INICIAR SESIÓN“เฮ่อ เฮ่อ ขอบ...คุณ...” เมแกนกล่าวขอบคุณทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจ เมื่อเธอแอบเอาเจ้านี้มาที่หาดและมันก็ดันหลุดจากกระเป๋าที่เธอใส่มันมาอย่างไม่ทันตั้งใจและตั้งตัว ด้วยที่มันยังเด็กและตื่นคนตื่นสถานที่ มันเลยออกวิ่งด้วยความตกใจ
เมแกนยื่นแขนไปดึงมันคืนมาจากผู้ใจดี และทันทีที่มันเข้ามาสู่อ้อมกอดของเมแกนคนที่มันคุ้นเคยมันแลบลิ้นมาเลียหน้าเลียคอเมแกนอย่างดีใจ ทำให้เรียกเสียงหัวเราะของเมแกนออกมาอย่างโล่งอก
“โนอาห์ หยุด หยุดได้แล้ว”
“มัน ชื่อ อะไร นะ ?” โนอาห์ย้ำถามชื่อเจ้าสี่ขาที่ตอนนี้ซุกหน้าเข้าหาหญิงสาวตรงหน้าเหมือนกำลังเอ่ยเรียกชื่อมันมากกว่าจะเอ่ยถึงเขา
“ขอบคุณอีกครั้ง...เมื่อกี้คุณถามว่ามันชื่ออะไรใช่มั้ย?” โนอาห์พยักหน้าใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองเมแกนและเจ้าบีเกิ้ลสลับกัน “...เจ้านี้มันชื่อโนอาห์...น่ารักใช่มั้ยล่ะ?” เมแกนที่ให้ความสนใจเจ้าบีเกิ้ลมากกว่าชายหญิงตรงหน้าเธอ ที่ฝ่ายหญิงมองเมแกนอย่างไม่พอใจ
“เธอนี้มัน...” โนอาห์ยกมือชี้นิ้วไปที่เมแกน ด้วยอารมณ์ความไม่พอใจ โนอาห์เดินหนีไปจากตรงนั้นทันที ด้วยความรู้สึกที่หมดอารมณ์จะเล่นน้ำทะเลกับสาวเซ็กส์ซี่ เจน คือชื่อเธอ มองเมแกนอย่างไม่พอใจเช่นกันและ..
“โนอาห์ค่ะ...รอเจนด้วยค่ะ” เมแกนอ้าปากค้าง ตาค้างมองชายหญิงที่เดินหนีและวิ่งตามกันไปอย่างเหวอๆ เพราะเธอเข้าใจความไม่พอใจที่ผู้ชาย ที่ช่วยจับเจ้าโนอาห์(หมา) เขาก็ชื่อโนอาห์(คน) มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วความบังเอิญ
“เจ้าโนอาห์ ที่แท้แกก็วิ่งมาหาพี่ชายแกนี้เอง...” เมแกนพูดยิ้มๆแบบขำๆ ความบังเอิญ และอุ้มเจ้าบีเกิ้ลกลับไปยังทางที่เธอวิ่งมา
“เจน เธอกลับไปก่อนแล้วกันวันนี้ฉันไม่มีอารมณ์” โนอาห์บอกกับเจนสาวเซ็กส์ซี่ในชุดบิกินี่สีแดงที่วิ่งตามเขามา
“แต่!…”เจนหยุดคำพูดของตัวเองทันที เพียงแค่โนอาห์เหลือบตา มองเธอ และเธอก็ฉลาดที่จะจากไปตามความต้องการของโนอาห์ในทันที
โนอาห์ที่ไม่ใช่คนที่จะไม่พอใจอะไรง่ายๆ แต่ยายผู้หญิงคนนั้นกับเจ้าหมาที่ชื่อเดียวกับเขา ทำให้สุภาพบุรุษทรงเสน่ห์สไตล์เอเชียหงุดหงิดได้อย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้มและความยินดี โนอาห์เปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องเครื่องดื่มสีเหลืองฟองฟอด(เบียร์) ขึ้นดื่มเพื่อให้รสชาติขมนิดๆ กับความเย็นของมันลดอารมณ์เดือดพล่านให้บรรเทาลง โนอาห์นั่งลงบนโซฟาของบ้านพักริมหาดไมอามี่ทอดสายออกไปมองยังผืนท้องทะเลและผู้คนที่มาท่องเที่ยวทำกิจกรรมริมหาดอย่างสนุกสนาน แน่นอนที่ไม่ใช่เขาในตอนนี้...
Grrrr Grrrr เอ็ดเวิร์ดชำเลืองมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เขายื่นมือไปหยิบมันแต่เลือกที่จะปิดเสียงเรียกเข้าและคว่ำหน้าจอไว้ เพราะเดี๋ยวอีกไม่นานมันคงจะขึ้นบทความว่า ‘สายไม่ได้รับ แอนนี่ (7)’
เอ็ดเวิร์ดตั้งใจไม่รับสายเรียกเข้าที่มาจากอนาสตาเซีย เพราะเธอทำให้เขาโกรธจริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตของทั้งเขาและเธอ อนาสตาเซียหนีเขากลับฟิลาเดลเฟีย เพื่อไปช่วยลูส ลูเธอร์ ที่ถูกท่านอดัมกักตัวไว้ และตอนนี้เธอกำลังถูกส่งตัวไปอยู่กับคุณปู่(พีท)และคุณย่า(หนูนา)ที่ซอลท์ เลค ซิตี้ สักพัก ตามความต้องการของท่านอดัมที่ไม่ต้องการให้ลูส ลูเธอร์ เข้าใกล้เธอ เอ็ดเวิร์ดลุกจากเก้าอี้ในห้องทำงานและเดินออกจากห้องไปโดยตั้งใจทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่นี่เมื่อเสียงเรียกเข้าดังอีกครั้ง และเดี๋ยวไม่นานคงจะมีบทความขึ้นแสดงที่หน้าจอเขา ‘สายไม่ได้รับ แอนนี่ (8)’
“แอนนี่” อนาสตาเซียหันไปตามเสียงเรียกที่สนามบินนานาชาติซอลท์ เลค ซิตี้
“คุณย่า” อนาสตาเซียโผเข้ากอดหนูนาและพีทปู่ของเธอที่มารับหลานสาวเพียงคนเดียว และเมื่อมาถึงที่ที่ทุกคนเรียกว่าบ้าน อนาสตาเซียเดินแยกไปเพราะที่นี่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ แน่นอนว่าทุกอาณาบริเวณปลอดภัย
“แอนนี่ เป็นอะไรเหรอเปล่าจ๊ะ” หนูนาถามหลานสาวอย่างเป็นห่วง เพราะอนาสตาเซียไม่ได้เสียใจที่ต้องมาที่นี่ แต่เธอมีเรื่องกลุ้มใจอื่นอยู่แน่นอน
“คุณย่า เอ็ดเวิร์ด เอ็ดเวิร์ด ไม่รับสายแอนนี่เลย...ฮืออออ” อนาสตาเซียปล่อยโฮ!!!ออกมา ถึงแม้อนาสตาเซียดูภายนอกแล้วเธอจะเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งและเธอก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มีคนเพียงไม่กี่คนบนโลกใบนี้จะทำให้เธอเสียน้ำตาได้ และหนึ่งในนั้นก็คือชายที่เธอเอ่ยชื่อมา “เอ็ดเวิร์ดต้องโกรธแอนนี่มากแน่ๆเลย...แอนนี่ไม่ชอบเลย คุณย่าบอกแอนนี่ทีว่าแอนนี่ต้องทำอย่างไร...ฮืออออ”
หนูนาทำเพียงโอบกอดหลานสาวและลูบผมตามความยาวนั้นอย่างเข้าใจ เพราะตลอดเวลาอนาสตาเซียมักจะเชื่อฟังเอ็ดเวิร์ด ตั้งแต่เล็กจนโต เอ็ดเวิร์ดอยู่เคียงข้างอนาสตาเซียมาโดยตลอด หนูนาทราบดีว่าสำหรับ เอ็ดเวิร์ดแล้วอนาสตาเซียไม่ใช่เป็นเพียงแค่น้องสาว แต่อนาสตาเซียจะคิดว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นมากกว่าพี่ชายเหรอเปล่า ก็ต้องให้เวลาและหัวใจของเธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจเอง
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







