“เจ้าไม่รู้กิตติศักดิ์ของข้ารึ? นางจิ้งจอก” พูดพลางบีบลำคอของฮู่ลี่แน่นขึ้นจนนางจิ้งจอกตรงหน้าเจ็บปวดเพราะโดนแผดเผา ลำคอไหม้ขึ้นเป็นสายเปื้อนรอยดำ ก่อนที่สายตาเหลือบปรายไปมองนิลมณีที่ทรุดตัวลงกับพื้น เธอปรือตามองภาพตรงหน้าแล้วล้มลงไป นั่นทำให้ดีนที่มีจิตวิญญาณของปีศาจพญาสิงห์ถึงกับละมือจากนางจิ้งจอกตรงหน้า รีบรุดเข้าไปหานิลมณีที่ตอนนี้สลบไปแล้ว ฮู่ลี่ที่ล้มลงกับพื้นเอามือจับที่ลำคอของตนด้วยความเจ็บปวด ได้ทีก็รีบลุกขึ้นแล้วหนีหายออกจากห้องนั้นเพราะในสภาพตัวเองที่ตอนนี้รอยไหม้มันเริ่มลุกลามคงจะสู้พญาสิงห์ไม่ได้เป็นแน่ การกลับไปตั้งหลักคือเรื่องที่ดีที่สุด ... “นิลมณี” เขาพยายามเอ่ยเรียกแต่เธอกลับไม่มีการตอบสนอง ปลายนิ้วเรียวของเขาเลื่อนไปปรายตรงใต้จมูกโด่งสวยนั้น เพราะตอนนี้เธอเป็นมนุษย์ย่อมมีลมหายใจแต่ทว่า...ลำหายใจของเธอนั้นช่างโรยรินเสียเหลือเกิน...แทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ... “...ถ้าเป็นเช่นนี้...ก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกเหนือจากนี้” เขาเอ่ยขึ้นพลางมองใบหน้าสวยนั้น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ บรรจงจุมพิตลงบนร
ราวกับรอบข้างหยุดชะงักไปทันตา..นิลมณีที่ตั้งจะเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบก็ถูกผลักไปติดกำแพงพร้อมกับมือเรียวจับอยู่ที่ลำคอของเธอ ความรู้สึกอึดอัดจนรู้สึกหายใจไม่ออกจากแรงบีบนั้น มือหนึ่งของนิลมณีได้แต่จับดันข้อมือของนางปีศาจจิ้งจอกเอาไว้ อีกมือหนึ่งทุบตีข้อมือข้างที่คว้าบีบเธออยู่ แว่นตาใสบนใบหน้าน่ารักที่ดูเฉิ่มเริ่มร้าวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะแตกละเอียดสลายหายไปชั่วพริบตา เผยให้ดวงตาสีแดงฉานของฮู่ลี่ นางปีศาจจิ้งจอกฮู่ลี่แสยะยิ้ม จ้องมองสีหน้าของนิลมณีด้วยแววตาที่ดูเหมือนว่าตนนั้นเหนือกว่า “แฮ่กๆ...แค่กๆ” นิลมณีพยายามที่จะหายใจเข้าออกสู้แรงบีบรัดของมือนั้น “เพราะเจ้าโง่เขลา...เข้าไปยุ่งกับมนุษย์อย่างลึกซึ้งถึงได้สูญพลังไปเสียสิ้นเช่นนี้” พูดพลางแสยะยิ้มเหลือบดวงตาสีแดงมองนิลมณีที่ใบหน้าขึ้นสีแดงไปหมดเพราะขาดอากาศหายใจ “แต่จะฆ่าทิ้งเสียก็คงจะง่ายไปหน่อย...อยากดูการละเล่นที่สนุกๆเสียหน่อย” ทันทีที่พูดจบร่างของนิลมณีและนางปีศาจจิ้งจอกอย่างฮู่ลี่ก็พุ่งไปยังห้องทำงานของดีนโดยที่สิ่งรอบข้างยังคงหยุดนิ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติราว
แม้ใบหน้าสวยจะเต็มไปด้วยรอยตบ เธอก็ยังหยัดตัวลุกขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะกลับขึ้นไปทำงานตามปกติ เพียงแต่เธอเลือกที่จะหลบหน้าดีนก็เท่านั้น มีหรือที่ดีนจะไม่สังเกตเห็นแม้เธอจะพยายามนั่งทำงานหน้าคอมแล้วหันไปทางอื่นก็ตามดีนนั่งขมวดคิ้วมองท่าทีของนิลมณพักหนึ่ง ก่อนจะเห็นรอยแดงบนใบหน้าที่ดูผิดปกติ ใบหน้าของเธอบวมเปล่งไม่เรียวสวยเหมือนก่อนหน้าที่เขาได้จ้องมอง ด้วยความสงสัยดีนเลือกที่จะเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเธอ นิลมณีก็เลือกที่จะหันเก้าอี้หลบเขาอีกจนเขาเดินอ้อมไปทางด้านที่เธอนั่งแล้วถือวิสาสะหันเก้าอี้ของเลขาสาวให้กลับมาเผชิญหน้ากับเขาใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอยบวมแดงนั้นเป็นรอยนิ้วมืออย่างชัดเจน ดีนยิ่งขมวดคิ้วและขบกรามแน่นกว่าเดิม สายตาคมที่ดูสงสัยในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันจนน่ากลัว...“ใครเป็นคนทำคุณ”“อะไร...”“ผมถามว่าใครเป็นคนทำคุณ!” เผลอเอ่ยเสียงดุจนคนที่นั่งอยู่อย่างนิลมณีถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เพราะดีนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เขาไม่เคยขึ้นเสียงหรือดุเธอเลยสักครั้ง มีแต่ทำหน้ากวนประสาทไปวันๆ แต่นี่เขากลับดูโกรธจนเธอเองรู้สึกเกรง“ฉัน...จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่รู้จักยัยพวกนั้นสั
“เอ่อ...ไปกันได้รึยัง” นิลมณีพูดพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น หลบเลี่ยงสายตาคมและใบหน้าหล่อของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดีนได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักแต่ยังไม่ยอมละสายตาจากคนตรงหน้า ภายในใจรู้สึกว่าเธอกำลังปฏิเสธการกระทำของเขา อดคิดไม่ได้ว่า...หลังจากคืนนั้น เธอรังเกียจเขาหรือเปล่า “คุณนิล...รังเกียจผมเหรอ?” เลือกที่จะเอ่ยถามไปตรงๆ ถ้าหากเธอตอบว่ารังเกียจ เขาก็จะไม่ยุ่งกับเธออีกเพื่อให้เธอสบายใจและไม่ต้องอึดอัดเวลาที่อยู่กับเขา “ก็...ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ อีกไม่กี่นาทีเราก็ต้องเข้างานแล้ว” นิลมณีพูดบ่ายเบี่ยงก่อนที่ดีนจะยกข้อมือของตัวเอาขึ้นมาดูเวลา เขาเหลือบสายตามองใบหน้านิลมณีครู่หนึ่ง มือที่ค้ำยันกำแพงกั้นนิลมณีไว้ยอมละออก ดีนยิ้มรับเพราะมันจริงอย่างที่เลขาของเขาพูดว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว “งั้นเราเข้าบริษัทกันเถอะ” เขาพูดพลางถือวิสาสะเดินจูงมือของนิลมณีเดินออกมาจากซอกตึกนั้น นิลมณีตั้งใจจะอ้าปากร้องห้ามแต่เขากลับไม่หันมามองเธอสักนิด เดินจูงมือเธออยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างจนมาถึงหน้าบริษัทใหญ่ นิลมณีชะ
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันกับดีนมาปกตินิลมณีและดีนจะตัวติดกันตลอด แต่พอช่วงหลังๆมานี้ แม้จะทำงานอยู่ห้องเดียวและเหมือนจะไปทานข้าวด้วยกันเพราะดีนเป็นคนเอ่ยปากชวนเสมอ แต่ก็มักจะถูกขัดจากพัชรรินทร์และฮู่ลี่ที่เอาเรื่องงานมาอ้างแยกดีนออกไปเสมอ และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวัน...ด้วยความที่นิลมณีเป็นห่วงเนื่องจากหนึ่งในหญิงสาวที่ชวนดีนไปทานข้าวเสมอนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจ ขึ้นชื่อว่าปีศาจจิ้งจอกตำนานก็มักจะจบลงที่ควักหัวใจของชายหนุ่มหรือหญิงสาวมากินเป็นอาหารเพื่อเสริมพลังของตัวเอง เพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นอมตะ...เธอจึงแอบตามพวกเขามาเงียบๆ สุ่มดูอยู่ข้างนอกและพลางตัว..“ร้อนก็ร้อน...หมอนั่นก็ซื่อบื้อชะมัด” นิลมณีพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ตัวเธอเองแอบซุ่มดูอยู่นอกร้านอาหารแห่งหนึ่ง แม้จะใส่แว่นและผ้าโพกหัวเพื่อพลางตัวแต่ก็ไม่อาจจะทนไม่บ่นเรื่องแดดจ้าได้...ทำไมเธอต้องมาทนทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ...เธอแอบคิดในใจ ไม่ใช่ว่าหาเหตุผลไม่ได้ แต่หากปล่อยให้โดนนางปีศาจจิ้งจอกกินไปเสียเธออาจจะได้พบกับอดีตจอมราชาก็ได้...แล้วทำไมเธอถึงเลือกที่จะช่วยกันล่ะ ในหัวตีกันยุ่งๆไปหมดจนไม่ได้ทันได้สังเกตว่าคนในร้านที่เธอมาเฝ้าดูได้หา
นิลมณีจ้องมองคนที่ลุกขึ้นยืนแนะนำตัวด้วยสายตาเขม็ง ดีนที่หันไปมองหน้าเลขาสาวก็พลอยเข้าใจผิดไปด้วยว่าเธอคงกำลังขู่ฮู่ลี่ด้วยสายตา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนิลมณีต้องการจะรู้จุดประสงค์ร้ายของนางปีศาจตรงหน้าที่แปลงเป็นคนมาเพื่อเหตุผลบางอย่าง เพราะเธอพึ่งจะมารู้ว่าเป้าหมายของนางจิ้งจอกไม่ใช่เธอการประชุมดำเนินต่อไปอย่างไม่มีติดขัด ระหว่างการประชุมแน่นอนว่านิลมณีจ้องมองฮู่ลี่เป็นระยะ แม้ว่าฮู่ลี่จะไม่ได้สนใจเธอเอาแต่จ้องมองดีนก็ตาม มันเป็นแบบนั้นจนจบการประชุม ทุกคนที่เข้าประชุมต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ มีเพียงนิลมณีที่เดินตามหลังดีนเพื่อกลับไปยังห้องทำงาน แต่ก็ไม่ทันที่จะได้เดินออกจากห้องประชุมก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน“เอ่อ...ประธานคะ” ดีนหันไปตามเสียงเรียกพร้อมนิลมณีด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง มองฮู่ลี่ที่ทำท่าทาเคอะเขินช่างแตกต่างจากสายตาที่มองดีนระหว่างประชุมเสียจริง“ครับ?”“ฉันไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่...ไม่คิดว่าคุณจะเป็นประธานบริษัท ดีจังเลยค่ะอย่างน้อยก็ได้เจอคนคุ้นหน้า” แสร้งพูดแล้วยิ้มหวานอย่างนึกโล่งใจ&ldqu