LOGINชาติที่แล้ว...ในวันที่มู่เซี่ยหยางกำลังร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีอื่น กลับกลายเป็นวันที่ซูจู้เหยียนต้องตกเลือด สูญเสียทารกในครรภ์จนก้าวสู่ปรโลก เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้นางต้องตายอย่างอนาถในขณะที่เขากำลังมีความสุขกับสตรีอื่น ทว่าสวรรค์กลับเห็นใจให้โอกาสนางมีชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง.... เมื่อชีวิตของนางหวนคืนมาอีกครั้ง...นางไม่ขอเลือกเขาเป็นสามีอีก!
View Moreปัง! ปัง!...ปัง!!
ซ่า…าาา! ปังๆๆ “นายท่านเจ้าค่ะ!” ยามค่ำคืนของราตรีที่มืดมิดสนิท พายุฝนตกกระหน่ำโหมอย่างรุนแรง เสียงท้องฟ้าคำรามดังก้องพร้อมกับอัสนีบาตฟาดผ่าอยู่กลางอากาศราวกับกำลังโกรธเคือง ในขณะเดียวกันนั้น มีร่างของสาวใช้ยืนตัวสั่นยืนเปียกปอนอยู่หน้าประตูเรือน นางออกแรงเคาะบานประตูครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมทั้งร้องเรียกตะโกนจนน้ำเสียงแหบพร่ากลืนหายไปกับเสียงฝนตกกระหน่ำ “นายท่านเปิดประตูเถิดเจ้าค่ะ!” ปัง! ปัง! ปัง… บานประตูยังคงปิดสนิท ไร้เสียงเคลื่อนไหวจากข้างใน ปัง!...ปัง ซ่า...! นางจึงออกแรงทุบอย่างแรงอีกครั้ง ฝนยังคงตกกระหน่ำโปรยปรายลงมาไม่หยุดพลันสาดกระทบเรือนของนางจนอาภรณ์เปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง “นายท่านเจ้าคะ!...แย่แล้วเจ้าค่ะ” ทันใดนั้น… บานประตูก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง มู่เซี่ยนหยางปรากฏตัวอยู่ในสภาพไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์เผยให้เห็นแผงอกกำยำและเม็ดหยาดเหงื่อไหลทั่วทั้งร่างจนเปียกชุ่มราวกับว่าเพิ่งผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหน่วงมา หัวคิ้วของเขาพลางขมวดมุ่นฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน สายตาคมกริบดูเย็นยะเยือก “มีผู้ใดตายหรืออย่างไร” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยความรำคาญ สาวใช้สะดุ้งเฮือกถอยหลังไปสองก้าว มือเล็กประสานกันแน่น นางพลันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเครือ “ฮูหยิน...ฮูหยินแย่แล้วเจ้าค่ะ!” พอมู่เซี่ยหยางได้ยินแล้วกลับหัวเราะเยาะเย้ยหยัน สตรีผู้นี้คิดจะเรียกร้องความสนใจจากเขาอีกแล้วหรือ? เขาไม่มีทางโง่งมหลงเชื่อนางอีกแน่! ริมฝีปากหนาหยักยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา “หากนางตายแล้วค่อยมาแจ้งข้า” เรื่องเช่นนี้มู่เซี่ยหยางรู้สึกเบื่อหน้ายิ่งนัก พอกล่าวจบเขาก็หมุนตัวกลับหมายจะปิดประตูทันทีทว่ากลับถูกสาวใช้เอ่ยห้ามเอาไว้เสียงก่อน ไฉนนายท่านถึงไม่สนใจไยดีฮูหยินเลย เกรงว่าหากได้ยินเรื่องนี้แล้วก็คงเป็นห่วงเร่งรีบไปหาฮูหยินเป็นแน่ “ฮูหยินตกเลือดเจ้าค่ะ!” มือของมู่เซี่ยหยางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ “แล้วอย่างไร” หมายความว่าอย่างไรกัน สาวใช้เงยหน้าขึ้นมองผ่านทั้งม่านน้ำตา หากฮูหยินได้ยินแล้วจะเสียใจเจ็บป่วยมากเพียงใดกันก่อนที่ จู่ๆ หยาดน้ำตาเม็ดใสจะไหลอาบแก้ม “ฮูหยินกำลังรอนายท่านอยู่นะเจ้าคะ…” ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ… นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฮูหยินจะเอาแต่ใจเช่นนี้ มู่เซี่ยหยางได้ยินประโยคเช่นนี้แล้วปรายตามองแวบหนึ่ง สายตาคมกริบฉายแววความรู้สึกบางอย่างออกมาก่อนจะเลือนรางหายไปเป็นความเย็นชาทันที สตรีผู้นั้นมีนิสัยเป็นอย่างไรเขาย่อมรู้ดี เขากล่าวออกมาก่อนจะปิดประตูลงไปอย่างไม่ใส่ใจทันที “หากนางสิ้นใจแล้ว…ข้าถึงจะไปดูให้เห็นกับตา” “นายท่านเจ้าค่ะ!!” เสียงร้องตกใจของสาวใช้ดังขึ้นพลางพุ่งตัวเข้าไปเคาะประตูอีกครั้ง แม้ว่าการกระทำในครั้งนี้จะถูกลง โทษได้นางได้สนใจเพราะนี้คือสิ่งสุดท้ายที่นางทำเพื่อฮูหยินได้ เปรี้ยงง…! เปรี้ยงง! ซ่า..าา ซ่า! ความรู้สึกของคนใกล้ตายเป็นเช่นนี้เองหรือ… จู้ซูเหยียนนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ลมหายใจของนางรวยรินแผ่วเบาลงเรื่อยๆ คล้ายคนกำลังจะหมดแรง ใบหน้าคนงามซีดเผือดและริมฝีปากแห้งแตก ไม่ว่านางจะพยายามฝืนอดทนเพียงใดแต่ทว่าร่างกายกลับอ่อนแอลงทุกครา นางเหนื่อยเหลือเกิน… นัยน์ตาเมล็ดซิ่งพร่ามัวจ้องมองไปยังบานประตู เขายังไม่มางั้นรึ…? แม้แต่ในห้วงสุดท้ายของลมหายใจบุรุษผู้นั้นก็ไม่เคยสนใจมองนางบ้างหรือไม่…เคยเห็นนางป็นภรรยาของเขาหรือเปล่า “ฮูหยินอดทนไว้นะเจ้าค่ะ…!” สาวใช้ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆ ก็พลางสวดภาวนาของให้ฮูหยินปลอดภัยผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปให้ได้…ขอสวรรค์โปรดเมตตา เกรงว่าสวรรค์นั้นคงใจร้ายกลั่นแกล้งฮูหยินของพวกนางเกินไปแล้วกระมัง ตั้งแต่พลบค่ำจนกระทั่งเข้าสู่วันใหม่กำลังจะถึงยามรุ่งสางแล้ว เหตุใดอาการของผู้นายหญิงถึงไม่ดีขึ้นเอาเสียเลย ว่ากันตามตรงแล้วนั้นแม้แต่ท่านหมอยังส่ายหน้ากล่าวให้ทำใจเสียอย่างไรก็ยื้อไว้ไม่ได้แล้ว เหล่าสาวใช้พลันร้องไห้สะอื้นด้วยความเสียใจ… “ข้าอดทนมามากพอแล้ว” นางหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าคนงามระบายยิ้มออกมาจางๆ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่อ ที่ผ่านมานางอดทนไปไม่น้อยพอมาถึงยามนี้นั้นจู้ซูเหยียนรู้สึกอยากพักเหลือเกิน สองมือเย็นเฉียบพลางลูบหน้าท้องผ่านอาภรณ์ที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีสด ภายในใจเอาแต่พร่ำพูดขอโทษทารกน้อยในครรภ์ที่ไม่อาจรักษาชีวิตและปกป้องเอาไว้ได้ เกรงว่าสวรรค์คงลิขิตให้นางได้เพียงแค่อุ้มท้องไม่สามารถเลี้ยงดูเชิดชูได้กระมัง สาวใช้หลั่งน้ำตาออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ “ฮูหยินเจ้าค่ะ…อึก!” จู้ซูเหยียนเสียใจแต่ทว่านางเจ็บปวดจนเกินกว่าจะร้องไห้หลั่งน้ำตาออกมาได้ ใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ ก่อนที่ในจังหวะนั้นเสียงบานประตูก็ถูกผลักเข้ามา จู่ๆ หัวใจของนางก็เต้นกระหน่ำ ดวงตาเบิกโพลงกว้าง มู่เซี่ยหยางใช่หรือไม่…? แต่แล้ว… นางกลับต้องผิดหวังทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วในใจ สาวใช้ตัวสั่นเทิ้มสะอื้นไห้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฮูหยินเจ้าค่ะ…นายท่าน” นางสงสารและเห็นใจฮูหยินมากจริงๆ จู้ซูเหยียนปรือดวงตาลงก่อนส่ายหน้า “ข้ารู้คำตอบแล้ว” ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงยามนี้เป็นนางที่ฝืนโชคชะตา หากวันนั้น...นางมิได้ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับมู่เซี่ยหยาง บางที...นางอาจได้พบกับความสุขและคงมิจำต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้ ยามนี้…นางเหนื่อยเหลือเกิน“แท้จริงแล้วท่านเคยรักข้าหรือไม่มู่เซี่ยหยาง” จู้ซูเหยียนเข้าใจแล้ว แม้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขาล้วนแสดงออกเปิดเผยชัดเจนไม่น้อยทว่าคำถามกลับยังค้างคาอยู่ในใจ นางรู้ดี…นางเข้าใจเรื่องทั้งหมดดี…แต่ทว่าน้ำตากลับไม่ยอมหยุดไหลเสียที ภายในใจบีบรัดแน่นจนปวดหนึบชาไปทั้งร่างสายตาคมกริบของมู่เซี่ยหยางปรายมองสตรีตรงหน้าโดยไม่แสดงท่าทีใดนอกจากความนิ่งสงบ เขาไม่ได้เข้าไปปลอบนางแม้แต่น้อย “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าลงนามหย่าให้เจ้าอยู่หลายครา..แน่ใจหรือว่าไม่รู้คำตอบหรือแท้จริงแล้วจงใจเสแสร้งโง่งม ตาบอด มองไม่เห็นกันแน่จู้ซูเหยียน”น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมาทั้งเย็นชาและห่างเหินจนนางได้ยินแล้วพลันสะอึกจุกในคอทันที จู้ซูเหยียนเม้มริมฝีปากแน่น มองอีกฝ่ายผ่านม่านน้ำตาด้วยความเจ็บปวด “ข้าถามว่าท่านเคยรักข้าหรือไม่มู่เซี่ยหยาง!”“ไม่เคยรัก”เพราะพี่สาวของจู้ซูเหยียนบุตรสาวคนโตของสกุลจู้ได้รับเลือกเข้าวังทั้งยังได้เป็นถึงสนมขั้นเฟย มู่เซี่ยหยางจึงถูกกดดันอย่างไร้หนทางจำต้องรับจู้ซูเหยียนเป็นภรรยา หาไม่แล้ว ย่อมมิอาจหลีกพ้นโทษฐานลบหลู่เบื้องสูง!มู่เซี่ยหยางออกมาจากจวนสกุลจู้ก็พลันเป็นยามพลบค
บทที่ ๒มู่เซี่ยหยางเกรงว่าสวรรค์คงกลั่นแกล้งให้นางได้หวนกลับมาพบเจอบุรุษต่ำทรามผู้นี้กระมังเมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้อีกครั้ง จู้ซูเหยียนหยุดชะงักฝีเท้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูพลางกำมือแน่นด้วยความเคียดแค้น นัยน์ตาเมล็ด ซิ่งดูแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีมู่เซี่ยหยาง…บุรุษใจร้ายที่ผ่านมานางล้วนเป็นภรรยาที่ดีหวังว่ากลายเป็นภรรยาแล้วเขาจะให้ความสนใจนางบ้าง ทว่าทุกอย่างที่จู้ซูเหยียนกระทำลงไปนั้นในสายตาของมู่เซี่ยหยางย่อมมองว่าไร้ค่าอยู่ดีแม้จะแต่งงานหลายปีแล้วอย่างไรกันความสัมพันธ์ของนางและมู่เซี่ยหยางห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก ‘หึ!’ มู่เซี่ยหยางแค่นเสียงออกมา สายตาคมกริบปรายมองสตรีตรงหน้านิ่งๆ ‘ภายในใจของข้าย่อมไม่เคยและไม่มีวันมีเจ้าอยู่ข้างในจู้ซูเหยียน’‘เหลวไหลมู่เซี่ยหยาง! ท่านแต่งกับข้าแล้วซ้ำยังเป็นสามีของข้า…หากไม่มีข้าในใจแล้วจะมีสตรีอื่นได้งั้นหรือ’ จู่ๆ จู้ซูเหยียนก็นึกถึงเหตุการณ์ในครานั้นขึ้นมา นางในตอนนั้นช่างนางสมเพชเวทนาไม่น้อย เหตุใดนางถึงได้โง่งมไปร้องขอความรักจากเขากันหรือเพียงเพราะว่านางมีใจให้เขา…เขาจำต้องมีใจให้นางเช่นกันงั้นรึ ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีจู
นางลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แสงแดดจากอาทิตย์สาดส่องจนต้องกระพริบตาถี่ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายยังคงสั่นสะท้านจากความเจ็บปวดราวถูกฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ เหตุการณ์ในคราวนั้น…ราวกับเป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่งจู้ซูเหยียนค่อยๆ ยกมือขึ้น ลูบไล้หน้าท้องอย่างแผ่วเบา หัวใจเต้นระส่ำด้วยความหวาดหวั่นหวังเพียงว่า... ทารกในครรภ์จะยังคงปลอดภัย“คุณหนูเจ้าคะ!” “…” นางพลันสะดุ้งเฮือกใหญ่“คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”จู้ซูเหยียนนอนแผราบอยู่บนเตียงก่อนจะปรายสายตาหันไปมองจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น นางระบายยิ้มจางๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้ายังไม่ตายงั้นหรือ”มิใช่ว่าการของนางหนักหนาสาหัส แม้กระทั่งท่านหมอยังต้องส่ายหน้าบอกให้ทำใจมิใช่หรือ…แล้วเหตุใดถึงมีชีวิตต่ออีกอยู่เล่าสาวใช้ผู้นั้นได้ยินแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณหนูจะตายได้อย่างไรกันเจ้าคะ” คุณหนูงั้นหรือ…?จู่ๆ ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจก็พลันพรั่งพรูหลั่งไหลเข้าสู่ห้วงความคิด จู้ซูเหยียนจำได้ชัดเจนว่าอาภรณ์ของนางเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีสดจนกระทั่ง…นางสมควรตายไปแล้ว เหตุใดยามนี้นางถึงยังนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิมอยู่อีก นัยน์ตาเมล็ดซิ
ปัง! ปัง!...ปัง!!ซ่า…าาา!ปังๆๆ“นายท่านเจ้าค่ะ!”ยามค่ำคืนของราตรีที่มืดมิดสนิท พายุฝนตกกระหน่ำโหมอย่างรุนแรง เสียงท้องฟ้าคำรามดังก้องพร้อมกับอัสนีบาตฟาดผ่าอยู่กลางอากาศราวกับกำลังโกรธเคือง ในขณะเดียวกันนั้น มีร่างของสาวใช้ยืนตัวสั่นยืนเปียกปอนอยู่หน้าประตูเรือน นางออกแรงเคาะบานประตูครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมทั้งร้องเรียกตะโกนจนน้ำเสียงแหบพร่ากลืนหายไปกับเสียงฝนตกกระหน่ำ“นายท่านเปิดประตูเถิดเจ้าค่ะ!”ปัง! ปัง! ปัง…บานประตูยังคงปิดสนิท ไร้เสียงเคลื่อนไหวจากข้างใน ปัง!...ปัง ซ่า...!นางจึงออกแรงทุบอย่างแรงอีกครั้ง ฝนยังคงตกกระหน่ำโปรยปรายลงมาไม่หยุดพลันสาดกระทบเรือนของนางจนอาภรณ์เปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง “นายท่านเจ้าคะ!...แย่แล้วเจ้าค่ะ”ทันใดนั้น…บานประตูก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง มู่เซี่ยนหยางปรากฏตัวอยู่ในสภาพไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์เผยให้เห็นแผงอกกำยำและเม็ดหยาดเหงื่อไหลทั่วทั้งร่างจนเปียกชุ่มราวกับว่าเพิ่งผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหน่วงมา หัวคิ้วของเขาพลางขมวดมุ่นฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน สายตาคมกริบดูเย็นยะเยือก“มีผู้ใดตายหรืออย






Comments