Share

บทที่ 369

Author: อิงเซี่ย
“ความเป็นส่วนตัวอะไรกัน ผมแค่ถามว่าใครเป็นคนซื้อกระเป๋าเองไม่ใช่เหรอ?” ชายคนนั้นพูด

พนักงานเก็บเงินยิ้มเล็กน้อย แล้วอธิบาย

“เพราะกระเป๋าในเคาน์เตอร์แบรนด์ของฉันล้วนราคาสูง จึงห้ามให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับลูกค้าแก่บุคคลภายนอกค่ะ”

อีกฝ่าย “...”

นี่มองเขาเป็นโจรปล้นเหรอ? หรือมองว่าเป็นแมงดาที่อยากไปเกาะขาคนรวยกัน?

แต่เขาก็ไม่ได้เถียงกับอีกฝ่ายเช่นกัน เพราะหากทะเลาะกันขึ้นมา พนักงานเก็บเงินคนนี้ก็คงจะแจ้งพวกเธอว่ามีคนมาสอบถามเรื่องของพวกเธอ แล้วเขาก็จะถูกเปิดโปง

เขาออกจากเคาน์เตอร์ไปข้างนอก ส่วนด้านใน เหล่าพนักงานขายต่างมองเขา รู้สึกว่าคน ๆ นั้นน่าสงสัยมาก และตัดสินใจว่าถ้ามาอีกครั้งก็จะโทรแจ้งตำรวจทันที

ชายคนนั้นโทรหาผู้ว่าจ้าง หลังจากรับสาย เขาก็รายงานสถานการณ์

ตัวเองไม่มีเงินไม่มีสถานะทางสังคม แต่ผู้ว่าจ้างมีเงินและมีสถานะทางสังคม ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาออกหน้า ยังสามารถป้องกันไม่ให้เรื่องการตามสืบรั่วไหลไปถึงตัวเป้าหมายและเพื่อนของเธอด้วย

ฟู่อี้ชวนเปิดลำโพงโทรศัพท์ หลังฟังจบ ก็แค่ส่งเสียง ‘อืม’ อย่างหดหู่ครั้งหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรอีกสักคำ

สั่งให้คนไปประสานงานกับผู้จัดการเคาน์เ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 394

    คุณท่านฟู่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เขาวางมือประสานกันไว้บนเข่าเขาเป็นผู้มีประสบการณ์ ย่อมไม่ไร้เดียงสาขนาดนั้น เพียงแค่สองเรื่องนี้ยังไม่เพียงพอที่จะตัดสินนิสัยของคนคนหนึ่งได้ลูกชายที่ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงมา จะเป็นคนว่านอนสอนง่ายและซื่อสัตย์ตามแบบฉบับจารีตประเพณีได้จริง ๆ เหรอ?ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงเป็นเพราะยีนส์กลายพันธุ์แล้วล่ะเวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ถึงเวลาเลิกงานซูมั่วเลิกงานตรงเวลา และไม่ได้นั่งรถไฟใต้ดินเพราะได้แจ้งความไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางนั้นได้ส่งตำรวจนอกเครื่องแบบมาช่วยสืบสวนเมื่อเห็นว่าวันนี้เป้าหมายเปลี่ยนวิธีการเดินทาง ชายสองคนที่อยู่ข้างทางออกรถไฟใต้ดินก็กลับขึ้นไปบนรถเก๋งสีดำ แล้วขับตามไปในระยะที่ไม่ไกลไม่ใกล้ซูมั่วใส่หูฟังตลอดเวลาและติดต่อกับตำรวจนอกเครื่องแบบอยู่เสมอ หลังจากเดินไปได้สักพัก อีกฝ่ายก็พบรถต้องสงสัยคันหนึ่งจริง ๆ“คุณซูมั่ว เดี๋ยวคุณเดินไปทางถนนปินเหอนะครับ วางใจได้ คนของเราเตรียมพร้อมอยู่ จะไม่ปล่อยให้คุณตกอยู่ในอันตรายแน่นอน” เสียงของตำรวจดังมาจากหูฟัง“พวกเขาไม่ได้จะมาทำร้ายฉันค่ะ แค่สะกดรอ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 393

    เขารีบหยิบมือถือออกมาโทรศัพท์ทันที แต่ไม่ได้ถามตรง ๆ แต่พูดคุยอ้อม ๆจากนั้นก็โยงเข้าเรื่องงาน ถามว่าต้องเตรียมการล่วงหน้าหรือไม่ แบบนี้ก็จะสามารถสรุปผลได้โดยตรงเมื่อวางสาย หวังฮ่าวก็กล่าวว่า “ได้โปรเจกต์แล้วครับ หลังจากนี้ทั้งสองบริษัทจะพัฒนาร่วมกัน”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่อวี่เหิงก็หรี่ตาลงแล้วคำพูดของหลี่หยวนนั่นหมายความว่ายังไง? ในเมื่อโปรเจกต์ก็สำเร็จแล้ว แล้วฟู่อี้ชวนจะโมโหอะไรอีก?หรือว่านี่เป็นเพียงแค่คำโกหกของหลี่หยวนที่หลอกเขาเท่านั้นเมื่อคิดว่าความเป็นไปได้อย่างหลังมีมากกว่า เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาขนาดแค่ผู้ช่วยยังกล้ามาเหยียบหัวเขาแล้วเห็นเขาเป็นคนโง่ ความอัปยศแบบนี้ใครจะทนได้?รถยนต์แล่นเข้าสู่กระแสจราจรบนถนนใหญ่ ด้านหลังข้างถนนข้างต้นไม้ต้นหนึ่งโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งถ่ายรูปหลายใบอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ส่งต่อไปพอถึงเวลาทำงานช่วงบ่าย หลี่หยวนก็รวบรวมข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็วและนำเสนอต่อฟู่อี้ชวนยืนยันได้ว่าหวังฮ่าวติดต่อกับฟู่ปั๋วหมิงจริง ทั้งสามคนยังไปกินข้าวด้วยกัน หวังฮ่าวพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน ไม่เหมือนถูกบังคับเลยสักนิดฟู่อี้ชวนกำหมัดแน่น

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 392

    นี่ไม่ใช่ลางดีนัก ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ พวกเขาสองคนก็ไม่ควรจะติดต่อกันอีกฝั่งหลีโย่วอ่านข้อความจากพี่ชาย เรื่องนี้เธอเดาได้ตั้งนานแล้ว แต่พอพี่ชายของเธอยกขึ้นมาพูดแบบนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเธอจึงติดต่อซูมั่วไป ตอนนี้ยังเป็นเวลาพักกลางวัน ซูมั่วมองหน้าจอมือถือแล้วเม้มปากแน่นแม้ว่าตอนที่เจอกันที่ร้านอาหารครั้งก่อนเธอจะเริ่มสงสัยอยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อเห็นน้ำเสียงที่หนักแน่นของหลีโย่ว เธอจึงถามถึงเหตุผลในที่สุดหลีโย่วก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป และเล่าเรื่องกระเป๋าให้เธอฟัง[ฉันสาบานเลยนะว่าตอนนั้นไม่ได้รู้เรื่องนี้ แต่รู้ตอนกลับถึงบ้านแล้ว][ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นพี่ชายฉันที่ซื้อให้ แต่พี่บอกว่าไม่ใช่เขา ดังนั้นคนที่เป็นไปได้ก็มีแค่ฟู่อี้ชวนคนเดียว][เมื่อเช้าฟู่อี้ชวนมาคุยเรื่องโปรเจกต์ที่บริษัทหลีซื่อกรุ๊ป พี่ชายฉันเลยลองหยั่งเชิงถามดู เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ]ซูมั่วมองหน้าจอมือถือ นึกถึงตอนที่ตัวเองยังไม่ได้ซื้ออะไรแต่กลับถูก “รางวัลใหญ่” ผู้จัดการร้านถึงกับมาส่งด้วยตัวเอง แถมยังมีท่าทีนอบน้อมอย่างยิ่งยวด และยังทิ้งนามบัตรไว้อีก...เหอะ ๆ จะมีโชคดีอะไรกัน ที่แท้เบื้องหลังทั้

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 391

    หลีเชินเคยไปที่บริษัทติ่งเซิ่งแล้ว ไปมาสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็ไป ‘พัวพันไม่เลิกรา’ กับซูมั่วครั้งแรก เขาจีบซูมั่วต่อหน้าสาธารณชนครั้งที่สอง เขาไปที่ฝ่ายออกแบบเพื่อมอบของขวัญให้เธอด้วยตัวเอง จนเกือบทั้งแผนกรู้กันหมดว่าหลีเชินชอบซูมั่ว“เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมไม่รีบบอกฉันให้เร็วกว่านี้??!!” ฟู่อี้ชวนที่ใกล้จะคลั่งเต็มที คาดคั้นถาม“ประธานฟู่ คุณก็ไม่ได้ถามนี่ครับ” ปลายสายตอบกลับ“ตอนแรกคุณถามเกี่ยวกับเรื่องของคุณซูมั่ว แล้วก็ถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับประธานโจวของเรา ผมก็เล่าให้ฟังหมดแล้ว”“หลังจากนั้นคุณก็ไม่ได้ติดต่อผมมาอีกเลย แถมฟู่ซื่อก็มีโปรเจกต์ร่วมกับเรา คุณก็ยังมาที่บริษัทด้วยตัวเอง ผมก็นึกว่าคุณไม่ต้องการข้อมูลจากผมแล้วซะอีก”ฟู่อี้ชวนพยายามข่มอารมณ์อย่างสุดกำลัง เขาหายใจเข้าลึก ๆ เพราะกลัวว่าถ้าคุมตัวเองไม่อยู่จะเผลอสบถคำหยาบออกไปคนที่เขาติดต่อด้วยไม่ใช่พนักงานตำแหน่งเล็ก ๆ แต่เป็นถึงหัวหน้าแผนกคนหนึ่งของบริษัทติ่งเซิ่ง โดยข้อเสนอที่ให้ไปคือสามารถย้ายมาทำงานที่ฟู่ซื่อได้ทุกเมื่อ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงยอมช่วยเขาสืบข่าวและเพราะอีกฝ่ายมีตำแหน่งอยู่บ้าง การสืบข่าวจึงค่อนข

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 390

    “แล้วก็คุณท่านก็เป็นห่วงคุณมากครับ เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาด้วยตัวเอง”ฟู่อี้ชวนฟังคำพูดจุกจิกพวกนี้แล้วก็เงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด กล่าวว่า“รู้แล้ว”เขากินโจ๊กไปง่าย ๆ สองสามคำ แล้วก็กินยาเข้าไป จากนั้นหลี่หยวนถึงได้หอบแฟ้มเอกสารที่เซ็นแล้วออกไปในห้องทำงานกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง สมาธิเมื่อครู่ถูกขัดจังหวะ ในตอนนี้ฟู่อี้ชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าไม่ได้จากนั้นความรู้สึกซับซ้อนต่าง ๆ ทั้งความอิจฉา ความโกรธ ความอึดอัด และความน้อยใจก็ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน หัวใจของฟู่อี้ชวนบีบรัดจนรู้สึกเจ็บแน่นไปหมดเขาโทรหาทนายความที่ติดต่อไว้อีกครั้ง ให้ฝ่ายนั้นเตรียมฟ้องร้องหลีเชินและเจิ้งเซวียน พอถึงเวลาขึ้นศาลก็นำหลักฐานออกมาแสดงโดยตรง พวกเขาอยากจะปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองโดนวางแผนเล่นงานเมื่อเช้านี้ ฟู่อี้ชวนก็รู้สึกเกลียดชังอย่างยิ่งหลีเชินช่างร้ายกาจจริง ๆ ให้ตายสิ เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วแท้ ๆ แต่เขากลับจงใจพูดจาแบบนั้นในตอนท้าย เพื่ออวดกระดุมแขนเสื้อที่ซูมั่วมอบให้เขาถึงตอนนี้จะยังโกรธอยู่ แต่ก็มีสติมากกว่าเมื่อเช้า เขาขมวดคิ้วมุ่น สัญชาตญ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 389

    “ของขวัญที่นำมาให้ค่อนข้างมีราคาแพง และก็ถูกท่านประธานฟู่ทุบทิ้งไปจริง ๆ ครับ”“ผู้ช่วยที่ปล่อยเขาขึ้นมาถูกไล่ออกแล้วครับ เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงในบริษัทอีกคนหนึ่ง ซึ่งประธานฟู่สั่งให้ผมกำลังดำเนินการสืบสวนอยู่”“เมื่อครู่ผมได้ตรวจสอบคร่าว ๆ แล้ว เดิมทีเขาถูกจัดให้เข้าทำงานที่ฝ่ายควบคุมคุณภาพ แต่กลับถูกย้ายไปอยู่ฝ่ายการตลาด ตอนเช้าผมตามประธานฟู่ไปคุยงานความร่วมมือที่หลีซื่อ เลยไม่สามารถสกัดกั้นเขาไว้ได้ทันครับ”.....พ่อบ้านฟังคำพูดของหลี่หยวนแล้วขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าการที่ลูกนอกสมรสคนนั้นมาที่สำนักงานใหญ่ได้มีการปูทางไว้ล่วงหน้าแล้วและคนที่เป็นผู้ปูทางให้จะเป็นใครไปได้ ไม่ต้องบอกก็รู้...ฟู่ปั๋วหมิง ผู้จัดการบริษัทสาขาย่อยในเครือฟู่ซื่อกรุ๊ป“คุณได้ติดต่อกับเขามากน้อยแค่ไหน? คิดว่าเขาเป็นคนยังไง?” พ่อบ้านถามตรง ๆหลี่หยวนตอบว่า “ผมเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวตอนที่ตามท่านประธานฟู่กลับมาที่บริษัทเมื่อตอนเที่ยงนี้เองครับ ส่วนความรู้สึกแรกพบ...”“เขาดูเป็นคนซื่อ ๆ ครับ ปล่อยให้ประธานฟู่ด่าว่าก็ไม่โกรธไม่เถียง แถมยังมีท่าทีอ่อนน้อมขอโทษอีกด้วย”“พอปร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status