หลี่ซินเอ๋อร์ถูกขัดขวางจนรู้สึกไม่พอใจเดิมทีเตรียมคำพูดเอาไว้เสียเต็มท้อง หากแต่กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ทำได้เพียงมองตาปริบ ๆ เท่านั้น“ไยเจ้าไม่พูดเสียเล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดต่อ “ตอนที่ข้ากับท่านอ๋องเจ็ดเดินผ่านตรงนี้ แม่นางหลี่บังเอิญตกจากราวกั้นอันนี้พอดี แน่นอนว่า เจ้าคงถูกเข้าสิง หลั
นางอาศัยตอนที่ตงฟางหลีกระโดดลงมาช่วยนางนั้น พยายามกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของตงฟางหลีตงฟางหลีมีการเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว ชั่วพริบตาที่นางกระโจนเข้ามา ก็ได้โยนตัวคนไปข้างหน้าอย่างแรงหญิงสาวคนนั้นคาดไม่ถึงว่าจะเป็นผลลัพธ์เช่นนี้รอตอนที่ได้สติกลับมานั้น ตัวคนก็ได้ร่วงลงบนสะพาน ก่อนจะล้มลงนอนแผ่หรากางแขน
หลังจากหญิงสาวคนนั้นร่วงตกไปแล้ว กลับมิได้ตกลงไปในน้ำทันที หากแต่ใช้มือเกาะเกี่ยวก้อนหินบนสะพานไว้แน่นเพียงแต่ ร่างกายนางเดิมทีก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากอยู่แล้ว อาจจะตกลงไปได้ทุกเมื่อ“ช่วยด้วย ท่านอ๋องเจ็ด ช่วยด้วย”“หม่อมฉันไม่อยากตาย”“ช่วยด้วย…”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับเลิกคิ้วมาเร็วขนาดนี้เชียวหรื
หลังจากฮ่องเต้ชูแก้วขึ้น กลุ่มขุนนางทั้งหลายก็ชูแก้วขึ้นตามบรรยากาศจึงพอนับได้ว่าราบรื่นหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์กินอาหารเข้าไปไม่น้อย ในที่สุดก็อิ่มท้อง อารมณ์จึงดีขึ้นมาก“ข้าไม่มีทางช่วยเหลือผู้ใดเป็นอันขาด“ ตงฟางหลีนิ่งเงียบชั่วอึดใจใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ”พวกเขาดูหมิ่นข้าเกินไปแล้ว”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ตงฟางซวี่กล่าว “เสียงของพวกนางเบามาก และข้าก็อยู่ไกลด้วย จึงได้ยินไม่ชัดนัก ตอนที่ข้าเดินไป พวกนางก็แยกย้ายกันไปแล้ว ได้ยินเพียงบางอย่างที่คลุมเครือ”“อย่างไรก็ตามท่านต้องระวังตัวหน่อย ระวังไฟไหม้ ระวังโจรกรรม ระวังผู้หญิงแพศยา”“ได้ ข้าจะเพิ่มการระวังให้มา
ในขณะเดียวกันในบรรดาทูตของราชวงศ์จงลู่ มีคนผู้หนึ่งลูบเครา พยักหน้าบ่อย ๆ พลางเอ่ยกับคนรอบข้าง “ฮ่องเต้แห่งตงลู่สามารถสารภาพความผิดพลาดของตนในโอกาสเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังกล้าเสนอตัวสละราชบัลลังก์เพื่อชดใช้ความผิดพลาดอีก เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมนัก”“ฮ่องเต้ที่กล้าทำและกล้ารับผิดเช่นนี้จะประสบความสำเร็จอย