หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถัน
แชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้าง
ชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้าม
มีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก
“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”
“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”
“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ
“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”
เสียงแก้วไวน์ชนกันเบาๆ ดังขึ้น มีนาส่ายศีรษะ แสร้งทำทีทอดถอนใจ
“ดีจังเลยนะ... ความรักนี่มันทำให้คนตาบอดจริงๆ”
พีระยิ้มรับราวกับภาคภูมิใจนักหนา เขาหยิบซองเอกสารออกมาวางบนโต๊ะอย่างเยือกเย็น นิ้วมือเคาะลงบนนั้นสองสามครั้ง สร้างจังหวะให้คู่สนทนาตื่นเต้นตาม
ในซองนั้น คือเอกสารการโอนทรัพย์สินทั้งหมดของนลิน
ทั้งคฤหาสน์ บ้านพักตากอากาศ บัญชีเงินฝาก หุ้นในบริษัท รวมถึงที่ดินอีกหลายแปลงที่พ่อเธอเคยซื้อไว้ให้
และไม่ใช่เพียงเท่านั้น
ด้วยความรู้สึกผิดที่เจ้าสัวประเสริฐมีต่อลูกสาว เขาทำได้เพียงชดเชยมันให้กับลูกเขยของตนแทน
มันเป็นเพราะความเชื่อใจ และเป็นการตอบแทนความรักที่อีกฝ่ายมีให้แก่ลูกสาวของเขา
พีระกลายเป็นรองประธานบริษัทในพริบตา มีสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่างเทียบเท่ากับนลินในสมัยที่เธอยังอยู่
รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นช้าๆ ในขณะที่พีระเปิดอ่านเอกสารหน้าแล้วหน้าเล่าอย่างใจเย็น เขาไม่ได้ยิ้มเพราะดีใจ แต่เป็นเพราะรู้ว่าเกมนี้... เขาชนะตั้งแต่ก่อนจะเริ่ม
เสียงแก้วไวน์ชนกันดังขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ช่างดูรื่นเริง
การฉลองในคำคืนนี้เป็นการฉลองให้แก่ตำแหน่งใหม่ของเขา ฉลองให้แก่แผนการที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิด ไม่มีกระทั่งเศษเสี้ยวของความเสียใจ ในดวงตาคู่สวยที่นลินเคยหลงรัก มีเพียงความพึงพอใจที่สามารถคว้าทุกสิ่งทุกอย่างมาไว้ในกำมือ
ชื่อเสียง บริษัท เงินทอง ทั้งยังได้ตัดขาดจากผู้หญิงน่ารำคาญที่เขาไม่เคยรัก จะมีอะไรในโลกดีไปกว่านี้ได้อีก
“อีกไม่นาน บริษัทนี้ก็จะกลายเป็นของคุณแล้วค่ะ”
✤
และในมุมหนึ่งของโต๊ะอาหารนั้น เงาของนลินยืนมองสองคนตรงหน้าด้วยดวงตาแน่นิ่ง
เธอไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว ไม่มีคำถาม ไม่มีคำขอความรัก มีเพียงความเงียบ... ที่หนักแน่นกว่าเดิม
เธอเห็นภาพทุกอย่าง เห็นรอยยิ้มที่พีระไม่เคยให้เธอ เห็นคำพูดที่เขาเคยหลอกใช้ในตอนจีบมาใช้ซ้ำอีกครั้งกับมีนา แม้แต่คำว่า “ผมโชคดีที่มีคุณ” ก็ยังเหมือนเดิม
ไม่สิ ต้องบอกว่าสิ่งที่เขาปฏิบัติกับเธอ คือสิ่งเดียวกับที่เขาปฎิบัติต่อมีนานไม่ผิดเพี้ยน
ความรักที่พีระมอบให้นลินนั้นเป็นของจริงแท้แน่นอน แต่นั่นไม่ได้มีไว้เพื่อเธอ มันเป็นความรักที่เขามอบให้กับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังแผนการต่างหาก
ความอ่อนโยนทั้งหมดเหล่านั้น... คือสิ่งที่เขามอบให้มีนานผ่านเธอก็เท่านั้น
ความจริงที่ได้รู้มันน่าเจ็บแค้นจนนลินเผลอกำมือแน่น แน่นเสียจนหากวิญญาณยังมีเลือดเนื้อ เล็บคมของหญิงสาวคงได้จิกเนื้อตัวเองจนเลือดอาบ
มองหญิงชั่วชายเลวที่ดื่มฉลองกันอย่างมีความสุข ดวงตาของนลินแดงก่ำด้วยความคั่งแค้น
เธอจะต้องแก้แค้นให้ได้
ต่อให้เธอตายไปแล้ว ก็อย่าหวังว่าคนพวกนี้จะได้สมบัติของเธอไปแม้แต่แดงเดียว
✤
ดึกสงัดคืนนั้น สายลมหยุดเคลื่อนไหว บรรยากาศวังเวงกว่าทุกทีจนน่าขนลุก
แรงอาฆาตแค้นของนลินสูงพอที่จะปลุกบางสิ่งที่ไม่สมควรปลุกให้ตื่นขึ้นมา
ติ๊ก... ต๊อก… ติ๊ก... ต๊อก...
เสียงนาฬิกาโบราณดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด ในบ้านพ่อของเธอ เข็มของนาฬิกาที่ควรจะตายไปนานแล้วขยับช้าๆ ในความเงียบงัน ดังสะท้อนก้องอยู่ภายในห้อง
เข็มยาวเริ่มเคลื่อนไปช้าๆ จนตรงกับเลขสิบสอง เสียงตีของนาฬิกาดังกังวาน ทิ้งหางเสียงสะท้อนยาวน่าขนลุกเหมือนดั่งระฆังในโบสถ์ร้าง
และวิญญาณของนลิน ก็หายวับไปกับสายลมเย็นยามค่ำคืน
“สวัสดีค่ะท่านรอง”เช้าวันใหม่ของลินดาเริ่มต้นด้วยเสียงทักทายของพนักงานสาวในบริษัท ที่ทำเอาเธอถึงกับยิ้มแห้ง“โถ่ อย่าล้อฉันสิคะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงอ่อย สีหน้าเต็มไปด้วยความเขินอายอย่างที่ไม่ต้องแสร้งทำเลยสักนิด ท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใสของเพื่อนร่วมงานที่ยามนี้กลายมาเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเธอเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ลินดาเข้ามาดำรงตำแหน่งรองประธานให้กับจิราธิวัฒน์กรุ๊ปใช่แล้ว... จิราธิวัฒน์กรุ๊ปหลังจากที่เธอทบทวนความรู้สึกของตนเอง ในที่สุดหญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าที่แท้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนลินหรือลินดา พวกเธอล้วนเป็นคนคนเดียวกันไปแล้ว และอาจจะเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรกหญิงสาวจึงตัดสินใจทำตามหัวใจตัวเองอีกสักครั้ง ด้วยการตอบรับคำขอของประเสริฐ จิราธิวัฒน์ ผู้เป็นทั้งประธานบริษัท และเป็นบิดาของนลิน... บิดาของเธอ“บริษัทนี้มีที่ว่างให้เธอเสมอนะลินดา”นั่นคือคำพูดที่เขากล่าวกับเธอในวันที่เธอยื่นใบลาออก ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็ไม่คิดสักนิดว่าที่ว่างนั่น... จะหมายถึงตำแหน่งรองประธานบริษัทเช่นนี้คิดแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ในใจทั้งรู้สึกซาบซึ้งปนกับความจนใจซาบซึ้งที่ท้ายที่สุดแล้ว
ลินดาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา รอยยิ้มที่ทั้งเศร้าและอ่อนโยนจนทำให้หัวใจของกฤษณ์สั่นไหว“คุณพูดถูกค่ะ…” เธอเอ่ยเสียงเบา สายตาเลื่อนลอยราวกับทอดมองผ่านกาลเวลาไปไกลแสนไกล“ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นนลินคนนั้นจริงๆ”กฤษณ์เบิกตากว้างเล็กน้อย ราวกับถูกแรงกระแทกบางอย่างซัดเข้ามาเต็มอกถ้อยคำที่ลินดายอมรับออกมาตรงๆ ว่าเธอเคยเป็นนลินจริงๆ นั้น ทำให้เขานิ่งค้างไปชั่วขณะ หัวใจที่เมื่อครู่ยังเต้นแรงด้วยความมั่นใจกลับพลันปั่นป่วนทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเชื่ออย่างแน่วแน่ ยิ่งมองก็ยิ่งมั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้าคือคนเดียวกับคนที่เขารัก แต่พอได้ยินคำยอมรับออกมาง่ายๆ แบบนั้น ความรู้สึกกลับกลายเป็นความไม่อยากเชื่ออย่างประหลาดมันยิ่งตอกย้ำว่า แท้จริงแล้ว ตัวเขาเองก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้คนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง จะกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างไรริมฝีปากของเขาขยับ แต่ไม่มีถ้อยคำใดเล็ดลอดออกมา ความตกใจผสมความไม่เชื่อถาโถมเข้าใส่ จนทำให้หัวใจของกฤษณ์หวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนภาพความทรงจำวัยเด็กซ้อนทับกับใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มบางของลินดา มันเหมือนจริงเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เสียงทุ้มที่เอ่ยชวนนั้นเรียบง่าย แต่หนักแน่นพอจะทำให้หัวใจที่กำลังสั่นไหวของหญิงสาวสงบลงลินดานิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาฉายความลังเลวูบหนึ่ง แต่เมื่อสบตากับเขา ความอุ่นที่ส่งมาจากแววตานั้นกลับทำให้หัวใจที่บอบช้ำเหมือนได้ที่พึ่งพิงในวินาทีนั้นเองหญิงสาวพยักหน้าช้าๆ ลุกขึ้นหยิบกล่องของใช้ กฤษณ์รีบลงจากรถเข้ามาช่วย รับกล่องใบนั้นมาไว้ในอ้อมแขนแทน จากนั้นก็เปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปอย่างสุภาพ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติราวกับเป็นเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วเสียงเครื่องยนต์ดังแผ่วเบา รถแล่นไปบนถนนสายยาวอย่างช้าๆ กฤษณ์เหลือบมองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ ราวกับสายตาถูกดึงดูดโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทุกท่วงท่าของเธอช่างคุ้นตาเหลือเกิน... คุ้นจนหัวใจสั่นไหวอย่างประหลาดตั้งแต่วันที่เขาเริ่มได้ร่วมมือกับลินดา ความสงสัยนี้ก็ผุดขึ้นในใจโดยที่เขาเองไม่ทันรู้ตัวตอนแรกมันเป็นเพียงความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ทั้งท่าทางเธอเวลานิ่งคิดอะไรสักอย่าง รอยยิ้มจากใจจริงที่ซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มบางที่ประดับบนริมฝีปากของเธอเสมอ หรือแม้กระทั่งน้ำเสียงที่แฝงความหนักแน่น แต่กลับมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ยิ่งใก
“นี่คือจดหมายลาออกของฉันค่ะ”สิ้นประโยคนั้น ทั่วทั้งห้องก็เงียบงันไปถนัดตาน้ำเสียงของลินดาเรียบง่าย ไม่มีแววความลังเลแม้แต่น้อย ราวกับหญิงสาวได้ตัดสินใจมาแล้วนับร้อยนับพันครั้งบรรยากาศในห้องเงียบกริบ เสียงเข็มนาฬิกาเดินดังก้องสะท้อนอย่างชัดเจน ประธานบริษัทเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น“ลาออก? ทำไมกัน คุณมีอนาคตที่สดใสในบริษัทนี้นะ”“ที่นี่มอบความทรงจำที่ล้ำค่าให้ฉันมากเกินไปค่ะ” ลินดาตอบกลับด้วยยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่แฝงทั้งความเหนื่อยล้าและความโล่งใจ เธอเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง หายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยต่อเสียงเบา“ฉันไม่เคยต้องการตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ใดๆ ค่ะ อันที่จริงฉันตั้งใจจะลาออกนานแล้ว สาเหตุที่ยังอยู่แค่เพื่อต้องการจะเปิดเผยเบื้องหลังของพีระเท่านั้นเองค่ะ ขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวังนะคะท่านประธาน”คำพูดนั้นเหมือนสายลมพัดผ่านห้อง เงียบสงัดจนทุกประโยคดังก้องชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาของลินดาหลุบต่ำ ราวกับไม่อยากให้ใครเห็นความรู้สึกซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังพูดให้ถูกคือเธอไม่คิดจะกลับมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ ความทรงจำของเธอกับบริษัทแห่งนี้มีมากเกินไป แต่หากไม่กลับมา แล้วปล่อยให้บร
หลังจากคดีที่สั่นสะเทือนวงการธุรกิจและการเมืองสิ้นสุดลง มีนากับผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังเธอถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ลินดาวางหมากไว้แทบทุกกระเบียดนิ้วเธอไม่ได้ใช้วิธีอื่นหรือกลอุบายรุนแรงใดๆ ที่เกินเลยกว่ากฎหมาย หญิงสาวเพียงรวบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานอย่างรอบคอบ แล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสเมื่อศาลตัดสิน มีนาถูกลงโทษตามความผิดของตน และนักการเมืองผู้คอยหนุนหลังก็ติดร่างแหเพราะมีหลักฐานโยงชัด ลินดาไม่ได้รู้สึกสะใจหรือย่ำยีอีกฝ่าย เธอแค่พอใจที่ความจริงถูกเปิดเผยและความยุติธรรมได้ทำหน้าที่ของมันทว่าบรรยากาศในห้องทำงานของประธานบริษัทกลับเงียบกว่าทุกครั้งท่านประธานนั่งนิ่งอยู่หลังโต๊ะไม้สักสีเข้ม ดวงตาคมลึกจับจ้องเธอด้วยแววที่ผสมระหว่างความสงสัยและความปวดร้าวที่ยังคงอยู่ในใจ“ลินดา…” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยเรียบ แต่แฝงความหนักแน่น “ทำไมเธอถึงไม่พูดความจริงเรื่องนลินออกมา”คำถามนั้นทั้งตรงไปตรงมาและหนักอึ้ง เป็นคำถามที่เธอรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องถามในฐานะพ่อคนหนึ่ง เจ้าสัวประเสริฐย่อมปรารถนาจะทวงความยุติธร
มีนาเก็บข้าวของย้ายออกจากเพนท์เฮาส์ของกฤษณ์ในคืนนั้นเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงย้ายไปอยู่กับชายเจ้าของสายโทรศัพท์คนนั้นลินดารับรู้การเคลื่อนไหวของเธอทุกอย่างผ่านทางกฤษณ์ หญิงสาวเพียงแสยะยิ้มเย็นอย่างคนที่คาดไว้แล้วเธอรู้ดีว่ามีนาจะต้องดึงผู้มีอำนาจสักคนเข้ามาเป็นเกราะกำบัง ถึงอย่างไรหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆส่วนสาเหตุที่นักการเมืองคนนั้นช่วยมีนาน่ะหรือ อาจเป็นความสิเน่หาจากใจจริง หรืออาจเป็นเพราะมีนากุมความลับของนักการเมืองคนนั้นอยู่ก็เป็นได้แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ไม่มีใครหน้าไหนสามารถช่วยอีกฝ่ายได้หรอก✤หลายเดือนต่อมา เกมที่ลินดาวางไว้ก็ถึงบทสรุปข่าวการตรวจสอบคดีทุจริตที่เชื่อมโยงถึงนักการเมืองใหญ่ชื่อดังแผ่กระจายไปทั่วสื่อราวกับไฟลามทุ่งไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนปล่อยเอกสารลับออกมา แต่ทุกหลักฐานกลับมุ่งตรงไปยังทุกคนที่เคยมีส่วนร่วมกับมีนาราวกับจงใจนักการเมืองใหญ่ผู้เคยถือเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอถูกลากชื่อเข้าไปพัวพันในคดีอื้อฉาวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง และเมื่อเขาเริ่มถูกสอบสวน ลำดับต่อมาที่ถูกจับจ้องก็คือหญิงสาวที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดอย่างมีนา