INICIAR SESIÓNเอริคละมือออกจากข้อมือเล็กนั้น เคลื่อนมาลูบไล้เรือนร่างเปลือยของคริสตี้ ผิวเธอนุ่มมือจริงๆ ถึงเธอติดจะผอมไปสักหน่อย เอริคไม่ได้รุนแรงกับเธอเพราะเธอไม่ได้ดิ้นขัดขืนอะไรเลย และตอนนี้เหมือนเธอจะเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขา เอริคละใบหน้าออกมาปล่อยริมฝีปากของ คริสตี้ให้เป็นอิสระ จมูกโด่งเป็นสันดอมดมสูดกลิ่นสาวจากลำคอเรียวเล็กนั้น เขาเลื่อนใบหน้าลงต่ำมาเรื่อยๆ ปากหยักครอบครองยอดเกสรสีชมพูนั้นร่างเล็กสั่นสะท้านขนอ่อนลุกชัน คริสตี้สับสนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะต่อต้านและดิ้นรนไม่ให้ใครก็ไม่รู้ตอนนี้หยุด และอย่าทำแบบนี้กับเธอ แต่ร่างกายเธอกลับทำตรงกันข้ามเมื่อความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เธอไม่รู้จักมันเลย แต่มันกำลังทำให้ร่างกายของเธอตอบสนองกลับอย่างเต็มใจ
“อ้าร์สสส....” เสียงครางดังออกมาจากคอที่แดงเล็กน้อยที่เกิดจากการดูดดื่มจากสัมผัสก่อนหน้านี้ เอริคดูดเลียยอดเกสรนั้นอย่างที่เขาเองก็หลงลืมไปชั่วขณะว่าเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่ ความอ่อนโยนที่มากด้วยประสบการณ์ของเขาทำให้คริสตี้ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ แบบที่ทั้งสองไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ตอนนี้กันแน่
เอริคหยุดการกระทำของตัวเองทันที เมื่อเสียงครางเล็กๆนั้น ย้ำเตือนเขาว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำไม่ใช่ความตั้งใจและเป้าประสงค์หลักที่เขาต้องการให้เกิดขึ้น เอริคหอบหายใจสายตายังตรึงอยู่ที่ใบหน้า ปาก และยอดเกสรของเนินอกที่ตอนนี้มีร่องรอยแดงเป็นจุดๆ จากการกระทำของเขา เอริคผละออกจากร่างเปลือยเปล่า เขาแกะผ้าที่พันข้อมือของคริสตี้ออกให้มือเธอเป็นอิสระ และเดินออกจากห้องนอนเล็กอย่างรวดเร็ว
“ปัง!” เสียงประตูด้านนอกปิดตามหลังทำให้คริสตี้กลับมามีสติอีกครั้ง เธอดึงผ้าปิดตาเธอออกและเอาผ้าขนหนูมาพันร่างกายตัวเองด้วยมือและร่างกายที่สั่นเทา ใบหน้าเธอเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำตา เนคไทที่ตอนนี้อยู่ในมือเธอ สายตามองเนคไทสีเข้มและเธอก็เหลือบเห็นห่อพลาสติกที่ยังไม่ถูกแกะข้างๆ หมอนที่เธอหนุนอยู่
คริสตี้สับสน มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้วใครกันที่เป็นเจ้าของเนคไท ราคาแพงเส้นนี้และห่อพลาสติกในมือเธอ เป็นบุญของเธอแล้วใช่มั้ยที่เขาเปลี่ยนใจไม่ทำสิ่งที่เขาข่มขู่เธอไว้ คริสตี้ก้มมองเรือนกายของตัวเอง รอยที่เขาคนนั้นทิ้งไว้มันยังอยู่ และความรู้สึกเมื่อกี้นี้ด้วย “ใคร?” คือสิ่งที่ คริสตี้ตั้งคำถามกับตัวเอง
เมแกน ลูเธอร์
“ไป” เอริคเอ่ยบอกกับเดธ เมื่อเขาก้าวขึ้นมาบนรถเบาะหลังด้านคนขับ เดธทำตามคำสั่งและลอบมองกระจกมองหลัง เอริคคิ้วขมวด กรามหนาขบกันแน่นใบหน้าบ่งบอกถึงความเครียดอย่างชัดเจนในสายตาของเดธ ‘เกิดอะไรขึ้น’ เดธอดคิดอยู่ในใจเงียบๆ แน่นอนว่าเขาคงไม่กล้าถาม
Grrrr Grrrr เอริคหยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอแสดงภาพผู้ที่โทร.เข้ามา
“โนอาห์”
“เฮ้!!!…เกิดอะไรขึ้นเสียงนายฟังไม่ค่อยดีเลย” โนอาห์เอ่ยถาม
“เปล่าไม่มีอะไร แค่มีเรื่องเล็กๆ กวนใจนิดหน่อย ว่าแต่มีอะไร?”
“ฉันจะถามว่า ตอนนี้นายได้รับสัญญาณตำแหน่งของโทรศัพท์เครื่องนั้นเหรอยัง?” โนอาห์สอบถามเพื่อติดตามประสิทธิภาพสิ่งประดิษฐ์ของตัวเอง เพราะนี้ผ่านมาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่เอริคแจ้งให้เขาทราบเรื่องที่ถูกบุกรุกจากพนักงานทำความสะอาด
“ยัง...คงจะด้วยสองเหตุผลที่นายบอมา คือ ระบบเครื่องยังไม่เปิดกับมันเดินทางไปไกลเกินกว่ารัศมีที่เครื่องของเราจับได้” โนอาห์รับคำโดยที่สายตาเขามองไปที่หญิงสาวในชุดบิกินี่สีแดงที่ปกปิดสิ่งสวยงามของเธอคนนั้น โนอาห์กล่าวลาจบบทสนทนากับเอริค เมื่อสาวเซ็กส์ซี่คนนั้นเดินมาหาเขา
“ไปเล่นน้ำกันดีกว่า” เสียงสาวเซ็กส์ซี่ในชุดบิกินี่สีแดงนั้น กล่าวชวน โนอาห์ที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นของผู้ชายที่ไว้สำหรับเล่นน้ำที่หาด ไมอามี่ สาวเซ็กส์ซี่คนนั้นลูบไล้ให้นิ้วมือเคลื่อนไปมาบนแผ่นอกกว้างกล้ามเนื้อแน่นแข็งแรงของโนอาห์ ผู้ซึ่งมีผิวเนียนละเอียดแบบสายพันธ์คนเอเชีย รูปร่างเขาไม่ได้ใหญ่แบบชาวตะวันตก แต่เขาก็มีรูปร่างที่สวยงามแบบชายชาวเอเชียที่รู้จักและดูแลรูปร่างของตนให้ดูดีทั้งยามสวมใส่เสื้อผ้าและไม่ใส่อะไรเลย เมื่อมันต้องเปิดเผยต่อสาวๆ เซ็กส์ซี่เหมือนอย่างเธอตรงหน้านี้ ที่เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ คนที่โนอาห์มีในสต็อค
โนอาห์ยิ้มเป็นการรับไมตรีของสาวเซ็กส์ซี่คนนี้ เขาเดินโอบเอวคอดของเธอเดินไปยังหาดทรายที่มีผู้คนมากมายมาท่องเที่ยวและเล่นน้ำ
“โนอาห์!...โนอาห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงตะโกนมาจากไกลๆ ทำให้โนอาห์หยุดเดินและหันไปตามเสียงเรียกนั้น แต่!...
“เฮ้ย!…/…จับไว้ที” โนอาห์ร้องเสียงหลง เมื่อเขาหันไปพร้อมกับสิ่งมีชีวิตสี่ขาตัวเล็กวิ่งฝ่าผ่านผู้คนมายังทางเขา พร้อมกับเสียงหญิงสาวที่ตะโกนและวิ่งตามเจ้าสี่ขาพันธ์บีเกิ้ล(Beagle) และมันก็กระโดนใส่โนอาห์ที่สองแขนเขาต้องกางออกเพื่อรับมัน และเจ้าบีเกิ้ลก็หยุดวิ่งในอ้อมแขน
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







