Share

บทที่ 9

Author: อิงเซี่ย
“อี้ชวน ไม่เป็นไรใช่ไหม? มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?” ด้านนอกประตูห้องน้ำ เย่ซินหย่าเอ่ยถามพลางมองชายหนุ่มที่ท่าทางอับจนไปทั้งตัวด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ไม่เป็นไร ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยความโมโห

เย่ซินหย่าแสร้งทำเป็นจะไปเปิดประตูห้องน้ำ สุดท้ายมือของเธอก็ถูกฟู่อี้ชวนรั้งไว้ เขาถลึงตาใส่ประตูกระจกอย่างแค้นเคืองพลางว่า

“อย่าเข้าไป ผู้หญิงบ้านั่นจะแยกเขี้ยวใส่เธอเอา ฉันว่าเขาคงถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชนั่นแหละ”

“มั่วมั่วต้องไม่ได้ตั้งใจแน่ นายอย่าไปโกรธเธอเลย...” เย่ซินหย่าเกลี้ยกล่อม พยายามทำหน้าที่เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ให้ทั้งสองคน ทว่ากลับกลายเป็นว่าฟู่อี้ชวนยิ่งก่นด่าออกมาอย่างร้ายกาจมากกว่าเดิม

ภายในห้องน้ำ

ถูกขวางกั้นไว้ด้วยประตูหนึ่งบาน ทว่าเสียงพูดคุยกันของหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ล้วนดังลอดเข้ามาได้ทั้งหมด ซูมั่วนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น เธอกัดปากและกำมือแน่น ความเกลียดชังกระจายออกมาทั่ว

ฟู่อี้ชวนทั้งน่ารังเกียจทั้งน่าเอือมระอา เย่ซินหย่าก็น่าสะอิดสะเอียน ช่างเป็นคู่ชายหญิงเลว ๆ ที่เหมาะสมกัน เหมือนกับสวรรค์สรรค์สร้างก็ไม่ปาน น่าจะจับมัดให้ติดกันไปเลย!

เมื่อสองปีก่อนเธอไม่ควรแทรกเข้ามาเลย ไม่ควรทำตามความชอบในวัยเยาว์เลย ตอนนี้เธอได้ลิ้มลองกับผลของกรรมอันเลวร้ายทั้งหมดแล้ว...

น้ำเย็นชโลมลงมามอบความเย็นให้กับบาดแผล ดวงตาทั้งสองข้างของซูมั่วเลื่อนลอย สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจควบคุม หัวใจด้านชาไปหมดทั้งดวง น้ำตาก็หลั่งรินจนแห้งเหือดไปหมด

ห้องนอนใหญ่

ฟู่อี้ชวนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้เองที่ประตูห้องถูกผลักออก เย่ซินหย่าเดินเข้ามาจากด้านนอก

เขาหันไปมอง พลางรีบกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตโดยไม่รู้ตัว

เย่ซินหย่าก้าวไปหาเขาช้า ๆ แววตาอ่อนโยนระคนมีเลศนัย เธอแย้มยิ้มแสนมีเสน่ห์ แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“จะอายไปทำไม ฉันเคยเห็นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง?”

แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นเรื่องจริง ทว่าฟู่อี้ชวนยังคงรู้สึกกระดากอายนิดหน่อยอยู่ดี เขาหันหน้าไปทางอื่นพลางพูดขึ้น

“รอฉันอยู่ข้างนอกก็พอแล้ว”

เย่ซินหย่าไม่ตอบเขา ตอนนี้เธอเดินมาตรงหน้าของชายหนุ่ม ยื่นมือออกไปช่วยเขาผูกเน็กไท

“นี่ฉันเคยไปเรียนมาเพื่อนายโดยเฉพาะเลยนะ คิดว่าวันข้างคงจะได้ช่วยนายผูกเน็กไททุกวัน” น้ำเสียงของเย่ซินหย่าเบาหวิว ทั้งยังแฝงไปด้วยความอ้างว้างและความเสียใจ

ฟู่อี้ชวนก้มหน้ามองเธอ ทั้งคู่สบตากันและกัน ดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นเต็มตื้นไปด้วยความน้อยใจและความหึงหวง เธอเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“สองปีมานี้ เป็นซูมั่วที่คอยช่วยนายผูกเน็กไทใช่ไหม?”

“เปล่า ฉันไม่ให้เขาแตะต้องตัวฉัน” ฟู่อี้ชวนเอ่ยปากพูดออกไปในทันที

“ห้องนี้ก็มีฉันอยู่คนเดียว ฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกับซูมั่ว” เขาเสริมเข้ามาอีกประโยค

เย่ซินหย่าแย้มยิ้ม จนดวงตาโค้งเป็นสระอิ เธอเงยหน้าขึ้นพลางเคลื่อนตัวเข้าไปหาช้า ๆ

เธอมองสำรวจตั้งแต่เข้ามาในห้องนอนใหญ่แล้ว ภายในไม่มีร่องรอยของผู้หญิงอยู่เลย เธอพอใจกับมันมาก

ริมฝีปากแนบชิดกัน เย่ซินหย่าหลับตาลง นิ้วมือลูบไล้ลูกกระเดือกของฟู่อี้ชวนเบา ๆ สัมผัสการเคลื่อนไหวของมัน แล้วจึงกระตุกยิ้มมุมปาก

ฟู่อี้ชวนยืนอยู่กับที่ทั้งแบบนั้น ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ผลักไส ในเวลาแบบนี้ในหัวสมองของเขาควรจะคิดถึงแค่ผู้หญิงที่เขารักถึงจะถูก แต่...

ปลายจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมบนกายเย่ซินหย่า ไม่รู้ทำไม กลับนึกไปถึงว่าซูมั่วไม่เคยฉีดน้ำหอมเลย แถมเมื่อวานที่เขาไปในห้องของเธอก็ได้กลิ่นหอมธรรมชาติจาง ๆ

ดึงสติกลับมาได้ในทันที เขากัดฟันพลางด่าตัวเองว่าบ้าไปแล้ว ทำไมต้องไปนึกถึงผู้หญิงบ้าคนนั้นด้วย? ดังนั้นฝ่ามือใหญ่จึงรวบหลังคอของเย่ซินหย่าที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ เป็นฝ่ายจูบตอบกลับไปอย่างดุเดือด

จุมพิตนี้ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามา ซึ่งสำหรับเย่ซินหย่าแล้วเธอทั้งชอบและตื่นเต้น ทว่าสำหรับฟู่อี้ชวนนั้น กลับกลายเป็นการระบายและเต็มไปด้วยความโกรธเสียมากกว่า

แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไร

ผ่านไปครู่ใหญ่ จูบครั้งนี้พลันสิ้นสุดลง เย่ซินหย่าหอบหายใจ ฟู่อี้ชวนเองก็ลมหายใจสะเปะสะปะ

เย่ซินหย่ายกมือขึ้นมารั้งลำคอของชายหนุ่มไว้ มืออีกข้างก็ดึงชายเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออก คลื่นอารมณ์ในดวงตาซัดสาดไปมา อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป

แต่ตอนที่จะเคลื่อนตัวขึ้นไปจูบอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับบ่ายหน้าหนี ขณะเดียวกันกับดันเธอออกพลางว่า

“เธอหิวหรือยัง เดี๋ยวฉันพาเธอออกไปกินข้างนอก ในบ้านมีผู้หญิงบ้าอยู่ ซวยชะมัด”

เย่ซินหย่าไม่ได้จูบอย่างใจหวัง เลยไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แสดงออกไป เธอช่วยฟู่อี้ชวนใส่เสื้อคลุม

ทั้งสองคนออกไปจากห้องนอน ตอนเดินผ่านระเบียงทางเดิน ฟู่อี้ชวนยังเอียงศีรษะกวาดสายตามองเล็กน้อย เห็นว่าประตูห้องน้ำยังคงปิดสนิท

“อี้ชวน~ ฉันอยากกินปิ้งย่าง นายพาฉันไปกินได้ไหม?” เย่ซินหย่าออดอ้อนอย่างถูกเวลายิ่ง

“ได้ มีร้านปิ้งย่างเกาหลีเปิดใหม่ร้านหนึ่งพอดี เดี๋ยวฉันพาเธอไปลองกิน” ฟู่อี้ชวนดึงสายตากลับมา แล้วพาเย่ซินหย่าเดินจากไป

เสียงประตูใหญ่ที่ห้องรับแขกดังขึ้น ตามมาด้วยความเงียบสงบอันไร้ที่สิ้น

ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็เปิดออกจากด้านใน ซูมั่วที่เปียกปอนไปทั้งตัวเดินออกมา สายตาของเธอเย็นชา กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

เธอใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้แห้งอย่างลวก ๆ เปลี่ยนเสื้อ แล้วเดินกะเผลกออกไปโรงพยาบาล

ยามเดินผ่านห้องครัว ซึ่งบานประตูยังคงเปิดคาไว้ ไอร้อนจากอาหารทั้งห้าจานมลายไปหมดสิ้น มันวางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวอย่างเดียวดาย

ซูมั่วกระตุกปากยิ้มเย้ยหยันออกมา แล้วเดินจากไป

เหอะ ๆ ชายหญิงชั่วช้าคู่นั้นให้เธอทำกับข้าวให้ สุดท้ายก็ไม่กินเลยสักคำ พวกเขาแค่ต้องการทรมานเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว

กดโทรศัพท์ที่หน้าจอแตก ๆ โทรไปหาฝ่ายทำความสะอาดของส่วนกลาง เพื่อให้คนเข้าไปทำความสะอาดครัว ซูมั่วขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

“คุณนายคะ ไม่ทราบว่ากับข้าวที่ทำเสร็จแล้วจะให้ทิ้งไปหมดเลยไหมคะ?”

หลังจากที่คุณป้าฝ่ายทำความสะอาดไปถึง เห็นว่าอาหารบนเคาน์เตอร์ครัวยังไม่ถูกแตะเลยแม้แต่นิด จึงโทรกลับไปถามอีกครั้ง

“ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าเปลือง ก็เอาไปโยนให้หมาจรจัดกินได้เลยค่ะ” ซูมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และวางสายไป

ให้หมากิน ก็ยังดีกว่าให้ฟู่อี้ชวนกินนั่นแหละ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status