เข้าสู่ระบบคริสตี้ไม่ต้องรอนานเลย เมื่อเธอเห็นการเคลื่อนไหวทางเดียวกับที่เธอเดินเข้ามา...พระเจ้า!!! ไม่จริงใช่มั้ย? เอริค ซาวันเดอร์ กำลังเดินมาทางนี้ ที่ที่เธอยืนตะลึงอยู่ เธอเจอเขาอีกครั้งแบบเผชิญหน้า แต่คราวนี้แตกต่างออกไป เพราะสถานะเธอตอนนี้คือลูกจ้างเขา อย่างเป็นทางการเมื่อเขาคือประธานซาวันเดอร์กรุ๊ป
“ตามมา” คริสตี้ ก้มหน้าลงทันที แขนขาเธอตอนนี้ไม่สามารถทำตามที่เขาบอกได้ ในเมื่อเจ้าของมันกำลังตกอยู่ในสภาวะสมองขาดเลือด ไร้สมรรถภาพในการควบคุมและสั่งการ
เอริคหยุดการก้าวเมื่อประสาทสัมผัสของเขารู้ว่า ไม่มีใครเดินตามเขามาตามคำสั่งนั้น “จะมาทำงาน หรือมาจะยืนทำหน้าซื่อบื้อ” เอริคหันหลังกลับ กอดอกเอ่ยถามด้วยท่าทางที่เบื่อหน่ายอย่างชัดเจน
“เอ่อ!คะ?” คริสตี้เอ่ยตอบกลับ เธอไม่ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา เอริคแสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่...
“ตามมา” เขาเอ่ยประโยคแรกอีกครั้ง และหันหลังกลับ แต่ครั้งนี้มีผู้เดินตามเข้ามา เอริคเดินขึ้นบันไดและเดินแยกไปทางปีกขวาของบ้าน เพราะห้องนอนส่วนตัวเขาอยู่ด้านนั้น
คริสตี้เดินตามห่างๆ สายตาอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆบ้านที่โอ่อ่าสวยงาม น่าอยู่ แต่เงียบสงัดมาก คริสตี้เดินตามเข้าไปในห้องที่ประตูถูกเปิดทิ้งไว้ ดวงตาคมโตค่อยๆเบิกกว้าง เมื่อรู้ว่าคือห้องอะไร ด้วยความตกใจ คริสตี้รีบหันหลังกลับเพื่อที่จะออกไปจากห้องนี้ แต่...
ผลั๊ก ปัง! เสียงประตูถูกปิดทันที ด้วยฝีมือเขา เอริค ซาวันเดอร์ คริสตี้ตื่นกลัวขาขยับถอยหลังอัตโนมัติตามสัญชาติญาณ สองมือเล็กกระชับกระเป๋าผ้าใบขนาดย่อมที่เธอสะพายมาโดยตลอด เอริคยืนนิ่ง ทำเพียงมอง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างไรกัน
“เอ่อ! ทำความสะอาดห้องนี้เหรอคะ” เอริคอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเธอพยายามจะพูดออกมาให้ดูเป็นปกติที่สุด
“ก็คงงั้น”
“ค่ะ งั้นฉันขอเริ่มงานเลยนะคะ” เอริค ผายมือออกไปแสดงให้เธอรู้ว่าเธอสามารถทำได้อย่างที่พูดเลย
คริสตี้ดึงกระเป๋าสะพายออกพร้อมกับหายใจลึกๆ อย่างเรียกกำลังใจให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ เธอวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะใกล้ๆ สายตามองไปยังประตูอีกบาน อีกบาน “เอ่อ!...ฉัน ขออนุญาตออกไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดนะคะ” เอริคพยักหน้าเป็นการอนุญาต แต่เขาก็ยังยืนที่เดิมขวางประตูทางออกไว้ คริสตี้ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ให้ตายเถอะ! ตอนนี้เธอกลัวมาก มือเธอสั่น ตัวเธอก็สั่น เธอหายใจไม่ออกยามที่ต้องใช้ปากพูด “อ๊ะ!...” คริสตี้ร้องออกมา ทันทีที่แขนเธอถูกคว้าไว้เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้เขา เอริค ซาวันเดอร์
“ฉันควรทำยังไงกับเธอดี” คริสตี้ กลัวจนหูอื้อ เธอไม่ได้ยินสิ่งที่ เอริคเอ่ยออกมา แต่เธอใช้มืออีกข้างแกะมือเขาออก ไม่ง่ายเลย คริสตี้มองเข้าไปในตาเขา ‘กลัว’ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้และจะเป็นต่อไปถ้า เอริคยังอยู่ใกล้เธอ
“ยะ..อย่าทำอะไรฉันเลย ปล่อยฉันไปเถอะ”
“แสดงว่าเธอรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร” เอริคลดเสียงในการพูด และท่าทางแบบนี้ของเขา ‘ยิ่งกลัว’ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคริสตี้ และมากขึ้นเรื่อยๆ
“ทะ...ทำ ความสะอาด” คริสตี้ตะกุกตะกักแต่เธอก็พยายามที่จะตอบเขา
“ทำความสะอาด เธอแน่ใจเหรอ?”
“คุณหมายถึงอะไร ฉันไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจ” คริสตี้หลบตาเอริค ที่แดงก่ำอย่างน่ากลัว คนหน้าตาดีๆและน่ากลัวด้วย เป็นแบบนี้เอง...
“บอกความจริงมา ถ้ายังอยากมีลมหายเดินออกจากที่นี่” คริสตี้อ้าปากค้าง เธอกำลังจะตาย เขากำลังจะฆ่าเธอ !!!!
“ฉันไม่รู้ ฮือออ จริงๆ ฮือออ” คริสตี้แทบจะหมดสติเพราะเธอกลัวมาก มากที่สุดในชีวิต เธอไม่คิดว่าวันแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ
“คริสตี้ ชื่อเธอสินะ บอกมาว่าวันนั้นเธอถ่ายรูปห้องทำงานฉันไปทำไม?”
“คุณรู้ คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใครและทำอะไร สาบานฉันทำแค่นั้นจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าภาพพวกนั้นมันมีความหมายยังไง และจะเป็นประโยชน์กับใคร...ได้โปรดเถอะค่ะ!!!...ฉันไม่รู้อะไรเลย อย่าทำอะไรฉันเลย” เอริคหลี่ตามองคริสตี้ที่อาการเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังจะเสียสติเพราะความกลัว แต่เขาไม่มีทางประมาทเด็ดขาด บางทีสิ่งที่เขาเห็นอยู่อาจเป็นการแสดง
“เธอกำลังจะบอกว่า เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งนั้นเหรอนางนกต่อ”
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







