Share

บทที่ 8

Penulis: อิงเซี่ย
ท่าทางอ่อนแอน่าสงสารแบบนี้ของเธอทำให้ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมาทันที เขารีบก้าวเข้าไปปลอบ

“ไม่เกี่ยวกับเธอเลย ไม่ต้องร้องนะ”

เย่ซินหย่าสะอึกสะอื้น ฟู่อี้ชวนประคองเธอไปนั่งลงที่ห้องรับแขก น้ำเสียงที่กล่าวปลอบประโลมนั้นช่างอบอุ่นอย่างถึงที่สุด

ภายในห้องครัว ซูมั่วได้ยินแล้วก็ยิ่งรู้สึกแสลงหู น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังนุ่มนวลแบบนั้น ฟู่อี้ชวนไม่เคยแสดงออกกับเธอมาก่อน

ทว่าตอนนี้เธอไม่ต้องการมันแล้ว แค่อยากจากไปให้เร็วที่สุดเท่านั้น

ครั้นปรับสภาพอารมณ์เรียบร้อย เธอก็ขยับมือผัดกับข้าวต่อไป

การหย่ายากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ เดิมทีคิดว่าฟู่อี้ชวนจะเซ็นชื่อหย่าให้ง่าย ๆ ไม่ขัดอะไร ตอนนี้ดูท่าแล้วเธอคงต้องคิดหาทางอื่น

ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่มีผลอะไรกับการที่ฟู่อี้ชวนคิดจะทรมานเธอเลย นี่เป็นกรรมที่เธอต้องชดใช้ เป็นกรรมต่อความโลภที่เธอมีเมื่อสองปีก่อน

ในห้องรับแขก

เย่ซินหย่าถูกปลอบประโลมอยู่พักหนึ่ง เธออิงอยู่บนหน้าอกของฟู่อี้ชวน สัมผัสความอ่อนโยนของชายหนุ่ม ราวกับว่าความรักที่เขามีให้เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่า? ทั้งที่ซูมั่วเป็นคนพูดขึ้นเองแล้วแท้ ๆ

เธอเงยหน้ามอง ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ถามสิ่งที่อยากถามออกไป ถ้าพูดออกไปแล้วจะดูจงใจเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ที่เธอสร้างไว้

ทางข้างบน ฟู่อี้ชวนลูบแผ่นหลังของหญิงสาวเบา ๆ ทว่าดวงตากลับล่องลอยออกไปไกล

ไม่คาดคิดเลยว่าซูมั่วจะพูดเรื่องหย่าออกมา แถมท่าทีก็ยังเฉยเมยเย็นชาขนาดนั้น

เกิดความกระวนกระวายไม่เป็นสุขขึ้นในใจเขาราง ๆ ราวกับบางสิ่งบางอย่างกำลังจะหายไป ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ พลางกำมือแน่น

ซูมั่วรักเขาขนาดนั้น จะหย่ากับเขาจริง ๆ ได้ที่ไหน? ก็แค่จงใจเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ตอนที่ซูมั่วทำกับข้าวเกือบจะเสร็จแล้ว เย่ซินหย่าก็เดินเข้ามาในตอนนี้เอง พลางแสร้งทำเป็นพูดว่า

“มั่วมั่ว ฉันช่วยเธอยกกับข้าวนะ”

“ไม่จำเป็น” ซูมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เย่ซินหย่ากระตุกยิ้มเย็นชาที่บริเวณมุมปาก หางตาเหลือบไปเห็นชายเสื้อ เลยจงใจก้าวเข้าไปจะหยิบจาน

จานที่จะยกมานั้นเป็นหมูตุ๋นน้ำแดงจานหนึ่ง เพิ่งออกมาจากหม้อ กำลังร้อน ๆ เธอจงใจเอื้อมมือผ่านหน้าซูมั่วไปยกมา

ซูมั่วจะถอยหลังหลบ สุดท้ายแล้วเป็นตอนนั้นเองที่จานพลันหลุดจากมือเย่ซินหย่า หมูตุ๋นน้ำเดินพลันร่วงหล่นลงพื้น กระแทกเข้ากับหลังเท้าของซูมั่ว

ชั่วพริบตานั้น ซูมั่วเจ็บจนน้ำตาไหลพราก ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เย่ซินหย่าก็กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน

“กรี๊ด...”

“มือฉัน เลือดออกแล้ว!”

ฟู่อี้ชวนพุ่งเข้าไปในครัวแทบจะทันที ในสายตาของเขา มือขวาของซูมั่วกำลังยกมีดขึ้น มันบาดลงไปบนมือของเย่ซินหย่าอย่างรุนแรง

“ซูมั่ว! ฆ่าคนอื่นมันผิดกฎหมายนะ เธออยากติดคุกหรือไง!” ฟู่อี้ชวนระเบิดโทสะตะโกนออกมา ฝ่ามือใหญ่ดันเจ้าตัวให้ออกไป

เดิมทีซูมั่วก็ถูกของร้อนลวกเท้าจนเจ็บยากจะทานทนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มาถูกดันอีก ตัวจึงกระแทกเข้ากับมุมกำแพง จากนั้นก็ล้มลงไปกองที่พื้น

แต่เดิมก้นกบก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังไม่ทันหายดี แล้วต้องมาเจ็บซ้ำอีก เธอส่งเสียงร้องไห้ออกมาทันที

ฟู่อี้ชวนโอบเย่ซินหย่าไว้พลางพาเดินไปที่ประตู ครั้นได้ยินเสียงร้องไห้ก็หันไปทันทีโดยไม่รู้ตัว เขาเห็นบนตัวและเท้าของซูมั่วเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร

“ฮือ ๆ ๆ เลือดเต็มไปหมดเลย...” เย่ซินหย่าร้องไห้แทบขาดใจ ดึงสติฟู่อี้ชวนกลับมาได้ในชั่วพริบตา เขาประคองเจ้าตัวไปนั่งลงบนโซฟา ควานหากล่องปฐมพยาบาลมาห้ามเลือดให้

ครั้นเห็นบาดแผลได้ชัดเจน มันเป็นแค่รอยบาดเล็ก ๆ ที่ขนาดไม่ถึงรอยเล็บจิกด้วยซ้ำ หลังเช็ดคราบเลือดออกไป เลือดก็หยุดไหลเองแล้ว

“ฮือ ๆ ฉันกลัวเจ็บ กลัวเป็นแผล นายก็รู้นี่อี้ชวน” เย่ซินหย่าพูดสะอึกสะอื้น

ฟู่อี้ชวนแปะปลาสเตอร์ให้เธอ แล้วนั่งลงข้าง ๆ พลางกอดเธอไว้ พูดด้วยเสียงอู้อี้ระคนปวดใจ

“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเธอกลัวเจ็บที่สุด เพราะตอนเด็ก ๆ ที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามีหลายคนคอยแกล้งเธอ”

นั่นเป็นช่วงเวลาดำมืดที่สุดของซินหย่า เขาแทบอยากจะเกิดใหม่ไปเมื่อสิบสองปีก่อน แล้วปกป้องเด็กผู้หญิงอ่อนแอและน่าสงสารคนนั้นไว้

ยามที่ทั้งสองคนกอดกัน ซูมั่วก็ประคองตัวอยู่กับบานประตูห้องครัว แล้วเดินกะเผลกออกมา

เธอมองไปทางโซฟา ชั่วพริบตานั้นหยาดน้ำตาก็ยิ่งทำให้พร่ามัวมากขึ้น

ฆ่าคน... ฟู่อี้ชวนถึงกับพูดออกมาว่าเธอจะฆ่าเย่ซินหย่า ตาสุนัขข้างไหนของเขาเห็นเป็นแบบนั้นกัน?

กระทั่งมือของเย่ซินหย่าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรเธอยังไม่รู้ และโดนป้ายความผิดให้ทั้งแบบนั้น แถมที่เท้าก็ยังมาถูกน้ำซุปจากหมูตุ๋นน้ำแดงหกลวกอีก ตรงนั้นเพิ่งพอเป็นตุ่มน้ำไปเมื่อวานเองนะ

เธอคู้ตัวพลางเดินกะโผลกกะเผลก ย้ายตัวเองไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำ

ฟู่อี้ชวนได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว จึงหันหน้าไปดู จนกระทั่งเงาหลังนั้นหายไป เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นเลย

ในห้องน้ำ

ซูมั่วเปิดฝักบัว เดิมคิดจะใช้น้ำอุ่น ทว่าทันทีที่น้ำอุ่นโดนผิวก็กลายเป็นน้ำเดือดไป เธอกัดปากแน่น ใช้น้ำเย็นชะล้างเศษอาหารและคราบน้ำซุป

ตุ่มน้ำเล็ก ๆ ถูกจานกระแทกจนส่วนใหญ่แตกหมดแล้ว น้ำซุปกับสายน้ำกระทบเขากับผิวบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ มันเจ็บจนเธอกระตุกไปทั้งตัว

ทว่าความเจ็บที่กายสู้ความเจ็บในใจไม่ได้เลย เธอหลับตาลง นึกถึงภาพที่ฟู่อี้ชวนผลัดเธอออกอย่างรุนแรง

เธอคิดว่าการที่ไม่รักฟู่อี้ชวนแล้วเป็นขีดจำกัดอย่างถึงที่สุดของเธอ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มจะเกลียดเขาแล้วละ

เธอเกลียดเหลือเกิน!

ทำไมต้องทรมานเธอขนาดนี้ด้วย? ทำไมยังจะต้องพาเย่ซินหย่ามาร่วมทรมานเธอด้วย? เธอทำผิดถึงขนาดที่ต้องตายเป็นหมื่น ๆ ครั้งเลยเหรอ!!

น้ำตาไหลรินจากหางตาร่วงหล่นสู่พื้น เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เป็นตอนนี้เองที่มีใครคนหนึ่งเดินมาทางด้านหลัง แล้วพูดขึ้นว่า

“เธอ...”

เพิ่งพูดออกไปได้เพียงคำเดียว ชั่วพริบตานั้น ซูมั่วก็หมุนตัวไป และกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนใจแทบขาด

“ออกไป! ไปให้พ้น!”

ขณะที่ถูกตะคอกใส่ ฝักบัวก็พุ่งเข้ามาด้วย ฟู่อี้ชวนยกมือขึ้นบัง ความเดือดดาลแล่นขึ้นหัวทันที

“เธอเป็นบ้าอะไร! เสียสติไปแล้วหรือไง!”

สิ่งที่ตอบเขากลับมานั้นเป็นของหลายอย่างที่พุ่งเข้ามาแทน ทั้งอ่าง หัวฝักบัว มีกระทั่งแปรงขัดส้วม ในที่สุดฟู่อี้ชวนก็ถูกบังคับให้ถอยออกไปอย่างอับจนหนทาง เขากระแทกประตูปิดด้วยความโกรธ ปากก็ด่าไปด้วยว่า

“เธอมันยัยบ้า!”

เขาอุตส่าห์มาดูด้วยความหวังดี สุดท้ายก็ถูกด่าทอทั้งยังถูกสาดน้ำ เขาเกิดความคิดอยากจะฆ่าซูมั่วขึ้นมาจริง ๆ ด้วยซ้ำ!
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Sanit Ronnatee
ก็ใจอ่อนเองยังจะรำพันอะไร..สุดสมองกลวงเลยละ
goodnovel comment avatar
Sanit Ronnatee
รู้อยู่ว่าเขาไม่หวังกียังแรดทำให้เขาดูถูกอีก..สุดบรมโง่เลย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status