เมื่อพูดถึงข้อตกลงผู้ชายทั้งสี่ของครอบครัวสิขรานนท์ก็นิ่งฟังผู้เป็นยายเพราะไม่อยากที่จะขัดใจผู้เป็นยายเท่าไรเพราะว่ายายของพวกเขาก็สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก
หลังจากที่สูญเสียวิมลแม่ของหลานชายทั้งสามไป เธอก็อยู่โดดเดี่ยวจึงอยากที่จะมีเหลนไว้อุ้มชูสักคนจะได้ไม่ต้องเหงา หลังจากที่พยายามรบเร้าหลานชายทั้ง 3 ให้กลับไปอยู่กับเธอสักคนที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่เป็นผล
เพื่อนของคุณหญิงอรอนงค์ที่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้หลานของทั้งสองบ้านแต่งงานกัน เธอก็เห็นดีเห็นงามด้วยเผื่อว่าจะได้อุ้มเหลนและได้ไม่เหงาก่อนที่จะจากโลกนี้ไป มันคือความหวังของคนแก่ที่นั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียวก็แค่นั้น
“เอาอย่างนี้ถึงฉันจะเป็นยายของหลานๆแต่ยายก็ไม่อยากจะหักหาญน้ำใจพวกหลานๆมากนัก ยังไงมันก็เป็นคำพูดของผู้ใหญ่ยายก็ไม่อยากเสียคำพูด เราก็เจอกันคนละครึ่งทางก็แล้วกันนะ”
“ยายก็ไม่ใช่คนแก่หัวโบราณซะหน่อย ถ้ายายส่งหลานของคุณหญิงเพื่อนของยายมาทำงานที่ไร่ด้วยหลานๆจะว่ายังไง ส่วนเรื่องที่จะตกลงปลงใจแต่งงานหรือใครจะเป็นคนแต่งงานกับหลานสาวเพื่อนยาย ยายก็ไม่ว่าแต่ถ้าในที่สุดแล้วพวกหลานทั้ง 3 คนไม่มีใครถูกใจหรืออยากจะแต่งงานเลย ยายก็คงห้ามอะไรไม่ได้แต่ยายอยากจะให้ลองศึกษาดูใจกันไว้เผื่อยายจะยังมีหวังได้อุ้มเหลนอยู่บ้าง พวกหลานจะว่ายังไง”
“โฮ คุณยายครับ ถ้าคุณยายอยากอุ้มเหลนคุณยายก็ให้เจ้าสามมันทำให้ก็ได้นี่ครับ ปกติเจ้าสามก็ทำทุกคืนอยู่แล้ว ไม่รู้วันไหนผู้หญิงจะวิ่งอุ้มท้องมาบอกคุณพ่อว่าท้องกับเจ้าสาม”
“พูดอย่างนี้ก็สวยสิพี่สอง ทำไมอิจฉาในความหล่อของผมหรือยังไง”
“ถ้าพูดถึงความหล่อ ฉันว่าคนที่หล่อที่สุดในบรรดาพี่น้องน่าจะเป็นพี่หนึ่งมากกว่า นายมันก็แค่ไอ้หน้าตากระจอกปลายแถวจะมาเที่ยวพูดว่าตัวเองเป็นคนหล่อ นายไม่อายปากบ้างเหรอ”
“พอได้แล้วพวกแกสองคนตกลงจะเอายังไง” ผู้เป็นพ่อดุขึ้น
“เรื่องข้อเสนอของคุณยายจะตกลงไหม” ผู้เป็นพ่อรำคาญเพราะทุกครั้งที่ทั้งสองเจอกันทีไรก็เถียงกันไม่ยอมลดละ
“เอายังไงเจ้าสอง” ผู้เป็นพ่อหันไปมองหน้าธีภพที่นั่งหน้าตึงใส่ไตรภพ ส่วนไตรภพน้องชายคนเล็กเอาแต่ทำหน้าตาไม่พอใจพร้อมยักไหล่
“ผมได้หมดแหละว่าแต่พี่สองเถอะจะกล้ารับไหมล่ะ ข้อเสนอของคุณยาย” ไตรภพไม่วายที่จะพูดจาประชดพี่คนที่สองเหมือนเดิม
“เอาล่ะครับ ผมว่าข้อเสนอของคุณยายก็ไม่แย่” เอกภพที่นั่งนิ่งฟังข้อเสนออยู่นานก็ถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วหันไปคุยกับผู้เป็นยาย “ข้อเสนอของคุณยายก็ไม่แย่ซะทีเดียว ถ้าคุยกับฝั่งนั้นแล้วเขาโอเค ผมว่าก็น่าจะลองดูนะครับ บางทีผมอาจจะเจอเธอแล้วตกลงปลงใจแต่งงานก็ได้” สมาชิกในวงสนทนาต่างนิ่งอึ้งกับคำพูดของเอกภพแล้วหันไปมองหน้าเขาเป็นตาเดียว
“พี่หนึ่งเอาจริงเหรอครับ” ไตรภพหันไปถามพี่ชายคนโตที่พูดว่าอาจจะตกลงปลงใจแต่งงาน
“ผมว่าให้พวกเราสามคนลองศึกษาดูใจกับเธอก่อนเถอะครับ ดีไม่ดีอาจจะถูกใจใครคนหนึ่งอย่างที่คุณยายว่าก็ได้นะครับ” เอกภพที่พูดขึ้นมาอย่างมีเหตุผล อีกทั้งเขายังอยากให้ผู้เป็นยายสบายใจอีกด้วย
“อะไรๆมันเกี่ยวอะไรกับผม” ไตรภพโพล่งขึ้นมาอย่างคนไม่ยอมลดละ ใครจะยอมให้คลุมถุงชนกันง่ายๆสมัยนี้แล้ว
“หยุดปากไปก่อนเจ้าสาม” เอกภพห้ามผู้เป็นน้องสุดท้องเอาไว้
“ผมไม่ได้รับปากว่าผมจะศึกษาดูใจดูไส้ในกับใครนะครับ” ธีภพจึงใช้มือปิดปากผู้เป็นน้องเอาไว้ด้วยความหงุดหงิด
“ผมแค่อยากพูดกับคุณยายให้ชัดเจนว่าถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆคุณยายก็คงต้องทำใจนะครับ ว่าแต่ทางโน้นจะรับได้ไหม ถ้าลูกสาวเขามาศึกษาดูใจกับเราอยู่ที่นี้แล้วไม่ได้แต่งงานกับหลานคุณยาย”
“รับได้แน่นอน ฉันคุยกับทางโน้นแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นก็โอเคครับ”
“ถ้าหลานตกลง ยายก็จะไปคุยกับทางนั้นให้เข้าใจตรงกันอีกทีนะ แต่ยังไงยายก็ขอบใจตาหนึ่งมากนะที่หลานเป็นคนใจกว้างแล้วก็เป็นผู้ใหญ่พอ ไม่ทำให้ยายนั้นต้องผิดคนสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณหญิงเขา”
“ครับคุณยาย” ชายหนุ่มพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้ผู้เป็นยาย
“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นจะมาอยู่ที่นี่นานไหมครับ เพราะว่าถ้าพวกเราทั้งสามคนไม่ได้ต้องการจะแต่งงานกับเธอ ผมก็อยากจะให้คุณยายพาเธอกลับไปให้เร็วที่สุดครับ ผมไม่อยากให้เธอต้องเสียชื่อเสียงและอีกอย่าง ถ้าเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา ผมไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งวุ่นวายในกิจการบ้านช่องของเราด้วยครับ”
“ได้ๆๆ งั้นเอาสักปีเป็นไง หลานๆจะได้ดูใจกันไปนานๆ”
“โฮ หนึ่งปีเลยเหรอครับ มันจะนานไปไหมผู้หญิงคนนั้นจะไม่ขึ้นคานทองไปเลยเหรอครับ” ไตรภพพูดแทรกขึ้นมาไม่ยอมหยุด จนในวงสนทนาเอือมระอาในท่าทีของเขา ธีภพหันไปต่อยที่ไหล่ของน้องชายด้วยความรำคาญ
“ปากมาก”
“เจ็บนะพี่สอง” ไตรภพลูบต้นแขนด้วยท่าทางน้อยใจที่ไม่มีใครเห็นด้วยกับเขาเลย
“สามเดือนก็พอแล้วดูแค่นี้ก็เห็นแล้วครับคุณยาย” ธีภพพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอกตาสองเวลาแค่สามเดือนมันเร็วเกินไปเอาเป็นว่า ปีนึงตามที่ยายว่าก็แล้วกัน ถ้าไม่มีใครที่จะแต่งงานกับหลานสาวของเพื่อนยายจริงๆ ยายก็จะมารับเธอกลับก็แล้วกัน”
“เธอจะมาเมื่อไหร่ล่ะครับ”
“อาจจะเป็นภายในเร็วๆนี้แหละ แต่ว่ายายขอกลับไปคุยกับเพื่อนอีกสักหน่อยนะแล้วยายจะโทรมาบอกตาหนึ่ง” ตาหนึ่งช่วยเป็นธุระให้ยายหน่อยนะ”
“ครับคุณยาย” คุณหญิงอรอนงค์ลูบแขนของหลานชายคนโตที่เธอรู้สึกว่าเขานั้นเป็นผู้ใหญ่ สุขุมมีเหตุผล และเป็นผู้ชายที่อาจจะช่วยรักษาสัญญาที่เธอให้กับเพื่อนไว้ได้ แต่ไม่วายสายตาของผู้สูงวัยก็เหลือบมองผู้เป็นพ่อของหลานชายทั้งสามที่พาลูกสาวคนเดียวมาอยู่ไกลหูไกลตาเธอถึงขอนแก่นจนในที่สุดลูกสาวคนเดียวของเธอก็จากไปโดยที่ยังไม่ได้ร่ำลากัน ทำให้เธอเดินทางมาดูใจลูกสาวไม่ทัน เรื่องนี้เธอยังโกรธวิฑูรย์ไม่หายแต่ด้วยคุณหญิงอรอนงค์อยากที่จะได้อุ้มเหลนจึงต้องแบกหน้ามาหาวิฑูรย์ถึงที่ เพราะว่าคุยทางโทรศัพท์กันไม่ค่อยจะรู้เรื่องและวิฑูรย์ก็ไม่กล้าจะเป็นคนตัดสินใจแทนลูกๆทั้งสามคน
“แล้วคุณยายจะอยู่ที่นี่นานไหมครับ”
“ยายก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่นานนักหรอกตาสอง” ผู้เป็นผู้เป็นยายหันไปคุยกับธีภพ ธีภพที่หันมองหน้าผู้เป็นพ่อแต่วิฑูรย์ก็ยังนั่งนิ่งเขามีท่าทางเรียบเฉยไม่ได้พูดอะไรมากนัก
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณยายไปพักที่รีสอร์ตของผมไหมครับ” ไตรภพพูดขึ้นคุณหญิงอรอนงค์หันมายิ้มให้หลานชายคนเล็ก
“อย่าเลยครับคุณยายไม่ต้องไปพักให้ไกลหรอกครับ”
“คุณยายก็มาถึงเหนื่อย ๆ คุณยายพักอยู่ที่นี่ล่ะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลคุณยายเอง” เอกภพพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะไม่อยากให้คุณหญิงอรอนงค์นั้นเดินทางอีกเพราะกลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งไป
“เดี๋ยวยายอยู่ที่นี่ก็ได้สักสองคืนพอหายเหนื่อยแล้วยายก็จะกลับกรุงเทพฯไปคุยกับเพื่อนว่าหลานสาวของเขาพร้อมจะมาเมื่อไหร่”
หลังจากที่อรอนงค์อยู่ที่บ้านกับหลานชายได้สองวัน เธอก็อยากจะรีบกลับไปที่กรุงเทพฯเพื่อไปคุยเรื่องคู่หมั้นคู่หมายของหลานชาย
“พร้อมหรือยังครับคุณยาย” เอกภพที่พับแขนเสื้อและกำลังเดินลงมาจากบันได
“ไหนตาสามล่ะ”
“อ๋อ! เห็นว่าจะไปเจอกับคุณยายที่สนามบินเลยนะครับ”
“แล้วเมื่อคืนตาสามไม่ได้กลับบ้านเหรอ”
“ไม่ครับคุณยาย เจ้าสามน่าจะนอนค้างที่รีสอร์ตมั้งครับ ผมก็ไม่ได้ถามน้อง”
“หนึ่งหลานเองก็เป็นหลานคนโตยาย ยายฝากหลานสาวคุณหญิงด้วยนะ ยายกลัวว่าตาสองกับตาสามจะรวมหัวกลั่นแกล้งเธอ ถ้ารู้ไปถึงหูเพื่อนยาย แล้วถ้าเขาโทรมาโวยวายยายเสียผู้ใหญ่เอาได้ เข้าใจไหมลูก”
“ครับ คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับทางเราจะต้อนรับเธอเป็นอย่างดี” มือหนากุมมือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาของคุณหญิงอรอนงค์ไว้ด้วยรอยิ้มและความเคารพรัก
“หลานพูดแบบนี้ยายก็สบายใจหน่อย”
ตอนที่ 49 ตกหลุมพรางของคุณหญิงอรอนงค์“โทษทีพี่” ไตรภพพูดเสียงอู้อี้อยู่ภายใต้ฝ่ามือใหญ่ที่ปิดปากเขาอยู่จนเอกภพต้องถอนมือออกและเอาฝ่ามือเช็ดที่เสื้อของน้องชายด้วยท่าทางรังเกียจ“แหม! ผมสะอาดหรอกนะพี่”“เอาเป็นว่าพี่รอผมอยู่ตรงนี้นะ พี่อย่าเพิ่งไปไหนนะแล้วก็เก็บข้อมูลไว้ด้วยว่าคุณยายกับพี่อรเขาคุยกันเรื่องอะไรบ้าง ผมจะรีบไปตามพี่สอง” เมื่อไตรภพเดินออกไปที่หน้าบ้านก็เห็นธีภพกำลังยืนคุยกับวิฑูรย์ด้วยท่าทางเคร่งเครียด“พ่อครับคือว่าผมขอตัวพี่สองสักประเดี๋ยวได้ไหมครับ”“มีอะไรเหรอเจ้าสาม”“ไม่มีอะไรหรอกครับพอดีว่าคุณยายเรียกพี่สองนะครับหรือว่าพ่อจะไปด้วย” ไตรภพที่โกหกพ่อคำโตเพราะรู้ว่าหากให้เขาเดินตามไปหาคุณหญิงอรอนงค์พ่อของเขาคงไม่ไปด้วยแน่“ไม่ไป เดี๋ยวฉันจะเดินเล่นแถวนี้แหละพวกแกก็ไปรับโทษกันเองเถอะ” วิฑูรย์ที่อยู่ดีๆก็ยืนทำท่าออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน“อย่าหักโหมมากนะครับพ่อ อายุก็เยอะแล
ตอนที่ 48 คุณยายมาธีภพมาสมทบกับทุกคนที่นั่งอยู่บนระเบียง“มีอะไรกันเหรอครับหน้าตาเคร่งเครียด” ไตรภพหันไปมองหน้าพี่ชายที่ดูท่าจะอารมณ์ดี“อารมณ์ดีไปเถอะพี่สอง คอยดูพรุ่งนี้จะยิ้มไม่ออก”“ทำไมเหรอ”“ก็คุณยายจะมาน่ะสิ” ธีภพได้ยินแบบนั้นจึงรีบเดินลงไปทางบันไดอีกครั้ง“พี่จะไปไหนน่ะ” ธีภพไม่พูดอะไรเดินออกจากบ้านและตรงไปยังเรือนรับแขก“พ่อดูสิพอบอกว่าคุณยายจะมาพี่สองก็รีบวิ่งไปหาพี่อรเลยหรือว่าจะไปคุยกับพี่อร” วิฑูรย์ถอนหายใจยาว“ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงอีกนะ” ว่าแล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าในเวลาค่ำคืนอย่างเหนื่อยใจ ธีภพเดินไปยังห้องอรรัมภา“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” อรรัมภาเดินมาเปิดประตู ธีภพเห็นอรรัมภากำลังคุยโทรศัพท์อยู่“คุณคุยกับใคร”“คุณยายค่ะ” ธีภพจึงถอยออกมายืนรออรรัมภาที่หน้าห้องจนกว่าเธอจะคุยธุระเสร็จ ไม่นานอรรัมภาก็วา
ตอนที่ 47 ตกลงใช่เธอหรือเปล่าธีภพที่พาอรรัมภาเดินตรงไปยังไร่อ้อยที่อยู่ข้างหลัง“เราจะไปไหนกันเหรอคะ อรรัมภาถามขึ้นด้วยความสงสัยแผ่นหลังกว้างของผู้ชายที่เดินนำหน้าเธอไป“ผมจะพาคุณไปดูข้างหลังมีลำธารเล็กๆที่อยู่ด้านหลังไร่อ้อยนี้”พอเดินไปได้สักพักก็พ้นไร่อ้อยแล้วก็เจอกับสายลำธารเล็กๆที่ไหลผ่านไร่อ้อยไป“นั่นลำธารนี่คะ”“ใช่ แต่อาจจะไม่สวยเหมือนที่คุณเคยไปเที่ยวมาหรอกนะ แต่มันก็มาจากธรรมชาติ น้ำแถวนี้ใสสะอาด คุณดูสิมีปลาด้วย” เขาชี้ปลาซิวปลาสร้อยให้เธอดู“อุ๊ย! นั่นมีปลาจริงๆด้วยเยอะแยะเลยค่ะ น่ารักมากเลย คุณเลี้ยงไว้เหรอคะ”“คุณจะเลี้ยงได้ยังไง มันเกิดมาจากธรรมชาติมันก็ว่ายมาตามสายน้ำนั่นแหละ”“อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง หญิงสาวพูดพลางพยักหน้าเขายื่นมือไปที่ลำธารข้างๆกับลำธารมีต้นไม้เกิดขึ้นมีต้นดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆริมลำธารเล็กๆ“นั่นดอกอะไรคะ สีม่วงอมน้ำเงินสวยมากเลยค่ะ สีเข้มมากด้วย”“อ๋อ! นี่ดอกขมิ้นน่ะ บางที่เขาเรียกว่าดอกหญ้
ตอนที่ 45 เกือบโดนข่มขืนวิฑูรย์ที่กำลังยืนออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อเห็นรถทั้งสองคันของลูกชายคนรองและคนเล็กขับตามกันเข้ามาในลานบ้านเขาก็รู้สึกฉงนว่าทำไมวันนี้ลูกชายทั้งสองคนถึงเข้าบ้านมาพร้อมกันเมื่อเปิดประตูรถมาธีภพจึงรีบวิ่งมาเปิดประตูให้อรรัมภาและพยุงเธอออกมา ไตรภพและวริษาที่เดินลงรถมาก็เดินเข้าไปหาอรรัมภาวิฑูรย์ขมวดคิ้วเพราะรู้สึกว่าท่าทางของพวกเขาแปลกๆหรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น วิฑูรย์จึงเดินเข้าไปหาธีภพและอรรัมภาที่กำลังเดินมาหาเขา“มีอะไรกันเหรอ ทำไมวันนี้กลับบ้านมาเร็วกันจัง แล้วหนูอรเป็นอะไรหรือเปล่า” ท่าทางของอรรัมภาเหมือนคนที่เพิ่งจะร้องไห้มาไม่นานและเหมือนเธอจะเดินไม่สะดวก“พอดีเกิดเรื่องขึ้นนะครับ” ว่าแล้วธีภพก็เงียบไปสักพัก“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ” วิฑูรย์ที่ยืนฟังอยู่เห็นท่าทางของลูกทั้งสองคนอึกอักจึงถามขึ้นอีกครั้ง“ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น” วิฑูรย์ถามขึ้นเสียงดังจนวริษาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นสะดุ้งโหยงขึ้นมา“พอดีคนงานที่โรงงานนะครั
ตอนที่ 44 เจ็บปวดหัวใจธีภพกำลังจะกดโทรหาอรรัมภาอีกครั้งก็เห็นรูปภาพที่เธอส่งมาให้ บัดนนี้ใจของชายหนุ่มเต้นระส่ำด้วยความกังวล ต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับอรรัมภาแน่ เขาวิ่งกลับไปหาลุงแสง“ลุงแสงครับ รูปตรงนี้มันอยู่ส่วนไหนของโรงงานเหรอครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ส่งรูปให้แสงดู“อ๋อ! มันอยู่ป่าทางด้านหลังของโรงงานนี่เอง” ลุงแสงชี้บอกทางให้ธีภพ“งั้นลุงแสงบอกให้คนงานของเราวิ่งตามผมไปซักสิบคนนะครับ” ว่าแล้วใจเขาก็เต้นตึกตักรู้สึกเป็นห่วงอรรัมภามากกว่าเดิมบัดนี้ใบหน้าขาวผ่องก็เริ่มมีเหงื่อไหลไปตามไรผมด้วยความกังวลใจไม่รู้ว่าธีภพจะตามมาช่วยเธอทันหรือเปล่า“ขอโทษทีนะคะ พอดีว่ารองเท้าส้นสูงของฉันน่ะค่ะมันชอบติดหล่มอยู่เรื่อยเลย ฉันขอเช็ดก่อนนะคะ“เดี๋ยวรีบเดินมาเลยครับทางนี้มีผ้าเช็ด เดี๋ยวผมเช็ดให้” เขาก็เดินมาดึงแขนของอรรัมภา“ไม่ต้องมาจับแขนหรอกค่ะ ฉันไม่ได้จะล้ม”“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วย” ชายหนุ่มเริ่มออกแรงฉุดแขนของอรรัมภาแรงขึ้น“โอ๊ย! ฉันเจ็บ ฉันเจ
ตอนที่ 43 แผนร้าย“นั่นมันเรื่องของฉันแต่เธอเอาตัวเองให้รอดเถอะ”“ทำไมฉันจะเอาตัวฉันไม่รอด” อรรัมภาตะงิดใจในคำพูดของมนต์จันทร์“เธอไม่รู้เหรอฉันมาเป็นลูกจ้างก็จริงแต่ว่าอีกตำแหน่งของฉันคือว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณลุงวิฑูรย์ เธอรู้หรือยัง” ว่าแล้วมนต์จันทร์ยืนมองหน้าของอรรัมภาด้วยท่าทางไม่พอใจ แต่แล้วเธอก็ระบายยิ้มส่งให้อรรัมภา“อาจจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นก็ไม่รู้ คุณสองไม่ได้บอกว่าจะอยากแต่งงานกับเธอสักหน่อยนิ”“คุณสองก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบเธอ” อรรัมภาตอบกลับ“เธอระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ” มนต์จันทร์พูดขึ้น“เป็นคำขู่เหรอ” อรรรัมภาขมวดคิ้ว“ไม่รู้ว่าอะไรนักหนาผู้หญิงคนนี้ คุณสองก็เหมือนกัน ทำไมถึงไม่ปฏิเสธเธอไปตรงๆให้เธอมาเที่ยววุ่นวายกับฉันอยู่ได้” ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดการเอกสารตรงหน้ามนต์จันทร์ที่โกรธจัดจึงเดินไปที่หลังโรงงานด้วยท่าทางไม่พอใจเพื่อไปเจอตั้มตั้มเป็นคนที่แอบชอบมนต์จันทร์อยู่นานแล้วแต่มนต์จันทร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะใจอ่อนกับเขา