LOGINระหว่างอังเดรกับทรายทอง ทุกอย่างมันคือธุรกิจ ไม่มีความรัก ไม่มีความรู้สึกอื่นใด พอจบงานก็จ่ายเงิน เป็นค่าเช่าที่เธอมาอยู่บนเตียง ทว่าความรักมันขับเคลื่อนตัวเอง ถักทอหล่อหลอมอยู่ในหัวใจของใครคนหนึ่ง แต่มิอาจแสดงให้รู้ ด้วยว่าฐานะที่เป็นอยู่ ไม่ต่างจากเมียเช่า ชั่วครั้ง...ชั่วคืน
View Moreนางเช่า
##########
บทนำ
##########
วันที่ 12 สิงหาคม ในปีหนึ่งเมื่อครั้งอดีต
ดอกมะลิตูมเต่งดอกหนึ่งกำลังถูกลิดให้หลุดร่อนออกจากมาลัยพวงงาม จะเหลือก็เพียงเชือกด้ายสีขาวที่ร้อยมันไว้กับอุบะกุหลาบสีแดงเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลทองของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบจ้องมองสิ่งที่ร่วงหล่นบนหน้าตักอย่างเคืองใจ ตั้งแต่อนุบาลจนขึ้นชั้นประถมหนึ่ง ไม่มีเลยสักครั้งที่มาลัยดอกมะลิจะถูกวางบนตักของมารดาในวันสำคัญเช่นนี้
เวลานี้นักเรียนทุกคนต่างกำลังซาบซึ้งต่อพระคุณแม่อยู่ ณ ลานอเนกประสงค์ สถานที่กิจกรรมของโรงเรียน คงมีเพียงเด็กชายตัวน้อยหน้าขาวคมเท่านั้น ที่หลบกายซ่อนเร้นให้ห่างจากสายตาผู้คน
เด็กน้อยขมขื่นใจเกินจะกล่าว เพราะหากเขาเป็นเด็กกำพร้าคงไม่เจ็บปวดเท่านี้ แต่นี่ไม่ใช่เลย บิดามารดาทั้งสองของเขายังอยู่ครบ และมารดาเลือกที่จะไม่มาที่นี่ในวันนี้ เลือกที่จะให้เขาเจ็บปวดอ้างว้างอยู่ ณ มุมหนึ่งของห้องเรียนตามลำพัง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกปฏิบัติจากบิดามารดา ท่านทั้งสองไม่ได้เพิกเฉยต่อเงินทองและสิ่งที่เขาชี้นิ้วปรารถนา แต่ท่านมิเคยให้ในสิ่งที่เด็กอย่างเขาต้องการอย่างแท้จริง
พี่สาวของเขามักแก้ต่างแทนเสมอว่าบิดามารดาต้องทำงาน แต่เขารู้ดี มันมีบางอย่างมากกว่านั้น บางทีจุดเริ่มต้นของเรื่องมันอาจจะมาจากโครงหน้าที่ไม่เหมือนคนไทยของเขา ตาสีน้ำตาลทองและผมสีบรอนท์ทองอันน่ารังเกียจ
บิดามารดาที่รักไม่เคยยิ้มให้เขาเวลาที่เขาทำเรื่องน่ายินดี หากไม่ชักสีหน้าใส่ ก็จะเมินเฉยเสีย ทำเหมือนเขาไร้ตัวตน ทำเหมือนว่าเขา...ไม่ใช่ลูกก็มิปาน
เด็กชายนั่งอยู่ในห้องเรียนอย่างนั้นจนใกล้หมดเวลากิจกรรม พอพลิกดูนาฬิกาข้อมือและเห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว เขาก็ไม่รอช้า คว้ากระเป๋าเป้แล้วเดินออกไปจากห้องทันที ทิ้งไว้เพียงดอกมะลิกลีบช้ำดำด่างที่ถูกปาลงพื้นอย่างเคืองใจ
##########
รถยุโรปคันหรูสีเงินเงาวับจอดรอเด็กชายตัวน้อยอยู่สักพักแล้ว ด้วยวันนี้มีกิจกรรมที่โรงเรียน รถของบ้าน อัชวิน จึงมารอรับเด็กชายเร็วกว่ากำหนด เด็กชายพาใบหน้าอันงอหงิกขึ้นไปบนรถในทันทีที่คนรถเปิดประตูให้ แอร์เย็นฉ่ำข้างในไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาเลย
“กลับบ้านเลยไหมครับ คุณหนู”
คนขับรถเอ่ยถามคุณหนูคนโตของบ้านที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน เขาแวะไปรับคุณหนูคนงามที่มหาวิทยาลัย ก่อนจะมารอรับคุณหนูคนเล็กที่โรงเรียนแห่งนี้
“กลับเลยเชิด ฉันขี้เกียจไปห้างละ ดูท่าว่าน้องชายฉันจะไม่มีอารมณ์เที่ยว” หญิงสาวผู้พี่ว่า
“พี่ไม่ใช่ผม พี่ไม่รู้หรอก แม่ไม่มางานโรงเรียน ไม่มา!”
คนเป็นน้องว่าแล้วบ่อน้ำตาแตก เดือดร้อนคนเป็นพี่ต้องเอื้อมมือไปรั้งเอาร่างน้อยมากอด เด็กชายเอนร่างลงหนุนตักพี่แล้วหลั่งน้ำตา สะอื้นฮักๆ ด้วยน้อยใจมารดาเกินจะกล่าว
“เออน่า...ฉันรู้ พ่อกับแม่งานยุ่งนี่นา”
“ไม่จริง! แม่ตั้งใจไม่มางาน ตั้งใจ...ฮึกๆ ทำร้ายผม!”
เด็กน้อยตีโพยตีพาย
“บ้าน่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนทำร้ายลูกได้หรอก แกเชื่อฉันสิ”
หญิงสาวผู้พี่พยายามปลอบ
“แต่พ่อกับแม่ทำ! แม่ไม่มางาน ผมอยากให้แม่มา ผมซื้อพวงมาลัยไว้ให้แม่ด้วย ฮือออ...”
พี่สาวคนดีมุ่นคิ้วหนักใจ ความเสียใจที่น้องชายมีนั้นเธอเข้าใจดี แต่มันไร้ประโยชน์ที่จะคร่ำครวญ
“พอแล้วเอื้อ เรื่องเล็กน้อยน่า”
“ไม่เล็ก! พี่ไม่เข้าใจ ผมแค่อยากมีแม่ให้ไหว้เหมือนคนอื่นเขา ผมอยากไหว้เข้าใจไหม!”
“โธ่เอ๊ย! อะไรของแกฮึ ถ้าอยากไหว้นักก็เอาพวงมาลัยมาไหว้ฉันแทนนี่มา จะอะไรนักหนา!”
คนเป็นพี่เริ่มมีอารมณ์เพราะน้องชายปลอบอย่างไรก็ไม่ฟัง
คนเป็นน้องดีดตัวขึ้นมานั่งในทันใด ปาดน้ำหูน้ำตาลวกๆ แล้วจ้องมองพี่สาวเขม็ง
“ไม่มีทาง! แม่น่ะ! ใครก็แทนไม่ได้หรอกนะ พี่อุ่นไม่รู้หรอก” บอกพี่แล้วดึงคอเสื้อนักเรียนมาปาดน้ำมูกน้ำตา พี่สาวเห็นก็สงสารเกินจะกล่าว น้ำตาคลอเบ้าในสิ่งที่น้องชายเอ่ยอ้าง จำต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางมาเช็ดน้ำตาให้น้องชาย
“ใช่แล้วละเอื้อ แม่น่ะ ไม่มีใครแทนที่ได้หรอก พี่ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
เด็กชายตัวน้อยโผเข้าหาอ้อมกอดของพี่สาว หลายครั้งหลายคราวที่ได้พี่สาวคอยห่วงใยปลอบใจ คอยให้ไออุ่นจากอ้อมแขนแสนรัก แต่มันเทียบไม่ได้กับไออุ่นจากอกมารดา เทียบกัน...ไม่ได้เลย
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
reviews