“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ”
เพียงพอใจถูกพาตัวออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นเลยที่เธอนั้นฟื้นขึ้นมา ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นยังไม่หายดี เวลาเดินเหินยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลยและก็ยังเจ็บระบมอยู่ด้วย ส่วนแผลภายนอกไม่ต้องพูดถึงบนศีรษะของเธอยังมีผ้าพันแผลพันรอบอยู่เลย
พอมาถึงยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นท้ายซอยที่ด้านหน้าเป็นปากซอยติดกับถนนใหญ่ รอบๆบริเวณไม่มีบ้านหลังอื่นเลยแม้แต่หลังเดียว ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้โดดเด่นเอามากๆเลย แถมด้วยการล้อมรั้วสูงใหญ่และหนาจนคนนอกเดินผ่านมาไม่มีทางมองเห็นด้านในบ้านแน่นอน
เธอถึงกับมีคำถามในทันทีว่าที่นี่คือที่แห่งใด เมื่อเธอไม่คุ้นตาเลยตั้งแต่รถถูกเลี้ยวเข้ามาแล้ว ไม่เหมือนกับที่เธอคุ้นหน้าคนที่สั่งให้เธอมาที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว
“บ้านไง มองไม่เห็นหรือไงวะ”
โจตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ตั้งคำถามโง่ๆมาตลอดทาง ถามทางบ้าง ถามชื่อเขาบ้างล่ะ แล้วนี่ยังมาถามอีกว่าบ้านคืออะไร
“ฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเหรอคะ”
เธอพยายามนึกจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน อาการปวดหัวเริ่มถามหาอีกครั้ง แต่ทว่าก็ยังนึกไม่ออก
“ถามมากจริงวะ หุบปากสักที หรือต้องตบปิดปากห๊ะ”
มือหนาของลูคัสที่หน้าตาของเขาบวมปูดจนดูแทบไม่ได้จากการถูกลงโทษ ผลักเข้าให้ที่หลังของหญิงสาวเพียงครึ่งแรงเพื่อให้เธอออกเดินเข้าไปในบ้านสักที ไม่ใช่มาตั้งคำถามกับเขามากมายแบบนี้ มันน่ารำคาญ
“ใจเย็นดิวะไอ้ลูคัส”
โจถึงกับรีบห้ามเพื่อนเอาไว้ก่อนที่จะทำให้สิ่งของของเจ้านายเสียหายไป กลัวว่าเพื่อจะคอขาดก่อนวัยอันควร
“มึงพาเข้าไปเองแล้วกัน กูจะไม่ยุ่ง”
ลูคัสจำต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะเผลอพลั้งมือฆ่าใครเข้า เพราะถ้าเขาไม่หยุดเขาอาจเป็นคนที่ตายตามอีนั้นไปอีกคนก็ได้
“พาไปที่ห้อง อย่าให้ออกมาถ้านายไม่ได้สั่ง”
โจเลยเป็นฝ่ายพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านก่อนจะส่งไม้ต่อให้เด็กภายในบ้านรับหน้าที่พาขึ้นไปขังไว้บนห้องด้านบนที่ถูกเตรียมรอเอาไว้แล้ว
“จ้า พี่โจ”
บุษย์เด็กสาววัยสิบแปดที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิดเพราะป้าแม่บ้านรับเลี้ยงเธอเอาไว้ รีบเสนอหน้าเข้ามาทำหน้าที่คุมตัวนักโทษของเจ้านายต่อจากคนที่เธอคิดว่าเขาเป็นพี่ชายในทันที
“จัดการเรื่องอาหารการกินด้วย ให้กินอยู่ในห้อง ทำความสะอาดให้ดีด้วยล่ะ”
แล้วโจก็หันไปสั่งป้าแม่บ้านที่ต่อจากนี้จะเป็นคนดูแลเรื่องละเอียดอ่อนพวกนั้นแทนเขา เพราะเขาคงเข้าไม่ถนัดปัดกวาดเช็ดถูอะไรพวกนั้นหรอก
“อืม”
สายใจแม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์ของมาเฟียหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรับรู้ แต่สายตากลับมองตามหลังไปยังหญิงสาวที่เพิ่งมาใหม่อย่างไม่วางตา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเป็นหญิงสาวคนแรกที่เจ้านายพาเข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่นับรวมหญิงสาวที่ถูกพามาเพื่อระบายความใคร่ของเจ้านาย
“ใครทำงานพลาดได้กินลูกปืน”
ก่อนโจจะออกไปสั่งการภายนอกตัวบ้าน เขาได้เอ่ยเตือนป้าแม่บ้านกับเด็กของเธอเอาไว้ด้วย เพราะไม่อยากจะต้องมาลงโทษคนทั้งสองเมื่อมีการทำหน้าที่ของตัวเองผิดพลาดไป แค่กระทืบไอ้ลูคัสเกือบทุกวันเขาก็เมื่อยตีนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
“เดินตามมาสิ ต้องให้เชิญด้วยเหรอ”
บุษย์เดินนำหน้าหญิงสาวที่มาใหม่ไปได้หลายก้าวแล้วจนจะก้าวขึ้นบันไดบ้านอยู่แล้ว แต่ทว่าพอหันมาอีกฝ่ายกลับยืนเหม่อมองหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้
ตามประสาวัยรุ่นใจร้อน เด็กสาวก็เลยตวาดอีกฝ่ายออกไปเสียงดังลั่น
“ค่ะๆ”
เพียงพอใจได้แค่ทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายโดยที่ตัวเธอเองไม่รู้อะไรเลย ในหัวมีแต่ความว่างเปล่าและความหวาดกลัว
ไม่คิดเลยว่าเมื่อได้กลับบ้านที่เธอสัมผัสได้ว่าคำว่าบ้านต้องมีความสุขมากๆแน่เลย แต่กลับมาพบแต่ความโหดร้ายที่ไม่มีใครญาติดีกับเธอเลยตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว
ก่อนเธอจะความจำเสื่อม เธอเคยอยู่แบบนี้จริงๆนะเหรอ
“เข้าไปสิ ยืนโง่อยู่ได้”
“ฉันเคยอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“ถามฉันเหรอ”
“ฉันเคยอยู่ที่นี่ไหมคะ”
“ไม่รู้สิ ไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามของใคร”
“ช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะ”
“บอกให้เข้าไปไง พูดมากอยู่ได้”
บุษย์ดันอีกฝ่ายเข้าไปด้วยการผลักเต็มแรงเมื่อเจ้านายไม่ได้สั่งเอาไว้ว่าต้องปรานีผู้มาเยือนใหม่
ตามประสาเด็กสาวที่โตมาท่ามกลางความป่าเถื่อนของมาเฟีย เธอก็ญาติดีกับคนอื่นได้แค่นี้แหละ
“โอ๊ย”
เพียงพอใจล้มกลิ้งไปกับพื้นแข็งๆของห้องนอนนั้น แรงกระแทกนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับแผลเก่าที่ยังไม่หายดีให้กับเธอจนต้องร้องออกมา
แล้วประตูห้องก็ปิดลง ก่อนจะถูกล็อกอย่างแน่นหนาจากทางด้านนอกด้วยเสียงล็อกกุญแจดังลั่นเข้ามาภายในห้องนั้น
“ทำไม เหมือนไม่รู้จักใครเลยสักคน ทำไม ไม่คุ้นชินกับที่นี่เลยล่ะ”
เพียงพอใจอยู่กับความเจ็บปวดที่แทบลุกขึ้นยืนเองไม่ไหวอยู่นานสองนาน พอเริ่มหายดีก็เริ่มเดินสำรวจไปรอบๆ
เธอไม่คุ้นชินกับอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดเลย ราวกับเธอไม่เคยอาศัยอยู่ที่นี่
“หรือว่าที่นี่จะไม่ใช่บ้าน แล้วบ้านของฉันมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ”
ร่างเล็กๆก็นั่งลงตรงมุมหนึ่งของห้องนอนที่มีเพียงเตียงนอนกับห้องน้ำในตัวนั้นเพื่อหลบหลีกความหวาดกลัวในหัวของตัวเองที่คิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
ก่อนหยดน้ำตาจะไหลรินออกมาอย่างช้าๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและไม่รู้ว่ากำลังอยู่ที่ไหนกันแน่
ไม่มีใครเลยคอยเคียงข้างเธอในเวลาที่นี้ แม้แต่คนที่เธอคุ้นหน้ามากที่สุดอย่างเขาคนนั้นก็หายหน้าไปเลย
“แล้วฉันเป็นใครกันแน่ นางบำเรองั้นเหรอ?”
“แล้วอะไรคือนางบำเรอ?”
แล้วเธอก็ได้แต่เฝ้าถามตัวเองวนเวียนอยู่แบบนั้นเพื่อจะหาคำตอบให้กับตัวเธอเอง ด้วยเธออยากจะรู้ว่าเธอเป็นใคร จนกระทั่งเหนื่อยแล้วหลับฟุ๊บไปกับพื้นห้องแข็งๆนั้น
หมดสิ้นความสะดวกสบายที่เคยมีมาเมื่อครั้งในอดีตที่แม้แต่ตัวเธอเองก็จำไม่ได้ แต่ทว่าร่างกายกลับคุ้นชินจนเริ่มประท้วงกับพื้นแข็งๆ ทำให้ปวดไปทั่วร่างแต่ทว่าก็เหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะลุกขึ้นไหว จำต้องทนอยู่แบบนั้นทั้งน้ำตานองหน้า
“คุณ!”หลังจากที่ถูกพามาขังเอาไว้ในห้องหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในทุกๆวันเพียงพอใจก็มักจะนั่งอยู่ตรงมุมห้องแคบๆเพื่อพยายามนึกให้ออกว่าเธอคือใคร และในวันนี้ก็เหมือนกัน เธอกำลังพยายามนึกอย่างนักจนไม่ได้สนสิ่งรอบตัว แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาที่เธอนั้นแสนคุ้นหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ“เออ กูเอง”มาเฟียหนุ่มที่กำลังได้ที่ตอบกลับออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่จะมีอะไรด้วยมาพูดมากแบบนี้พวกเธอควรแค่นอนเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาก็พอ ไม่ควรมีปากมีเสียงให้เขาต้องรำคาญ“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”หญิงสาวเอื้อนเอ่ยคำถามที่คาใจมาตลอดหลายวันด้วยความอยากรู้ เมื่อเธอนั้นไม่อาจนึกออกเองได้“หุบปากซะถ้าไม่อยากตายคามือกู”ร่างหนาจับกดร่างเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นด้วยกำลังที่มีมากกว่า ขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นเอาไว้ในทันทีไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนให้ต้องเสียเวลา“ทำไมฉันถึงเป็นนางบำเรอของคุณ”เธอเฝ้าตามเด็กสาวคนนั้นที่เข้ามาส่งข้าวส่งน้ำให้เธอมาหลายวันว่านางบำเรอคืออะไรจนได้คำตอบ เลยรีบถามเขาเมื่อมีโอกาสเพราะกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก แล้วเธอก็จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองอีกเลย“ก็เพราะเธอมันร่านไ
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ”เพียงพอใจถูกพาตัวออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นเลยที่เธอนั้นฟื้นขึ้นมา ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นยังไม่หายดี เวลาเดินเหินยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลยและก็ยังเจ็บระบมอยู่ด้วย ส่วนแผลภายนอกไม่ต้องพูดถึงบนศีรษะของเธอยังมีผ้าพันแผลพันรอบอยู่เลยพอมาถึงยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นท้ายซอยที่ด้านหน้าเป็นปากซอยติดกับถนนใหญ่ รอบๆบริเวณไม่มีบ้านหลังอื่นเลยแม้แต่หลังเดียว ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้โดดเด่นเอามากๆเลย แถมด้วยการล้อมรั้วสูงใหญ่และหนาจนคนนอกเดินผ่านมาไม่มีทางมองเห็นด้านในบ้านแน่นอนเธอถึงกับมีคำถามในทันทีว่าที่นี่คือที่แห่งใด เมื่อเธอไม่คุ้นตาเลยตั้งแต่รถถูกเลี้ยวเข้ามาแล้ว ไม่เหมือนกับที่เธอคุ้นหน้าคนที่สั่งให้เธอมาที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว“บ้านไง มองไม่เห็นหรือไงวะ”โจตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ตั้งคำถามโง่ๆมาตลอดทาง ถามทางบ้าง ถามชื่อเขาบ้างล่ะ แล้วนี่ยังมาถามอีกว่าบ้านคืออะไร“ฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเหรอคะ”เธอพยายามนึกจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน อาการปวดหัวเริ่มถามหาอีกครั้ง แต่ทว่าก็ยังนึกไม่ออก“ถามมากจริงวะ หุบปากสักที หรือต้องตบปิดปากห
“แผลข้างนอกหายจะหมดแล้ว เหลือแต่ที่หัว เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีวะ”ลูคัสที่รับหน้าที่เฝ้ายามหน้าห้องพักฟื้นของลูกศัตรูของเจ้านายบ่นพึมพำออกมาเมื่อเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกวันแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่า เป็นระยะเวลาเกินครึ่งเดือนมาแล้วความเบื่อหน่ายถามหาเขาจนแทบอยากจะกระอักมันออกมาทางปาก แต่ติดตรงที่กลัวเจ้านายจนหัวหด ก็ทำได้เพียงแค่พูดลอยลมออกมาเท่านั้นนี่ถ้าไม่ใช่งานที่เจ้านายสั่ง เขาก็คงยิ่งอีนั้นที่นอนสบายอยู่ในห้องพักฟื้นนั้นตายห่าไปแล้วแน่ๆ“มึงเบื่อจะเฝ้าแล้วหรือไง”โจหันไปถามเพื่อนด้วยคำพูดสั้นๆ พร้อมกับหน้าตาที่เบื่อหน่ายสุดกำลังเช่นกัน เพราะเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าๆกับไอ้ลูคัสมันนั่นแหละ“เออซิวะ ครึ่งเดือนแล้วนะโว้ย หลับสบายใจอยู่ได้”“กูเบื่อยิ่งกว่ามึงอีก กูยังไม่พูดเลย มึงจะเสือกพูดมากทำไมวะ หนวกหู”“เอาปืนยิงกรอกปากแม่งให้จบๆไป แล้วค่อยไปรายงานนายที่หลังว่าปืนลั่น”“ถ้าอีนี่ตายมึงก็ตายจำไม่ได้หรือไง”โจทวนความจำให้กับเพื่อนรักของเขาเผื่อว่ามันจะลืมว่าเจ้านายเคยพูดเอาไว้ยังไง ก็ด้วยอีนั้นของมันที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้านาย ถ้าเจ้านาย
“ฝ่าวงล้อมออกไป”อัลวินสั่งการลูกน้องทั้งมือขวาที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถกับคนขับรถคู่ใจเสียงดังลั่นรถเมื่อในตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกไม่สู้ดีนักเขากำลังถูกล้อมโดยศัตรูที่เป็นใครสักคนก็ยังไม่รู้แต่เท่าที่รู้ในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายวางแผนมาดีมากจนเขาแทบไม่มีทางหนีออกไปได้แต่ทว่าเขากลับต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อหาทางหนีไปให้ได้ แม้เป็นรถคันเดียวที่อยู่กลางวงล้อมด้วยรถของลูกน้องถูกกันออกไปด้านนอกหมดแล้วก่อนหน้านี้เพราะเขานั้นมีลูกสาวต้องดูแล ถ้าลำพังตัวเขาเพียงคนเดียวแล้วละก็คงตั้งหลักสู้ตายอยู่ตรงนี้ ไม่หนีให้เสียชื่อหรอก“ครับนาย”“ไม่ต้องกลัว ก้มหัวเอาไว้”มือหนาของคนเป็นพ่อวางลงบนศีรษะของลูกสาวอย่างเบามือที่สุดเพื่อมอบความปลอดภัยให้ แม้รู้ดีว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นรองจนแทบไม่มีทางรอดแล้วก็ตาม“ค่ะ”สายตาหวานหันมองผู้เป็นพ่อด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ทว่าก็ยังพยายามเข้มแข็งสุดกำลังเพื่อไม่ให้พ่อต้องกังวลกัดปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวออกมา แอบปาดน้ำตาไปก็หลายรอบเพื่อไม่ให้พ่อต้องมาเห็นว่าเธอนั้นกลัวแค่ไหน“มึงไปทางนั้น”อัลวินมองหาทางออกจากวงล้อมของรถจำนวนม
“มายด์ เพียงพอใจ แกรนด์เดย์ หน้าตาเธอเป็นแบบนี้ซินะ หึ”มือหนาดึงรูปออกมาจากซองเอกสารที่ลูกน้องยื่นให้ก่อนหน้านี้ ซองนี้มาจากสายลับคนหนึ่งที่เขาส่งให้ไปแฝงตัวอยู่กับพวกตระกูลแกรนด์เดย์ ตระกูลชาติชั่วที่ฆ่าพ่อของเขา และลูกน้องคนนี้ก็ตายห่าไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงซองเอกสารที่ถูกส่งเป็นจดหมายมาถึงเขาอย่างลับๆนี้ก่อนจะวางรูปหญิงสาวสวยที่อยู่ในวัยสดใสอายุเพียงแค่ยี่สิบสองเท่านั้นลงกับโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดีหยิบเอามีดพกขนาดกำลังพอดีมือออกมาจากภายในเก๊ะของโต๊ะทำงานนั้นที่ด้ามมีดสลักชื่อตระกูลแกรนด์เดย์ออกมาปักมีดลงบนรูปภาพของหญิงสาวนั้นอย่างจงใจ ก่อนจะกรีดกรายปลายมีดไปทั่วจนรูปนั้นขาดไม่เหลือชิ้นดีมีดที่เคยปักบนอกของพ่อเขาต้องได้ย้อนกลับไปปักอกคนของพวกมันเร็วๆนี้ เลือดจำต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้นถึงจะสาสมแล้วคนที่เขาหมายตาว่าจะให้เป็นเหยื่อของความแค้นสีเลือดนี้ก็คือเธอ เพราะมันคงทำให้พ่อของเธอทรมานจนแทบดิ้นตายเหมือนกับที่พ่อของเขาต้องพบเจอก่อนตาย“เธอจะต้องชดใช้”เซนต์จ้องมองรูปที่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีนั้นอย่างไม่วางตา ไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนภายในดวงตาแข็งกร้าวนั้นราวกับจะแผดเผ