แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้า
นลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาด
เสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้า
ไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วย
ชีวิตหลังแต่งงานของเธอเรียบง่ายจนน่าแปลกใจ
ทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิต
ในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกัน
ริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น
“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง
ทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่ง
นลินหันไปมอง เห็นชายเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงกรอบประตูครัว ใส่เสื้อเชิ้ตขาวแขนพับกับกางเกงสแล็ก ผมเปียกนิดหน่อยจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ทายดูสิคะ” เธอขยิบตาอย่างซุกซน มือยังคงขยับไปเรื่อยๆ แต่ไม่อาจซ่อนพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจางๆ
พีระเดินเข้ามาใกล้ โอบกอดเธอจากด้านหลังเบาๆ แทรกใบหน้าเข้ามาดูพร้อมยิ้มกว้าง
“หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ของโปรดผมเลยนี่ครับ”
นลินหน้าแดงซ่านเมื่อลมหายใจร้อนผ่าวของเขากระทบข้างริมหู เธอรีบปิดฝากล่องอย่างแรง ราวกับจะปิดบังความขวยเขินที่เกิดขึ้นภายในใจ ทำเอาพีระถึงกับหัวเราะออกมาในลำคอ
“ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวสาย”
นลินรีบยื่นกล่องข้าวให้อีกฝ่าย รีบร้อนจนมือไม้แทบพันกัน เมื่ออยู่กับพีระ เขามักทำให้เธอเขินจนทำตัวไม่ถูกแบบนี้เสมอ
“ขอบคุณครับที่รัก”
พีระเองก็ไม่เปิดโปงความเขินอายของนลิน เขารับกล่องข้าวไป ยิ้มอย่างอบอุ่นก่อนจะก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ เป็นคำขอบคุณ ทำเอาสมองของหญิงสาวแทบจะระเบิดตู้มออกมาตรงนั้น
✤
เมื่อแผ่นหลังของสามีลับออกจากประตูบ้านไป นลินก็หันไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดบ้านอย่างคุ้นเคย
เพราะเพิ่งแต่งงาน นลินจึงใช้สิทธิ์ของการเป็นผู้บริหารที่ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเพื่อลาหยุด แต่พีระยังคงต้องเข้าทำงานตามปกติ
นลินคิดว่าเธอจะหยุดสักสามวันเพื่อปรับตัวเข้าสู่ชีวิตครอบครัว ในสามวันมานี้เธอจึงเรียนรู้ที่จะทำงานบ้านทุกอย่าง เธอเป็นคนเรียนรู้ไวมาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน แต่เพียงไม่นานก็ทำจนคล่องมือเรียบร้อยแล้ว
แม้ชีวิตในตอนนี้จะลำบากกว่าตอนอยู่ที่บ้านซึ่งมีคนรับใช้คอยปรนนิบัติ แต่นลินกลับพึงพอใจชีวิตในตอนนี้มากกว่า เธอมีความสุขกับการดูแลพีระ ทำงานบ้าน ซักเสื้อผ้าให้เขา รีดเสื้อให้เขา ดูแลเขาทุกอย่างอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้
แม้จะเหนื่อยบ้าง เธอก็ไม่เคยเสียใจ
กว่างานทั้งหมดจะเสร็จก็ผ่านไปจะเกือบเที่ยง นลินอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อจินตนาการภาพสามีที่กำลังกินอาหารที่เธอเตรียมไว้ให้อย่างเอร็จอร่อย
เธอไม่มีทางรู้เลยว่าข้าวกล่องนั้นจะถูกโยนทิ้งลงในถังขยะแทบจะทันทีที่พีระก้าวพ้นรั้วบ้านออกไป
และยิ่งไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้ชายที่เธอรักสุดใจคนนั้น ซึ่งยามนี้กำลังอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกที่เธอมอบให้ จะกำลังกอดกกอยู่กับเลขาสาวสวยคนใหม่ที่เธอเปิดรับเข้ามาเป็นพิเศษเพื่อเขา
ในห้องส่วนตัวประจำตำแหน่งหัวหน้าแผนกนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน มือขยับแตะแผงอกของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างเย้ายวน ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของชายคนนั้นออกทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า
“ภรรยาแสนดีของคุณไม่สงสัยอะไรเลยเหรอ” เธอถามยิ้มๆ น้ำเสียงเจือแววเยาะหยัน พีระพลันหัวเราะตอบ
“ผู้หญิงอย่างเธอ… พูดอะไรนิดหน่อยก็เชื่อแล้ว จะสนใจทำไมกัน”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก ไหนเลยจะมีคราบสุภาพบุรุษแสนดีดั่งยามที่อยู่ต่อหน้านลินอีก
มีนา เลขาสาวคนสวยของพีระหัวเราะเบาๆ เธอส่ายหน้าช้าๆ “คุณหนูนลินช่างน่าสงสารจริงๆ”
เอ่ยจบ หญิงสาวก็ประกบริมฝีปากจูบกับชายตรงหน้า ภายในหัวจินตนาการภาพฝันแสนหวานราวกับมันกำลังเกิดขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า
ขณะที่ร่างถูกดันให้แนบลงกับโต๊ะทำงาน
มีนามีความสัมพันธ์กับพีระมานานก่อนเขาจะแต่งงานกับนลินเสียอีก หากว่ากันตามหลักแล้ว เธอต่างหากที่เป็นคนรักตัวจริงของชายหนุ่ม แต่มีนาเป็นคนทะเยอทะยาน สายตาของเธอกว้างไกลมากกว่านั้น และเธอไม่มีวันพอใจกับคนรักที่เป็นเพียงพนักงานธรรมดาของบริษัท
มีนาคือผู้หญิงที่รู้ดีว่าอะไรคือเป้าหมาย และจะเอามันมาให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีไหน
“อดทนอีกนิดนะมีนา อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นของเรา” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบ ริมฝีปากของชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอขาวนุ่ม ดูดเม้มอย่างกระหาย ฝ่ามือหนาเคล้นต่ำลงมาที่ทรวงเต้าทั้งสองที่นุ่มนิ่มสู้มือ ก่อนจะล้วงลึกลงไปยังบริเวณที่เร้นลึกมากยิ่งกว่า
“รวมถึงสมบัติของคุณนลินด้วย…” มีนากระซิบตอบกลับด้วยเสียงหวิวเครือ แอ่นกายตอบรับรสสัมผัสจากคนรักอย่างโหยหา
เปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องให้ร้อนระอุด้วยแรงปรารถนาที่เปี่ยมล้นจนกักเก็บไม่อยู่อีก
✤
ในขณะที่อีกด้านของเมือง นลินกำลังตระเตรียมโต๊ะอาหารเย็นอย่างดี ใช้จานที่เธอเลือกเองด้วยความรัก พร้อมจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ
เธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เธอยกหัวใจให้ทั้งดวง กำลังตกเป็นของผู้หญิงอีกคน
บทสรุปของการประชุมครั้งนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายนัก ทว่าเมื่อเสียงเคาะไม้ของคณะกรรมการสิ้นสุดลง พร้อมคำประกาศผลที่ชัดเจนให้พีระถูกถอดถอนจากตำแหน่งโดยมีผลทันที และบริษัทจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ห้องประชุมใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบงันไปนานไม่มีใครเอ่ยอะไร ทุกคนเพียงแต่เหลือบตามองกันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่ผู้คนบางส่วนจะเริ่มเก็บข้าวของเตรียมลุกจากที่นั่ง ในตอนนั้นจึงมีเสียงพูดคุยเบาๆ ปะปนไปกับลมหายใจแห่งความโล่งใจ... หรือไม่ก็ความไม่แน่ใจแต่ยังไม่ทันได้ลุกจากที่นั่ง เสียงจากฝ่ายเลขานุการก็ประกาศขึ้นทันทีว่า“ขอให้ทุกท่านอยู่ต่อ จะมีการประชุมด่วนในอีก 5 นาที โดยมีท่านประธานบริษัทเป็นผู้ดำเนินการ”คำประกาศนั้น ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบในทันที ก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบงันกว่าเดิม“ยกเว้นคุณพีระค่ะ”หลายคนหันไปมองหน้ากัน บางคนเบิกตากว้าง บางคนขมวดคิ้วด้วยความไม่คาดคิดประธานใหญ่ของบริษัทไม่ได้ปรากฏตัวเลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทเกือบทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การบริหารของพีระ แต่วันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด รองประธานผู้เคยเป็นที่นับหน้าถือตาถูกปลดออกจากตำแ
เช้าวันถัดมา แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านม่านบังแสงของตึกสำนักงานใหญ่ ให้บรรยากาศอบอุ่นละมุนเช่นเคย ทว่าภายในใจของพนักงานทุกคนกลับมีความตึงเครียดบางประการที่อธิบายไม่ได้เข็มนาฬิกาเลื่อนบอกเวลา 09.00 น. อยู่กลางโถงทางเดิน ขณะที่พีระก้าวเข้าสู่ ห้องประชุม 9A พร้อมแฟ้มเอกสารในมือห้องประชุมขนาดกลางซึ่งประดับด้วยโต๊ะไม้เข้มดูเงียบขรึมเกินกว่าจะสบายใจ กรรมการบริหารระดับสูง 5 คน นั่งเรียงรายอยู่ฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ตรงกลางคือ ประธานฝ่ายตรวจสอบภายใน ที่มีใบหน้าเรียบตึงเหมือนสวมหน้ากากภายในห้องเงียบผิดปกติ ไม่มีกระดาษวาระการประชุมบนโต๊ะ หรือแม้แต่สไลด์เปิดบนจอ พีระนั่งลงฝั่งขวา ของประธาน ท่าทางเกร็งเล็กน้อย แต่ยังคงฝืนยิ้มอย่างมืออาชีพลินดานั่งอยู่ด้านหลังเขา เธอไม่ใช่ผู้เข้าร่วมประชุมหลัก ทว่าเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ หญิงสาวไม่พูดอะไร ไม่สบตาใคร ทำตัวราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น ทว่าทุกคำพูดในห้องประชุม... เธอได้ยินชัดเจน“คุณพีระ เชิญนั่งครับ”ชายเจ้าของชื่อยกยิ้มที่แข็งทื่อเบาบาง พยักหน้าเล็กน้อย พลางนั่งลงตรงที่จัดไว้ แฟ้มในมือถูกวางบนโต๊ะ ท่ามกลางความเงียบที่ขึงตึงจนน่าอึดอัดประธานฝ่า
คืนที่ควรจะหวานละมุน กลับกลายเป็นค่ำคืนที่ทั้งคู่ต้องนั่งอ่านเอกสารบัญชีกองโตพีระจดบันทึกสิ่งที่คิดว่าหลุดออกไปจากระบบ และเริ่มโทรหาทีมบัญชีเพื่อถามอย่างระมัดระวัง ในขณะที่ลินดาคอยเรียบเรียงและชี้จุดที่อาจถูกตรวจสอบให้เขาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดจนเกินพอดี หญิงสาวก็ลุกออกไปด้านนอกครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟร้อนในมือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมล็ดคั่วพรีเมียมลอยฟุ้งแตะจมูกชายหนุ่มที่กำลังจดจ่ออยู่กับแฟ้มข้อมูล ลินดาแย้มยิ้ม ยื่นแก้วให้เขาอย่างนุ่มนวล“ลองดื่มดูสิคะ เผื่อจะช่วยให้หัวแล่นขึ้นนิดหน่อย”น้ำเสียงหวานนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มให้กำลังใจ พีระรับมาอย่างเงียบๆ ละสายตาจากเอกสารมามองหน้าเธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะจิบบางๆ แล้วหันกลับไปยังงานกองโตเบื้องหน้าแม้จะยังเคร่งเครียด ทว่าสีหน้าของเขากลับอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัวลินดาลากเก้าอี้เข้ามานั่งเคียงข้าง มือเรียวหยิบแฟ้มอีกชุดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับเปิดหน้ารายละเอียดภายในด้วยความระมัดระวัง“โครงการ Aurora ฉบับงบประมาณปีที่สอง ตรงนี้เหมือนมีการปรับรายการบางจุดจากต้นฉบับที่ยื่นต่อฝ่ายบัญชี กับฉบับที่ยื่นตรวจภายใน” เธ
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของพีระดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหวานชื่นในห้องทำงานเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอไม่คุ้นตา แต่ชื่อผู้โทรถูกบันทึกไว้เรียบร้อยว่าเป็นสายจากเลขาฝ่ายตรวจสอบภายใน พีระขมวดคิ้ว ก่อนจะกดรับสายอย่างระมัดระวัง“สวัสดีครับคุณพีระ ทางฝ่ายบริหารมีมติให้เรียกคุณเข้าชี้แจงเรื่องเอกสารทางบัญชีของโครงการ Aurora และโครงการภาคตะวันออก พรุ่งนี้สิบโมงเช้าที่ห้องประชุม 9A ค่ะ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายสุภาพแต่ราบเรียบจนน่าขนลุก“ขอความร่วมมือให้นำหลักฐานต้นฉบับที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาด้วยนะคะ”พีระเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตอบรับเสียงเบา “ครับ”เมื่อสายจบลง เขากดล็อกหน้าจอมือถือช้า ๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“เกิดอะไรขึ้น...”“เกิดอะไรขึ้นคะ”คำถามที่อยู่ในหัวของเขา ถูกถามออกมาด้วยคำเดียวกันจากปากของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าลินดาลุกขึ้นจากตักเขาแล้วมายืนใกล้ๆ เมื่อรู้สึกถึงความปกติ พลางมองชายหนุ่มด้วยแววตากังวลพีระส่ายหน้าเบาๆ ขณะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ดวงตาฉายแววสับสนไม่น้อย ราวกับกำลังพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน บรรยากาศที่เมื่อครู่ยังอบอวลไปด้วยความหวานละลายหายไปในพริบตา เหลือไว้เพียงความเงียบงันที่ชวนอ
ความคืบหน้าของทั้งคู่มีเพียงแค่จูบแม้ทั้งคู่จะอยู่กันตามลำพังบ่อยครั้ง แม้แววตาที่สบกันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกท่วมท้นราวจะไหลทะลักออกมา และแม้บางช่วงเวลาจะใกล้กันจนต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหัวใจของอีกคนชัดเจน...แต่ลินดากลับไม่เคยยอมให้เขาก้าวข้ามขอบเขตนั้นเลยเธอรู้ดีว่าจะต้องหยุดไว้ตรงไหน และอย่างไรทุกครั้งที่ริมฝีปากเขาโน้มเข้ามา เธอจะเป็นฝ่ายรับไว้แค่จูบแผ่วเบาแล้วเบือนหน้าหนีอย่างสุภาพ เหมือนหญิงสาวที่ไม่ถนัดการแสดงความรักผ่านเรือนร่าง แต่กลับเปล่งประกายความซื่อตรงผ่านแววตาอ่อนหวานซื่อตรงคู่นั้นแทนสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือพีระเองก็ไม่เคยเรียกร้องเขาเคยคบผู้หญิงที่ร้อนแรงที่สุดมาแล้ว ผู้หญิงที่เจนจัดเรื่องบนเตียงจนแม้แต่ความสุขก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปสำหรับเขา มีนารู้วิธีจุดไฟปรารถนา รู้วิธีมัดเขาไว้ด้วยร่างกายและคำหวาน และนั่นเองที่ทำให้เขาเบื่อลินดาไม่เหมือนใครไม่ใช่แค่เธอไม่ยอมให้เขาสัมผัสอย่างลึกซึ้ง แต่เธอกลับยิ่งทำให้เขาหลงใหลได้มากกว่าเดิม ทั้งการกระพริบตาอย่างงุนงงเวลาถูกจ้อง ทั้งท่าทีประหม่าทุกครั้งที่เขาขยับตัวเข้าใกล้ ทั้งคำพูดสุภาพที่มักสอดแทรกความเก้อเขินใน
บ่ายวันพฤหัสบดี...อุณหภูมิในห้องทำงานของฝ่ายการเงินดูเหมือนจะลดลงกะทันหัน ทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานปกติ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออกแม้ไม่มีใครพูดออกมาตรงๆ แต่บรรยากาศในบริษัทในช่วงสองสามวันมานี้กลับอึดอัดกว่าที่เคยเสียงพูดคุยเบาๆ ในห้องพักพนักงานหยุดลงในทุกครั้งที่ประตูเปิด สายตาทุกคู่สอดส่ายมองคนที่เข้ามาใหม่อย่างระมัดระวัง และตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่พวกตนกำลังพูดถึงพนักงานบางคนเดินผ่านแผนกบัญชีด้วยสายตาคลางแคลงสงสัย ต่อให้เป็นคนที่ปกติไม่ใส่ใจข่าวลือ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบส่งข้อความถามกันเงียบๆ“มีข่าวว่ามีรายการเงินหายจากงบ CSR ปีที่แล้วจริงเหรอ”“นั่นน่ะสิ ฝ่ายบัญชีทำอะไรกันอยู่ ไม่มีใครตรวจสอบหรือชี้แจงอะไรบ้างเหรอ”“เห็นเขาว่ารายชื่อผู้อนุมัติเบิกคืองานของคุณพีระด้วยนะ”“อีกแล้วเหรอ แต่ครั้งก่อนเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรนี่ แล้วรอบนี้...”“ชู่ว ครั้งก่อนจะไม่มีปัญหาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”ไม่มีใครกล้ายืนยันและไม่มีใครปฏิเสธทุกอย่างเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกพูดด้วยเสียงกระซิบ แต่เป็นเสียงกระซิบที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ในทุกมุมตึ