เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหน
ทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน
“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”
“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”
ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมา
ไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรก
เสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุด
พีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอ
หากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเขาในฐานะคนที่พาลูกสาวของตนไปตาย
แต่เมื่อมันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากตัวเธอเองเช่นนี้ พีระจะหลุดพ้นจากข้อสงสัยด้วยประการทั้งปวง
และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือการที่เขาเลือกฆ่าเธอก่อนวันครบรอบหกเดือนแค่วันเดียว
ความคิดที่ว่า อีกแค่วันเดียวพวกเขาก็จะได้ไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขแล้วแท้ๆ ช่างเป็นสิ่งที่สะเทือนในคนฟังอย่างถึงที่สุด
แล้วพีระก็พูดในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
“ผมจะไป นลินเธออยากไปที่นั่นมาก เธอตั้งใจวางแผนทริปนี้มาตั้งนาน ถึงขั้นที่ว่าไปหารีวิวทีละร้านว่าควรไหนบ้าง”
เขาสูดลมหายใจลึกๆ ปาดน้ำตาแล้วพูดเสียงเด็ดเดี่ยว
“ผมจะทำให้ความตั้งใจของเธอเสียเปล่าไม่ได้”
ทุกคนในงานถูกบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความเศร้าครอบงำเสียจนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ ภรรยาเพิ่งตายได้ไม่ถึงวันดี สามีก็คิดจะไปเที่ยวเสียแล้ว
“เขาช่างรักนลินมากจริงๆ” ญาติห่างๆ คนหนึ่งของเธอทอดถอนใจ
ในสายตาของทุกคน พีระคือชายที่แบกรับความเจ็บปวดแสนสาหัสแต่ยังคงพยายามแสดงทีท่าเข้มแข็ง
ด้วยเหตุนั้น แทนที่จะเป็นพีระที่ต้องหาข้ออ้างมาอธิบาย กลับกลายเป็นเหล่าญาติๆ ที่โน้มน้าวเขาให้ไปเที่ยวตามแผนเดิม เพื่อเป็นการทำตามความปรารถนาสุดท้ายของนลิน
“คุณไปเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ พวกเราจัดการกันเอง”
“นั่นสิ ไปเที่ยวกับนลินเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ”
รูปถ่ายขาวดำถูกยัดใส่มือของชายหนุ่ม พีระเผยสีหน้ารังเกียจขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่แล้วก็กลบเกลื่อนไปได้อย่างง่ายดายด้วยการหลุบตาลงคล้ายจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ
“ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ”
✤
พีระออกเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือโดยไม่มีใครคิดห้าม ตั๋วเครื่องบินที่จองไว้สองที่นั่งควรมีผู้โดยสารเพียงคนเดียวคือเขา แต่กลับยังคงมีสองคนที่นั่งบนเครื่องบินคู่กัน ดั่งเป็นการเดินทางของคู่รักตามปกติ
ดวงวิญญาณของนลินนิ่งค้างหลังจากเห็นใบหน้าของมีนา เลขาสาวของสามี ที่กำลังนั่งตรงที่ที่เป็นของเธออย่างหน้าไม่อาย
“ในที่สุดก็ได้ใช้ชีวิตที่ควรเป็นของฉันสักที”
น้ำเสียงสุดไร้ยางอายทำเอาความโกรธเกรี้ยวของนลินพุ่งปรี๊ด อยากจะฉีกปากของอีกฝ่ายออกมาตรงนั้น
แต่คนที่นลินโกรธยิ่งกว่าคือตัวเธอเองที่ไม่เคยสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยสักนิด กลับคิดว่ามีนาเป็นเลขาที่ดี คอยช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้สามีของเธอได้ดีมาก
ผลของความไว้ใจนั้นคือการที่เธอได้แต่ยืนมองหญิงสาวอีกคนกอดกันนัวอยู่กับอดีตสามีของเธอ โดยที่เธอทำอะไรไม่ได้เลย
“สุขสันต์วันครบรอบนะครับที่รัก”
วาจาประโยคเดิม จากผู้ชายคนเดิม แต่ครั้งนี้ถูกเอ่ยกับผู้หญิงที่ไม่ใช่คนเดิม
“ค่ะ” มีนายิ้มหวานตอบกลับ “ครบรอบห้าปีของเราพอดีเลย”
อา...
ประโยคนั้นทำให้นลินตัวชาตั้งแต่หัวจรดเท้า หากวิญญาณจะยังมีความรู้สึกอยู่
วันครบรอบการแต่งงานหกเดือนของเธอ เป็นวันเดียวกับวันครบรอบห้าปีของพวกเขา
หญิงสาวนึกย้อนไปถึงตอนที่พีระยืนกรานเรื่องการกำหนดวันแต่งงาน เขาบอกว่าเขาตรวจสอบเรื่องฤกษ์ยามมาเรียบร้อยแล้ว
ที่แท้... ทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างแยบยลทั้งหมด
ตั๋วเครื่องบินเฟิร์สคลาสที่เธอจ่ายเงิน ห้องพักหรูหราที่เธอจอง ทริปที่เธอวางแผน
ทุกสิ่งทุกอย่างคือการปูเตรียมไว้สำหรับการฉลองส่วนตัวของเขาและคนรักของเขาก็เท่านั้นเอง
และเธอ ก็เป็นแค่ผู้หญิงโชคร้ายที่ก้าวเข้าสู่กับดักทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง
ลินดากวาดสายตามองไฟล์แนบนับสิบที่ถูกส่งเข้ามาในอีเมล เธอกดดาวน์โหลดข้อมูล ภาพเอกสารดิจิทัลก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละหน้า ทั้งรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับทรัพย์สิน การถือครองหุ้น และเครือข่ายธุรกิจของพีระพร้อมกับคำอธิบายของมีนาที่ดังขึ้น“นี่คือทั้งหมดที่ฉันเคยมีสิทธิ์เข้าถึงตอนที่ยังอยู่ในบริษัทค่ะ” หญิงสาวว่า ขณะรอให้ลินดาอ่านข้อมูลจนครบ“พีระเป็นคนที่วางแผนเก่งก็จริง แต่เขาชะล่าใจ เพราะไม่เคยคิดว่าฉันจะกล้าเล่นงานเขา”เสียงหัวเราะเยียบเย็นดังลอดออกมาจากในสาย ลินดาทำท่าพยักหน้ารับแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น การแสดงออกของเธอแนบเนียนเสมอ ภาษากายย่อมต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับคำพูด มิเช่นนั้นหากหลอกตัวเองไม่ได้ แล้วจะหลอกฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม หญิงสาวรู้อยู่แล้วว่าเนื้อหาเหล่านี้ไม่มีอะไรใหม่สำหรับเธอเลย ลินดามีข้อมูลทั้งหมดนี้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังมีละเอียดกว่าที่มีนาส่งมาให้เสียอีกสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ข้อมูลพวกนี้ แต่เป็นการที่มีนาเชื่อว่าเธอคือพันธมิตรต่างหากลินดาไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าข้อมูลในเอกสารผ่านการแก้ไขอย่างเร่งรีบในบางจุด ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะมีนาย่อมต้องตั
ลินดาถอนหายใจด้วยสีหน้าหนักอึ้งหลังจากเข้าบริษัทในวันถัดมา สีหน้าของเธอที่ดูไม่สดใสเหมือนทุกทีทำให้เพื่อนร่วมงานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทัก หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มบางๆ เป็นเชิงว่าตนไม่เป็นอะไร ขณะในใจยังหวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับมีนาเมื่อคืนที่ผ่านมา----“ฉันควรทำยังไงบ้างคะ”ในตอนนั้นเป็นลินดาที่เอ่ยขึ้นมาก่อน หลังจากมื้ออาหารอันน่าอึดอัดจบลง มีนาเพียงยิ้มบาง“ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ”น้ำเสียงของเธอฟังดูเต็มไปด้วยปริศนา รอยยิ้มบนใบหน้าแสดงชัดถึงความพึงพอใจ“คุณแค่ทำตัวให้เหมือนเดิม เล่นตามน้ำไปเรื่อยๆ ให้พีระเชื่อใจคุณต่อไปเท่านั้นเอง”----และนั่นก็นำมาสู่ความอึมครึมของเธอในวันนี้ลินดาถอนหายใจเล็กน้อย ทุกอย่างช่างดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบตามที่เธอต้องการ แต่เพราะเป็นเช่นนั้น เธอก็ยิ่งต้องแสดงให้แนบเนียนยิ่งกว่าเดิมหญิงสาวรู้ดีว่าต่อให้มีนาลาออกไปแล้ว แต่พนักงานบางส่วนก็ยังเป็นคนของอีกฝ่าย ดังนั้นสีหน้าและการกระทำทุกอย่างของเธอในวันนี้จะต้องล่วงรู้ไปถึงหูของมีนาแน่นอนหญิงสาวแสดงอาการใจลอยเล็กน้อยขณะนำกาแฟไปให้พีระตามปกติ แต่หากคนที่สังเกตให้ดีจะพบว่าเธอดูหม่นหมองกว่าทุกวันทั้งยังเกือบทำงานผิดพลาดข
เห็นสีหน้าสับสนของคนตรงหน้า มีนาก็รู้ว่าแผนของเธอบรรลุจุดประสงค์แล้ว เธอยกยิ้ม เอ่ยเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนเมื่อเห็นว่าพนักงานเสริฟถือจานอาหารมาพอดี“อาหารมาแล้ว ทานกันก่อนเถอะค่ะ”พนักงานเสริฟนำจานอาหารมาวางบนโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นหอมของอาหารทะเลลอยอบอวลไปทั่วโต๊ะ แต่ความอึดอัดที่แผ่คลุมระหว่างผู้หญิงสองคนกลับไม่จางหายไปแม้แต่น้อยมีนาใช้ส้อมจิ้มเนื้อปลาเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองลินดาอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอแฝงไว้ด้วยความพอใจ “คุณลินดาคะ ฉันดีใจนะที่เราเข้าใจกันได้แบบนี้”เธอว่าพลางถอนหายใจ“โลกมันไม่ใจดีกับผู้หญิงอย่างเราเสมอไปหรอก โดยเฉพาะเวลาที่เราพยายามจะรักใครสักคนด้วยความจริงใจ”คำพูดนั้นแฝงไปด้วยอารมณ์สะท้อนอดีต ทว่ากลับถูกใช้เป็นเครื่องมือกดดันอย่างแนบเนียน ลินดาวางช้อนลงเบาๆ ก่อนยิ้มบางเจือความเศร้า“บางที... ความจริงใจก็อาจไม่มีความหมายเลย ถ้ามันไปตกอยู่ในมือของคนที่ไม่เห็นค่า”“ถูกต้องเลยค่ะ” มีนาพยักหน้าลินดาทำทีเหมือนยอมรับ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบช้าๆ กลบรอยยิ้มบางที่แทบมองไม่เห็นบนริมฝีปากในใจของเธอกลับกำลังสังเกตุทุกสีหน้า และน้ำเสียงของฝ่ายตรงข้ามไว้ผู้หญิงตรงหน้านั้
“ฉันเป็นคนรักของพีระค่ะ เราคบกันมาหลายปีแล้ว”ประโยคนั้นทำให้บรรยากาศคล้ายถูกแช่แข็งในพริบตา ลินดานิ่งงัน เธอเบิกตาเล็กน้อย แสดงสีหน้าตกใจปนสับสนอย่างแนบเนียนที่สุดหญิงสาวกะพริบตาถี่ราวกับพยายามประมวลผลคำพูดเมื่อครู่ ดวงหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากที่เคยยิ้มแย้มกลับเม้มแน่นจนแทบขาวซีด ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงค่อยเค้นคำพูดแผ่วเบาออกมา“…อะไรนะคะ”มีนาไม่ตอบทันที เธอแค่ยิ้มบางๆ แล้วหลุบตาลงมองอาหารที่เพิ่งถูกยกมาเสิร์ฟ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ชวนคุณมาทำให้ลำบากใจหรอกนะ” เสียงของเธอสั่นน้อย ๆ “แค่อยากบอกความจริงไว้... เท่านั้นเองค่ะ”ลินดายังคงทำหน้าตกตะลึง ดวงตาไหววูบอย่างสมจริง ขณะเอ่ยตะกุกตะกัก“...ฉันไม่รู้เลยค่ะ ฉันขอโทษ...” เสียงของเธอขาดช่วง คล้ายคนสติหลุดไปชั่วขณะ “ถ้ารู้ ฉันไม่มีทาง...”“ไม่เป็นไรค่ะ” มีนาขัดขึ้นทันทีด้วยเสียงนุ่ม “ฉันไม่ได้โทษคุณ”น้ำเสียงนั้นให้ความรู้สึกปลอบประโลมมากพอให้ใจคนฟังสงบ ลินดาหลุบตาลงดั่งคนที่รู้สึกผิด เธอไม่พูดอะไรต่อสักคำ ท่าทางเหมือนหญิงสาวที่พึ่งถูกตบหน้าด้วยความจริงที่ไม่น่าคาดคิดในขณะที่มีนากำลังเล่นบทภรรยาหลวงที่ถูกทรยศ ลินดาก็กำลังวิเคราะห์ท
มีนาเอียงแก้วกาแฟในมือเบาๆ พลางจ้องฟองน้ำแข็งที่ลอยวนช้าๆ แววตาเธออ่อนลงเพียงเล็กน้อย ราวกับพึงพอใจกับแรงกดดันที่ตนสร้างขึ้นอย่างแยบยลลินดาเพียงมองหญิงสาวตรงหน้าเงียบๆ ราวกับไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร เธอทำท่าเหมือนจะตอบคำถาม แต่ก็คล้ายรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ จนไม่รู้จะตอบย่างไรเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่มีนาจะยิ้มบาง เปลี่ยนน้ำเสียงให้สดใสขึ้นอย่างแนบเนียน“งั้นคุณลินดาดื่มแก้วนี้แทนนะคะ ฉันดันแย่งแก้วของคุณไปแล้ว”เธอว่ากลั้วหัวเราะ ก่อนจะเลื่อนแก้วสตอรเบอร์รี่ปั่นให้อีกฝ่ายแทนลินดาเอ่ยของคุณแล้วรับมาช้าๆ ใช้หลอดคนเกล็ดน้ำแข็งในแก้วที่เริ่มละลาย แล้วค่อยๆ ดื่มลงไป“จะว่าไป คุณลินดานี่เก่งนะคะ ดื่มอเมริกาโน่ได้ด้วย ฉันน่ะไม่ถูกกับกาแฟเลยค่ะ มันขมจะตาย” มีนายังคงเอ่ยชวนคุยเจื้อยแจ้ว ขณะวางแก้วอเมริกาโน่ไว้อีกทางโดยไม่แตะมันอีก“ฉันก็เพิ่งรู้นะคะ ว่าคุณพีระจะชอบอเมริกาโน่ใส่ไซรัปครึ่งปั๊มเหมือนกัน”น้ำเสียงนั้นฟังดูมีอะไรบางอย่าง ทว่าลินดาแสร้งทำเป็นไม่สังเกต เอ่ยตอบกลับอย่างพาซื่อ“นั่นสินะคะ ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ”ท่าทางเหมือนคนไม่รู้อะไรสักอย่างของลินดาทำเอามีนาต้องลอบ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น เสียงเคาะแป้นพิมพ์ในห้องทำงานเงียบลงทีละเครื่อง แสงแดดยามเย็นลอดผ่านกระจกสูงบานใหญ่ สาดเป็นเงาทอดยาวเข้ามาในห้องออฟฟิศพนักงานบางส่วนเริ่มทยอยเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ลินดายังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอเหมือนคนกำลังยุ่งกับการตรวจสอบประวัติผู้สมัครงานใหม่ แต่ในใจนั้นกลับกำลังนับเวลาอยู่เงียบๆเพียงไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นหน้าจอแสดงชื่อที่เธอคุ้นเคยมีนาริมฝีปากของลินดายกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยนิดจนแทบออกไม่ออก ก่อนจะคลี่ออกอย่างเป็นธรรมชาติทันทีที่เธอกดรับสาย“สวัสดีค่ะคุณมีนา” น้ำเสียงของเธอคล้ายเต็มไปด้วยความแปลกใจ แฝงความระมัดระวังเล็กน้อย ทว่าปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกที“ยังไม่เลิกงานเหรอคะ”น้ำเสียงนั้นฟังดูอ่อนโยนจนชวนให้รู้สึกแปลก ลินดาหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบด้วยเสียงนุ่มนวลเป็นมารยาท ยังคงไม่พูดอะไรมากเกินไปเพื่อรอให้อีกฝ่ายเอ่ยจุดประสงค์ออกมาก่อน“กำลังจะกลับพอดีค่ะ”“ดีเลยค่ะ” มีนาพูดต่อด้วยจังหวะเนิบช้า เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงบางอย่างที่อ่านไม่ขาด“เย็นนี้ว่างไหมคะ พอดีฉัน... อยากชวนคุณไปกินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ”