“พวกเราอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น หากจะให้ไปจับนางมาก่อนนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นพี่สะใภ้รองของข้าเชียว หากทำอะไรไม่ดีต่อนาง พี่รองคงได้มาโทษพวกเราเป็นแน่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “อวี้เอ๋อร์เจ้าคิดหาวิธีถ่วงเวลานางเอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องการเลื่อนวันงานมงคลสมรสออกไปนั้น เกรงว่าคงจะปิดเป็นความลับได้อีกไม่
“ยามนั้น หม่อมฉันคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าองค์ชายใหญ่จักต้องตายในช่วงต้นเดือนสอง หลังคล้ายวันพระราชสมภพของเสด็จพ่อไปไม่กี่วัน หม่อมฉันมิคิดเลยว่า เขาจะอดทนนานกว่าที่หม่อมฉันคาดการณ์เอาไว้เสียอีก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “พี่เจ็ด หม่อมฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันวางมือเอาไว้บนห
“นางกลับมาจริง ๆ ด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย “นอกจากพวกเจ้าแล้ว ยังมีใครรู้อีกหรือเปล่าว่านางกลับมา?” “ไม่มีแล้วเพคะ ไม่มีทางที่ผู้อื่นจักสังเกตุเห็นได้อย่างแน่นอนเพคะ” อวี้เอ๋อร์กล่าว “วิชาแปลงโฉมของนางนั้นเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง หากมิใช่เสี่ยวเยียนอยู่ด้วยละก็ หม่อมฉันย่อมมิอาจส
“จักลองดูหรือไม่?” “ยัยหนู ช่วงนี้เจ้าหาญกล้าขึ้นมากนะ” ตงฟางหลีจับมือของฉินเหยี่ยนเย่ว์เอาไว้ ก่อนจะดึงเข็มเงินที่อยู่ในมือนางออก “ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้ากัน?” “เฮยตั้นให้มา เฮยตั้น ข่วนเขาเลย!” “เหมียว” เฮยตั้นที่ได้ยินนั้น พลันลืมตาขึ้นมาด้วยท่าทีเกลียจคร้าน เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของตงฟาง
จวนอ๋องเจ็ดหลังจากถูกกักบริเวณนั้น วันวานชีวิตของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันดำเนินไปอย่างยากลำบาก การต้องอยู่กับไหน้ำส้มเช่นตงฟางหลีตลอดเวลา โดยมิอาจออกจากจวนได้นั้น ทั้งยังต้องคอยถูกจับตามองอีก ทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก หลายครั้งแล้วหลายครา ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่าฝ่าบาทจงใจทำเช่นนี้ตั้ง
“ตอบแทน? เจ้าจะเอาอะไรมาตอบแทน?” ชุ่ยผิงพูดเย้ยหยัน “หรือว่าเจ้ามีจุดอ่อนของฉินเหยี่ยนเย่ว์?”“ข้า...” หู่พั่วส่ายหน้านางไม่มีจุดอ่อนอะไรนั่นด้วยซ้ำ“คนไร้ประโยชน์อย่างเจ้า ก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่เสียดี ๆ ไปเถอะ ขอเพียงคุณหนูมีข้าวกินหนึ่งมื้อ เจ้าจะต้องมีข้าวกินหนึ่งมื้ออย่างแน่นอน” ชุ่ยผิงพูด “เฮ