Share

บทที่ 8

Author: อิงเซี่ย
ท่าทางอ่อนแอน่าสงสารแบบนี้ของเธอทำให้ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมาทันที เขารีบก้าวเข้าไปปลอบ

“ไม่เกี่ยวกับเธอเลย ไม่ต้องร้องนะ”

เย่ซินหย่าสะอึกสะอื้น ฟู่อี้ชวนประคองเธอไปนั่งลงที่ห้องรับแขก น้ำเสียงที่กล่าวปลอบประโลมนั้นช่างอบอุ่นอย่างถึงที่สุด

ภายในห้องครัว ซูมั่วได้ยินแล้วก็ยิ่งรู้สึกแสลงหู น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังนุ่มนวลแบบนั้น ฟู่อี้ชวนไม่เคยแสดงออกกับเธอมาก่อน

ทว่าตอนนี้เธอไม่ต้องการมันแล้ว แค่อยากจากไปให้เร็วที่สุดเท่านั้น

ครั้นปรับสภาพอารมณ์เรียบร้อย เธอก็ขยับมือผัดกับข้าวต่อไป

การหย่ายากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ เดิมทีคิดว่าฟู่อี้ชวนจะเซ็นชื่อหย่าให้ง่าย ๆ ไม่ขัดอะไร ตอนนี้ดูท่าแล้วเธอคงต้องคิดหาทางอื่น

ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่มีผลอะไรกับการที่ฟู่อี้ชวนคิดจะทรมานเธอเลย นี่เป็นกรรมที่เธอต้องชดใช้ เป็นกรรมต่อความโลภที่เธอมีเมื่อสองปีก่อน

ในห้องรับแขก

เย่ซินหย่าถูกปลอบประโลมอยู่พักหนึ่ง เธออิงอยู่บนหน้าอกของฟู่อี้ชวน สัมผัสความอ่อนโยนของชายหนุ่ม ราวกับว่าความรักที่เขามีให้เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่า? ทั้งที่ซูมั่วเป็นคนพูดขึ้นเองแล้วแท้ ๆ

เธอเงยหน้ามอง ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ถามสิ่งที่อยากถามออกไป ถ้าพูดออกไปแล้วจะดูจงใจเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ที่เธอสร้างไว้

ทางข้างบน ฟู่อี้ชวนลูบแผ่นหลังของหญิงสาวเบา ๆ ทว่าดวงตากลับล่องลอยออกไปไกล

ไม่คาดคิดเลยว่าซูมั่วจะพูดเรื่องหย่าออกมา แถมท่าทีก็ยังเฉยเมยเย็นชาขนาดนั้น

เกิดความกระวนกระวายไม่เป็นสุขขึ้นในใจเขาราง ๆ ราวกับบางสิ่งบางอย่างกำลังจะหายไป ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ พลางกำมือแน่น

ซูมั่วรักเขาขนาดนั้น จะหย่ากับเขาจริง ๆ ได้ที่ไหน? ก็แค่จงใจเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ตอนที่ซูมั่วทำกับข้าวเกือบจะเสร็จแล้ว เย่ซินหย่าก็เดินเข้ามาในตอนนี้เอง พลางแสร้งทำเป็นพูดว่า

“มั่วมั่ว ฉันช่วยเธอยกกับข้าวนะ”

“ไม่จำเป็น” ซูมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เย่ซินหย่ากระตุกยิ้มเย็นชาที่บริเวณมุมปาก หางตาเหลือบไปเห็นชายเสื้อ เลยจงใจก้าวเข้าไปจะหยิบจาน

จานที่จะยกมานั้นเป็นหมูตุ๋นน้ำแดงจานหนึ่ง เพิ่งออกมาจากหม้อ กำลังร้อน ๆ เธอจงใจเอื้อมมือผ่านหน้าซูมั่วไปยกมา

ซูมั่วจะถอยหลังหลบ สุดท้ายแล้วเป็นตอนนั้นเองที่จานพลันหลุดจากมือเย่ซินหย่า หมูตุ๋นน้ำเดินพลันร่วงหล่นลงพื้น กระแทกเข้ากับหลังเท้าของซูมั่ว

ชั่วพริบตานั้น ซูมั่วเจ็บจนน้ำตาไหลพราก ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เย่ซินหย่าก็กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน

“กรี๊ด...”

“มือฉัน เลือดออกแล้ว!”

ฟู่อี้ชวนพุ่งเข้าไปในครัวแทบจะทันที ในสายตาของเขา มือขวาของซูมั่วกำลังยกมีดขึ้น มันบาดลงไปบนมือของเย่ซินหย่าอย่างรุนแรง

“ซูมั่ว! ฆ่าคนอื่นมันผิดกฎหมายนะ เธออยากติดคุกหรือไง!” ฟู่อี้ชวนระเบิดโทสะตะโกนออกมา ฝ่ามือใหญ่ดันเจ้าตัวให้ออกไป

เดิมทีซูมั่วก็ถูกของร้อนลวกเท้าจนเจ็บยากจะทานทนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มาถูกดันอีก ตัวจึงกระแทกเข้ากับมุมกำแพง จากนั้นก็ล้มลงไปกองที่พื้น

แต่เดิมก้นกบก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังไม่ทันหายดี แล้วต้องมาเจ็บซ้ำอีก เธอส่งเสียงร้องไห้ออกมาทันที

ฟู่อี้ชวนโอบเย่ซินหย่าไว้พลางพาเดินไปที่ประตู ครั้นได้ยินเสียงร้องไห้ก็หันไปทันทีโดยไม่รู้ตัว เขาเห็นบนตัวและเท้าของซูมั่วเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร

“ฮือ ๆ ๆ เลือดเต็มไปหมดเลย...” เย่ซินหย่าร้องไห้แทบขาดใจ ดึงสติฟู่อี้ชวนกลับมาได้ในชั่วพริบตา เขาประคองเจ้าตัวไปนั่งลงบนโซฟา ควานหากล่องปฐมพยาบาลมาห้ามเลือดให้

ครั้นเห็นบาดแผลได้ชัดเจน มันเป็นแค่รอยบาดเล็ก ๆ ที่ขนาดไม่ถึงรอยเล็บจิกด้วยซ้ำ หลังเช็ดคราบเลือดออกไป เลือดก็หยุดไหลเองแล้ว

“ฮือ ๆ ฉันกลัวเจ็บ กลัวเป็นแผล นายก็รู้นี่อี้ชวน” เย่ซินหย่าพูดสะอึกสะอื้น

ฟู่อี้ชวนแปะปลาสเตอร์ให้เธอ แล้วนั่งลงข้าง ๆ พลางกอดเธอไว้ พูดด้วยเสียงอู้อี้ระคนปวดใจ

“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเธอกลัวเจ็บที่สุด เพราะตอนเด็ก ๆ ที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามีหลายคนคอยแกล้งเธอ”

นั่นเป็นช่วงเวลาดำมืดที่สุดของซินหย่า เขาแทบอยากจะเกิดใหม่ไปเมื่อสิบสองปีก่อน แล้วปกป้องเด็กผู้หญิงอ่อนแอและน่าสงสารคนนั้นไว้

ยามที่ทั้งสองคนกอดกัน ซูมั่วก็ประคองตัวอยู่กับบานประตูห้องครัว แล้วเดินกะเผลกออกมา

เธอมองไปทางโซฟา ชั่วพริบตานั้นหยาดน้ำตาก็ยิ่งทำให้พร่ามัวมากขึ้น

ฆ่าคน... ฟู่อี้ชวนถึงกับพูดออกมาว่าเธอจะฆ่าเย่ซินหย่า ตาสุนัขข้างไหนของเขาเห็นเป็นแบบนั้นกัน?

กระทั่งมือของเย่ซินหย่าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรเธอยังไม่รู้ และโดนป้ายความผิดให้ทั้งแบบนั้น แถมที่เท้าก็ยังมาถูกน้ำซุปจากหมูตุ๋นน้ำแดงหกลวกอีก ตรงนั้นเพิ่งพอเป็นตุ่มน้ำไปเมื่อวานเองนะ

เธอคู้ตัวพลางเดินกะโผลกกะเผลก ย้ายตัวเองไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำ

ฟู่อี้ชวนได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว จึงหันหน้าไปดู จนกระทั่งเงาหลังนั้นหายไป เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นเลย

ในห้องน้ำ

ซูมั่วเปิดฝักบัว เดิมคิดจะใช้น้ำอุ่น ทว่าทันทีที่น้ำอุ่นโดนผิวก็กลายเป็นน้ำเดือดไป เธอกัดปากแน่น ใช้น้ำเย็นชะล้างเศษอาหารและคราบน้ำซุป

ตุ่มน้ำเล็ก ๆ ถูกจานกระแทกจนส่วนใหญ่แตกหมดแล้ว น้ำซุปกับสายน้ำกระทบเขากับผิวบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ มันเจ็บจนเธอกระตุกไปทั้งตัว

ทว่าความเจ็บที่กายสู้ความเจ็บในใจไม่ได้เลย เธอหลับตาลง นึกถึงภาพที่ฟู่อี้ชวนผลัดเธอออกอย่างรุนแรง

เธอคิดว่าการที่ไม่รักฟู่อี้ชวนแล้วเป็นขีดจำกัดอย่างถึงที่สุดของเธอ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มจะเกลียดเขาแล้วละ

เธอเกลียดเหลือเกิน!

ทำไมต้องทรมานเธอขนาดนี้ด้วย? ทำไมยังจะต้องพาเย่ซินหย่ามาร่วมทรมานเธอด้วย? เธอทำผิดถึงขนาดที่ต้องตายเป็นหมื่น ๆ ครั้งเลยเหรอ!!

น้ำตาไหลรินจากหางตาร่วงหล่นสู่พื้น เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เป็นตอนนี้เองที่มีใครคนหนึ่งเดินมาทางด้านหลัง แล้วพูดขึ้นว่า

“เธอ...”

เพิ่งพูดออกไปได้เพียงคำเดียว ชั่วพริบตานั้น ซูมั่วก็หมุนตัวไป และกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนใจแทบขาด

“ออกไป! ไปให้พ้น!”

ขณะที่ถูกตะคอกใส่ ฝักบัวก็พุ่งเข้ามาด้วย ฟู่อี้ชวนยกมือขึ้นบัง ความเดือดดาลแล่นขึ้นหัวทันที

“เธอเป็นบ้าอะไร! เสียสติไปแล้วหรือไง!”

สิ่งที่ตอบเขากลับมานั้นเป็นของหลายอย่างที่พุ่งเข้ามาแทน ทั้งอ่าง หัวฝักบัว มีกระทั่งแปรงขัดส้วม ในที่สุดฟู่อี้ชวนก็ถูกบังคับให้ถอยออกไปอย่างอับจนหนทาง เขากระแทกประตูปิดด้วยความโกรธ ปากก็ด่าไปด้วยว่า

“เธอมันยัยบ้า!”

เขาอุตส่าห์มาดูด้วยความหวังดี สุดท้ายก็ถูกด่าทอทั้งยังถูกสาดน้ำ เขาเกิดความคิดอยากจะฆ่าซูมั่วขึ้นมาจริง ๆ ด้วยซ้ำ!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status