ログインภายหลังจากเข้ายึดครองแคว้นเว่ยแแล้วสถาปนาเปลี่ยนเป็นแคว้นหลี่ที่สองโดยเรียกว่าแคว้นต้าหลี่นั้น หลี่ซ่งหมินใช้เวลาถึงสองปีในการวางระบบอำนาจ ระบบขุนนางต่างๆโดยได้นำพาเอากลุ่มขั้วอำนาจจากแคล้นหลี่ให้เข้ามาเสียส่วนใหญ่ และชายหนุ่มก็ได้ทำเอาไว้เป็นอย่างดีทั้งยังรัดกุม โดยตัวเขาเป็นฮ่องเต้และหงเหม่ยหลงเป็นฮองเฮาทั้งนี้การรับสนมจากตระกูลขั้วอำนาจต่างๆก็ยังคงมีอยู่เพื่อถ่วงดุลกันและกัน เหล่าสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายเมื่อได้รู้ว่าหลี่ซ่งหมินเปิดรับสนมต่างพากันเสนอตัวเข้ามาด้วยความเต็มใจเพียงหวังได้ใกล้ชิดกับหลี่ซ่งหมินในสักวันหนึ่งพวกนางต่างรอคอยวันนั้นกันอย่างมีความหวังจนหงเหม่ยหลงเองยังนึกเห็นใจแต่...รอไปเถอะ!นางไม่แบ่งสามีให้ใครหรอก!!ความดุดันน่าเกรงขามของฮองเฮาอย่างหงเหม่ยหลงแผ่กระจายออกจากร่างงามทุกก้าวย่างที่หญิงสาวนวยนาดไปมาภายในวังหลัง ทำให้สนมหลายนางไม่กล้าเหิมเกริม บางนางยังแอบนึกในใจว่า ไม่น่าเลย! ไม่น่าหลวมตัวเข้ามา...หลังจากที่หลี่ซ่งหมินได้แต่งตั้งให้องค์ชายห้าบุรุษเจ้าสำราญนามว่าหลี่จื้อเฉิงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน โดยมีองค์ชายสี่ผู้ชื่นชอบการธรรมมะธัมโมนามว่าหลี่เซี
นางควรจะดีใจที่มีโอกาสได้กลับบ้านแต่ทำไม... “นางเป็นเมียข้า ต้องอยู่กับข้า” อิ้งเจิ้นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าทมึงทึงหน้าตาดุดันเหี้ยมเกรียมถ้าเขาเกรงกลัวเขาคงไม่กล้าลักพาตัวนางออกมา“เจ้ากล้า ทหาร!” หยางจงตะโกนก้องก่อนสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยมเขาจะต้องพาหยางเจียนกลับไปให้ได้ เขาไม่ยอมให้บุตรีมาเดินประจานชื่อเสียงของตระกูลอยู่อย่างนี้เป็นแน่เพียงอึดใจเหล่าทหารองครักษ์กระโจนตัวออกมาพร้อมจัดการตามคำสั่ง“ฆ่ามัน!” หยางจงส่งเสียงสั่งการ บรรดาลูกน้องกระโดดตัวพร้อมเพรียง อิ้งเจิ้นไม่รอช้ารีบดีดตัวออกห่างหยางเจียนทันที ด้วยเกรงว่านางอาจจะถูกลูกหลงขณะต่อสู้กับกลุ่มคนพวกนั้นชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มเห็นเค้าลางความวุ่นวายจึงรีบหลบหลีกกันอย่างฉับพลันการต่อสู้กันจึงเกิดขึ้น อิ้งเจิ้นที่ถูกรุมล้อมโดยบรรดาทหารอาวุธพร้อมมือเพียงหมุนตัวปลดปล่อยพลังงานจากลำแขนแข็งแกร่งเหวี่ยงองครักษ์กระเด็นกระดอนออกไปคนละทิศคนละทางชายหนุ่มมีวิชาตัวเบาที่เป็นเลิศ ความรวดเร็วในการสังหารเป็นเยี่ยม บวกกับพละกำลังที่มีอยู่มากมาย เพียงไม่นานเหล่าศัตรูที่รุมล้อมต่างกระจัดกระจายสลบไสลระเนระนาด ชายหนุ่มเพียงยืนนิ่งๆจ้อ
แม้นางจะทำตัวน่ารังเกียจต่างๆนานาตอนอยู่กับเขาที่บ้านในป่าใหญ่แต่ตอนนี้ประโยคพวกนี้ถ้อยคำที่สตรีสองนางนี้พูดออกมามันกำลังทำให้นางรู้สึกกลัวแปลกๆอิ้งเจิ้นที่ยืนทมึนอย่างทมิฬเพียงมองไปทางสตรีสองนางที่กำลังพูดจาดูถูกดูแคลนมาทางหยางเจียนก่อนจะหัวเราะชอบอกชอบใจนั้นเขาเพียงมองอย่างนั้นอยู่นิ่งๆ เขาไม่รู้ประวัติอันใดของหยางเจียนมากมายเท่าไหร่นักเขารู้ข้อมูลเพียงแค่ที่หงเหม่ยหลงให้เขามาเขารู้ว่านางเป็นใคร ลูกหลานใคร อยู่ที่ใด และเขาต้องพานางไป แค่นั้นประวัติต่างๆอะไรพวกนี้เขาไม่รู้และไม่ได้สนใจถ้าเป็นจริงดังสตรีพวกนี้ว่าแล้วอย่างไร?ใครสน!“พวกเจ้ามีสิ่งใดจะเอ่ยอีกหรือไม่!” สุ้มเสียงทุ้มใหญ่อันน่าหวาดหวั่นสั่นสะพรึงเอ่ยขึ้นเนิบนาบอย่างเย็นชาไร้ไมตรีของอิ้งเจิ้นทำสตรีสองนางถึงกับสะดุ้งเนื้อกระตุกแม้อยู่ในอาภรณ์สวยงามแต่กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนหยางเจียนเองยังสะดุ้งเฮือกเช่นกันนางไม่เคยได้ยินน้ำเสียงอย่างนั้นเลยสักครั้งเมื่อตอนอยู่กับเขาตามลำพังสองต่อสองเขากำลังโกรธ โกรธนางหรือไม่?สตรีสองนางแม้จะนึกกลัวบุรุษตรงหน้าอยู่บ้างแต่ด้วยความคับแค้นใจที่หยางเจียนเคยได้อภิเษกกับหลี่ซ่
“ข้า เอ่อ...ข้า” หยางเจียนอึกอัก ทำชายหนุ่มยิ่งเป็นห่วง“ข้าคิดว่า ข้ากำลังตั้งครรภ์” หยางเจียนเอ่ยออกมาในที่สุดและประโยคนั้นทำชายหนุ่มร่างกำยำหน้าตาดุดันกล้ามเนื้อพลันกระตุกนาง...ว่าอะไรนะ! ตั้งครรภ์หรือ?“จริงหรือ?” อิ้งเจิ้นถามออกไปคล้ายไม่แน่ใจนี่เขากำลังจะเป็นพ่อคนจู่ๆ เขาก็ได้เมียและตอนนี้เขากำลังจะมีลูกช่างโชคดีอะไรอย่างนี้...“ข้าจะทำอย่างไรดี” หยางเจียนกล่าวอย่างเป็นกังวล“ถ้าข้าตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆข้าจะทำอย่างไรข้ากลัว” หญิงสาวเอ่ยออกไปด้วยใจของนางยังไม่พร้อมแต่ชายหนุ่มกำลังหูอื้อไม่ได้ยินประโยคใดๆนอกจากคำว่าตั้งครรภ์“จริงหรือไม่ เจ้ากำลังจะมีลูก จริงหรือไม่” อิ้งเจิ้นแสดงอาการดีใจออกมาอย่างชัดเจน ขณะเดินเข้ามานั่งใกล้ร่างของหญิงสาวบนเตียงก่อนก้มหน้าแนบลงกับหน้าท้องของนางกิริยานั้นทำหยางเจียนนิ่งอึ้งไปอา... บางที...นางอาจจะกังวลเกินไปรุ่งขึ้นของวันต่อมาหยางเจียนจึงถูกอิ้งเจิ้นพามาหาหมอในเมืองหลวงของแคว้นหลี่ เนื่องจากหมู่บ้านของกลุ่มอิทธิพลมืดอยู่ไกลกว่าที่นี่มากนัก เขาไม่อยากให้นางต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไปนางกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาคำตอบของหมอผู้นั้นบอกกล่าวแ
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาอยู่ในลำธาร เพียงไม่นานเหล่ามัจฉาพวกนั้นก็ตกเป็นเหยื่อของบุรุษร่างหนาที่มีกล้ามเป็นมัดๆอย่างง่ายดายหยางเจียนเล่นน้ำไปเหม่อมองช่วงบนลำตัวเปลือยเปล่าที่สมชายชาตรีของอิ้งเจิ้นไปอย่างเพลิดเพลิน ตอนกลางคืนนางมัวแต่หลับหูหลับตาแหงนหน้าอยู่อย่างนั้น จะไปเห็นได้ถ้วนถี่ที่ไหน ฉวยโอกาสสำรวจเขาตอนนี้จะเป็นไรหลายวันที่อยู่กลางป่าใหญ่กับเขานี้ นางทำตัวน่ารังเกียจในทุกๆอย่าง จนตนเองยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่าย ทั้งยังด่าทอให้เขาพานางกลับไป แต่ก็ไม่เป็นผลในคราแรกนางคิดว่าเขาจะโหดร้ายเหมือนเช่นหน้าตาแต่หลายวันที่อยู่ด้วยกันมากลับเป็นนางเสียเองที่ทำตัวโหดร้ายใส่เขาเขาทั้งอ่อนโยน เอาใจนางสารพัดการกระทำของเขา ช่างผิดกันกับรูปร่างหน้าตาไม่ว่านางจะร้ายใส่เขาอย่างไรสิ่งที่ได้ตอบกลับมาจากเขา มีเพียงรอยยิ้มยิ้มของเขาทำนางตาลายพร่ามัว สองชั่วยามผ่านไป...“เจ้าควรกินเยอะๆ ข้าแกะปลาให้นะ” อิ้งเจิ้นยังคงเอาใจใส่สตรีตรงหน้า เขารู้สึกเพลินเพลินในใจยิ่งนักเมื่ออยู่กับสตรีนางนี้นางเป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นถึงหลานฮองเฮา
เนื่องจากข่าวการสมรสพระราชทานที่แพร่ออกไปนั้นระบุเป็นเยว่เทียนและหยางเจียน ดังนั้น ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวตัวจริงจึงไม่อาจรั้งอยู่ที่แคว้นหลี่ได้นานทั้งสองจึงจำต้องเดินทางออกจากแคว้นหลี่หลังจากเข้าหอเพียงคืนเดียวโดยมีเพียงบิดาและมารดาของเยว่เทียนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ด้วยกระแสรับสั่งจากฮ่องเต้ที่พลิกสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้จึงต้องการให้เรื่องการสมรสพระราชทานนี้เงียบลงโดยเร็วโดยที่ฮองเฮาและบิดาของหยางเจียนก็มิได้ว่ากล่าวทัดทานแต่อย่างใดๆ เนื่องจากทั้งสองพี่น้องตระหนักได้เป็นอย่างดีถึงต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดว่าล้วนแล้วเกิดจากหยางเจียนบุตรสาวและหลานสาวของพวกตนบ้านหลังงามแห่งหนึ่งท่ามกลางป่าใหญ่หนาทึบไร้ผู้คนอื่นใดเคลื่อนกายพาดผ่าน“หยุด!” เสียงหวานแหลมของหยางเจียนยังคงดังกึกก้องอยู่เหมือนดังเช่นทุกวัน “โกนหนวดก่อน”“เดี๋ยวนี้!”แม้อิ้งเจิ้นจะยังคงชื่นชอบเสียงหวานกังวานของสตรีนางนี้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่านางจะอะไรกันหนักกันหนากับหนวดของเขา“ข้าโกนไปแล้วเมื่อสามวันก่อน” อิ้งเจิ้นกล่าวอย่างหงุดหงิดเพราะเขาชอบไว้หนวดยิ่งนัก แต่ต้องตัดใจโกนทิ้งไปเพราะสตรีตรงหน้า“สามวันก่อน”