จวนอ๋องเจ็ดหลังจากถูกกักบริเวณนั้น วันวานชีวิตของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันดำเนินไปอย่างยากลำบาก การต้องอยู่กับไหน้ำส้มเช่นตงฟางหลีตลอดเวลา โดยมิอาจออกจากจวนได้นั้น ทั้งยังต้องคอยถูกจับตามองอีก ทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก หลายครั้งแล้วหลายครา ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่าฝ่าบาทจงใจทำเช่นนี้ตั้ง
“ตอบแทน? เจ้าจะเอาอะไรมาตอบแทน?” ชุ่ยผิงพูดเย้ยหยัน “หรือว่าเจ้ามีจุดอ่อนของฉินเหยี่ยนเย่ว์?”“ข้า...” หู่พั่วส่ายหน้านางไม่มีจุดอ่อนอะไรนั่นด้วยซ้ำ“คนไร้ประโยชน์อย่างเจ้า ก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่เสียดี ๆ ไปเถอะ ขอเพียงคุณหนูมีข้าวกินหนึ่งมื้อ เจ้าจะต้องมีข้าวกินหนึ่งมื้ออย่างแน่นอน” ชุ่ยผิงพูด “เฮ
“ชุ่ยผิงไม่ต้องพูดแล้ว” ซู้เตี่ยนฉิงพูดตัดบทชุ่ยผิงทันควันชุ่ยผิงถูกตัดบมจนกลืนคำพูดกลับไป น้ำตาเอ่อคลอในนัยน์ตา “บ่าวแค่สงสารคุณหนู”หู่พั่วยิ่งได้ฟังยิ่งไม่สบอารมณ์หลายวันมานี้ แม้ว่านางจะไม่ได้รับความลำบากอีก ทว่ากลับมิอาจดูแลตัวเองได้ ทำได้เพียงนอนป่วยบนเตียงครั้นนอนติดเตียงนานวันเข้า วันทั้ง
“เอาล่ะ คุณหนูให้เจ้านั่งเจ้าก็นั่งลงเถอะ” ชุ่ยผิงทนกลิ่นเหม็นบนร่างของหู่พั่ว หลังจากกดนางนั่งบนเก้าอี้แล้ว จึงวิ่งไปรอข้าง ๆ โดยไม่เผยสีหน้าใด ๆ ออกมาหลังจากที่หู่พั่วถูกคนจับตัวไป ก็ไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดทั้งวันทั้งคืน ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นโรคทางนรีเวชอย่างรุนแรง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่บ่อยคร
“วันนี้มีเวลาว่าง ข้าเลยมาเยี่ยมเจ้า” ซูเตี่ยนฉิงเปลี่ยนสีหน้าโหดเหี้ยมเมื่อครู่ เป็นสีหน้าอ่อนโยนทันทีที่เดินเข้าประตู กลิ่นเหม็นเสียดแทงจมูกสายหนึ่งได้โชยเข้ามาซูเตี่ยนฉิงถูกกลิ่นนี้สะกดจนต้องถอยหลังไปสองก้าว ถอยไปอยู่นอกประตู ใช้ผ้าเช็ดหน้าบีบจมูกไว้“ชุ่งผิง เปิดหน้าต่าง”ชุ่ยผิงเองก็สูดกลิ่น
ทุกเรื่องที่เย่เหนียงพูด ล้วนกลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว!“เย่เหนียง ข้าผิดไปแล้ว ข้ารับรองว่าต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง รับรองว่าต่อไปจะไม่ทำตามอำเภอใจอีกแล้ว ขอแค่ทำลายเกียรติของฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้พังย่อยยับได้ ข้าจะเชื่อฟังเป็นอย่างดี”เย่เหนียงแค่นฮึเสียงเย็นชา “คราก่อนเจ้าก็พูดเช่นนี้”“คราวน