แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้า
นลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาด
เสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้า
ไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วย
ชีวิตหลังแต่งงานของเธอเรียบง่ายจนน่าแปลกใจ
ทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิต
ในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกัน
ริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น
“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง
ทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่ง
นลินหันไปมอง เห็นชายเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงกรอบประตูครัว ใส่เสื้อเชิ้ตขาวแขนพับกับกางเกงสแล็ก ผมเปียกนิดหน่อยจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ทายดูสิคะ” เธอขยิบตาอย่างซุกซน มือยังคงขยับไปเรื่อยๆ แต่ไม่อาจซ่อนพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจางๆ
พีระเดินเข้ามาใกล้ โอบกอดเธอจากด้านหลังเบาๆ แทรกใบหน้าเข้ามาดูพร้อมยิ้มกว้าง
“หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ของโปรดผมเลยนี่ครับ”
นลินหน้าแดงซ่านเมื่อลมหายใจร้อนผ่าวของเขากระทบข้างริมหู เธอรีบปิดฝากล่องอย่างแรง ราวกับจะปิดบังความขวยเขินที่เกิดขึ้นภายในใจ ทำเอาพีระถึงกับหัวเราะออกมาในลำคอ
“ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวสาย”
นลินรีบยื่นกล่องข้าวให้อีกฝ่าย รีบร้อนจนมือไม้แทบพันกัน เมื่ออยู่กับพีระ เขามักทำให้เธอเขินจนทำตัวไม่ถูกแบบนี้เสมอ
“ขอบคุณครับที่รัก”
พีระเองก็ไม่เปิดโปงความเขินอายของนลิน เขารับกล่องข้าวไป ยิ้มอย่างอบอุ่นก่อนจะก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ เป็นคำขอบคุณ ทำเอาสมองของหญิงสาวแทบจะระเบิดตู้มออกมาตรงนั้น
✤
เมื่อแผ่นหลังของสามีลับออกจากประตูบ้านไป นลินก็หันไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดบ้านอย่างคุ้นเคย
เพราะเพิ่งแต่งงาน นลินจึงใช้สิทธิ์ของการเป็นผู้บริหารที่ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเพื่อลาหยุด แต่พีระยังคงต้องเข้าทำงานตามปกติ
นลินคิดว่าเธอจะหยุดสักสามวันเพื่อปรับตัวเข้าสู่ชีวิตครอบครัว ในสามวันมานี้เธอจึงเรียนรู้ที่จะทำงานบ้านทุกอย่าง เธอเป็นคนเรียนรู้ไวมาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน แต่เพียงไม่นานก็ทำจนคล่องมือเรียบร้อยแล้ว
แม้ชีวิตในตอนนี้จะลำบากกว่าตอนอยู่ที่บ้านซึ่งมีคนรับใช้คอยปรนนิบัติ แต่นลินกลับพึงพอใจชีวิตในตอนนี้มากกว่า เธอมีความสุขกับการดูแลพีระ ทำงานบ้าน ซักเสื้อผ้าให้เขา รีดเสื้อให้เขา ดูแลเขาทุกอย่างอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้
แม้จะเหนื่อยบ้าง เธอก็ไม่เคยเสียใจ
กว่างานทั้งหมดจะเสร็จก็ผ่านไปจะเกือบเที่ยง นลินอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อจินตนาการภาพสามีที่กำลังกินอาหารที่เธอเตรียมไว้ให้อย่างเอร็จอร่อย
เธอไม่มีทางรู้เลยว่าข้าวกล่องนั้นจะถูกโยนทิ้งลงในถังขยะแทบจะทันทีที่พีระก้าวพ้นรั้วบ้านออกไป
และยิ่งไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้ชายที่เธอรักสุดใจคนนั้น ซึ่งยามนี้กำลังอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกที่เธอมอบให้ จะกำลังกอดกกอยู่กับเลขาสาวสวยคนใหม่ที่เธอเปิดรับเข้ามาเป็นพิเศษเพื่อเขา
ในห้องส่วนตัวประจำตำแหน่งหัวหน้าแผนกนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน มือขยับแตะแผงอกของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างเย้ายวน ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของชายคนนั้นออกทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า
“ภรรยาแสนดีของคุณไม่สงสัยอะไรเลยเหรอ” เธอถามยิ้มๆ น้ำเสียงเจือแววเยาะหยัน พีระพลันหัวเราะตอบ
“ผู้หญิงอย่างเธอ… พูดอะไรนิดหน่อยก็เชื่อแล้ว จะสนใจทำไมกัน”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก ไหนเลยจะมีคราบสุภาพบุรุษแสนดีดั่งยามที่อยู่ต่อหน้านลินอีก
มีนา เลขาสาวคนสวยของพีระหัวเราะเบาๆ เธอส่ายหน้าช้าๆ “คุณหนูนลินช่างน่าสงสารจริงๆ”
เอ่ยจบ หญิงสาวก็ประกบริมฝีปากจูบกับชายตรงหน้า ภายในหัวจินตนาการภาพฝันแสนหวานราวกับมันกำลังเกิดขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า
ขณะที่ร่างถูกดันให้แนบลงกับโต๊ะทำงาน
มีนามีความสัมพันธ์กับพีระมานานก่อนเขาจะแต่งงานกับนลินเสียอีก หากว่ากันตามหลักแล้ว เธอต่างหากที่เป็นคนรักตัวจริงของชายหนุ่ม แต่มีนาเป็นคนทะเยอทะยาน สายตาของเธอกว้างไกลมากกว่านั้น และเธอไม่มีวันพอใจกับคนรักที่เป็นเพียงพนักงานธรรมดาของบริษัท
มีนาคือผู้หญิงที่รู้ดีว่าอะไรคือเป้าหมาย และจะเอามันมาให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีไหน
“อดทนอีกนิดนะมีนา อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นของเรา” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบ ริมฝีปากของชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอขาวนุ่ม ดูดเม้มอย่างกระหาย ฝ่ามือหนาเคล้นต่ำลงมาที่ทรวงเต้าทั้งสองที่นุ่มนิ่มสู้มือ ก่อนจะล้วงลึกลงไปยังบริเวณที่เร้นลึกมากยิ่งกว่า
“รวมถึงสมบัติของคุณนลินด้วย…” มีนากระซิบตอบกลับด้วยเสียงหวิวเครือ แอ่นกายตอบรับรสสัมผัสจากคนรักอย่างโหยหา
เปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องให้ร้อนระอุด้วยแรงปรารถนาที่เปี่ยมล้นจนกักเก็บไม่อยู่อีก
✤
ในขณะที่อีกด้านของเมือง นลินกำลังตระเตรียมโต๊ะอาหารเย็นอย่างดี ใช้จานที่เธอเลือกเองด้วยความรัก พร้อมจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ
เธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เธอยกหัวใจให้ทั้งดวง กำลังตกเป็นของผู้หญิงอีกคน
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก✤แต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไ
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่า
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเขา
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝันมันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลนเสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคนลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบแต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดาเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”✤ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายแต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิดมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีกลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ“ฉันตกลง”สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ลินดากลับไม่นึกสงสัยเธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์✤ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุดและช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วการประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุดหลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่นลินดาสวมเสื้
หลังจากการสัมภาษณ์ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ลินดาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบริษัท เธอถูกรับเข้าทำงานตามที่คาด“ยินดีต้อนรับเข้าสู่จิราธิวัฒน์กรุ๊ปค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของพนักงานฝ่ายบุคคลดังมาตามสาย ลินดายิ้มกว้างแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เอ่ยขอบคุณตอบกลับไปโดยที่หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอกแม้จะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรก ทว่าแผนการที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกความตื่นเต้นของเธอคล้ายจะส่งต่อไปยังคนที่อยู่ปลายสายได้ เสียงของอีกฝ่ายจึงเจือไปด้วยความเอ็นดู ขณะอธิบายตำแหน่งงานให้เธอฟังคร่าวๆ“คุณได้เข้าทำงานในฝ่ายธุรการค่ะ...”✤คืนนั้น ลินดานอนไม่หลับหญิงสาวนั่งอยู่ลำพังบนระเบียงหอพักเก่าๆ ที่เธอเช่ามาด้วยเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่สายลมกลางคืนพัดผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ตีหนึ่ง แต่แสงไฟก็ยังสว่างจ้าอยู่ริมถนน รถยังคงแล่นผ่านไปมาตลอดเวลา รอบกายเต็มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ และเสียงคนพูดคุยดังแว่วมาที่ไกลๆนี่คือบรรยากาศของเมืองหลวงที่นลินแสนคุ้นเคยแต่เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในต่างจังหวัดซึ่งลินดาอยู่มาทั้งชีวิต มันกลับให้ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นอ
รอยยิ้มใสซื่อของหญิงสาวช่างดูบริสุทธิ์จนพีระถึงกับเหม่อลอยไปครู่หนึ่งชั่ววูบนั้นเขาเผลอนำมันไปเทียบเคียงกับรอยยิ้มในความทรงจำของเขา...รอยยิ้มบางเบาอันแสนไร้เดียงสาของอดีตภรรยามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยมารยา ไม่ได้เร้นซ่อนเล่ห์กล หรือปรุงแต่งให้ดูงดงามจนเกินจริง ทว่ามันคือรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เสียจนทำให้บรรยากาศรอบกายคล้ายจะหยุดนิ่งไปในพริบตานั้นรอยยิ้มของคนที่มองเขาเป็นโลกทั้งใบเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงดูชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของลินดาก็ยิ่งกดลึกวันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวให้เรียบง่ายเป็นพิเศษ แต่งหน้าเพียงเบาบาง เส้นผมผูกเป็นหางม้าเรียบร้อย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นหากแต่นั่นคือความโดดเด่นหญิงสาวรู้จักรสนิยมของคนตรงหน้าดี เธอรู้ว่าสไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบเธอไม่ได้แต่งตัวมาเพื่อพีระแต่แต่งมาเพื่อหญิงสาวอีกคนที่ก้าวตามมาต่างหากมีนาหรี่สายตามองพนักงานใหม่อย่างสำรวจ พึงพอใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเป็นแค่สาวชาวบ้านหน้าจืดๆ คนหนึ่ง“ยินดีต้องรับเข้าทำงานวันแรกนะคะคุณลินดา”เลขานุการสาวแย้มรอยยิ้มเหนือกว่า ก้าวเดินตามรองประธานเข้าไปในห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสา
“คุณเชื่อผมจริงๆ เหรอครับ”พีระเอ่ยเสียงพร่า ดวงตาเปล่งประกายวูบไหว ขณะยื่นมือมากุมมือเธอไว้แน่น“ฉันเชื่อคุณค่ะ”เสียงของลินดานุ่มนวล ราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบโยนเธอกุมมือเขาตอบเบาๆ ส่งผ่านความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์ให้เขาผ่านนิ้วมือที่สอดประสานกันชั่ววินาทีนั้น บางสิ่งบางอย่างในใจของพีระพลันสั่นไหว ราวกับว่าคำพูดของเขาไม่ได้เป็นการเสแสร้งอีก... หากแต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงชายหนุ่มชะงักงัน เขาพลันตระหนักได้ว่าเขาตกหลุมรักลินดาเข้าแล้วจริงๆลินดาคล้ายไม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงนี้ของชายหนุ่ม สีหน้าของเธอยังเชื่อมั่นและเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย นำพาความอบอุ่นและปลอดภัยแผ่กระจายไปสู่ชายอีกคนผ่านฝ่ามือที่สอดประสานกันพีระเหม่อลอยไปชั่วขณะ ปลายนิ้วของเขาสั่นเล็กน้อยขณะไล้หลังมือของเธอ ราวกับกลัวว่าสัมผัสนั้นจะหลุดลอยไปในวินาทีนั้น ชายหนุ่มเชื่ออย่างสนิทใจว่าลินดาคือคนเดียวที่เขาเชื่อใจได้เขาโน้มตัวเข้ามาอีกนิด ใกล้เสียจนลมหายใจของทั้งคู่แทบประสานกัน เหมือนอยากยึดเอาความอบอุ่นนั้นเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ดวงตาที่เคยคมกริบเต็มไปด้วยความอ้อนวอน ความต้
“ทั้งเรื่องการยักยอกค่าก่อสร้าง การปลอมแปลงยอดเช่า และเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้...”พีระสูดหายใจลึก มองเธอด้วยสายตาสั่นไหว เขาเอ่ยเบาๆ ดั่งคนสารภาพบาป“ถ้าเกิดว่า... ทุกอย่างนั้น ผมทำจริงๆ ล่ะครับลินดา”ลินดาชะงักงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างคนที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำพูดนี้เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ตรงๆ ราวกับไม่ต้องการแก้ตัว ไม่ต้องการหลีกเลี่ยง ไม่แม้แต่จะปกปิดพีระหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะที่ไม่ถึงดวงตา และในชั่วขณะหนึ่ง เขาดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่เหนื่อยล้าอย่างเหลือเกิน“ลินดา... คุณคงคิดว่าผมเลวมากใช่ไหม” เสียงเขาแผ่วเบา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหญิงสาวเงียบงันไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาของเธอฉายแววสับสน ราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจหญิงสาวผู้ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์มาโดยตลอด เมื่อต้องมารับฟังเรื่องผิดกฎหมายผิดศีลธรรมเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องมีท่าทีสับสนเช่นนี้สีหน้าของเธอหนักอึ้ง อึดอัดกับความลับที่ไม่คิดว่าจะได้ล่วงรู้จนแทบหายใจไม่ออกเธอรู้ว่าตัวเองต้องแสดงออกอย่างไร และขณะเดียวกันก็รู้ว่าพีระกำลังจับตามองเธออยู่
ลินดาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะของรองประธานหนุ่มอย่างใส่ใจพีระยิ้มอ่อน ยื่นมือไปรับแก้วกาแฟที่เธอยื่นให้ กลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่มากกว่ากลิ่นกาแฟ คือความรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นลินดาอยู่ข้างเขาในเวลานี้“ขอบคุณนะ” เขาพึมพำเบาๆ ยกกาแฟขึ้นจิบลิ้นรับรู้รสชาติความหวานที่เพิ่มมาจากปกติเล็กน้อยที่ลินดาเติมให้อย่างใส่ใจ เธอรู้ดีว่าคนที่กำลังเครียดนั้นต้องการน้ำตาลมากกว่าปกติ นั่นยิ่งทำให้พีระรู้สึกอบอุ่นในอกจนแทบจะลืมความเครียดไปได้ทั้งหมดลินดานั่งลงตรงข้ามกับเขา กวาดสายตาไปยังแฟ้มเอกสารที่ยังเปิดค้างอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่แนบเนียน สังเกตเห็นตัวเลข รายงาน และหมายเหตุสีแดงที่น่าเจ็บปวดพร่างพราวอยู่เต็มไปหมด“ฉันได้ยินข่าวลือบ้างแล้วค่ะ...” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปนเป็นห่วง ดวงตาเศร้าลงอย่างสะท้อนใจ “คุณพีระไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”พีระถอนหายใจยาว ความห่วงใยอันบริสุทธิ์จากเธอทำให้เขารู้สึกราวกับสามารถปล่อยวางน้ำหนักที่กดทับหัวใจลงได้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้า มืออีกข้างคว้าเธอมากุมไว้แน่น“โชคดีที่ฉันยังมีเธออยู่” เสียงของเขาติดสั่นเล็กน้อย ทว่าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “ฉันไม่รู้จ
อีกด้านหนึ่งในฝั่งของพีระ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากปิดประตูห้องเข้ามา คำนินทาที่ลอดผ่านหูเมื่อครู่ทำเอาเขาหมดอารมณ์จะออกมาหากาแฟกินทันทีชายหนุ่มเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างหนักใจ มือกำสัญญาเช่าโครงการ Aurora เอาไว้แน่นจนหน้ากระดาษยับย่นเมื่อลับตาคน ภาพลักษณ์ที่ดูน่าสงสารมลายหายไปในพริบตา แววตาที่อ่อนล้าเมื่อครู่ฉายความโกรธจัดจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่เขากวาดสายตาไปยังแฟ้มสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า มันคือเอกสารลับจากแผนกตรวจสอบภายในที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อคืนที่ผ่านมา ภายในนั้นระบุข้อสงสัยที่มีต่อเขาอย่างชัดเจน และเขาไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย“บัดซบ!”พีระทุบหมัดลงกับโต๊ะเสียงดังปัง กระดาษแฟ้มกระเด็นหล่นกระจัดกระจาย เขาเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ใบหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆตั้งแต่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย พีระรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดฉากมาอย่างดี เหมือนกับวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วและเขาสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าเบื้องหลังมีใครบางคนกำลังชักใยอยู่ใครบางคนที่รู้จักโครงการ Aurora ดีพอจะเล่นงานเขาได้คนที่รู้ช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่าง รู้ทุกสิ
ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและเงียบงันแววตาที่เคยมองพีระด้วยความชื่นชมเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสัยและไม่ไว้วางใจ เสียงกระซิบกระซาบดังอยู่ทั่วทุกมุมในบริษัท ไม่เว้นแม้แต่มุมชงกาแฟเล็กๆ ใกล้ห้องของรองประธานหนุ่มเอง“เธอได้ยินมารึยัง” เสียงพนักงานหญิงคนหนึ่งก้มหน้ากระซิบเบาๆ มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นด้วยความตื่นเต้น“เรื่องนั้นน่ะเหรอ” เพื่อนร่วมงานมีสีหน้าเหมือนจะรู้อยู่แล้วครึ่งหนึ่ง หญิงสาวคนแรกที่เปิดประเด็นรีบพยักหน้าทันที เธอลดเสียงลงจนแทบเป็นเสียงลมหายใจ กระซิบกับเพื่อนอย่างลับๆ“ใช่ โครงการ Aurora ที่เพิ่งเปิดตัวปีที่แล้วนั่นน่ะ... ว่ากันว่าเงินค่าก่อสร้างมันสูงผิดปกตินะ แถมการบริหารยังส่องเค้าทุจริตด้วย”“แต่โครงการนั้นมันไปได้สวยมากเลยนี่ ฉันเห็นทีมที่รับผิดชอบได้โบนัสเพียบเลยนะปีก่อน” พนักงานอีกคนโผล่มาร่วมวงสนทนา ท่าทางไม่รู้อะไรเอาเสียเลยจนเพื่อนร่วมงานต้องส่ายหัว“สวยแค่ตัวเลขน่ะสิ ฉันได้ยินว่าคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่ายอดเช่าก็สูงผิดปกติ แถมยังมีเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้ด้วย”เสียงหายใจดังเฮือกเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะเปรยขึ้นมาอย่างลังเล“จริ
หลังจากเตรียมการมาหลายเดือน ลินดาก็ได้ข้อมูลหลักฐานสำคัญมาครบถ้วนหญิงสาวไม่ได้รีบร้อนลงมือ เธอรู้ดีว่าหากเธอเริ่มลงมือเปิดโปงเมื่อไหร่ มันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และพีระจะรอบคอบรัดกุมมากขึ้นเธอจึงรอ รอจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น รอจนกว่าจะมั่นใจว่าทางรอดทุกทางของพีระจะถูกปิดสนิท ไม่มีทางให้เขาดิ้นหลุดได้แม้แต่นิดเดียวและเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะค่อยๆ กัดกร่อนเขาจากภายในอย่างเชื่องช้า เงียบเชียบ และไร้ร่องรอยจนกว่าทุกอย่างจะถล่มลงมา... อย่างไม่มีทางซ่อมแซมได้อีก✤และโอกาสเธอรอก็มาถึงในเวลาไม่นานนัก เมื่อพีระมอบหมายให้เธอดูแลโครงการสำคัญของเขา คอมมูนิตี้มอลล์ในย่านสุขุมวิท ซึ่งวางแผนไว้ว่าเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์รีสอร์ต ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าแฟชั่นแบรนด์ดัง ร้านอาหารฟิวชั่น คาเฟ่ พื้นที่อีเวนต์กลางแจ้ง และฟิตเนสแบบครบวงจรมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะต้องดึงข้อมูลจากโครงการก่อนหน้านี้มาใช้ในการอ้างอิงข้อมูลที่ขัดแย้งกันปรากฏหราอยู่บนเอกสารราคาค่าก่อสร้างและตกแต่งสูงเกินกว่าราคาประเมินของโครงการปัจจุบันเสียอีก ทั้งๆ ที่ค่าวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างแพงขึ้นทุกปีหญิงสาวตีสีหน้ายุ่งยากขณ
หลังจากทั้งสองเริ่มต้นคบกัน พีระแทบจะไม่ปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับลินดาเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขาตั้งใจประกาศให้โลกรู้ว่ามีเธออยู่ข้างกายอย่างภาคภูมิใจยิ่งหลังจากที่มีนาจับได้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ นี้ ชายหนุ่มก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเก็บงำอีกต่อไป พฤติกรรมที่เคยพอมีความเกรงใจบ้างในช่วงแรกๆ กลับกลายเป็นความเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง จับมือกันในที่ทำงาน ออกไปทานข้าวด้วยกันอย่างไม่ปิดบัง ส่งสายตาให้กันอย่างคนรักที่ไม่แคร์สายตาใครตอนนี้ ทุกคนในบริษัทแทบจะรู้กันเกือบหมดแล้วว่าลินดาคือคนรักคนใหม่ของรองประธานหนุ่มและนั่นก็กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับลินดาในการสืบหาหลักฐานหญิงสาวนั่งลงที่หน้าแล็ปท็อปในห้องพักส่วนตัว ดวงตาส่องประกายเยือกเย็นเมื่อเปิดไฟล์ข้อมูลที่เธอรวบรวมมาอย่างละเอียดลึกซึ้ง ความเคลื่อนไหวภายในบริษัทเริ่มเผยรอยร้าวและช่องโหว่ให้เธอสอดแทรกเข้าไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ความไว้ใจที่พีระมีต่อเธอ กลายเป็นกุญแจที่ไขประตูหลายบานที่เคยปิดตายลินดาได้รหัสผ่านบางส่วนจากฝ่ายการเงิน ผ่านการพูดคุยที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย และด้วยความใกล้ชิดกับพีระ เธอยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีเพียงคนไม่ก
ช่วงเวลาหลังเลิกงานในเย็นวันหนึ่ง ลินดาก้าวออกจากลิฟต์ในตึกจอดรถ มือบางกอดแฟ้มเอกสารแนบอกอย่างเคย ตั้งใจจะเดินออกไปเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านตามปกติพลันสายตาของเธอก็เห็นพีระ ชายหนุ่มยืนพิงรถคันหรูของเขาอยู่ตรงนั้น ราวกับรอเธอโดยเฉพาะท่าทีของเขาดูสบายๆ ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ เขาไม่ได้มาเพราะเรื่องงาน แต่เพราะเธอ“กลับด้วยกันไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยทัก พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนในบริษัทนี้ใจอ่อนมาแล้วนักต่อนักลินดาชะงักไปเล็กน้อย แสร้งทำท่าลังเล สีหน้าของเธอเอียงอาย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า“ค่ะ... ถ้าไม่รบกวน”“รบกวนอะไรกันล่ะครับ ผมเต็มใจต่างหาก” พีระหัวเราะเบาๆ เปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้เธออย่างสุภาพ ลินดาก้าวขึ้นไปอย่างสงบโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อยเสียงเพลงแจ๊สจากวิทยุหน้ารถดังเบาๆ คลอในบรรยากาศ ฝ่ามือของลินดาวางบนตักอย่างเรียบร้อย ท่าทีของเธออ่อนโยนไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาแต่พีระรู้ดี ว่าเธอมีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้เลยตั้งแต่วันแรกที่เจอ“วันนี้...เหนื่อยไหมครับ” พีระเอ่ยถามขณะจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว“ไม่เท่าไหร่ค่ะ งานเยอะ
พีระเริ่มรู้สึกถึงความตึงเครียดที่แทรกซึมระหว่างเขากับมีนาไม่ว่าจะเป็นท่าทางของเธอที่แข็งกระด้างขึ้น หรือบทสนทนาที่มักเต็มไปด้วยคำถามที่ฟังดูเหมือนการจับผิดทุกครั้งที่พยายามอธิบาย เขากลับพบว่า คำพูดของตัวเองดูเหมือนจะกลายเป็นข้อแก้ตัวในสายตามีนาเสมอ“คุณกับลินดาไปกันถึงขั้นไหนแล้วล่ะ”มีนาพูดขึ้นกลางมื้อค่ำที่ควรจะอบอวลด้วยความรักน้ำเสียงของเธอนิ่ง แต่น้ำหนักของคำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางใจเขาพีระวางส้อมลงอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกท้อแท้เหลือเกิน“มีนา...” เขาเอ่ยเสียงเบา “ลินดาเป็นผู้ช่วยที่ดีมาก เธอช่วยงานผมเยอะจริงๆ เราก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”เขาเลือกที่จะอธิบายด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น คล้ายไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยสักนิด มีนาพลันเบือนหน้าหนี ปิดกั้นตัวเองอย่างชัดเจนบรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบ จนพีระรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามคนรักความเหนื่อยล้าเกาะกุมใจเขาอย่างช้า ๆเขาไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากทำร้ายหัวใจใครแต่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่การทำงานกับลินดาถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่โตได้ขนาดนี้และยิ่งมีนามีท่าที่เฉยชา เขาก็เริ่มคิดถึงรอยยิ้มของลินดา