ฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบไม่อยากจะเชื่อนางได้ตรวจสอบศพขององค์หญิงชิงอินอย่างถี่ถ้วน ศพไม่มีสัญญาณชีพแล้วและร่างกายก็เย็นลงแล้วด้วยมนุษย์สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ได้นั้น เนื่องจากระบบเผาผลาญของร่างกายสร้างความร้อนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เซลล์ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งและรอบคอบเพื่อสร้างความร้อนผ่
“ดูจากท่าทีที่น่าสมเพชของเจ้าแล้ว คุกเข่าไปหาได้มีประโยชน์อันใดไม่” ฮ่องเต้ตรัสออกมา “เข้ามาตรวจดูศพขององค์หญิงชิงอินเสีย เจ้าคงรู้ดีว่า หากตามหาฆาตกรตัวจริงไม่พบจักมีสิ่งใดรั้งรออยู่” “เสด็จพ่อเพคะ พระองค์ยอมเชื่อในตัวลูกหรือ?” “หรือว่า เราสมควรส่งเจ้าเข้าไปขังในคุกดีล่ะ? อย่าทำให้เราผิดหวังเชี
“เสด็จพ่อ เกิดอะไรขึ้นเพคะ? การตายขององค์หญิงชิงอินเกี่ยวข้องอันใดกับศิษย์พี่กันแน่เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมิทันได้ขออภัย ก็รีบเอ่ยถามออกมาตามตรง “พระองค์ย่อมรู้ดีกว่าหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ ว่าศิษย์พี่มิมีทางทำเรื่องแบบนี้...” ยังมิทันที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จะพูดจบ นางก็หันไปเห็นศพขององค์หญิงชิงอินที่
“ข้าบอกให้ไปเรียกผู้ที่รับผิดชอบของพวกเจ้ามา เจ้าไม่ได้ยินหรือไง?” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ค่อย ๆ ดังขึ้น พูดตัดองครักษ์ขึ้นมาในทันที “ที่นี่เป็นแคว้นราชวงศ์ตง พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขวางทางอยู่ที่นี่กัน? ที่ข้าให้เกียรติพวกเจ้า นั่นเป็นเพราะความเศร้าโศกจากการสิ้นใจขององค์หญิงชิงอิน อย่าให้ข้าต้องใช
“เสด็จอา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โค้งกายทำความเคารพ “ยาพิษในพระวรกายขององค์หญิงชิงอินนั้น เป็นฝีมือของพระองค์ใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อ๋องอี๋หยางสะดุ้งเล็กน้อย ราวกับว่า เขามิคิดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะกล้าเอ่ยถามออกมาตรง ๆ เช่นนี้ “ไม่ใช่” “หากมิใช่เสด็จอา ก็คงเป็นเสด็จพ
เมื่อเขาเห็นตงฟางหลีและฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น เขามีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมีท่าทีลังเลใจออกมา หลังจากที่เขาคิดลังเลอยู่ครู่หนึ่งนั้น แต่ก็ยังยอมให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาด้านใน ภายในห้องโถงไท่อี้หาได้มีคนมากมายไม่ พวกเขาต่างก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยมีหมอหลวงคอยตรวจร่างกายของพวกเขาอย่างละเอีย