หลินชิงชิงเงยหน้ามองพระพักตร์ของฮ่องเต้ แต่นางไม่กล้าบอกว่านางนั้นไม่ได้ตั้งใจสมัครรับการคัดเลือกเป็นพระชายาของท่านอ๋องอี้หลง แต่นางนั้นถูกใครก็ไม่รู้ถีบนางออกมาจากแถวของสาวงามจนจนนางเซออกมาจากแถว มายืนตรงหน้าเบื้องหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้อยู่เพียงผู้เดียว นางได้แต่ตอบไปว่านางเป็นบุตรีของเสนาบดีหลิว เมื่อฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแย้มดีใจชื่นชมบิดาของนางเป็นการใหญ่
จากนั้นบอกกับนางว่าได้รับการคัดเลือกนางได้รับตำแหน่งพระชายาแล้ว ไม่ต้องแข่งขันกับผู้ใดเพราะไม่มีใครสมัครมีแต่นางคนเดียวจึงให้รวบรัดตัดขั้นตอนการคัดเลือกไปเลยเหลือขั้นตอนการยกตำแหน่งนี้ให้นางไปเลย
แล้วหลังจากนี้จะแจ้งกำหนดการตบแต่งนางเข้าไปในตำหนักของท่านอ๋องอี้หลงอีกครั้งหนึ่ง หลินชิงชิงฟังคำสั่งของฮ่องเต้แล้วนั้นนางก็ตะลึงงันไป แต่ก็ไม่สามารถจะคัดค้านอะไรได้เพราะนางกลัวจะเป็นความผิดใหญ่หลวงและเดือดร้อนไปถึงครอบครัว จึงได้แต่เงียบเฉยเมื่อหันไปมองท่านพ่อ เห็นท่านพ่อมองนางด้วยสีหน้าตื่นตกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เมื่อเสร็จพิธีการเลือกคัดเลือกพระชายาแล้วแล้วทุกคนต่างทยอยออกจากท้องพระโรง เมื่อครอบครัวเสนาบดีหลิวไปถึงจวนแล้วทุกคนเดินเข้าไปรวมตัวกันที่ห้องที่โถงกลางของเรือนใหญ่ในจวน เสนาบดีหลิวโกรธลูกสาวคนสาวคนเล็กจนคิ้วที่เหมือนคันศรกระตุก
“ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเวลาไปเลือกให้ไปแสดงตัวเฉยๆ และให้ยืนอยู่ในแถวให้หมดเวลา หากขั้นตอนการคัดเลือกจบลงแล้วเราก็จะได้กลับบ้านเป็นอันเรียบร้อย แต่เจ้าเสนอตัวไปเป็นพระชายาทำไม เจ้าดูซิไม่มีขุนนางหรือคหบดีใดส่งลูกสาวเข้ารับการคัดเลือกเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่คนหวาดกลัวกิตติศัพท์ของท่านอ๋องอี้หลงทั้งนั้นเจ้าไม่รู้รึไง ”
หลิวชิงชิงบอกว่าข้ารู้ทุกเรื่องเหมือนที่คนอื่นในเมืองรู้นั่นแหละแต่ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะสมัครรับการคัดเลือกเป็นพระชายาเลยเพียงแต่ไม่รู้ผู้ใดถีบข้าออกไปจากแถวสาวงาม ทำให้ข้าเซหลุนหลุนออกไปยืนหน้าเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้และไม่อาจบอกพระองค์ถึงความจริงได้ จึงจำต้องเงียบไว้ “ ในเมื่อท่านเสนาบดีหลิวรู้เรื่องแล้วหันไปมองหน้าฮูหยินของตนเองทั้งสองมองหน้าลูกสาวคนเล็กด้วยความวิตกกังวลแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
” ถ้าอย่างนั้นมันก็คงเป็นโชคชะตาของเจ้าแล้วล่ะชิงเอ๋อ เพราะฉะนั้นเจ้าก็เตรียมตัวรอทางวังหลวงแจ้งกำหนดพิธีแต่งงานเพื่อจะตบแต่งเจ้าเจ้าเข้าตำหนักของท่านอ๋องอี้หลงก็แล้วกันเพราะตอนนี้ไม่สามารถขัดขืนหรือทำอะไรได้แล้วจะทำให้เราเดือดร้อนกระทั่งตระกูล “ พี่สาวคนโตเอ่ยขึ้นว่า ”อาจจะเป็นศัตรูของเจ้าคนใดคนหนึ่งก็ได้ที่มักจะปะทะคารมกันบ่อยๆ แต่คงมีหลายคนอยู่ จะสงสัยว่าเป็นใครก็ยังชี้ชัดลงไปตรงๆมิได้“ จะชิงเอ๋อไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมไปเงยเงียบ
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปไป 3 เดือนเช้าวันหนึ่ง เมื่อตื่นมาพระชายาหลิวมีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เช้านางรีบวิ่งไปที่กระโถนเพื่ออาเจียนเอาน้ำใสๆออกมา ท่านอ๋องลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองพระชายาวิ่งไปอาเจียนตั้งแต่เช้าและลุกขึ้นไปลูบหลังนางว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง จะให้ตามท่านหมอเลยไหมนางบอกว่าตามท่านหมอมาก็ดีเหมือนกันเพราะนางไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย ท่านอ๋องจึงเรียกหยงเอ๋อมาบอกว่าให้ไปตามให้ไปบอกพ่อบ้านให้ไปตามหมอมาดูอาการพระชายาตอนนี้เลย หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพยุงชิงชิงมานั่งมานั่งบนเตียง จากนั้นให้หย่งเอ๋อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาจนสบายดีแล้วเอายายาแก้คลื่นเหียนมาให้นางสูดดมจนนางรู้สึกสบายขึ้นจึงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เพื่อรอท่านหมอ ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านหมอก็เดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กและลงมือตรวจอาการพระชายา เมื่อลงมือตรวจอาการไปได้สักพักหนึ่งก็หันมาบอกท่านอ๋องว่าขอแสดงความยินดีด้วยตอนนีพระะชายมีท่านอ๋องน้อยแล้วขอให้พระชายาดูแลตนเองให้ดีๆตอนช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากให้ทำกิจกรรมเบาๆเพราะยังท้องอ่อนๆอยู่และได้ให้ยาบำรุงครรภ์ไว้
อีกสองวันต่อมาท่านแม่ทัพใหญ่ลู่กังเข้าวังเพื่อไปทูลขอร้องฮ่องเต้ให้ขอออกราชโองการหย่าร้างหลู้เหม่ยหลิงกับท่านอ๋องอี้หลงเพราะว่าท่านอออี้หลงมีอาการกำเริบทำให้ลูกเหม่ยหลิงหวาดกลัวมาก นางกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแม้ท่านแม่ทัพบอกว่าแม้จะเห็นใจท่านอ๋องอี้หลงเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวหวาดกลัวสามีตนเองจงมีอาการเหมือนเหมือนจะบ้า เขาคงขอต้องขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่บุตรีของตนเองจะกลายเป็นบ้า เมื่อฮ่องเต้รู้เรื่องก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะเข้าใจดีและอีกอย่างหนึ่งท่านอ๋องอี้หลงก็มาบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เขา ตั้งแต่แรกแล้วเพราะว่าไม่ได้ต้องการพระชายารองตั้งแต่แรกแล้วเขารักเพียงหลิวชิงชิงชายาของเขาเพียงเท่านั้น หากว่ามีท่านแม่ทัพใหญ่มาขอหย่าก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการให้เขาด้วยฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะออกราชโองการให้เลยตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่กลับออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ ที่การขอร้องฮ่องเต้เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น เมื่อคล้อยหลังท่านอ๋องท่านแม่ทัพใหญ่ ฮ่องเต้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่านอ๋องทำแบบนี้ดีแล้วมันจะได้ไม่มีปัญหากับทุกฝ่ายทั้งไม่มีปัญหากับบ้านเมืองและท่านอ๋องก็สมหวังไม่ต้องมีชายาที่ตัวเองไม
ท่านอ๋องนั่งที่เรือนเล็กปล่อยให้นางบีบนวดตามร่างกายไปได้สักครู่ เขาก็รู้สึกถึงอาการป่วยของเขาที่เริ่มจะกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการร้อนรุ่มตามร่างกายเหมือนมีอาการลมปรานแปรปรวน ธาตุไฟจะเข้าแทรกพอเริ่มมีอาการเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามลำคอและใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเต้นตุบๆเหมือนมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น มองดูน่ากลัวมากทั้งหน้าเขามีแต่เส้นเลือดไขว้กันเป็นใยแมงมุม เริ่มขึ้นตามหน้าใบหน้าและลำคอให้เห็นดูน่าสยดสยองมาก พระชายาหลู้และบ่าวรับใช้ของนางกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นสิ่งนั้นนางทรุดนั่งลงกับพื้น หงายหลังล้มลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก นางหนีท่านอ๋องออกมายังหน้าประตู เมื่อนางหันไปมองเห็นท่านอ๋องทรุดนั่งลงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เสียงนั้นบาดลึกเข้าไปในใจนาง มันน่ากลัวมากเหมือนกับอสุรกายร้ายหรือปีศาจที่เขาเล่าลือกัน นางรู้แล้วสิ่งที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นความจริงท่านอ๋องเป็นมนุษย์กึ่งปีศาจนางเพียงแต่เห็นแต่รูปโฉมที่เป็นมนุษย์ของเขา อาจจะเป็นรูปโฉมที่ลวงตาคนก็ได้ แต่ตอนนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขามันเหมือนปีศาจที่น่ากลัวม
พระชายารองหลู้เดินวนเวียนไปมาในเรือนเล็กปีกซ้ายของตนเอง ตั้งแต่หลังเข้าหอท่านอ๋องแทบจะไม่มาที่เรือนหลังนี้เลยเมื่อนางไปหาก็ไม่พบหรือไม่ท่านอ๋องก็ให้นางกลับมารอที่เรือนนี้แล้วจะตามมา แต่ก็ไม่เคยตามมาหานางดังที่บอกนางเลย นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลานเอ๋อสาวใช้ของนางที่นั่งมองพระชายาหลู้เดินวนเวียนไปมาจนปวดหัวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ พระชายารองเจ้าคะ เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ หากคิดจะผูกใจสามีท่านต้องมีความอดทนมากกว่านี้ งั้นวันนี้ท่านลองทำขนมไปให้ท่านอ๋องชิมดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการหาทางใกล้ชิดพูดคุยกันมากๆ เผื่อจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ” พระชายาหลู้มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ข้าจะเข้าไปทำขนมแล้วเอาไปให้ท่านพี่ลองชิมดูก็แล้วกัน” นางเข้าไปไปทำขนมขนมหวานสูตรที่มารดาเคยสอนนางและมันอร่อยมาก เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถือจานขนมนั้นตรงไปที่ตำหนักใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงพ่อบ้านบอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ออกไปธุระต่างเมืองอีกหลายวันถึงจะกลับนางโมโหมากที่ท่านอ๋องไม่บอกนางเลยว่าจะไปที่ไหนนางเป็นพระชายาของท่านอ๋องแท้ๆ แต่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสวามีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ที่ตำหนัก แถมยังไม่เคยมาห
ท่านอ๋องอี้หลงสั่งองครักษ์ไปสอดแนมที่จวนเสนาบดีหลิวว่าพระชายาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีใครมาหานางหรือนางไปพบใครบ้าง ให้มารายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาง ด้านจวนเสนาบดี หงอี้หรานมาเยี่ยมชิงชิงที่จวนเสนาบดีบ่อยๆ เขามักจะมานั่งคุยกับชิงชิงที่ศาลากลางสระบัว มานั่งกินขนมที่ชิงชิงทำ และบางครั้งก็หาซื้ออะไรแปลกๆมาฝากนาง หรือเขามักจะอยู่รับทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสนาบดีหลิวเพราะเขารู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นในจวนเสนาบดีนี้ และมาเยี่ยมครอบครัวเสนาบดีหลิวพร้อมบิดามารดาของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมืองตงสู ชิงชิงเกิดความคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองตงสูดูบ้าง นางไม่ได้ไปเที่ยวต่างเมืองมานานแล้ว หงอี้หรานจึงบอกว่างั้นก็ตามเขาไปเที่ยวที่เมืองตงสูได้เลย เขาจะกลับเอาของไปส่งเป็นเที่ยวแรกในอีกสามวัน ชิงชิงจึงบอกว่าจะต้องขออนุญาติท่านพ่อก่อนว่าจะให้นางไปได้หรือไม่ องครักษ์ขั้นสองของท่านอ๋องนำข่าวเรื่องเกี่ยวกับพระชายากลับไปทูลท่านอ๋องทุกเรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานขององครักษ์ขั้นสอง ท่านอ๋องใบหน้าบึ้งตึ้งขึ้นมาทันที หมายความว่านางมีที่หมายใหม่ อยากจะหาสามีใหม่ทั้งที่สามีเก่าก็ยังอยู่ตรงนี้ นาง
วันนี้ชิงชิงมาเดินเล่นที่ตลาด นางสบายใจขึ้นบ้างแล้วและเริ่มทำใจได้ นางคิดได้แล้วจะขอหย่ากับท่านอ๋องให้ได้ เมื่อตัดใจได้จึงมาเดินเล่นซื้อหาของกินที่ตลาดกับหยงเอ๋อ เมื่อเดินหาของกินเล่นได้หลายอย่างแล้ว แวะซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บเล็กน้อย ซื้อเครื่องปรุงครีบประทินผิวเพิ่มเติม ผลไม้เชื่อมหลายๆอย่าง และก็เดินเล่นเรื่อยๆไป ขณะนั้นหันไปสบตากับบุรุษคนหนึ่งเขายิ้มกว้างให้นางเหมือนดีใจที่ได้พบกัน นางมองรอยยิ้มนั้นแล้วเพิ่งนึกออกว่าคืออดีตสหายวัยเด็ดที่ชื่อหงอี้หราน ฝ่ายอี้หรานรีบเดินมาหานางทันที “ จำข้าได้ไหมชิงเอ๋อ ข้าไปค้าขายที่ต่างเมืองมาหลายปีเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่จึงมาเดินเล่นดูข้าวของแปลกๆเผื่อจะนำไปขายยังเมืองตงสูที่ข้าทำการค้าอยู่ ” ชิงชิงยิ้มตอบร่างหนา “ ไม่ได้พบกันเสียนาน เมื่อยังเยาว์เจ้าขี้เหร่มากไม่หล่อเหลาเท่านี้ พอโตขึ้นแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมเกร็งตอนนี้สูงใหญ่ผึ่งผายน่าดู ” อี้หรานยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย “ ก็ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดีกินดีกว่าเดิมก็เลยอ้วนท้วนขึ้น แต่เจ้าสวยงามขึ้นมาก ออกเรือนหรือยัง หากยังข้าขอสมัครเป็นคนแรก เจ้าจะรับพิจารณาหรือไม่ ”ชิงชิงหัวเราะเบาๆคิดว่าเขาพู