Share

บทที่ 5

Author: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดี

เมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย

ฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้

ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉัน

ช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า

“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับ

ชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่

แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบครัวก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น

“ดูสิหลายคนนั่งที่เรียบร้อยแล้วนะลูก แม่ไม่อยากรบกวนคนอื่น” ฉันพูดปด

เขาดูไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดแต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ จากนั้นบาทหลวงเดินทางมาถึงและการเทศนาจึงเริ่มขึ้น เงาร่างของใครบางคนทิ้งตัวลงนั่งข้างกายฉัน

ฉันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา ไม่ว่าจะตัวเขาหรือกลิ่นน้ำหอมนี้อยู่ไหนฉันก็จะจดจำได้ ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม เขาควรไปนั่งอยู่ข้างเอมม่าเสียมากกว่า ที่จริงฉันจะยินดีมากกว่าหากว่าเขาทำเช่นนั้น

น่าสมเพชตัวเองเสียจริง ซึ่งก็ใช่ฉันมันน่าสมเพช เดือดดาลและเจ็บปวด

“พ่อครับ” โนอากระซิบเสียงดังซึ่งดึงความสนใจจากผู้คนบางส่วนให้หันมามองเรา

สายตาสุดแข็งกร้าวที่ฉันมองไป ทำให้พวกเขาหันหลังหลับ

“ผมอยากนั่งระหว่างพ่อกับแม่ได้ไหมครับ?” โนอากระซิบถามฉัน

ฉันถอนใจโล่งอก ขอบคุณพ่อนักบุญตัวน้อยเสียจริง เพราะฉันจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้กับตัวตนแสนน่าอึดอัดของเขา

เราทั้งสองค่อย ๆ ขยับที่นั่งกันอย่างไม่สะดุดตา และสลับที่นั่งได้เรียบร้อย เมื่อที่นั่งถูกสลับสับเปลี่ยน ความตึงเครียดที่เคยสัมผัสก่อนหน้าเบาบางลง

“สักวันเราทุกคนต้องจากโลกนี้ไป คำถามคือพวกท่านทั้งหลายจะจากไปอย่างไร? ท่านทั้งหลายจะสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือไม่? จะเปลี่ยนแปลงโลกและชีวิตผู้คนที่ได้พบตลอดการเดินทางไหม? หรือพวกท่านจะลาจากโลกนี้ไปพร้อมกับความเสียใจเล่า?” บาทหลวงเอ่ยถาม

ฉันอดคิดไม่ได้ว่าหากวันนี้ฉันต้องตายจากโลกใบนี้ไป ใครจะมาร่วมงานศพฉันบ้าง? จะมีใครสักคนรอบตัวสนใจไหม? ฉันจะหลอกตัวเองทำไม? พวกเขาไม่สนแน่ อาจจะจัดงานเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่ก็เป็นได้ โนอา ลูกชายแสนดีคงเป็นคนเดียวได้รับผลกระทบจากการตายของฉัน คงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

ช่างน่าเศร้าเสียจริง ชีวิตของฉันนั้นไม่เคยสัมผัสคำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนแม้สักนิดเพราะฉันได้แต่เก็บซ่อนตัว ซ่อนตัวอยู่หลังเงาของเอมม่าหญิงสาวแสนเพียบพร้อมจนฉันไม่เคยดีพอในสายตาใคร ไม่สวยบาดใจเหมือนเธอ ไม่เย้ายวนเหมือนเธอ ไม่ปราดเปรื่องเหมือนเธอ ไม่ได้เป็นที่รักเหมือนเธอ ฉันไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเอมม่า ไม่มีอะไรเทียบเธอได้

แม้แต่ตอนนี้ที่เราเติบโตแล้ว ฉันก็ยังถูกบดบังใต้เงาของเธอ ความเจ็บปวดและทรมานของฉันเป็นสิ่งนอกสายตาทุกคน เอมม่าสำคัญกว่าเสมอ ความเจ็บปวดของเธอสำคัญกว่า ความสุขของเธอมีค่ามากกว่า เธอเป็นที่หนึ่งในใจของทุกคนเสมอ ส่วนฉันก็ถูกทิ้งให้วิ่งไล่ตามเศษเหลือเดนของความรักจากคนเหล่านั้น

“แม่ครับ” เสียงเรียกของโนอาดึงสติฉันกลับมาจากห้วงความคิดนั้น

ตอนนั้นเองฉันถึงตระหนักว่างานพิธีต่าง ๆ ดำเนินจนเสร็จสิ้น และทุกคนกำลังเดินทางกลับ

“เอวา เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มนุ่มของชายคนนั้นมักทำให้ใจฉันสั่นไหว

ฉันไม่ต้องการพูดคุยกับเขาและไม่อยากแม้แต่มองใบหน้านั้น กระนั้นฉันต้องจำใจเนื่องจากตลอดสิบปีข้างหน้า เราทั้งสองยังต้องร่วมกันดูแลโนอา

ฉันยักไหล่แทนคำตอบพลางลุกขึ้นยืน โดยที่ไม่ชายตามองเขาแม้เพียงน้อย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการกระทำของฉันดูหยาบคาย แต่ฉันมองใบหน้านั้นไม่ไหว เพราะภาพฉากรักอันหวานชื่นของเขาและเอมม่ายังบาดลึก อยู่ในจิตใจ

“ไปกันเถอะจ้ะ โนอา”

เด็กน้อยกระโดดลงจากที่นั่ง เราเดินตรงไปยังประตู เมื่อเราทั้งสองเดินพ้นประตูออกมาด้านนอก เหล่าผู้มาร่วมงานต่างถาโถมเข้ามาเพื่อแสดงความเสียใจ ฉันสังเกตเห็นเพื่อนร่วมงานจึงโบกมือทักทาย

พิธีงานศพยังไม่เสร็จสิ้นดี แต่ฉันก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว

“ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นจนได้นะ” น้ำเสียงจิกกัดของเอมม่าพุ่งตรงมาจากด้านหลัง

ฉันหันหลังกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับเธอ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยเปื้อนพร้อมดวงตาบวมและแดงก่ำ แต่เธอก็ยังงดงามราวกับเทพธิดาเหมือนเดิม

ฉันถอนหายใจ ฉันไม่อยากปะทะกับเธอตอนนี้

“ไม่ใช่ตอนนี้เอมม่า ช่วยรอจนกว่าจะพิธีฝังศพพ่อจบก่อนจะได้ไหม?”

เอมม่าเผยรอยยิ้มพลางเอนตัวเข้ามาชิดเพื่อให้มั่นใจว่าฉันจะเป็นผู้รับสารนี้เพียงผู้เดียว

“ก็ได้ เราจะดำเนินพิธีฝังคุณพ่อให้จบก่อน แต่ขอบอกอะไรเอาไว้เสียหน่อยนะ ฉันจะกลับมาอยู่ที่นี่ แกพรากครอบครัวไปจากฉันตั้งหลายปีแต่ตอนนี้มันจบแล้ว ฉันตั้งใจจะเอาทุกสิ่งที่เป็นของฉันกลับมา รวมถึงชายที่ควรจะเป็นของฉันด้วย” จากนั้นเอมม่าผละออกไปขณะบาทหลวงเรียกเราเพื่อกลับไปดำเนินพิธีบริเวณสุสานให้แล้วเสร็จ

โนอามองฉันและแผ่นหลังของผู้เป็นพี่สาวแม่ที่กำลังลับสายตาออกไปแต่ไม่มีคำใดเอ่ยออกมา ฉันตะลึงงันกับคำพูดเหล่านั้นแต่ไม่รู้สึกประหลาดใจใด ๆ

เอมม่าเข้าใจผิดมหันต์ว่าเธอต้องทวงทุกสิ่งกลับไป นั่นเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยได้มีสิทธิ์ครอบครองอะไรที่เป็นของเธอเลย ครอบครัวที่เธอพูดถึงเทิดทูนตัวเธอกว่าสิ่งใด ส่วนโรแวนน่ะหรือ? โรแวนก็ยังคงเป็นผู้ชายของเธอ

ฉันเดินนำโนอาไปยังสถานที่ที่เป็นหลุมฝังศพของพ่อพลางกดความรู้สึกเจ็บปวดที่พร้อมจะกลืนกินฉันเอาไว้

แม่ เอมม่าและทราวิส ทั้งสามยืนอยู่รวมกันอยู่ที่หนึ่ง ส่วนฉันยืนทิ้งระยะห่างออกมาจาก เมื่อมองจากตำแหน่งการยืน คนคงมองว่าฉันเป็นเพียงคนนอกที่มาร่วมงาน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้

“ธุลีสู่ธุลี…” บาทหลวงกล่าวพร้อมกับนำร่างพ่อลงสู่ดิน

พวกเขาเริ่มถมดินกลบโลงศพจนไม่เหลือช่องว่างใด เสียงคร่ำครวญของแม่เพรียกหาให้พ่อกลับมาดังระงมไปทั่วบริเวณ เอมม่าและทราวิสปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างเงียบงันพร้อมมือทั้งสองที่โอบกอดแม่ไว้

ฉันได้แต่ปลอบประโลมและโอบกอดโนอาตัวน้อยซึ่งร้องไห้อยู่ข้างกาย เห็นลูกเป็นแบบนี้ทำให้ฉันน้ำตาไหล ฉันไม่ชอบการที่เห็นลูกเป็นทุกข์เช่นนี้ แต่ฉันก็ปาดน้ำตาทิ้งเพราะต้องเข้มแข็งเพื่อเขา ตอนนี้เด็กน้อยต้องการแม่

จากนั้นบรรดาแขกเหรื่อต่างพากันเข้ามาแสดงความเสียใจอีกครั้ง ฉันตอบรับอย่างใจลอย มันเหมือนกับว่าตัวฉันทั้งอยู่และไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนที่ฉันหลุดจากภวังค์บรรดาแขกเหรื่อต่างพากันแยกย้ายกลับไปจนเกือบหมดแล้ว

“แม่ครับ คุณปู่ คุณย่าก็มาด้วย” โนอาดึงฉันพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางที่พ่อและแม่ของโรแวนยืนอยู่

พวกเขามากับโรแวนและน้องชายฝาแฝดของเขา เกเบรียล

ท่าทีกระอักกระอ่วนปรากฎบนใบหน้าฉันขณะเจ้าตัวน้อยทักทาย ครอบครัวฝ่ายชายปรายตามองฉันแต่ไม่เอ่ยคำใด เราต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าฉันไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมกับลูกชายของพวกเขา

“ผมไปกินขนมกับคุณปู่คุณย่าได้ไหมครับ?” โนอาร้องขอและฉันพยักหน้าตอบรับ

ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องเจ้าตัวน้อยหลายชั่วโมงเลยหิว เมื่อครอบครัวจากไป โรแวนและฉันถูกทิ้งให้ยืนอยู่ข้างกันอย่างอึดอัด เมื่อเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับโนอา เขาก็สนใจเพียงเอมม่าผู้ยืนห่างจากเราไปไม่ไกล

ฉันกำลังจะขอตัวออกไปเมื่อได้ยินเสียงเสียดสีจากยางล้อรถยนต์ดังแผดเสียงแสบแก้วหู ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนเริ่มสาดกระสุน เมื่อพวกเขาเริ่มเปิดฉากยิงฉันก็เห็นโรแวนกระโจนเข้าไปหาเอมม่า

ฉันยืนนิ่งงันเมื่อเห็นเขาเอาร่างกายเข้าไปปกป้องผู้หญิงคนนั้น

ฉันไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทิ้งฉันไปปกป้องเอมม่า มีอะไรที่ฉันต้องตกใจด้วยหรือ? สิ่งนี้แสดงให้ชัดเจนเลยว่าฉันไม่เคยมีความสำคัญกับเขา การเห็นเขาใช้ชีวิตของตนปกป้องเธอทำให้บางอย่างในร่างฉันแหลกสลาย

“ระวัง!” ชายสวมเสื้อกันกระสุนแผดเสียงเตือนฉัน

เขาผลักฉันให้พ้นจากแนวกระสุนแต่ก็สายไป กระสุนเจาะผ่านร่างกาย ความเจ็บปวดแล่นผ่านทุกอณู กระชากจังหวะของลมหายใจให้ติดขัด

“ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที” ชายในเสื้อเกราะคุกเข่าลงข้างฉันและพยายามกดแผลเพื่อห้ามเลือด

ความคิดของฉันสับสน สติเริ่มเลือนลาง ความเจ็บปวดเข้าแทรก ฉันพยายามบอกเขาว่าฉันไม่เป็นไร แต่เลือดกลับชุ่มโชกชุดของฉันและมือของเขา ฉันเกลียดเลือดเป็นที่สุด

“ไม่นะ…โนอา” ฉันกระซิบแผ่ว

ลูกชายเป็นภาพสุดท้ายที่ปรากฎมาในห้วงความคิดก่อนทุกสิ่งจะดับดิ่งสู่ห้วงความมืดมิด
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
และแล้วนางเอกก็กลับมาเกิดใหม่
goodnovel comment avatar
อาษิรญา อินทนนท์
สนุกมากๆ เลย
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • ธุลีใจ   บทที่ 539

    ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต

  • ธุลีใจ   บทที่ 538

    ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา

  • ธุลีใจ   บทที่ 537

    "ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา

  • ธุลีใจ   บทที่ 536

    มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 535

    เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ

  • ธุลีใจ   บทที่ 534

    กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status