ประตูลิฟต์ปิดลงสนิท มองไม่เห็นใบหน้าของคนข้างใน ในที่สุด “มหากาพย์รักสามเส้า” ในวันนี้ก็จบลงแล้วโจวจิ่งอันมองไปยังพนักงานบริษัทของตัวเองที่อยู่รอบๆ ทุกคนต่างก็หันหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้เห็นอะไร“เรื่องในวันนี้ห้ามเอาไปพูดต่อ และห้ามเอาไปพูดลับหลังเด็ดขาด” โจวจิ่งอันสั่ง ทุกคนพยักหน้า แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำตัวไม่ดีหน้าเจ้านายอยู่แล้ว“ทุกคนอย่าเข้าใจผิดนะ ฟู่อี้ชวนสมองมีปัญหา คำพูดทั้งหมดเมื่อครู่นั่นเป็นเรื่องโกหก” ซูมั่วก็พูด เพื่อชี้แจงให้ชัดเจนยั่วอะไรกัน นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ ปากของฟู่อี้ชวนเหม็นยิ่งกว่าก้อนหินในบ่อขี้ซะอีก ถ้าไม่ใช่เพราะประตูลิฟต์ปิดเร็ว เธอคงจะปากระเป๋าเข้าไปแล้วทุกคนมองเธอ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง ถึงแม้ในสายตาจะยังแฝงความไม่ค่อยเชื่อก็ตามโจวจิ่งอันดึงแขนซูมั่วไปที่ลิฟต์พิเศษด้านข้าง แล้วพูดเสียงเบาอย่างเป็นห่วงว่า“ฟู่อี้ชวนไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม? ต้องโทษฉันนะ ประชุมมาเกือบครึ่งบ่ายแต่ลืมบอกเธอว่าเขามา”“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ซูมั่วกล่าว“ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ที่ดึงรุ่นพี่เข้ามาเกี่ยวด้วยอีกแล้ว” เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด “ไม่เป็นไร ถ้าทำให้เขาต
ได้ยินคำว่ารูปภาพที่เย่ซินหย่าส่งมา ฟู่อี้ชวนก็ถึงกับชะงักอยู่กับที่นี่เป็นเรื่องตั้งแต่ตอนไหนกัน? ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย?เย่ซินหย่าส่งรูปภาพมาให้ซูมั่วทำไม? เธอจงใจทำแบบนี้? เพื่อจะเปิดเผยเรื่องระหว่างพวกเขาสองคนงั้นเหรอ?นึกย้อนกลับไป เวลาของเหตุการณ์นั้นระบุได้ไม่ยาก เพราะโดยรวมแล้วเขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเย่ซินหย่าบ่อยนักถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็น่าจะเป็นช่วงที่ซูมั่วอยู่โรงพยาบาล...แสดงว่า ตอนนั้นเย่ซินหย่าก็เริ่ม ‘ท้าทาย’ ซูมั่วแล้วงั้นเหรอ?ไม่น่าตอนที่เขาไปโรงพยาบาล ทั้งที่คอเสื้อก็สูงมาก แต่ซูมั่วก็ยังรู้ว่าตรงนั้นมีรอยจูบ“รูปอยู่ที่ไหน?” ฟู่อี้ชวนแทบจะกัดฟันพูด ออกแรงจะคว้าแขนของซูมั่วซูมั่วเลี่ยงตัวหนี พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพูดว่า“รูปภาพจะเป็นหลักฐานตอนขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ ถ้านายอยากดู ก็รอดูวันนั้นได้เต็มที่”“แต่ฉันก็ไม่รังเกียจถ้านายอยากดูตอนนี้ ต่อหน้าพนักงานบริษัทของนายกับพนักงานของติ่งเซิ่งนะ”ฟู่อี้ชวนจ้องมองหญิงสาวอย่างไม่วางตา ซูมั่วพูดด้วยความมั่นใจแบบนี้ คิดว่าเรื่องรูปน่าจะเป็นเรื่องจริงถ้าจะขอดูตอนนี้? เขาไม่มีหน้ามาขอดูหรอก เพราะเขาเสียหน้าขนาดนั้นไม่ไหว
“แม่งเอ้ยฉันยังไม่ได้ทำอะไรโจวจิ่งอันเลย เธอก็ปกป้องมันขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่เคยเธอปกป้องฉันบ้าง?”“ซูมั่ว เธอลำเอียงมากจริงๆ แต่ก็เข้าใจได้ เธอไม่เคยรักใครนอกจากโจวจิ่งอัน”ฟู่อี้ชวนพูดจบพร้อมกับแววตาที่ดูเจ็บปวด ความทรมานที่เขากำลังอดกั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกสงสารอย่างจับใจ ประธานฟู่รักภรรยาอย่างสุดหัวใจจริงๆ!ซูมั่วไม่แสดงอารมณ์ใดๆ สำหรับการแสดงของคนคนนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียวพอฟู่อี้ชวนปล่อยมือ ซูมั่วก็เดินเข้าไปพยุงรุ่นพี่ไว้ท่าทีนั้นยิ่งทำให้ฟู่อี้ชวนโมโหมากขึ้น กำหมัดแน่น และด้วยท่าทีที่แสดงออกอย่างชัดเจน ทำให้พนักงานทั้งสองฝั่งตีความไปในทางเดียวกันว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องอยู่ตรงนี้แล้ว ซูมั่วยังไม่ปฏิเสธ แสดงว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความจริง“ประธานฟู่ คุณบอกว่าจะไม่ทำอะไร แค่มาคุยเรื่องความร่วมมือไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กลับกลืนน้ำลายตัวเองหรือไง?” โจวจิ่งอันยืนนิ่ง จ้องมองชายคนนั้นแล้วพูด“ผมทำอะไรอย่างอื่นแล้วหรือไง? ตาข้างไหนของคุณเห็นงั้นเหรอ?” ฟู่อี้ชวนย้อนถามด้วยความโกรธ“ก็ที่คุณจับซูมั่วไม่ยอมปล่อยไง” โจวจิ่งอันตอบ“แล้วผมบังคับพาตัวเธอไปหรือว่าลงม
“อยากปฏิเสธขนาดนี้เลยเหรอ ทำไม กลัวว่าโจวจิ่งอันนั่นได้ยินแล้วไม่พอใจหรือไง?”“บอกไว้เลยซูมั่ว ในทะเบียนสมรสมีตัวอักษรหมึกดำบนกระดาษขาวเขียนไว้ชัดเจน เธอคิดว่าเธอปฏิเสธแล้วจะสามารถลบความสัมพันธ์ระหว่างเราทิ้งได้งั้นเหรอ?!”ซูมั่วได้ยินดังนั้น ก็แทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่เขาลากรุ่นพี่เข้ามาเกี่ยวด้วย ความโกรธพุ่งขึ้นทันทีจนแก้มเธอเริ่มร้อนผ่าวด้านข้าง พนักงานของฟู่ซื่อกรุ๊ปต่างก็เหมือนถูกฟ้าผ่าจนด้านนอกไหม้เกรียม ข่าวซุบซิบวันนี้มันเรื่องใหญ่มากจริงๆ จนพวกเขาไม่รู้ว่าจะโฟกัสตรงไหนก่อนดี ประธานฟู่กับคุณนายจะหย่ากัน? แล้วยังเป็นพรุ่งนี้เหรอ?คุณนายไม่ยอมรับว่าประธานฟู่เป็นสามี? แล้วแอบคบชู้? และยังเป็นถึงเจ้าของบริษัทติ่งเซิ่ง?พูดถึงประธานโจวนั่นก็ทั้งหนุ่มและรูปหล่อ ก่อตั้งบริษัทใหม่ก็ทำได้ไม่เลว คุณนายเลยแอบชอบเขางั้นเหรอ?พอได้ยินชื่อเจ้านายของตัวเอง พนักงานฝั่งติ่งเซิ่งก็ตื่นตัวกันทันที สีหน้าต่างเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อไม่น่าถึงรู้สึกว่าชื่อ ‘ซูมั่ว’ มันฟังดูคุ้นหู ที่แท้เป็นคนคนนั้นที่มีข่าวลือกับเจ้านายเมื่อนานมานี้?แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าซูมั่วยังมีอีกสถา
ในฐานะคนในวงการพวกเขาย่อมรู้จักกันอยู่แล้ว และตอนนี้ ถึงแม้ประธานฟู่จะไม่เอ่ยพูดอะไร แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวอย่างไม่วางตาดังนั้น…ภรรยาประธานฟู่ก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้? แล้วยังเป็นพนักงานของบริษัทพวกเขาด้วย??พอทุกคนตั้งสติได้ เหล่าพนักงานของติ่งเซิ่งที่อยู่ในที่นั้นต่างก็พากันตกตะลึงซูมั่วเข้ามาทำงานช้า แถมยังอยู่คนละแผนก ทำให้หลายคนไม่รู้จักเธอ แต่ก็ไม่อาจห้ามสายตาอยากรู้อยากเห็นและความตกตะลึงให้จับจ้องไปที่ตัวหลักทั้งสองคนนี่มันข่าวใหญ่สะเทือนวงการชัดๆ คุณนายไฮโซในข่าวลือมาลองใช้ชีวิตธรรมดางั้นเหรอ? แถมยังมาอยู่ในบริษัทเล็กๆ ‘ต้นทุนต่ำ’ ของพวกเขาแบบนี้อีก“สวัสดีครับคุณนาย”“สวัสดีครับคุณนาย!”“ยินดีที่ได้พบครับ คุณนาย!”พร้อมกับที่ผู้จัดการแน่ใจสถานะของหญิงสาว พนักงานคนอื่นๆ ของฟู่ซื่อกรุ๊ปก็พากันเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อมคำเรียกเหล่านั้นพูดได้ว่าจุดกระแสความคึกคักขึ้นทันที ซูมั่วที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาจากทุกทิศทุกทาง ทำได้เพียงฝืนสงบใจให้นิ่งไว้ กัดฟันพูดว่า“ไม่ใช่ค่ะ พวกคุณจำคนผิดแล้ว”เมื่อได้ยินหญิงสาวปฏิเสธ ทุกคนตรงหน้าถึงกับตะลึงไปพร้อมกันไม่ใ
ใครๆ ก็ว่าผู้หญิงเปลี่ยนสีหน้าเก่ง แต่ผู้ชายกลับเปลี่ยนได้ยิ่งกว่า เมื่อวานยังร้องไห้แทบขาดใจเหมือนจะร้องจนกำแพงเมืองจีนถล่ม วันนี้กลับกลายเป็นเผด็จการเต็มตัว วางท่าราวกับผู้มีอำนาจสูงสุดแต่ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนของฟู่อี้ชวนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้ว พรุ่งนี้หลังจากขึ้นศาลเสร็จ เธอกับเขาก็จะต่างคนต่างอยู่อย่างชัดเจน และไม่ข้องเกี่ยวกันอีกต่อไปอีกด้านหนึ่งมองดูผู้หญิงคนนั้นเดินจากไปอย่างเย็นชา ราวกับว่าเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกัน หลังจากผ่านความผิดหวังอย่างรุนแรงจนฟู่อี้ชวนกลายเป็นคนเย็นชาสุดท้ายสีหน้าก็เริ่มใจแข็งไม่ได้เขายังคงทำไม่ได้เหมือนซูมั่วที่สามารถนิ่งเฉยและเด็ดขาดได้ขนาดนั้น กำหมัดแน่น สายตาจ้องมองเธออย่างไม่ยอมลดละใจร้ายมาก ซูมั่ว เธอใจร้ายมากจริงๆ!หลอกใช้เขาเสร็จแล้วก็ทำเหมือนไม่รู้จักกัน เธอนี่มันเป็นผู้หญิงที่เย็นชาไร้หัวใจที่สุดในโลกเลย!สายตาดุร้ายคมกริบราวกับใบมีดนั้น สามารถทะลุผ่านผู้ชนมาคว้าไหล่ของซูมั่วไว้แน่น ทำให้เธอรู้สึกเย็นเยือกกลางแผ่นหลัง ราวกับตกลงไปในหลุมน้ำแข็งเธอรีบเร่งฝีเท้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว อยากจะขึ้นลิฟต์แล้วออกไปจากบริษัทให้