“มันโอเคใช่ไหมพี่” ถามคนที่รักเหมือนพี่สาวอย่างกังวล เธอรักทรายทองมาก แม้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ก็ตาม พวกเธอเจอกันที่ DC ทรายทองเป็นเด็กไซด์ไลน์นั่งดื่มกับแขก ส่วนเธอเป็นสาวเสิร์ฟ ไม่รู้อะไรดลใจให้ทรายทองเอ็นดูเธอ แต่หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง หลังจากที่เธอไปทำงานที่นั่น ทรายทองก็ชวนให้มาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน เดือนไหนเงินของเธอไม่พอใช้ ทรายทองจะหยิบยื่นให้เสมอ รวมถึงค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในบ้านนี้ด้วย พวกเธอกินข้าวด้วยกัน ดูหนังฟังเพลง ซื้อเครื่องสำอางบ้าง บางทีก็แย่งเสื้อกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ เธอสุขใจที่เป็นแบบนี้ แม้ว่าสายตาที่คนอื่นมองมา มักกล่าวหาว่าทรายทองเลี้ยงเธอไว้ใช้งานเหมือนเบ๊ก็ตาม
“ไม่โอเคแน่ๆ แต่ฉันเบื่อจะรบกับคุณเอื้อ ฉันเหนื่อย ฉันจะนอน” แล้วทรายทองก็ล้มกายลงนอน ในขณะที่ปรายรุ้งทำหน้ายู่
“ก็เพลาๆ ลงบ้างสิคะ เรื่องกินเรื่องเที่ยวน่ะ เรื่องอย่างว่าด้วย กว่าจะได้แต่งงานกับใครสักคนก็พังพอดี”
“เรื่องแรกฉันพอทำได้นะปราย แต่ถ้าเรื่องหลังละก็ แกไปบอกคุณเอื้อของแกสิ เขาถนอมฉันมากเลยล่ะ!” ตอบแบบประชด ด้วยรู้ว่ายัยตัวดีที่ชื่อปรายรุ้งนี่แหละที่ชอบคาบข่าวเธอไปบอกอังเดร
“คุณอังเดรก็เหลือเกิน บ้าพลังไปได้ หนูสงสารว่าที่สามีพี่จริงๆ” บ่นๆๆ ราวกับเป็นบุพการีของทรายทองเสียเอง
“สงสารทำไม ถ้าหาใครแต่งด้วยไม่ได้ ฉันก็จะแต่งกับคุณอังเดรของแกนั่นแหละ” บอกเสียงเนือยๆ เปลือกตาบางปิดลงและพร้อมจะหลับเต็มที่
“ฝันไปเถอะว่าเขาจะแต่ง ถ้าเขาอยากแต่งกับพี่เขาแต่งไปนานแล้ว”
คนเป็นน้องที่นิสัยคล้ายกันราวกับคลอดออกมาจากท้องแม่เดียวกัน เอ่ยเตือนสติพี่สาวอย่างเคืองๆ ทรายทองได้ยินก็ปวดใจ แต่มิอาจแสดงออกให้ปรายรุ้งรู้ได้
“นั่นสินะ เรามันก็แค่นางเช่า เขาจ่ายค่าเช่าแล้วก็จบ ไม่มีความรู้สึกอื่นใด เขาคงเห็นเราเป็นแค่สิ่งของที่เงินซื้อได้เท่านั้นเอง”
“โธ่...พี่ทราย อย่ามาพูดแบบนี้นะ รีบๆ หาเงินแล้วเฉดหัวคุณอังเดรออกไปจากชีวิตซะทีเถอะ พี่จะสามสิบแล้วนะ น่าจะแต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว หนูอยากเลี้ยงหลาน”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะยัยปรายแล้วค่อยอยากเลี้ยงลูกฉัน แล้ววันนี้แกมีสอบหรือเปล่า”
“มีค่ะ แปดโมงครึ่งน่ะ”
“แล้วทำไมแกยังอยู่นี่ฮึ ไปนอนได้แล้ว”
“โอย...ไม่นอนแล้วพี่ ว่าจะไปอ่านหนังสือต่อแล้วแต่งตัวไปสอบเลย พี่เอาอะไรอีกไหมล่ะ”
“ไม่อะ แกอ่านหนังสือดีๆ สอบให้ได้คะแนนเยอะๆ จบมาจะได้มีงานดีๆ ทำ เลี้ยงฉันด้วยนะ เพราะฉันเตรียมเกาะแกเต็มที่เลย”
ทรายทองเอ่ยด้วยใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม เงินส่วนหนึ่งที่หามาได้ก็ทุ่มเทให้กับปรายรุ้ง ทั้งค่าเทอมค่าเรียนของหล่อน เธอจ่ายไปไม่น้อยในหนึ่งปีที่ผ่านมา เพราะลำพังเงินเดือนของปรายรุ้งก็แทบจะไม่พอส่งกลับไปที่บ้านเกิดให้บิดาด้วยซ้ำ
“หนูจะเอาเกียรตินิยมมาฝากพี่ คอยดูก็แล้วกัน” เอ่ยคำท้าแล้วเดินมาหาคนที่นอนอยู่บนเตียง ช่วยดึงผ้าห่มคลุมร่างให้พี่สาว รอยจ้ำเลือดบนผิวเนื้อของทรายทองบอกได้ดีว่าเมื่อคืนนี้หล่อนกับคุณอังเดรมีสัมพันธ์เร่าร้อนปานใด กลิ่นของบุรุษยังกรุ่นอยู่ตามผิวเนื้อ ได้สัมผัสก็ยิ่งปวดใจ ด้วยไม่อยากพบเจอ ไม่อยากใกล้ชิดสักนิดเดียว
“พี่ทราย ถ้าหนูเรียนจบแล้วมีงานดีๆ ทำ พี่ก็เลิกยุ่งกับคุณอังเดรเถอะนะ”
“ทำไมล่ะ” ทรายทองเปิดเปลือกตาขึ้นมาถาม เธอนอนตะแคงมองคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง สตรีที่อายุน้อยกว่าเธอเกือบแปดปียังคงแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอ
“หนูไม่อยากให้พี่ทำงานแบบนี้แล้ว หนูอยากให้พี่รักกับใครสักคน แต่งงาน มีครอบครัวที่มีความสุข แล้วก็...เลิกยุ่งกับคุณอังเดร”
“แล้วถ้าความสุขเดียวที่ฉันมีคือการมีเขาล่ะปราย”
“ไม่จริงหรอก พี่ไม่เคยมีความสุข เพราะเขายังไม่เคยเป็นของพี่สักวินาที”
“ฉันรู้...รู้ดีด้วย แกไปอ่านหนังสือได้แล้วไป เอารถไปไหม ฉันคงไม่ออกไปไหนหรอก แกขับไปสอบเลยก็ได้”
“ค่ะ พี่ก็นอนเถอะ เดี๋ยวหนูจะลงไปคั้นน้ำส้มแช่ตู้เย็นไว้ให้ ถ้าลุกมาแล้วรีบกินเลยนะคะ ห้ามลืมด้วย”
“รู้แล้วน่า นี่แกเป็นแม่ฉันหรือไงนะ สั่งเอาๆ”
คนเป็นพี่โบกมือไล่ไหวๆ คนเป็นน้องจึงต้องกลับออกไปจากห้องของพี่สาว พอปรายรุ้งคล้อยหลังไปไม่เท่าไหร่ คนที่อยู่บนเตียงก็ลุกมานั่งกอดเข่าเฝ้าครุ่นคิด หากไม่ใช่เพราะดวงตาแสนอ้างว้างที่ทอดมองเธอเมื่อหนึ่งปีก่อน เธอคงไม่หลวมตัวมาอยู่ที่กรุงเทพฯ มาเป็นนางเช่าให้เขาซื้อหา ให้เขาเสพสมร่างเธอจนอิ่มเปรม คำว่ารักแรกพบเป็นเช่นไร อดีตสาวบาร์เหล้าอย่างเธอมิเคยพบพาน กระทั่งได้พบเขา บุรุษผู้หล่อเหลาแต่ดวงตาแสนเศร้าที่ชื่อ อังเดร อัชวิน
*******************
ทักทายนักอ่านที่แอปนี้นะคะ เพิ่งเคยลงนิยายที่นี่เรื่องแรก ขอประเดิมด้วยแนวที่ถนัด พระเอกหวงเมีย นางเอกร้ายๆ ไม่ยอมพระเอกง่ายๆ หวังว่านักอ่านจะชอบนะคะ อังเดรรักทรายทอง แต่ก็มีปมที่ไม่อยากแต่งงานมีครอบครัว อังเดรน่าสงสารมาก มาลุ้นไปด้วยกัน ว่าทำไมพ่อแม่ถึงไม่รักอังเดร และทำไม ทรายทองถึงเอ็นดูน้องสาวมากขนาดนั้น ทุกอย่างมีปมซ่อนอยู่ มาเดามาลุ้นไปด้วยกันค่า
ฝากเนื้อฝากตัว ฝากคุณอังเดรกับทรายทองด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เขียนตั้งแต่ พศ. 2560 จะรีไรท์แล้วค่อยๆ ลงให้อ่าน จะพยายามลงให้อ่านทุกวันค่ะช่วยคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้นักเขียนน้องใหม่ด้วยนะค้า ^^
ขอบคุณค่า ^/\^
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ