Share

บทที่ 9

Penulis: อิงเซี่ย
“อี้ชวน ไม่เป็นไรใช่ไหม? มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?” ด้านนอกประตูห้องน้ำ เย่ซินหย่าเอ่ยถามพลางมองชายหนุ่มที่ท่าทางอับจนไปทั้งตัวด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ไม่เป็นไร ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยความโมโห

เย่ซินหย่าแสร้งทำเป็นจะไปเปิดประตูห้องน้ำ สุดท้ายมือของเธอก็ถูกฟู่อี้ชวนรั้งไว้ เขาถลึงตาใส่ประตูกระจกอย่างแค้นเคืองพลางว่า

“อย่าเข้าไป ผู้หญิงบ้านั่นจะแยกเขี้ยวใส่เธอเอา ฉันว่าเขาคงถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชนั่นแหละ”

“มั่วมั่วต้องไม่ได้ตั้งใจแน่ นายอย่าไปโกรธเธอเลย...” เย่ซินหย่าเกลี้ยกล่อม พยายามทำหน้าที่เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ให้ทั้งสองคน ทว่ากลับกลายเป็นว่าฟู่อี้ชวนยิ่งก่นด่าออกมาอย่างร้ายกาจมากกว่าเดิม

ภายในห้องน้ำ

ถูกขวางกั้นไว้ด้วยประตูหนึ่งบาน ทว่าเสียงพูดคุยกันของหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ล้วนดังลอดเข้ามาได้ทั้งหมด ซูมั่วนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น เธอกัดปากและกำมือแน่น ความเกลียดชังกระจายออกมาทั่ว

ฟู่อี้ชวนทั้งน่ารังเกียจทั้งน่าเอือมระอา เย่ซินหย่าก็น่าสะอิดสะเอียน ช่างเป็นคู่ชายหญิงเลว ๆ ที่เหมาะสมกัน เหมือนกับสวรรค์สรรค์สร้างก็ไม่ปาน น่าจะจับมัดให้ติดกันไปเลย!

เมื่อสองปีก่อนเธอไม่ควรแทรกเข้ามาเลย ไม่ควรทำตามความชอบในวัยเยาว์เลย ตอนนี้เธอได้ลิ้มลองกับผลของกรรมอันเลวร้ายทั้งหมดแล้ว...

น้ำเย็นชโลมลงมามอบความเย็นให้กับบาดแผล ดวงตาทั้งสองข้างของซูมั่วเลื่อนลอย สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจควบคุม หัวใจด้านชาไปหมดทั้งดวง น้ำตาก็หลั่งรินจนแห้งเหือดไปหมด

ห้องนอนใหญ่

ฟู่อี้ชวนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้เองที่ประตูห้องถูกผลักออก เย่ซินหย่าเดินเข้ามาจากด้านนอก

เขาหันไปมอง พลางรีบกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตโดยไม่รู้ตัว

เย่ซินหย่าก้าวไปหาเขาช้า ๆ แววตาอ่อนโยนระคนมีเลศนัย เธอแย้มยิ้มแสนมีเสน่ห์ แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“จะอายไปทำไม ฉันเคยเห็นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง?”

แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นเรื่องจริง ทว่าฟู่อี้ชวนยังคงรู้สึกกระดากอายนิดหน่อยอยู่ดี เขาหันหน้าไปทางอื่นพลางพูดขึ้น

“รอฉันอยู่ข้างนอกก็พอแล้ว”

เย่ซินหย่าไม่ตอบเขา ตอนนี้เธอเดินมาตรงหน้าของชายหนุ่ม ยื่นมือออกไปช่วยเขาผูกเน็กไท

“นี่ฉันเคยไปเรียนมาเพื่อนายโดยเฉพาะเลยนะ คิดว่าวันข้างคงจะได้ช่วยนายผูกเน็กไททุกวัน” น้ำเสียงของเย่ซินหย่าเบาหวิว ทั้งยังแฝงไปด้วยความอ้างว้างและความเสียใจ

ฟู่อี้ชวนก้มหน้ามองเธอ ทั้งคู่สบตากันและกัน ดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นเต็มตื้นไปด้วยความน้อยใจและความหึงหวง เธอเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“สองปีมานี้ เป็นซูมั่วที่คอยช่วยนายผูกเน็กไทใช่ไหม?”

“เปล่า ฉันไม่ให้เขาแตะต้องตัวฉัน” ฟู่อี้ชวนเอ่ยปากพูดออกไปในทันที

“ห้องนี้ก็มีฉันอยู่คนเดียว ฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกับซูมั่ว” เขาเสริมเข้ามาอีกประโยค

เย่ซินหย่าแย้มยิ้ม จนดวงตาโค้งเป็นสระอิ เธอเงยหน้าขึ้นพลางเคลื่อนตัวเข้าไปหาช้า ๆ

เธอมองสำรวจตั้งแต่เข้ามาในห้องนอนใหญ่แล้ว ภายในไม่มีร่องรอยของผู้หญิงอยู่เลย เธอพอใจกับมันมาก

ริมฝีปากแนบชิดกัน เย่ซินหย่าหลับตาลง นิ้วมือลูบไล้ลูกกระเดือกของฟู่อี้ชวนเบา ๆ สัมผัสการเคลื่อนไหวของมัน แล้วจึงกระตุกยิ้มมุมปาก

ฟู่อี้ชวนยืนอยู่กับที่ทั้งแบบนั้น ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ผลักไส ในเวลาแบบนี้ในหัวสมองของเขาควรจะคิดถึงแค่ผู้หญิงที่เขารักถึงจะถูก แต่...

ปลายจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมบนกายเย่ซินหย่า ไม่รู้ทำไม กลับนึกไปถึงว่าซูมั่วไม่เคยฉีดน้ำหอมเลย แถมเมื่อวานที่เขาไปในห้องของเธอก็ได้กลิ่นหอมธรรมชาติจาง ๆ

ดึงสติกลับมาได้ในทันที เขากัดฟันพลางด่าตัวเองว่าบ้าไปแล้ว ทำไมต้องไปนึกถึงผู้หญิงบ้าคนนั้นด้วย? ดังนั้นฝ่ามือใหญ่จึงรวบหลังคอของเย่ซินหย่าที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ เป็นฝ่ายจูบตอบกลับไปอย่างดุเดือด

จุมพิตนี้ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามา ซึ่งสำหรับเย่ซินหย่าแล้วเธอทั้งชอบและตื่นเต้น ทว่าสำหรับฟู่อี้ชวนนั้น กลับกลายเป็นการระบายและเต็มไปด้วยความโกรธเสียมากกว่า

แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไร

ผ่านไปครู่ใหญ่ จูบครั้งนี้พลันสิ้นสุดลง เย่ซินหย่าหอบหายใจ ฟู่อี้ชวนเองก็ลมหายใจสะเปะสะปะ

เย่ซินหย่ายกมือขึ้นมารั้งลำคอของชายหนุ่มไว้ มืออีกข้างก็ดึงชายเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออก คลื่นอารมณ์ในดวงตาซัดสาดไปมา อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป

แต่ตอนที่จะเคลื่อนตัวขึ้นไปจูบอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับบ่ายหน้าหนี ขณะเดียวกันกับดันเธอออกพลางว่า

“เธอหิวหรือยัง เดี๋ยวฉันพาเธอออกไปกินข้างนอก ในบ้านมีผู้หญิงบ้าอยู่ ซวยชะมัด”

เย่ซินหย่าไม่ได้จูบอย่างใจหวัง เลยไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แสดงออกไป เธอช่วยฟู่อี้ชวนใส่เสื้อคลุม

ทั้งสองคนออกไปจากห้องนอน ตอนเดินผ่านระเบียงทางเดิน ฟู่อี้ชวนยังเอียงศีรษะกวาดสายตามองเล็กน้อย เห็นว่าประตูห้องน้ำยังคงปิดสนิท

“อี้ชวน~ ฉันอยากกินปิ้งย่าง นายพาฉันไปกินได้ไหม?” เย่ซินหย่าออดอ้อนอย่างถูกเวลายิ่ง

“ได้ มีร้านปิ้งย่างเกาหลีเปิดใหม่ร้านหนึ่งพอดี เดี๋ยวฉันพาเธอไปลองกิน” ฟู่อี้ชวนดึงสายตากลับมา แล้วพาเย่ซินหย่าเดินจากไป

เสียงประตูใหญ่ที่ห้องรับแขกดังขึ้น ตามมาด้วยความเงียบสงบอันไร้ที่สิ้น

ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็เปิดออกจากด้านใน ซูมั่วที่เปียกปอนไปทั้งตัวเดินออกมา สายตาของเธอเย็นชา กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

เธอใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้แห้งอย่างลวก ๆ เปลี่ยนเสื้อ แล้วเดินกะเผลกออกไปโรงพยาบาล

ยามเดินผ่านห้องครัว ซึ่งบานประตูยังคงเปิดคาไว้ ไอร้อนจากอาหารทั้งห้าจานมลายไปหมดสิ้น มันวางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวอย่างเดียวดาย

ซูมั่วกระตุกปากยิ้มเย้ยหยันออกมา แล้วเดินจากไป

เหอะ ๆ ชายหญิงชั่วช้าคู่นั้นให้เธอทำกับข้าวให้ สุดท้ายก็ไม่กินเลยสักคำ พวกเขาแค่ต้องการทรมานเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว

กดโทรศัพท์ที่หน้าจอแตก ๆ โทรไปหาฝ่ายทำความสะอาดของส่วนกลาง เพื่อให้คนเข้าไปทำความสะอาดครัว ซูมั่วขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

“คุณนายคะ ไม่ทราบว่ากับข้าวที่ทำเสร็จแล้วจะให้ทิ้งไปหมดเลยไหมคะ?”

หลังจากที่คุณป้าฝ่ายทำความสะอาดไปถึง เห็นว่าอาหารบนเคาน์เตอร์ครัวยังไม่ถูกแตะเลยแม้แต่นิด จึงโทรกลับไปถามอีกครั้ง

“ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าเปลือง ก็เอาไปโยนให้หมาจรจัดกินได้เลยค่ะ” ซูมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และวางสายไป

ให้หมากิน ก็ยังดีกว่าให้ฟู่อี้ชวนกินนั่นแหละ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Ketchunapond Duangsang
การแต่งนิยายเลิกแต่งแบบโง่ๆซะที
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status