เข้าสู่ระบบ“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่...
“เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน
“เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว”
“ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่
“ทำไมไม่ได้”
“เชอร์รี่ เธอก็รู้นิ!ว่าไอเดนอยู่ที่ไหนตอนเย็น เธอก็ไปหาเขาเองและบอกเขาเองได้ตามที่เธอต้องการเลย” เชือกฟางพูดออกไปแบบที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
“แต่ถ้าเธออยู่ ไอเดน ไม่มีทางคุยกับฉันแน่” เชอร์รี่เริ่มไม่พอใจ เมื่อเชือกฟางทำตัวเหมือนคนหวงไอเดน ตามความเข้าใจของเชอร์รี่
“ถ้างั้น...ก็เรื่องของเธอ...อ๊ะ!!!” เชือกฟางร้องออกมา เมื่อรูปร่างเธอเล็กกว่าเชอร์รี่มาก จึงทำให้เชอร์รี่กระชากแขนของเชือกฟางอย่างแรง และด้วยจังหวะที่เชือกฟางจะเดินออกไป จึงทำให้เชอร์รี่จิกเล็บลงบนเนื้อแขนของเชือกฟางมากไป จนทำให้เกิดรอยถลอกบนแขนของเชือกฟาง
“เธอชอบไอเดนใช่มั้ย?...ทั้งโรงเรียนรู้ว่าเธอกับไอเดนไม่ใช่พี่น้องกัน...เธอแค่เด็กอุปถัมภ์ที่ครอบครัวไอเดนเอามาเลี้ยงดูก็เท่านั้น”
“ปล่อยฉันนะ!...เธอจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเธอ...แต่เธอไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้” เชือกฟางพูดด้วยใบหน้าเหเก เมื่อเชอร์รี่ออกแรงมากขึ้น ส้มที่ยืนเงียบมาโดยตลอดเห็นว่าเรื่องจะเลยเถิดไปใหญ่ จึงเข้ามาช่วย เชือกฟางแกะมือเชอร์รี่ออกจากแขนของเชือกฟาง
เชือกฟางก้มมองแขนตัวเองที่เชอร์รี่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระอย่างไม่ตั้งใจ ผิวเธอถลอกและแดงจนชัดเจน เชือกฟางรีบเดินหนีไปจากตรงนั้น เมื่อเด็กนักเรียนคนอื่นเริ่มมุงดู และอาจารย์กำลังเดินมาตรงนี้ เมื่อมีบางอย่างผิดสังเกตุ แต่ทุกอย่างก็สลายตัวทันทีเมื่อทุกคนเห็นอาจารย์ท่านนั้น
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้เอง...” ไอเดนพึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่เฉยเมย หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด
“ไอเดนเธอจะเป็นแฟนกับฉันได้มั้ย?” เชอร์รี่ถามกลับด้วยเสียงที่เบามาก เพราะหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ตามลักษณะของเด็กสาวที่ตื่นเต้นกับเรื่องของความรักแบบวัยรุ่น
“ขอคิดดูก่อน” ไอเดนตอบคำถามเชอร์รี่เพียงเท่านั้น เขาก็เดินย้อนกลับไปยังทางที่เขาเดินมา คือตึกเรียนของเชือกฟาง เพราะกล่องอาหารเที่ยงของเขาอยู่กับเชือกฟาง ที่เขาให้เธอเป็นคนเก็บไว้เป็นประจำ ไอเดนไม่ชอบอาหารที่โรงอาหารของโรงเรียนเลย แม่บ้านที่บ้านจึงต้องทำอาหารกล่องมาให้เขาตลอดและของเชือกฟางด้วย ที่เธอเป็นอะไรแบบไหนก็ได้แล้วแต่ความต้องการของไอเดน
เชอร์รี่ได้แต่มองตามหลังไอเดน อย่างมีความหวัง “เขาไม่ได้ปฎิเสธฉันเลยส้ม...”
“แต่เขาก็ไม่ได้ตอบรับเธอในทันที” ส้มเอ่ยบอกให้เชอร์รี่รู้ตัว ซึ่งถ้าเธอจะรู้สึกตัวสักนิด คำว่า คิดดูก่อน กับ ไม่ ถึงมันจะไม่เหมือนกันในคำพูด แต่เจตตนาของคนพูดมันก็คือ เหมือนกันอย่างชัดเจน เพราะถ้าไอเดนรู้สึกชอบเชอร์รี่จริง เขาก็ต้องตอบตกลงไปแล้ว แต่ส้มเลือกที่จะเงียบไว้ไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียใจโดยทันที ทั้งๆที่เธอควรจะบอกเพื่อนไปเลย
ไอเดนมองหาเชือกฟางที่กำลังเดินลงมาจากตึก “เร็วๆหน่อยฉันหิวแล้ว” เชือกฟางเงยหน้ามองไอเดน ที่วันนี้เขาเดินมาถึงที่ตึกเรียนชั้นปีของเธอ
“เชื่อแล้ว!...งั้นไปกินที่โต๊ะตรงโน้นแล้วกัน” เชือกฟางพูดและเดินนำไอเดนให้เดินตามเธอมา “จะทำอะไร?...” เชือกฟางขยับแขนหลบมือ ไอเดนที่เขากำลังจะถอดเสื้อคลุมแขนยาวที่เธอสวมอยู่ออก
“ขอดูแผลหน่อย” เชือกฟางมองเข้าไปในตาของไอเดน และเขาก็ล้วงหลอดยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เอายามา เดี๋ยวเชือกฟางทาเอง” ไอเดนชักมือหลบทิศทางมือของเชือกฟางที่กำลังยื่นมาดึงหลอดยา
“ถอดเสื้อออก เดี๋ยวทาให้...เป็นคำสั่ง” เชือกฟางได้แต่ถอนหายใจ เพราะถ้าเธอไม่ยอม เที่ยงนี้คงไม่ได้กินข้าวเป็นแน่ เพราะไอเดนมักจะยืนกรานสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเข้มแข็งแบบที่ไม่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ
ไอเดนทายาให้กับเชือกฟางอย่างเบามือ โดยที่ในใจเก็บความรู้สึกดีใจไว้ที่เชือกฟางไม่ทำตามความต้องการของเชอร์รี่ เพราะถ้าเธอทำแบบนั้น เชื่อเถอะ!เชือกฟางจะเจองานหนักอย่างที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ
“คุณย่า...ให้เชือกฟางไปอยู่ที่ประเทศไทยได้มั้ยครับ” ไอเดนย้อนคิดถึงสิ่งที่เขาคุยกับคุณย่าหนูนาเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เขาได้เจอกับเชือกฟางครั้งแรก
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร