แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: อิงเซี่ย
“อี้ชวน ไม่เป็นไรใช่ไหม? มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?” ด้านนอกประตูห้องน้ำ เย่ซินหย่าเอ่ยถามพลางมองชายหนุ่มที่ท่าทางอับจนไปทั้งตัวด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ไม่เป็นไร ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยความโมโห

เย่ซินหย่าแสร้งทำเป็นจะไปเปิดประตูห้องน้ำ สุดท้ายมือของเธอก็ถูกฟู่อี้ชวนรั้งไว้ เขาถลึงตาใส่ประตูกระจกอย่างแค้นเคืองพลางว่า

“อย่าเข้าไป ผู้หญิงบ้านั่นจะแยกเขี้ยวใส่เธอเอา ฉันว่าเขาคงถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชนั่นแหละ”

“มั่วมั่วต้องไม่ได้ตั้งใจแน่ นายอย่าไปโกรธเธอเลย...” เย่ซินหย่าเกลี้ยกล่อม พยายามทำหน้าที่เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ให้ทั้งสองคน ทว่ากลับกลายเป็นว่าฟู่อี้ชวนยิ่งก่นด่าออกมาอย่างร้ายกาจมากกว่าเดิม

ภายในห้องน้ำ

ถูกขวางกั้นไว้ด้วยประตูหนึ่งบาน ทว่าเสียงพูดคุยกันของหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ล้วนดังลอดเข้ามาได้ทั้งหมด ซูมั่วนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น เธอกัดปากและกำมือแน่น ความเกลียดชังกระจายออกมาทั่ว

ฟู่อี้ชวนทั้งน่ารังเกียจทั้งน่าเอือมระอา เย่ซินหย่าก็น่าสะอิดสะเอียน ช่างเป็นคู่ชายหญิงเลว ๆ ที่เหมาะสมกัน เหมือนกับสวรรค์สรรค์สร้างก็ไม่ปาน น่าจะจับมัดให้ติดกันไปเลย!

เมื่อสองปีก่อนเธอไม่ควรแทรกเข้ามาเลย ไม่ควรทำตามความชอบในวัยเยาว์เลย ตอนนี้เธอได้ลิ้มลองกับผลของกรรมอันเลวร้ายทั้งหมดแล้ว...

น้ำเย็นชโลมลงมามอบความเย็นให้กับบาดแผล ดวงตาทั้งสองข้างของซูมั่วเลื่อนลอย สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจควบคุม หัวใจด้านชาไปหมดทั้งดวง น้ำตาก็หลั่งรินจนแห้งเหือดไปหมด

ห้องนอนใหญ่

ฟู่อี้ชวนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้เองที่ประตูห้องถูกผลักออก เย่ซินหย่าเดินเข้ามาจากด้านนอก

เขาหันไปมอง พลางรีบกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตโดยไม่รู้ตัว

เย่ซินหย่าก้าวไปหาเขาช้า ๆ แววตาอ่อนโยนระคนมีเลศนัย เธอแย้มยิ้มแสนมีเสน่ห์ แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“จะอายไปทำไม ฉันเคยเห็นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง?”

แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นเรื่องจริง ทว่าฟู่อี้ชวนยังคงรู้สึกกระดากอายนิดหน่อยอยู่ดี เขาหันหน้าไปทางอื่นพลางพูดขึ้น

“รอฉันอยู่ข้างนอกก็พอแล้ว”

เย่ซินหย่าไม่ตอบเขา ตอนนี้เธอเดินมาตรงหน้าของชายหนุ่ม ยื่นมือออกไปช่วยเขาผูกเน็กไท

“นี่ฉันเคยไปเรียนมาเพื่อนายโดยเฉพาะเลยนะ คิดว่าวันข้างคงจะได้ช่วยนายผูกเน็กไททุกวัน” น้ำเสียงของเย่ซินหย่าเบาหวิว ทั้งยังแฝงไปด้วยความอ้างว้างและความเสียใจ

ฟู่อี้ชวนก้มหน้ามองเธอ ทั้งคู่สบตากันและกัน ดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นเต็มตื้นไปด้วยความน้อยใจและความหึงหวง เธอเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“สองปีมานี้ เป็นซูมั่วที่คอยช่วยนายผูกเน็กไทใช่ไหม?”

“เปล่า ฉันไม่ให้เขาแตะต้องตัวฉัน” ฟู่อี้ชวนเอ่ยปากพูดออกไปในทันที

“ห้องนี้ก็มีฉันอยู่คนเดียว ฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกับซูมั่ว” เขาเสริมเข้ามาอีกประโยค

เย่ซินหย่าแย้มยิ้ม จนดวงตาโค้งเป็นสระอิ เธอเงยหน้าขึ้นพลางเคลื่อนตัวเข้าไปหาช้า ๆ

เธอมองสำรวจตั้งแต่เข้ามาในห้องนอนใหญ่แล้ว ภายในไม่มีร่องรอยของผู้หญิงอยู่เลย เธอพอใจกับมันมาก

ริมฝีปากแนบชิดกัน เย่ซินหย่าหลับตาลง นิ้วมือลูบไล้ลูกกระเดือกของฟู่อี้ชวนเบา ๆ สัมผัสการเคลื่อนไหวของมัน แล้วจึงกระตุกยิ้มมุมปาก

ฟู่อี้ชวนยืนอยู่กับที่ทั้งแบบนั้น ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ผลักไส ในเวลาแบบนี้ในหัวสมองของเขาควรจะคิดถึงแค่ผู้หญิงที่เขารักถึงจะถูก แต่...

ปลายจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมบนกายเย่ซินหย่า ไม่รู้ทำไม กลับนึกไปถึงว่าซูมั่วไม่เคยฉีดน้ำหอมเลย แถมเมื่อวานที่เขาไปในห้องของเธอก็ได้กลิ่นหอมธรรมชาติจาง ๆ

ดึงสติกลับมาได้ในทันที เขากัดฟันพลางด่าตัวเองว่าบ้าไปแล้ว ทำไมต้องไปนึกถึงผู้หญิงบ้าคนนั้นด้วย? ดังนั้นฝ่ามือใหญ่จึงรวบหลังคอของเย่ซินหย่าที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ เป็นฝ่ายจูบตอบกลับไปอย่างดุเดือด

จุมพิตนี้ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามา ซึ่งสำหรับเย่ซินหย่าแล้วเธอทั้งชอบและตื่นเต้น ทว่าสำหรับฟู่อี้ชวนนั้น กลับกลายเป็นการระบายและเต็มไปด้วยความโกรธเสียมากกว่า

แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไร

ผ่านไปครู่ใหญ่ จูบครั้งนี้พลันสิ้นสุดลง เย่ซินหย่าหอบหายใจ ฟู่อี้ชวนเองก็ลมหายใจสะเปะสะปะ

เย่ซินหย่ายกมือขึ้นมารั้งลำคอของชายหนุ่มไว้ มืออีกข้างก็ดึงชายเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออก คลื่นอารมณ์ในดวงตาซัดสาดไปมา อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป

แต่ตอนที่จะเคลื่อนตัวขึ้นไปจูบอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับบ่ายหน้าหนี ขณะเดียวกันกับดันเธอออกพลางว่า

“เธอหิวหรือยัง เดี๋ยวฉันพาเธอออกไปกินข้างนอก ในบ้านมีผู้หญิงบ้าอยู่ ซวยชะมัด”

เย่ซินหย่าไม่ได้จูบอย่างใจหวัง เลยไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แสดงออกไป เธอช่วยฟู่อี้ชวนใส่เสื้อคลุม

ทั้งสองคนออกไปจากห้องนอน ตอนเดินผ่านระเบียงทางเดิน ฟู่อี้ชวนยังเอียงศีรษะกวาดสายตามองเล็กน้อย เห็นว่าประตูห้องน้ำยังคงปิดสนิท

“อี้ชวน~ ฉันอยากกินปิ้งย่าง นายพาฉันไปกินได้ไหม?” เย่ซินหย่าออดอ้อนอย่างถูกเวลายิ่ง

“ได้ มีร้านปิ้งย่างเกาหลีเปิดใหม่ร้านหนึ่งพอดี เดี๋ยวฉันพาเธอไปลองกิน” ฟู่อี้ชวนดึงสายตากลับมา แล้วพาเย่ซินหย่าเดินจากไป

เสียงประตูใหญ่ที่ห้องรับแขกดังขึ้น ตามมาด้วยความเงียบสงบอันไร้ที่สิ้น

ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็เปิดออกจากด้านใน ซูมั่วที่เปียกปอนไปทั้งตัวเดินออกมา สายตาของเธอเย็นชา กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

เธอใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้แห้งอย่างลวก ๆ เปลี่ยนเสื้อ แล้วเดินกะเผลกออกไปโรงพยาบาล

ยามเดินผ่านห้องครัว ซึ่งบานประตูยังคงเปิดคาไว้ ไอร้อนจากอาหารทั้งห้าจานมลายไปหมดสิ้น มันวางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวอย่างเดียวดาย

ซูมั่วกระตุกปากยิ้มเย้ยหยันออกมา แล้วเดินจากไป

เหอะ ๆ ชายหญิงชั่วช้าคู่นั้นให้เธอทำกับข้าวให้ สุดท้ายก็ไม่กินเลยสักคำ พวกเขาแค่ต้องการทรมานเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว

กดโทรศัพท์ที่หน้าจอแตก ๆ โทรไปหาฝ่ายทำความสะอาดของส่วนกลาง เพื่อให้คนเข้าไปทำความสะอาดครัว ซูมั่วขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

“คุณนายคะ ไม่ทราบว่ากับข้าวที่ทำเสร็จแล้วจะให้ทิ้งไปหมดเลยไหมคะ?”

หลังจากที่คุณป้าฝ่ายทำความสะอาดไปถึง เห็นว่าอาหารบนเคาน์เตอร์ครัวยังไม่ถูกแตะเลยแม้แต่นิด จึงโทรกลับไปถามอีกครั้ง

“ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าเปลือง ก็เอาไปโยนให้หมาจรจัดกินได้เลยค่ะ” ซูมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และวางสายไป

ให้หมากิน ก็ยังดีกว่าให้ฟู่อี้ชวนกินนั่นแหละ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Ketchunapond Duangsang
การแต่งนิยายเลิกแต่งแบบโง่ๆซะที
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 460

    แต่เมื่อดูจากผลแพ้ชนะคืนนี้แล้ว ดูเหมือนเธอจะกังวลมากเกินไปนอกจากเพื่อนสนิทจะถูกเอาเปรียบไปบ้าง ก็ถือเป็นว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในงานซูมั่วคุยเป็นเพื่อนเธอ จนกระทั่งเธอกลับถึงบ้าน จึงเพิ่งวางสายหลีโย่วเข้าบ้าน สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวทั้งหมดถูกเก็บไว้ หลังจากตอบแม่แบบส่ง ๆ ก็ขึ้นไปชั้นบนหลีเชินโผล่มาตรงหน้า ถือแก้วน้ำอยู่ แล้วถาม“เป็นยังไงบ้าง? คืนนี้มีแขกผู้ชายที่ถูกใจไหม?”หลีโย่วตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่ พี่รู้ไหมว่าพี่เหมือนอะไร?”หลีเชิน “?”“เหมือนแม่เล้าที่คอยเรียกลูกค้าให้พวกสาว ๆ ในสมัยโบราณมากเลย” หลีโย่วพูดด้วยรอยยิ้มหลีเชิน “...”“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ฉันเป็นห่วงเธอ และคิดถึงอนาคตที่มีความสุขของเธออยู่นะ” หลีเชินพูด“เธอคิดว่าถ้าเธอชอบใครแล้วฉันจะยอมให้เธอแต่งงานเลยเหรอ? ฉันยังต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ผ่านด่านฉันก็ไม่ได้”หลีโย่วเบะปาก ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่กำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินพี่ชายเธอถามอีกครั้ง“คืนนี้เจิ้งเซวียนก็ไปงานเลี้ยงเรือสำราญนั่นด้วย พวกเธอเจอกันไหม?”“เจอกัน” หลีโย่วตอบ“ไม่ได้เจอกันหกปี เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากฉันกลับมาเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 459

    ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งเขา และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอด้วยคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าทุกการกระทำ และทุกคำพูดของหลีโย่วก็ล้วนไม่ได้มีปัญหาความแปลกใจตอนที่เห็นตนปรากฏตัว ก็เพราะว่าจำเขาได้ จึงเดินตามเขาออกไปทันทีตนยื่นน้ำผลไม้ให้เธอ เธอก็รับไปดื่มอย่างไม่มีความระแวดระวัง เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอบอกว่าไม่ได้คบใคร บอกว่ามีพี่ชายที่เข้มงวด แล้วยังบอกว่าเขาอายุเท่า ๆ กับพี่ชายของเธอ ทุกอย่างก็สอดคล้องกันหมดเจิ้งเซวียน ‘...เพราะงั้นเป็นเขาเองที่มีปัญหา ใครใช้ให้ไม่ถามชื่ออีกฝ่ายก่อนล่ะ? กลับตั้งใจหว่านเสน่ห์แล้วค่อยถามอีกที’ที่ผ่านมาจีบหญิงไม่เคยพลาด ในที่สุดวันนี้ก็พลาด เหมือนคนเดินอยู่ริมน้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง?เจิ้งเซวียนปิดหน้าอย่างหมดแรง สุดท้ายผ่านไปสิบนาทีเต็ม ๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็สตาร์ตรถเตรียมตัวกลับบ้านสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสบายใจได้ก็คือหลีโย่วจะไม่บอกพี่ชายของเธอ และเขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทตัวต่อตัวแล้วถูกจัดการขณะเดียวกัน บนถนนที่กว้างขวางรถเฟอร์รารีเปิดประทุนขับเร็วมาก ทับเส้นจำกัดความเร็วเสียงลมหวีดหวิวข้างหู ก็ยังไ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 458

    “ไปให้พ้นเลย เอาแต่พูดเรื่องไม่ดีอยู่ได้” หวังคุนด่าพลางยิ้มเจิ้งเซวียนมองหลีโย่ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายพูด“เสี่ยวโย่วจื่อก็อยู่เล่นที่นี่ต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ วันหลังจะนัดรวมตัวกับพี่ชายเธอด้วย”“ฉันก็จะไปเหมือนกันค่ะ อยู่นานพอสมควรแล้ว ไปรายงานพี่ชายได้แล้วค่ะ” หลีโย่วยิ้มอย่างซุกซนเจิ้งเซวียนเข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร สรุปคือวันนี้หลีเชินบังคับให้เธอมางานนี้นึกถึงตอนที่เธอบอกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้ พี่ชายเธอเข้มงวดมาก ซึ่งก็ตรงกับนิสัยของหลีเชินจริง ๆ เพราะงั้น...ทำไมเขาถึงนึกเชื่อมโยงไม่ได้ตั้งแต่แรกกันนะ?ในใจเจิ้งเซวียนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย รู้สึกว่าวันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ดูยาม เขาไม่ได้ขายหน้าขนาดนี้มานานแล้วจริง ๆ แถมยังเป็นต่อหน้าน้องสาวอีก...“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ” เจิ้งเซวียนเก็บความคิด และพูดด้วยรอยยิ้มบาง“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมาเอง แต่เราออกไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ” หลีโย่วพูดทั้งสองคนเดินคู่กันออกมาจากงาน ลงจากเรือสำราญ จากนั้นก็ไปที่ลานจอดรถในช่วงเวลานี้ มีแค่เสียงพื้นรองเท้าที่ก้าวเดินของทั้งคู่เท่านั้น

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 457

    เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับ...หลีเชินเขาหันคอที่แข็งทื่อไปช้า ๆ มองใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มหวานจาง ๆ ของหญิงสาวกระแสเวลาที่ยาวนานหกปีเหมือนย่อลงในชั่วขณะนี้ ภาพของหญิงสาวที่สดใสมีเสน่ห์ตรงหน้า ซ้อนทับกับเด็กสาวที่สวมแว่นกรอบดำทั้งยังอวบเล็กน้อยเมื่อสมัยมัธยมปลายเขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกคุ้นตานัก ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้...“หลี...หลีโย่ว” จ้องมองอย่างนิ่งงันไปหลายวินาที เจิ้งเซวียนจึงเพิ่งพูดอ้ำอึ้งอย่างตกตะลึงเห็นเพียงหญิงสาวพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าที่ยิ่งหวานและจริงใจ กลับทำให้หัวใจของเจิ้งเซวียนกระตุก ต้องฝืนรักษารอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก ไม่ให้กระอักเลือดออกมาการจีบสาวในวันนี้ไม่ใช่แค่ล้มเหลว แต่โคตรจะล้มเหลวเพราะเหตุไม่คาดฝันหลีโย่ว เสี่ยวโย่วจื่อ เด็กสาวคนนั้นที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด ผลคือเขากลับ...หยอดเธอ อยากจีบเธอมาเป็นแฟนจิตสำนึกถูกประณาม เขาถูกตอกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอายทางศีลธรรมแต่เขารู้สึกว่าตนคงไม่ต้องรอให้ถูกจิตสำนึกของตัวเองฆ่าตายหรอก เพราะถ้าหลีเชินรู้ว่าเขาจะจีบน้องสาวของอีกฝ่าย คงฟันตนตายก่อนในมีดเดียวแน่“เสี่ยวโย่วจื่อ...” เจิ้งเซ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 456

    “เธอเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ? รู้จักการเต้นหลายประเภทแถมยังเชี่ยวชาญหมดเลยด้วย เหมือนเป็นนักเต้นมาตั้งแต่เกิดเลย”“ฉันเคยเต้นกับคู่เต้นผู้หญิงคนอื่นนะ แต่ท่วงท่าของพวกเธอไม่คล่องแคล่วเท่าเธอ และยิ่งไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเธอด้วย”“ตอนเพลงเร็วจังหวะเธอก็ดีมาก เข้าถึงอารมณ์เพลงได้เร็ว รอยยิ้มก็สดใสเปล่งประกาย เหมือนสาวน้อยชาวทิเบตที่มีความกระตือรือร้นใต้ภูเขาหิมะเลย”......เขาชม แต่หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ รู้ว่าอีกฝ่ายอาย เขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดโปงในฐานะนักล่าฝ่ายรุกคนหนึ่ง เมื่อบรรยากาศค่อย ๆ คืบหน้า มือซ้ายของเขาก็ขยับเล็กน้อย แล้วเป็นฝ่ายจับมือที่นุ่มนิ่มของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันมืออีกข้างที่โอบหลังเอวไว้หลวม ๆ ก็วางลงไปอย่างแผ่วเบา พร้อมพาเธอหมุนวงใหญ่รอบหนึ่งเมื่อเพลงวอลซ์จบลง ทั้งสองคนเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ รับลมทะเล และพูดคุยเรื่อยเปื่อย ตอนนี้คืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว“อายุเท่าไรแล้ว?” เจิ้งเซวียนถาม “ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?”“ยี่สิบสี่แล้ว” หญิงสาวตอบเจิ้งเซวียนแปลกใจเล็กน้อย แล้วพูด“ดูไม่ออกเลยจริง ๆ ฉันนึกว่าเธอเพิ่งบรรลุนิติภาวะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่ซะอีก”ประโยคน

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 455

    “ดื่มเถอะ ฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่ใช้วิธีต่ำทรามแบบนั้นหรอก”หญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็จิบสองอึกจนชุ่มคอ จากนั้นก็นั่งลงเงียบ ๆ“เมื่อกี้มองออกว่าเธอเหนื่อยกับการรับมือ ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้นัดแนะกันมาก่อน แต่กลับร่วมมือกันได้ดีทีเดียว” เจิ้งเซวียนพิงราวกั้นพลางมองเธอแล้วพูด“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย เจิ้งเซวียนที่ฟังความผิดปกติไม่ออก ยิ้มบางและพูด“แค่ช่วยเหลือเล็กน้อย ช่วยเธอได้ฉันก็ดีใจ”บทสนทนาดูเหมือนจะจบลงตรงนี้ แต่เจิ้งเซวียนเป็นใคร เขาสร้างหัวข้อสนทนาได้ง่ายเหมือนจับวางอยู่แล้ว“ฉันเห็นการเต้นเพลงแรกของเธอ จังหวะแปดนับที่สาม ถ้าหมุนเพิ่มอีกครึ่งรอบอาจจะสวยกว่านี้นะ” เขาพูดเขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำสวยหรูเพื่อชมเอาใจเธอ และยิ่งไม่ได้บอกว่าท่าเต้นของเธอได้มาตรฐานแค่ไหน และรูปร่างของเธอเย้ายวนแค่ไหนแต่ชี้ให้เห็นถึง ‘ปัญหา’ ราวกับกำลังพูดเรื่องการเต้นรำอย่างบริสุทธิ์ใจเพราะวิธีจีบผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักกับผู้หญิงที่เคยมีความรักนั้นแตกต่างกันมาก การชมอย่างผลีผลามและเจตนาที่ชัดเจนเกินไปมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายตกใจจนหนีไปกลับกันการชี้แนะอย่างจริงใจ และรุกอย่างช้า ๆ จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status