Share

บทที่ 8

Author: อิงเซี่ย
ท่าทางอ่อนแอน่าสงสารแบบนี้ของเธอทำให้ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมาทันที เขารีบก้าวเข้าไปปลอบ

“ไม่เกี่ยวกับเธอเลย ไม่ต้องร้องนะ”

เย่ซินหย่าสะอึกสะอื้น ฟู่อี้ชวนประคองเธอไปนั่งลงที่ห้องรับแขก น้ำเสียงที่กล่าวปลอบประโลมนั้นช่างอบอุ่นอย่างถึงที่สุด

ภายในห้องครัว ซูมั่วได้ยินแล้วก็ยิ่งรู้สึกแสลงหู น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังนุ่มนวลแบบนั้น ฟู่อี้ชวนไม่เคยแสดงออกกับเธอมาก่อน

ทว่าตอนนี้เธอไม่ต้องการมันแล้ว แค่อยากจากไปให้เร็วที่สุดเท่านั้น

ครั้นปรับสภาพอารมณ์เรียบร้อย เธอก็ขยับมือผัดกับข้าวต่อไป

การหย่ายากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ เดิมทีคิดว่าฟู่อี้ชวนจะเซ็นชื่อหย่าให้ง่าย ๆ ไม่ขัดอะไร ตอนนี้ดูท่าแล้วเธอคงต้องคิดหาทางอื่น

ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่มีผลอะไรกับการที่ฟู่อี้ชวนคิดจะทรมานเธอเลย นี่เป็นกรรมที่เธอต้องชดใช้ เป็นกรรมต่อความโลภที่เธอมีเมื่อสองปีก่อน

ในห้องรับแขก

เย่ซินหย่าถูกปลอบประโลมอยู่พักหนึ่ง เธออิงอยู่บนหน้าอกของฟู่อี้ชวน สัมผัสความอ่อนโยนของชายหนุ่ม ราวกับว่าความรักที่เขามีให้เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่า? ทั้งที่ซูมั่วเป็นคนพูดขึ้นเองแล้วแท้ ๆ

เธอเงยหน้ามอง ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ถามสิ่งที่อยากถามออกไป ถ้าพูดออกไปแล้วจะดูจงใจเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ที่เธอสร้างไว้

ทางข้างบน ฟู่อี้ชวนลูบแผ่นหลังของหญิงสาวเบา ๆ ทว่าดวงตากลับล่องลอยออกไปไกล

ไม่คาดคิดเลยว่าซูมั่วจะพูดเรื่องหย่าออกมา แถมท่าทีก็ยังเฉยเมยเย็นชาขนาดนั้น

เกิดความกระวนกระวายไม่เป็นสุขขึ้นในใจเขาราง ๆ ราวกับบางสิ่งบางอย่างกำลังจะหายไป ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ พลางกำมือแน่น

ซูมั่วรักเขาขนาดนั้น จะหย่ากับเขาจริง ๆ ได้ที่ไหน? ก็แค่จงใจเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ตอนที่ซูมั่วทำกับข้าวเกือบจะเสร็จแล้ว เย่ซินหย่าก็เดินเข้ามาในตอนนี้เอง พลางแสร้งทำเป็นพูดว่า

“มั่วมั่ว ฉันช่วยเธอยกกับข้าวนะ”

“ไม่จำเป็น” ซูมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เย่ซินหย่ากระตุกยิ้มเย็นชาที่บริเวณมุมปาก หางตาเหลือบไปเห็นชายเสื้อ เลยจงใจก้าวเข้าไปจะหยิบจาน

จานที่จะยกมานั้นเป็นหมูตุ๋นน้ำแดงจานหนึ่ง เพิ่งออกมาจากหม้อ กำลังร้อน ๆ เธอจงใจเอื้อมมือผ่านหน้าซูมั่วไปยกมา

ซูมั่วจะถอยหลังหลบ สุดท้ายแล้วเป็นตอนนั้นเองที่จานพลันหลุดจากมือเย่ซินหย่า หมูตุ๋นน้ำเดินพลันร่วงหล่นลงพื้น กระแทกเข้ากับหลังเท้าของซูมั่ว

ชั่วพริบตานั้น ซูมั่วเจ็บจนน้ำตาไหลพราก ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เย่ซินหย่าก็กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน

“กรี๊ด...”

“มือฉัน เลือดออกแล้ว!”

ฟู่อี้ชวนพุ่งเข้าไปในครัวแทบจะทันที ในสายตาของเขา มือขวาของซูมั่วกำลังยกมีดขึ้น มันบาดลงไปบนมือของเย่ซินหย่าอย่างรุนแรง

“ซูมั่ว! ฆ่าคนอื่นมันผิดกฎหมายนะ เธออยากติดคุกหรือไง!” ฟู่อี้ชวนระเบิดโทสะตะโกนออกมา ฝ่ามือใหญ่ดันเจ้าตัวให้ออกไป

เดิมทีซูมั่วก็ถูกของร้อนลวกเท้าจนเจ็บยากจะทานทนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มาถูกดันอีก ตัวจึงกระแทกเข้ากับมุมกำแพง จากนั้นก็ล้มลงไปกองที่พื้น

แต่เดิมก้นกบก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังไม่ทันหายดี แล้วต้องมาเจ็บซ้ำอีก เธอส่งเสียงร้องไห้ออกมาทันที

ฟู่อี้ชวนโอบเย่ซินหย่าไว้พลางพาเดินไปที่ประตู ครั้นได้ยินเสียงร้องไห้ก็หันไปทันทีโดยไม่รู้ตัว เขาเห็นบนตัวและเท้าของซูมั่วเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร

“ฮือ ๆ ๆ เลือดเต็มไปหมดเลย...” เย่ซินหย่าร้องไห้แทบขาดใจ ดึงสติฟู่อี้ชวนกลับมาได้ในชั่วพริบตา เขาประคองเจ้าตัวไปนั่งลงบนโซฟา ควานหากล่องปฐมพยาบาลมาห้ามเลือดให้

ครั้นเห็นบาดแผลได้ชัดเจน มันเป็นแค่รอยบาดเล็ก ๆ ที่ขนาดไม่ถึงรอยเล็บจิกด้วยซ้ำ หลังเช็ดคราบเลือดออกไป เลือดก็หยุดไหลเองแล้ว

“ฮือ ๆ ฉันกลัวเจ็บ กลัวเป็นแผล นายก็รู้นี่อี้ชวน” เย่ซินหย่าพูดสะอึกสะอื้น

ฟู่อี้ชวนแปะปลาสเตอร์ให้เธอ แล้วนั่งลงข้าง ๆ พลางกอดเธอไว้ พูดด้วยเสียงอู้อี้ระคนปวดใจ

“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเธอกลัวเจ็บที่สุด เพราะตอนเด็ก ๆ ที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามีหลายคนคอยแกล้งเธอ”

นั่นเป็นช่วงเวลาดำมืดที่สุดของซินหย่า เขาแทบอยากจะเกิดใหม่ไปเมื่อสิบสองปีก่อน แล้วปกป้องเด็กผู้หญิงอ่อนแอและน่าสงสารคนนั้นไว้

ยามที่ทั้งสองคนกอดกัน ซูมั่วก็ประคองตัวอยู่กับบานประตูห้องครัว แล้วเดินกะเผลกออกมา

เธอมองไปทางโซฟา ชั่วพริบตานั้นหยาดน้ำตาก็ยิ่งทำให้พร่ามัวมากขึ้น

ฆ่าคน... ฟู่อี้ชวนถึงกับพูดออกมาว่าเธอจะฆ่าเย่ซินหย่า ตาสุนัขข้างไหนของเขาเห็นเป็นแบบนั้นกัน?

กระทั่งมือของเย่ซินหย่าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรเธอยังไม่รู้ และโดนป้ายความผิดให้ทั้งแบบนั้น แถมที่เท้าก็ยังมาถูกน้ำซุปจากหมูตุ๋นน้ำแดงหกลวกอีก ตรงนั้นเพิ่งพอเป็นตุ่มน้ำไปเมื่อวานเองนะ

เธอคู้ตัวพลางเดินกะโผลกกะเผลก ย้ายตัวเองไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำ

ฟู่อี้ชวนได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว จึงหันหน้าไปดู จนกระทั่งเงาหลังนั้นหายไป เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นเลย

ในห้องน้ำ

ซูมั่วเปิดฝักบัว เดิมคิดจะใช้น้ำอุ่น ทว่าทันทีที่น้ำอุ่นโดนผิวก็กลายเป็นน้ำเดือดไป เธอกัดปากแน่น ใช้น้ำเย็นชะล้างเศษอาหารและคราบน้ำซุป

ตุ่มน้ำเล็ก ๆ ถูกจานกระแทกจนส่วนใหญ่แตกหมดแล้ว น้ำซุปกับสายน้ำกระทบเขากับผิวบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ มันเจ็บจนเธอกระตุกไปทั้งตัว

ทว่าความเจ็บที่กายสู้ความเจ็บในใจไม่ได้เลย เธอหลับตาลง นึกถึงภาพที่ฟู่อี้ชวนผลัดเธอออกอย่างรุนแรง

เธอคิดว่าการที่ไม่รักฟู่อี้ชวนแล้วเป็นขีดจำกัดอย่างถึงที่สุดของเธอ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มจะเกลียดเขาแล้วละ

เธอเกลียดเหลือเกิน!

ทำไมต้องทรมานเธอขนาดนี้ด้วย? ทำไมยังจะต้องพาเย่ซินหย่ามาร่วมทรมานเธอด้วย? เธอทำผิดถึงขนาดที่ต้องตายเป็นหมื่น ๆ ครั้งเลยเหรอ!!

น้ำตาไหลรินจากหางตาร่วงหล่นสู่พื้น เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เป็นตอนนี้เองที่มีใครคนหนึ่งเดินมาทางด้านหลัง แล้วพูดขึ้นว่า

“เธอ...”

เพิ่งพูดออกไปได้เพียงคำเดียว ชั่วพริบตานั้น ซูมั่วก็หมุนตัวไป และกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนใจแทบขาด

“ออกไป! ไปให้พ้น!”

ขณะที่ถูกตะคอกใส่ ฝักบัวก็พุ่งเข้ามาด้วย ฟู่อี้ชวนยกมือขึ้นบัง ความเดือดดาลแล่นขึ้นหัวทันที

“เธอเป็นบ้าอะไร! เสียสติไปแล้วหรือไง!”

สิ่งที่ตอบเขากลับมานั้นเป็นของหลายอย่างที่พุ่งเข้ามาแทน ทั้งอ่าง หัวฝักบัว มีกระทั่งแปรงขัดส้วม ในที่สุดฟู่อี้ชวนก็ถูกบังคับให้ถอยออกไปอย่างอับจนหนทาง เขากระแทกประตูปิดด้วยความโกรธ ปากก็ด่าไปด้วยว่า

“เธอมันยัยบ้า!”

เขาอุตส่าห์มาดูด้วยความหวังดี สุดท้ายก็ถูกด่าทอทั้งยังถูกสาดน้ำ เขาเกิดความคิดอยากจะฆ่าซูมั่วขึ้นมาจริง ๆ ด้วยซ้ำ!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 254

    กระดูกก้นกบ...บริเวณนั้นคงผ่าตัดยากสินะ?กระดูกร้าว...นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?ตำแหน่งนั้น หรือว่าฟู่อี้ชวนตั้งใจจะใช้เท้าเตะท้องซูมั่ว แต่ซูมั่วพลิกตัวหลบ เลยถูกเตะเข้าที่ก้นกบ?มือที่ยันคางของหลีเชินกำแน่นขึ้นเขารู้ว่าซูมั่วผอมแค่ไหน ถ้าว่ากันตามแรงของฟู่อี้ชวน แค่เตะอย่างเดียว หากเตะอีกสักสองทีก็คงตายคาที่ได้เลย“เดี๋ยวนะ ทำไมนายใส่ใจอาการบาดเจ็บของลูกความฉันขนาดนี้” คำพูดของเจิ้งเซวียนดังขึ้นอย่างกะทันหันโดยเฉพาะคำว่า ‘ใส่ใจ’ สองพยางค์นี้ที่เตือนสติเขา เพราะเมื่อครู่หลีเชินก็เพิ่งใส่ใจผู้หญิงบางคนไป แถมก่อนจะพูดถึงเธอยังพูดเบี่ยงไปถึงน้องสาวเขาก่อนด้วยทันใดนั้น เจิ้งเซวียนที่มีประสบการณ์โชกโชนด้านความรักก็เข้าใจทันที และเบิกตากว้างพลางพูด“คนที่นายชอบคือซูมั่วเหรอ??”คำพูดนี้เสียงดังลั่น ดึงสติของหลีเชินกลับมา จากนั้นก็ปฏิเสธทันที“นายพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย เป็นทนายกลับปล่อยข่าวลือ รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย”“งั้นนายบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงที่นายนึกถึงจนว้าวุ่นเมื่อกี้คือเธอหรือเปล่า?” เจิ้งเซวียนหรี่ตา และถามหลีเชินชะงักไปครึ่งวินาที และช่องว่างในจังหวะนั้น เจิ้งเซวียนก็ชี้ข

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 253

    หลีเชินมองเขา สีหน้านิ่งค้าง จากนั้นเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นหลายส่วน“รีบบอกฉันเร็วสิ พี่สะใภ้ชื่ออะไร? เป็นคนจากวงการไหน? ฉันรู้จักไหม?” เจิ้งเซวียนตื่นเต้นขึ้นมา จิตวิญญาณความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนได้ยินคำพูดนี้ หลีเชินก็เหมือนมีเส้นขีดสีดำที่หน้าผาก พูดอย่างจริงจัง“พี่สะใภ้อะไรกัน พวกเราเคยเจอกันแค่สองสามครั้งเอง”“แสดงว่าเป็นรักแรกพบน่ะสิ~” เจิ้งเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ดูท่าอีกฝ่านจะรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยสิ? เป็นสาวสวย มีเสน่ห์โดดเด่น” เจิ้งเซวียนพูดต่อหลีเชิน “...”ในหัวเขาผุดใบหน้าของซูมั่วขึ้นมา ความจริงแล้วเจิ้งเซวียนก็เดาไม่ผิด เพียงแต่...“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” หลีเชินพูดแก้ทันทีเจิ้งเซวียนยิ้มโดยไม่พูด ยักคิ้วขึ้น ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอกยกขึ้น สีหน้าแสดงความรู้สึกว่า ‘ฉันรู้ ฉันเข้าใจฉัน รับทราบแล้ว’หลีเชิน “...”“ไม่ใช่จริง ๆ ฉันกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็แค่ช่วงนี้ได้ติดต่อกันทางอ้อมบ่อยขึ้น” หลีเชินพูดอีกครั้งจาก ‘อดีตภรรยาของฟู่อี้ชวน’ มาจนถึง ‘เพื่อนของน้องสาว’ และยังเป็นพนักงานของบริษัทคู่ค้า กระทั่งงานที่เจิ้งเซวียนรับมาด้วยถึงยั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 252

    หลีเชินสั่งอาหารแล้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทอดถอนใจอะไรนักเพราะในมุมมองของเขาต่อให้เจิ้งเซวียนไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจแล้ว แต่ตราบใดที่อยากเจอหลีโย่ว ก็ไปหาที่บ้านเขาโดยตรงได้นี่?พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเหมือนกัน เพื่อนเก่ากลับมาพบกันจึงดื่มไปหลายแก้วเจิ้งเซวียนเล่าเรื่องการก่อตั้งธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา หลีเชินก็ฟังไป สำนักงานกฎหมายปั๋วเหวินในตอนนี้ถือว่าอยู่ในอันดับท็อปสามของเมืองจิงจากหนุ่มคาสโนวาที่เริ่มต้นจากศูนย์ มีผลงานได้แบบนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจิ้งเซวียนก็รู้จักแต่จีบสาวและสำมะเลเทเมา“แล้วนายล่ะ หลังจากเรียนต่อต่างประเทศแล้วกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล ทั้งยังไม่มีพี่น้องมาแก่งแย่งกัน หลังจากตั้งหลักได้แล้วก็ควรสร้างครอบครัวนะ” เจิ้งเซวียนพูด“นายคิดแทนฉันไกลไปหน่อยนะ” หลีเชินกล่าว“ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาอยู่เลยเหรอ? ตระกูลหลีต้องก้าวไปอีกขั้น ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ได้คิด”เจิ้งเซวียนได้ยินก็ยิ้ม หลีเชินเป็นเพื่อนที่มีความพยายามที่จะก้าวหน้าที่สุดของเขา เป็นแบบอย่างของทายาทที่ยอดเยี่ยมของตระกูล เมื่อก่อนเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 251

    [เธอพูดอะไรเนี่ย? ขายหน้าอะไร? ฉันทำอะไร?]หลีโย่วเห็นข้อความนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมานี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอีคิวของพี่ชายเธอน่าเป็นห่วง ไม่เคยมีความรักไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นชายแท้แบบนี้ได้นะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสัปดาห์ก่อนที่ติ่งเซิ่งไม่ใช่ว่าไปแกล้งหยอกล้อมั่วมั่วอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำเหรอ??นี่มันขัดแย้งเกินไปจริง ๆ เธอจึงตอบกลับ[ซูมั่วเป็นผู้หญิงนะ! พี่แช่งให้เธอเป็นริดสีดวงเนี่ยนะ? นี่มันสมเหตุสมผลเหรอ? นี่มันสุภาพเหรอ? นี่เป็นคำที่พี่พูดได้เหรอ?]ภายในห้องทำงานหลีเชินมองโทรศัพท์ แล้วเม้มปากเงียบ ๆเขาไม่ได้แช่งเสียหน่อย ก็แค่วิเคราะห์จากมุมมองทางการแพทย์ ว่านั่งชักโครกนาน ๆ เสี่ยงเป็นริดสีดวงได้ง่ายจริง ๆ ซึ่งไม่ค่อยดีต่อผู้หญิงหลีโย่วคิดว่านี่ไม่สุภาพเหรอ? แต่เรื่องอาการป่วยแบบนี้ เกี่ยวอะไรกับความสุภาพล่ะ?เขาก็ไม่ได้พูดคำหยาบอะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาตรงไหนเขาส่งข้อความอธิบายสิ่งที่คิดออกไปครั้งหนึ่ง กลับทำให้หลีโย่วอึ้งไปเลยเธออ่านครั้งที่สองแบบคำต่อคำ เพื่อยืนยันความคิดของพี่ชาย“มั่วมั่ว...” หลีโย่วเงยหน้าขึ้นมาพูด“ดูเห

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 250

    พี่ชายเธอกระเหี้ยนกระหือรือจะมาเต๊าะคนอื่น เธอรู้สึกขายขี้หน้าเพื่อนสนิทจะตายอยู่แล้ว สามารถคัดชื่อเขาออกจากทะเบียนบ้านได้ไหมเนี่ย!“ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง นี่ก็ผ่านมาสิบหกนาทีแล้ว” เสียงของหลีเชินดังมาหลีโย่ว “!!!”เธอใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างเป็นที่อัปยศต่อชื่อเสียงของตระกูลหลี ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย!ยังไม่ทันจะได้สวนกลับไป ผู้ชายที่ปลายสายก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังแฝงความห่วงใยอยู่หลายส่วน“ถ้ายังไม่ออกมาจริง ๆ ลองพาเธอไปโรงพยาบาลดูสิว่าอาหารเป็นพิษหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นนั่งนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นริดสีดวงกันพอดี”ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินดังนั้น ซูมั่วก็กำหมัดแน่นในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ แทบจะขาดอากาศหายใจนี่มันคนประเภทไหนกัน!เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้คนสารเลวหลีเชินคนนี้ถ้าไม่ได้แขวะเธอสักหน่อยคงไม่ยอมเลิกรา!เธอรู้สึกว่าขณะที่ฟ้องหย่า ก็น่าจะฟ้องหลีเชินขึ้นศาลไปพร้อมกันได้เลย ในข้อหาก่อกวนโดยไม่มีเหตุอันควรและล่วงเกินทางวาจา!“ภูตผีปีศาจจงหายไป! ออกไปจากร่างพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้!” หลีโย่ว

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 249

    “ใช่สิคะ พี่มันพวกหัวขโมย” หลีโย่วสวนพี่ชายกลับหลีเชินไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึงตัดเข้าประเด็นทันทีว่า“แล้วซูมั่วล่ะ? เธออยู่ข้าง ๆ หรือเปล่า?”หลีโย่วเงยหน้าขึ้นไปมอง ซูมั่วสบตากับเธอแล้วรีบโบกมือและส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความต่อต้านและไม่ยอมรับเธอเข้าใจความหมายของเพื่อนสนิท จึงพูดว่า“มั่วมั่วไปเข้าห้องน้ำพอดี”หลีเชินได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสองวินาที แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ไปจริงเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะพูด”ซูมั่ว “...”ทำไมถึงถามคำถามนี้ออกมา ในเมื่อคุณก็พูดเหตุผลออกมาเองแล้วไม่ใช่เหรอ?นี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งกับเขา หรือจะต้องมาปะทะคารมกันตรงนี้?เมื่อเข้าใจสายตาที่พูดไม่ออกของเพื่อนสนิท หลีโย่วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูกระจกห้องครัว แกล้งทำเป็นเรียกคน แล้วตอบพี่ชายกลับไปว่า“ไปจริง ๆ ค่ะ พี่มีธุระอะไรรีบพูดมาเลย เดี๋ยวฉันเอาไปบอกให้”“เรื่องเต๊าะไม่ต้องพูดถึงเลยนะคะ มันขายขี้หน้าตระกูลหลี แล้วตอนนี้ฉันก็เปิดอัดเสียงอยู่ ถ้าพี่กล้าพูดฉันจะส่งให้พ่อกับแม่”หลีเชิน “...”เขาอยากจะถามว่าเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ? แต่พอคิดถึง ‘ประวัติ’ ที่ตัวเองเคยก่อไว้ ก็ไม่ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status