที่มุมพระโอษฐ์ ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเงยหน้าขึ้น พลันเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่คุกเข่าที่พื้นอย่างว่านอนสอนง่าย“เราพูดคำไหนคำนั้น และทำตามที่ได้ตกลงกัน
กลับมา” ขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังจะไปทำของหวานที่ห้องเครื่องนั้น ฮ่องเต้พลันตะโกนเรียกนางไว้“ทำที่นี่” ฮ่องเต้ชี้ไปที่ห้องหนึ่ง “เราให้คนจัดห้องว่างไว้ต่างหากแล้ว เรื่องนี้เรารู้เจ้ารู้ ห้ามไม่ให้คนนอกรู้เป็นอันขาด เจ้ารู้ใช่ไหม?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับมุมปากกระตุกสองครั้งเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ง่ายเหมือ
ฮ่องเต้จัดการกับฎีกาทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ดันไปไว้ข้าง ๆ“เรื่องของเจ้ากับเจ้าสาม องครักษ์จื่ออวี๋รายงานให้เราฟังทั้งหมดแล้ว” พระองค์พูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าในที่สุดพระองค์ก็พูดถึงประเด็นหลัก ก็รีบคุกเข่าลง “ลูกรู้ผิดเพคะ”“รู้ผิด?” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็นชา “เจ้ารู้ผิดอ
ฮ่องเต้เคาะนิ้วบนโต๊ะเบา ๆ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอนเจ้าสามได้ถูกช่วงจังหวะพอดี ทว่า ผลร้ายที่ตามมาก็มิอาจประมาทได้เลยท่ามกลางการต่อสู้ที่วุ่นวาย นางที่ลงมือจัดการโดยบังเอิญย่อมได้ถูกกำหนดให้เป็นแพะรับบาป“เสด็จพี่ตัดใจทำไม่ลงหรือ?” อ๋องอี๋หยางยกถ้วยชานมที่ว่างเปล่าขึ้นมาดม ก่อนจะวา
“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ถึงเวลาแล้ว ไปเถอะ” ฮ่องเต้ตรัสอ๋องอี๋หยางพูดถึงตรงนี้ ก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะปรายตามองถ้วยชานมที่ว่างเปล่า พร้อมกับพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “เสด็จพี่ ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าได้กลิ่นหอมหวานนั่นแล้วแต่กลับดื่มไม่ได้มันทุกข์ใจแค่ไหน? ท่านไม่เหลือให้ข้าเลยสัก
ตงฟางหลีลอบกำหมัดแน่นหากเรื่องราวมันง่ายอย่างที่นางคิดไว้ก็คงจะดี เกรงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับคนเป็นวงกว้าง นางอาจจะกลายเป็นเป้าของลูกธนูจำนวนมากก็ได้“ฉินเหยี่ยนเย่ว์!”พลันมีเสียงแหลมสูงดังขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหน้ากลับไปมอง เห็นเพียงพระสนมซูโผเข้ามาด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ดู
เมื่อพระสนมซูเห็นไอเย็นในแววตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ พลันตัวสั่นเทาอย่างน่าประหลาดขณะที่คิดจะถอยกลับไปนั้น ก็ได้นึกถึงเรื่องที่บุตรชายกลายเป็นขันทีขึ้นมาอีกครั้ง เพลิงโทสะอัดแน่นเต็มหัวใจทันควัน จนขอบตาแดงก่ำ นางกรีดร้องเสียงดัง “ลั่วเอ๋อร์ถูกเจ้าทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าไม่ชดใช้แต่โดยดี ยังแสดงท่าท
บุรุษผู้นั้น ไม่เพียงแต่พบสถานที่แห่งนี้ แต่ยังพบตำแหน่งของห้องลับอีกด้วยหากว่าเขาทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้แล้ว นั่นหมายความว่าเขาได้ค้นพบการมีอยู่ของห้องลับห้องนี้อย่างแน่นอนต่อจากนี้ นางเพียงแค่ต้องส่งข่าวว่าตนเองอยู่ด้านล่างไปหาเขาเท่านั้นทั้งนางและเซียวเซี่ยงหว่านจะต้องรอดออกไปแน่นอน!ฉินเหย
ภายในใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกลิงโลดยิ่งนักหากการพบเจอเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญนั้นแล้วการที่เจอเหรียญทองแดงสี่เหรียญในคราเดียวเล่า ย่อมมิใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนมีคนอยู่ข้างบน!มีคนโยนเหรียญทองแดงลงมาจากช่องระบายอากาศทั้งสี่ช่องการปรากฏตัวที่นี่ในยามนี้ ทั้งยังพยา
เขาต้องหาตัวพวกนางเจอให้เร็วที่สุด!“ท่านอ๋อง” หลังจากเฟยอิ่งค้นหาไปแล้วหนึ่งรอบ “หาอะไรไม่เจอเลยพ่ะย่ะค่ะ นี่ออกจะแปลกเกินไปแล้ว ตามหลักแล้วไม่ว่าจะเป็นกลไกหรือว่าห้องลับ ล้วนจะต้องเหลือร่องรอยไว้บ้าง”“ตามผนังในห้องนี้ล้วนเป็นกำแพงตัน ไม่มีกลไก แล้วก็ไม่มีช่องกั้น ด้านล่างของห้องนี้ก็คือทะเลสาบ แล
นกการเขนเงาเป็นนกที่เงามีโดยเฉพาะ เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างเงาด้วยกันพวกมันอยู่ไปทั่วทุกหนแห่ง และสามารถส่งข่าวสารไปทั่วทุกที่นกกางเขนเงาทุกตัวล้วนได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด และระหว่างพวกมันเองจะมีรูปแบบวิธีการแยกแยะตัวตนหนึ่งชุดไม่เพียงเท่านี้ ช่องทางการสื่อสารข้อมูลระหว่างเงาจะมีระบบรหัสที
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ