LOGIN“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีอย่างที่สุดคนสวย”ชายหนุ่มกระซิบแทบไม่ได้ยินจากเชื่องช้านิ้วแกร่งเริ่มเคลื่อนไหวเร็วกว่าเดิมแต่ก็ไม่เร็วจนเกินไปนัก เน้นจังหวะให้หญิงสาวได้ปรับตัว ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังผละจากทรวงอกคู่สวยลงไปด้านล่างอีกด้วยนาเดียกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นพราะความรู้สึกเดือดระอุไปทั่วร่าง ตาคู่กลมโตมองตามอีกฝ่ายก่อนจะขยายกว้างขึ้นเมื่อสัมผัสร้อนชื้นครอบครองเธอ ตาคู่คมเหลือบขึ้นสบกับเธอ ขณะที่ปลายนิ้วยังทำหน้าที่ไม่หยุด ปากกับลิ้นอุ่นก็ส่งกระแสซ่านหวามหวานให้กายเธอไปพร้อมกันกระทั่งนาเดียกระโดดขึ้นจับดวงดาวที่ลอยคว้างอยู่ตรงหน้าเอาไว้ได้ แผ่นหลังบางถึงกับแอ่นโค้ง เป็นครั้งแรกที่เธอก้าวผ่านกระแสร้อนเร่าไปถึงจุดสูงสุดชนิดรุนแรง ร่างสวยสั่นสะท้านพร้อมหอบไม่หยุด แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก ร้องอุทานออกมาเสียงดัง เพราะแรงเบียดแทรกที่เข้ามาในร่างกายอย่างกะทันหัน“โอ๊ะ!”ปากเล็กห่อ ลมหายใจขาดห้วง พร้อมกระตุกอย่างแรงอีกครั้งแล้วทรุดตัวลงบนเตียงร่างกายสั่นสะท้อนสะท้านแขนกำยำโอบร่างเล็กขึ้นมากอดแนบอกไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พัก หากก็ไม่ลืมลูบหลังปลอบโยนไปด้วย แม้ทั้งคู่
เพียงจูบบางเบาเหนือกลีบปากตนจากชายหนุ่มนาเดียก็ร้อนรนจนเป็นฝ่ายตอบกลับอย่างรุนแรงด้วยตัวเอง หญิงสาวเม้มปากได้รูปด้านล่างก่อนจะส่งลิ้นเล็กเข้าไปรุกไล่ลิ้นอุ่น แต่แล้วต้องครางในลำคออย่างเก็บความเร่าร้อนไม่อยู่เพราะอีกฝ่ายดูดดึงเธอกลับมาหนักหน่วงยิ่งกว่ามือหนายังเน้นย้ำสัดส่วนอ่อนไหวไม่หยุดหย่อน ส่วนอีกข้างเกาะกุมทรวงอวบอิ่มกระชับเป็นจังหวะเดียวกัน ร่างสาววูบวาบหวามไหวไปหมดทั้งตัว ประกายไฟแปลบปลาบแผ่ซ่านทั่วทุกอณูผิวชายหนุ่มละปากอุ่นออกแล้วจูบปลายคางเล็กไล่ลงผ่านลำคอไปกลางอกพร้อมลากไล้ปลายลิ้นไปด้วย ต่ำลงผ่านเสื้อยืดจนถึงหน้าท้องก่อนจะเปิดเสื้อคนตัวเล็กขึ้น มือก็เริ่มถอดกางเกงสองชิ้นเล็กจากโค้งเว้าสะโพกกลมกลึงลงไปจนปลายเท้า ขณะที่ปากจูบซับหน้าท้องขาวเนียน อย่างโดนใจ ตาคมทอดมองรอยแผลสีชมพูจางอย่างสะท้อนใจลึกๆ ก่อนจะจูบบนจุดนั้นแผ่วเบา ไม่ได้รู้สึกว่าความงามของเธอลดลงแม้แต่น้อย“คุณถูกใจผมทั้งตัวจริงๆ ให้ตายสิ”คลินตันพึมพำเสียงแตกพร่า ยอมรับจากใจจริงว่าชอบเรือนร่างงามตรงหน้าอย่างที่สุด นาเดียไม่ได้อวบอิ่มจนล้นมือไปทุกส่วนอย่างน่าฟัด หรือผอมเพรียวไร้ไขมันจนเหลือเพียงกระดูก แต่เธอมีมัดกล้
“ดีใจนะคะ ที่คุณห่วงฉัน”คลินตันใจสะดุดไปนิดหนึ่งเพราะคำพูดของอีกฝ่าย เขาไม่ได้ห่วงเธอ แต่ที่พูดแบบนั้นเพราะความ ‘หวง’ นั่นทำให้ชายหนุ่มก็แปลกใจตัวเองไม่น้อยเช่นกัน“ยังไงก็เถอะ หมอนั่นคงมาวุ่นวายกับคุณไม่ได้อีกกระทั่งคุณกลับ เรื่องปวดหัวของไมลี่กับหมอนั่น ไม่ต้องไปใส่ใจอีกแล้ว”ชายหนุ่มสรุป นาเดียจึงพยักหน้ารับแล้วยิ้มบาง แล้วคลินตันก็เปลี่ยนเรื่องไป ไม่อยากให้หญิงสาวคิดมากเรื่องของคนอื่นอีก“คุณมีรอยช้ำตรงเข่ากับข้อศอกนี่ ทายาหรือยัง”เขาสังเกตเห็นจากตอนที่ยืนคุยกับเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เห็นว่าหญิงสาวส่ายหน้ายิ้มแหยให้“มัวแต่คิดเรื่องคนอื่น ไม่รู้จักดูแลตัวเอง”นิ้วแกร่งเคาะที่หน้าผากเล็กไปหนึ่งทีเป็นการดุ ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานอ้อนเขาเสียอย่างนั้น“คุณทาให้ฉันสิ”“โอเค”ชายหนุ่มยอมรับปากหลังจากนิ่งคิดไปเพียงอึดใจเดียว“เห็นว่าคุณเจอเรื่องแย่ๆ มานะเนี่ย ขออะไรผมจะตามใจก็แล้วกัน”นาเดียยิ้มอย่างดีใจขณะที่ชายหนุ่มปล่อยอ้อมแขนจากร่างเล็ก แล้วเอื้อมหยิบยาที่เขาให้เธอมาตั้งแต่หลังมื้อเย็น เพราะมั่นใจว่าหญิงสาวต้องมีรอยกระแทกจากการล้มตอนรถเลี้ยวไปมาอย่างแน่นอนอีกฝ่ายทำตามคำสั่งที่เขาบ
นาเดียให้ปากคำอย่างละเอียด คลินตันจะพาหญิงสาวไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายก่อนแต่เธอปฏิเสธ เพราะอีกฝ่ายสีหน้าค่อนข้างเครียดและหงอยลงไปกว่าเดิมชายหนุ่มจึงยอมตามใจ แต่ก็ถามย้ำว่าหัวเธอชนกับรถในตอนที่อยู่บนนั้นหรือเปล่า ซึ่งหญิงสาวก็ส่ายหน้า เขาจึงตัดใจยอมพากลับบ้านแล้วเดินตามไปส่งเธอถึงห้อง บอกให้อาบน้ำและนอนพัก ตอนมื้อเย็นหญิงสาวก็ค่อนข้างเงียบ ถามคำเธอก็ตอบคำ ทำให้คลินตันอดเป็นห่วงไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเป็นฝ่ายขึ้นมาหาเธอถึงห้องนอนในตอนดึก นาเดียยิ้มบางซีดเซียวให้หลังเปิดประตูแล้วเจอเจ้าของร่างสูงใหญ่ยืนอยู่“ผมเข้าไปได้ไหม”“ค่ะ”นาเดียถอยกลับมายังด้านในอีกฝ่ายจึงเดินตามเข้ามาแล้วปิดประตู“คุณดูไม่โอเคเลย ยังตกใจอยู่เหรอ”หญิงสาวส่ายหน้า ขณะนั่งลงบนเตียงนอนของตน โดยที่ชายหนุ่มยืนมองมือล้วงกระเป๋ากางเกงห่างออกไปเล็กน้อย“ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”“ไม่สบายใจเรื่องอะไร ผมยินดีรับฟังคุณเสมอนะ”ตากลมโตที่เขาเห็นในตอนนี้ดูเศร้าลงไปกว่าเคย ทำให้คลินตันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย มันใจหายแปลกๆเงียบครู่หนึ่งนาเดียก็เอ่ยขึ้น“เจมมี่เข้าใจว่าเราคบกัน แล้วเขาก็พูดให้ไมลี่เข้าใจแบบน
สองหนุ่มคุยกันอยู่ตลอด ไม่นานคลินตันก็ตามมาทัน ชายหนุ่มเร่งเครื่องขึ้นไปนำรถแอรอนพร้อมบอก“นายขับตามเอาไว้ ระวังด้วย ฉันจะทำให้มันจอดรถ”เขาพยายามประเมินรถ ตรงนี้ยังไม่ถึงถนนที่มีรถเยอะแต่ไปอีก สักหน่อยจะเริ่มเข้าเขตชุมชน เขารถเล็กยากที่จะทำให้รถใหญ่หยุดได้ และเขาไม่มีอาวุธในมือ คิดถึงอาวุธจึงจำได้ว่าไมลี่บอกว่าฝ่ายนั้นมีปืน ถ้าเขาขับขึ้นตีคู่ไปฝั่งคนขับมันอาจจะยิงมาก็ได้ คลินตันจึงเร่งขึ้นมาฝั่งตรงข้ามและขับคู่ไปแทน เชื่อว่าคนขับต้องเห็นเขาแล้วอย่างแน่นอนหากมองกระจกข้าง อีกอย่างเสื้อที่เขาสวมอยู่บ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นทีมของเจมมี่ หากมันตั้งใจจับเจมมี่มาก็ต้องรู้ว่าเป็นใครอย่างแน่นอน“ฉันว่าฉันทำให้มันจอดเองดีกว่า”แอรอนเอ่ยขึ้นเพราะเป็นรถยนต์แต่คลินตันไม่เห็นด้วย“อย่าเลย สองคนนั้นยังอยู่ในรถด้วย เราต้องคิดวิธีที่จะทำให้มันจอดรถโดยที่ไม่มีใครเป็นอันตราย”ทั้งสองคนนิ่งเงียบไป แต่แล้วอยู่ๆ แอรอนก็พูดขึ้น“ตำรวจ”“จริงด้วย ฉันก็ลืมไป”คลินตันถึงกับนึกด่าตัวเอง เขามัวแต่ห่วงนาเดียจนลืมไปเลยว่านี่เป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุดแล้ว และพวกเขาก็รู้ด้วยว่ารถคันนี้อยู่ที่ไหน“ฉันโทรเอง”แอรอนบอกแล
ไมลี่หงุดหงิดจนร้อนใจไปหมด ทำให้ไม่มีแก่ใจเข้าไปนั่งในบอกซ์ที่นั่ง สาวสวยเดินกลับออกมา เธออยากไปถามคลินตันให้รู้เรื่อง แต่คิดว่าชายหนุ่มคงไม่บอกอะไร ที่สำคัญเขาทำงานอยู่ หากเข้าไปวุ่นวายมีหวังเธอจะพลอยโดนเขาโกรธอีกต่างหาก แล้วเธอก็รับปากว่าจะดูแลผู้หญิงคนนั้น ถ้าอีกฝ่ายหายไป เขาคงไม่พอใจเธอยิ่งขึ้นไปอีก คิดอย่างนั้นแล้วจึงกลับไปหานาเดียแม้จะโกรธก็ตามแต่แล้วเมื่อเดินออกมาด้านนอกเธอกลับเห็นเจมมี่กับนาเดียเดินออกไปกับใครคนหนึ่งทั้งที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะออกไปไหนเจมมี่ควรกลับเข้าไปเตรียมตัวได้แล้วสาวสวยเดินตามพวกเขาไปด้วยความสงสัย แต่พอจะเอ่ยเรียกก็ชะงักเอาไว้ก่อนเพราะรู้สึกแปลกๆ เพราะทั้งนาเดียและเจมมี่ดูเกร็งๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจจึงแอบตามไปโดยทิ้งระยะห่างไม่ให้พวกเขาสังเกตได้“เกิดอะไรขึ้นนะ”ทั้งสามคนเดินไปยังลานจอดรถทำให้เธอต้องระวังมากขึ้น จนกระทั่งถึงรถคันหนึ่งที่เป็นรถขนของ โดยมีคนรออยู่ที่นั่นด้วย เจมมี่กับนาเดียเหมือนจะถูกบังคับให้ขึ้นไปบนนั้น และตอนนั้นเองที่ไมลี่เห็นว่าผู้ชายคนที่พวกเขาเดินมาด้วยมีปืน“อะไรกัน”หญิงสาวพึมพำและแอบหลบอยู่ตรงมุมทางออกด้านหนึ่งที่ค่อนข้







