“หนูพรรณครับ ตื่นได้แล้วครับ” กวีปลุกคนขี้เซาอีกครั้ง มือหนาบีบขยำแก้มก้นเด้งดึ๋งงอนงามอย่างมันเขี้ยว
“ฮื้อ! อย่ากวนได้ไหมคะ” พรรณดาราปัดมือแสนซนออก ร่างอวบอัดขยับตัวขยุกขยิก ขาเรียวยกขึ้นพาดเอวสอบ ยืดแขนกอดรัดร่างใหญ่ที่นอนเบียดอยู่ แล้วถอนหายใจแรงคล้ายหงุดหงิด ก่อนลมหายใจจะค่อยๆผ่อนลง เป็นจังหวะสม่ำเสมอ บอกให้คนที่ถูกกอดรัดรู้ว่า หญิงสาวได้กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งแล้ว
กวีกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ความอวบอิ่ม นุ่มเนียน ทั้งกลิ่นหอมกรุ่นของเมียรักปลุกปั่นอารมณ์เร่าร้อนที่มอดดับไปแล้วเมื่อคืนนี้ให้โหมกระพือขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว
“ที่รัก…” กวีกระซิบเรียกเสียงแตกพร่า ชายหนุ่มเลื่อนฝ่ามือลงต่ำ ผ่านหน้าท้องแบนราบ เขาใช้นิ้วกลางเรียวยาวซุกไซ้ในแอ่งอุ่นกลางร่างสาว สำรวจช่องทางรัดรึงด้วยการหมุนควานนิ้วเนิบช้า ร่องรอยความชุ่มฉ่ำจากบทรักหลายตลบเมื่อคืนทำให้หัวใจเต้นระรัว
“ทั้งแน่นทั้งนุ่มเลยที่รัก อา…หนูพรรณจ๋า”
“อืม…” เสียงหวานครางรับผะแผ่ว สะโพกเต่งตึงขยับน้อยๆ พรรณดาราเคลิบเคลิ้มไปกับความฝันแสนหวาน วาบหวิวซาบซ่าน เป็นความฝันที่คล้ายความจริ
สองพี่น้องปีนขึ้นไปนั่งขนาบคุณแม่บนเตียงกว้าง น้องพริ้งเขย่าแขนคุณแม่เบาๆ“คุณแม่ขา ลงไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” น้องพริ้งรีบเอ่ยปากชวน เมื่อมารดาลืมตาตื่นขึ้นมายิ้มให้“คุณแม่ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาไม่สดชื่นเลย” พี่พร้อมอังหลังมือกับหน้าผากมารดาด้วยความห่วงใย ใบหน้าเคร่งขรึมราวกับคุณหมอกำลังวินิจฉัยโรคคนไข้เมื่อพี่ชายตั้งข้อสังเกตน้องน้อยก็เอียงคอกะพริบตามองคุณแม่อย่างสำรวจตรวจตรา น้องพริ้งยื่นมือน้อยไปแตะแก้มนุ่มคุณแม่เบาๆ“น้องพริ้งรู้สึกว่าคุณแม่ตัวร้อนนิดนึงนะคะพี่พร้อมขา หรือพี่พร้อมว่าไงคะ” เด็กหญิงมองหน้าพี่ชายอย่างขอคำปรึกษา พี่พร้อมพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว“คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คุณแม่สบายดี” พรรณดารายิ้มให้ลูกทั้งสอง หญิงสาวลุกขึ้นนั่งแล้วกางแขนออก เจ้าตัวเล็กทั้งสองรีบคลานเข้าไปซุกอกอุ่นให้คุณแม่กอดอย่างรู้ใจ“แล้วทำไมคุณแม่ถึงตัวร้อนล่ะคะ” ยายหนูพริ้งยังไม่คลายข้อสงสัย พรรณดาราตวัดสายตาดุไปยังต้นเหตุที่ทำให้เธอตัวร้อน คนหื่นจัดการเธอจนหนำใจแล้วก็แถมบริการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่หลังจากนั้น แทนที่เขาจะพอ คนมักมากกลับย
หญิงสาวข่มจิตข่มใจอยู่นาน พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตกหลุมพรางของเขา ที่จริงเธออยากจะเปิดประตูออกไปต่อว่าเขาให้หูดับไปสักข้างเลยด้วยซ้ำ แต่รู้ดีว่าถ้าเธอเปิดประตูออกไป นั่นเท่ากับว่าเธอเปิดรับเสือให้เข้ามาขย้ำตัวเอง หญิงสาวจึงกำหนดลมหายใจเข้าออก ยุบหนอพองหนออยู่นาน กว่าจะสงบจิตใจลงได้ กว่านอนหลับก็เกือบค่อนคืนรุ่งเช้าวันใหม่ พรรณดาราและลูกๆเตรียมพร้อมที่จะกลับไร่ภูอิงฟ้า ลุงเพลิงของเด็กๆกำหนดไว้ว่าเธอต้องพาลูกๆกลับถึงไร่ก่อนเก้าโมงเช้า ซึ่งจากบ้านของอดีตสามีที่อยู่ใจกลางตัวเมืองไปถึงไร่ ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมง เพื่อไม่ให้เสียเวลา พรรณดาราจึงอยากจะกลับเลย แล้วค่อยแวะซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อให้ลูกรองท้องแทนมื้อเช้า แต่คุณปู่กัมพลและคุณย่ากิ่งแก้วรบเร้าให้อยู่ทานอาหารมื้อเช้าก่อน เพราะมื้อนี้คุณย่าเป็นคนเข้าครัวทำข้าวต้มกุ้งเอง จึงอยากให้หลานๆกินฝีมือตัวเอง หญิงสาวจึงไม่อาจปฏิเสธได้ สามแม่ลูกจึงร่วมรับประทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านก่อนครู่เดียวหลังจากที่ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารแล้ว กวีก็เดินหน้ายุ่งเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ที่จริงไม่ได้ยุ่งแต่หน
“พี่มารับกลับบ้าน” เพลิงตะวันมองสบตาน้องสาว พูดด้วยน้ำเสียงติดดุ“ค่ะ พี่เพลิง พี่พร้อม น้องพริ้งคะ ขึ้นไปเอากระเป๋าบนห้องกับคุณแม่เถอะ”พรรณดารารับคำพี่ชาย แล้วหันไปเรียกลูกทั้งสองให้ขึ้นไปเอากระเป๋าด้วยกัน เมื่อสามแม่ลูกออกไปจากห้องรับประทานอาหารแล้ว กวีจึงยืนขึ้นมองสบตาอดีตพี่เมียด้วยความไม่พอใจ“ทำไมต้องมารับ กูไปส่งลูกเมียเองก็ได้”“แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปเหยียบที่ไร่ว่ะ” เพลิงตะวันสวนกลับทันควัน“แล้วทีมึงมาเหยียบบ้านกูล่ะ”“ถ้าน้องกับหลานของผมไม่ได้อยู่ที่นี่ คิดเหรอว่าผมอยากจะมาเหยียบ อ้อ...” เพลิงตะวันเว้นจังหวะการพูด เขายิ้มดูแคลนไอ้คนที่เคยทำให้น้องสาวเขาเสียใจ“ถึงแม้ผมไม่อยากมาเหยียบบ้านนี้เท่าไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นมาเหยียบหน้าใครสักคน บอกตรงๆว่าผมอยากมามาก”“ไอ้เพลิง!”“พอๆ ตาวีนั่งลงกินข้าวได้แล้ว พ่อเพลิงทานข้าวต้มด้วยกันก่อนสิ” คุณย่ากิ่งแก้วรีบห้ามทัพหนุ่มเลือดร้อนทั้งสอง ท่านโบกไม้โบกมือเป็นเชิงห้ามปราม เมื่อสองหนุ่มหันไปทางผู้สูงวัยที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองเห็นสายตาตำหนิของคุณปู่กัมพล กับอาการส่
“ไอ้เพลิง!” กวีอยากจะเหนี่ยวคอมันมาชกอีกสักเปรี้ยง มันพูดแค่นั้นก็จริง แต่หน้าตาท่าทางมันกวนอวัยวะเบื้องล่างยิ่งนัก มันต้องการยั่วโมโหเขา เพื่อให้เขาเริ่มก่อน เพื่อให้เขาดูไม่ดีในสายตาเมีย“พอได้แล้ว! พี่เพลิงคะ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” พรรณดารารู้ฤทธิ์ของคนทั้งคู่ดี หญิงสาวไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้แล้ว ทางที่ดีคือพาพี่ชายออกห่างจากอดีตสามีให้เร็วที่สุดจะดีกว่าเมื่อเมียหันหลังเดินหนี กวีจึงขยับตัวจะรีบเดินไปดักหน้า ทว่าคนหวงน้องก็เข้ามาขวางไว้“ไอ้เพลิง!”“แน่จริงก็ชกผมอีกสิ หนูพรรณจะได้เกลียดพี่มากกว่านี้ หรือไม่ก็อาจจะไม่ยอมพาลูกกลับมาเหยียบบ้านพี่อีกเลยก็ได้” เพลิงตะวันยิ้มเยาะ“ไอ้เชี่ยเพลิง!” กวีเงื้อหมัดขึ้น กะว่าจะชกปากหมาๆให้แตกยับอีกสักแผล ทว่าเสียงหวานก็ตวาดแหวขึ้นเสียก่อน“พี่วี!”กวียั้งหมัดไว้ได้ทัน เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลดหมัดลงแนบลำตัวเพลิงตะวันยิ้มเยาะอย่างสะใจ“กลับก่อนนะครับ คุณอดีตน้องเขย” พูดจบร่างสูงเดินตามน้องสาวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนเมียไม่รักมองตามด้วยความโมโห“คิดเหรอว่ากูจะยอมม
“ไปนอนไกลๆพี่เพลิง พี่เพลิงช่วยตัดสินใจให้ทีสิคะว่าน้ำฝนจะไปนอนที่ไหนดี บ้านพ่อเพชร หรือบ้านพี่โยดีคะ”เพลิงตะวันส่ายหน้าเร็วๆ กอดเมียรักไว้แน่น“พี่ไปนอนบ้านโน้นก็ได้ คืนเดียวเท่านั้นนะครับ แค่คืนเดียว พี่สัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ไปมีเรื่องกับพี่วีอีกแล้ว น้ำฝนอย่าไปไหนนะ พี่ไม่ให้ไปทั้งบ้านลุงเพชร ทั้งบ้านพี่โยนั่นแหละ นอนที่บ้านเรานะครับ พี่จะไปนอนบ้านโน้นเอง” คนกลัวเมียหนีไปไกลรีบคายความจริงออกมา และยอมรับโทษแต่โดยดีหยาดพิรุณถอนหายใจเบาๆ คร้านจะบอกจะตักเตือนแล้ว คนแบบพี่เพลิงต้องโดนลงโทษซะบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่หลาบจำพรรณดาราหัวเราะคิกเมื่อเห็นพี่ชายสวมชุดนอนเดินเข้ามาในบ้านตอนสามทุ่ม แม่พราวและพ่อนนท์ ที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่หันไปมองตามสายตาบุตรสาว แล้วก็พากันหัวเราะตาม ซึ่งการหัวเราะนั้น...แฝงความเยาะเย้ยอยู่ในที คนถูกพ่อแม่และน้องสาวหัวเราะซ้ำเติมทำหน้ายุ่ง ส่งสายตาดุมองแม่น้องสาวตัวดีคนเริ่มหัวเราะก่อนใครเพื่อน“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยหนูพรรณ เพราะเรานั่นแหละ ไม่ช่วยไปยืนยันว่าพี่หกล้มจริงๆ น้ำฝนก็เลยไม่เชื่อ”เพลิงตะวันนั
“แค่โรงแรม พี่วีก็แทบไม่มีเวลาให้หนูกับลูกแล้ว ถ้าต้องไปบริหารที่นั่นอีก วันหนึ่งเราจะเจอหน้ากันถึงชั่วโมงไหมคะ” พรรณดาราเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดสามี ขยับกายหันหลังให้เขาอย่างแง่งอน ลำพังกิจการโรงแรมขนาดใหญ่และธุรกิจอีกหลายอย่างที่เขาเป็นเจ้าของ เขาก็ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้เธอกับลูกแล้ว นี่เขายังจะซื้อกิจการใหม่เพิ่ม แถมยังเป็นกิจการที่กำลังมีปัญหา เชื่อได้เลยว่าเวลาอันน้อยนิดที่เขาเคยมีให้เธอกับลูกต้องถูกแย่งไปแน่นอน“หนูพรรณ...” กวีถอนหายใจเบาๆ เจรจาธุรกิจว่ายากแค่ไหนเขาก็ทำเสร็จมาแล้วนักต่อนัก แต่เจรจาให้เมียยอมตามใจนี่ยากชะมัด“แล้วไหนจะยายมยุรีแม่หม้ายเนื้อหอมวัยสี่สิบกะรัตที่ถือหุ้นอยู่อีกตั้งสี่สิบเปอร์เซ็นต์นั่นอีก” พรรณดาดาราพูดเสียงขึ้นจมูก ก็ได้...เธอยอมรับก็ได้ว่า ที่เธอง้องแง้งอยู่เนี่ยไม่ใช่เพราะไม่ชอบธุรกิจกลางคืนอย่างเดียวหรอก แต่เธอไม่อยากให้สามีใกล้ชิดกับมยุรี เธอเคยเจอยายแม่หม้ายนั่นสองสามครั้งในงานเลี้ยงระดับจังหวัดที่ไปกับสามี ยายนั่นเป็นแม่หม้ายไฟแรงสูง ที่พร้อมจะช็อตผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ แล้วถ้าได้มาทำงานใกล้ชิดกับพ่อของลูกเธอก็คงมิวายอยากจะช็อ
ดวงตาคู่งามมีหยาดน้ำคลอเต็มสองหน่วย หญิงสาวมองภาพลูกน้อยทั้งสองที่กำลังนอนหลับผ่านม่านน้ำตา ร่างบางสั่นสะท้าน เมื่อพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกหนักอึ้งที่ถ่วงอยู่ในหัวใจ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถฝืนตัวเองไว้ได้ พรรณดาราปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเนียน และเมื่อเสียงสะอื้นไห้หลุดออกมา หญิงสาวก็รีบยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้แน่น เธอไม่อยากให้ลูกตื่นมาเห็นตัวเองในสภาพนี้ แต่แม้ว่าจะปิดปากไว้แน่นเพียงใด กระนั้นก็ยังมีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาเบาๆ“พี่เพลิงกลับบ้านไปแล้วหรือคะคุณแม่” พรรณดาราเอ่ยถามมารดา หลังจากดูแลความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารให้ลูกน้อยทั้งสองเรียบร้อย ก่อนปล่อยให้พวกเขารับประทานอาหารเช้ากันเอง“เปิดตูดไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางแล้วจ้ะ” แม่พราวตอบแล้วส่ายหน้าให้กับอาการติดลูกเมียของลูกชาย อยู่ใกล้กันแค่นี้ แค่นอนคนละบ้านยังจะเป็นจะตาย ถ้าขืนน้ำฝนแอบหนีกลับกรุงเทพขึ้นมาจริงๆ เจ้าลูกชายตัวดีคงขาดใจตายพรรณดาราหัวเราะเบาๆกับคำตอบที่ได้จากมารดา หญิงสาวนั่งลงข้างน้องพริ้ง เริ่มรับประทานอาหารเช้าพร้อมลูกๆ“เย็นนี้มีธุระไปไหนหรือเปล่าหนูพรร
ร่างงดงามเย้ายวนในชุดเซ็กซี่ทำให้อารมณ์หวงของเขาพุ่งสูงปรี๊ด ชุดราตรีของเธอยาวกรอมเท้าก็จริง แต่มันเป็นแบบสายเดี่ยวผูกคอ เปิดไหล่เปิดหลัง และกระโปรงด้านหน้าก็แหวกไปถึงไหนต่อไหน ยามเธอเยื้องย่างแต่ละก้าว ก็ต้องโชว์ขาขาวเนียนสวยให้คนอื่นได้เห็น เขาจำชุดนี้ได้ เธอสั่งตัดมาเพื่อจะใส่ไปงานเลี้ยงประจำปีของสมาคมเจ้าของกิจการโรงแรมของจังหวัดคู่กับเขา แต่เขาเห็นเข้าเสียก่อนจึงสั่งห้ามไม่ให้ใส่เด็ดขาด แล้วนี่เธอกล้าดียังไงถึงหยิบมันมาใส่ มาอวดเนื้อหนังมังสาให้คนอื่นได้มองกัน ไหนจะอกอวบอัดที่แทบล้นทะลักออกมานั่นอีก มันเป็นของเขาคนเดียว เธอจะมาอวดให้คนอื่นเห็นแบบนี้ไม่ได้ ถึงจะเห็นเพียงวับๆแวมๆก็ตามเถอะ เขาไม่ชอบพรรณดารารู้สึกเหมือนมีคนจับจ้องอยู่ จึงหันมองรอบๆกาย หญิงสาวเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อพบว่าสายตาคู่คมที่จ้องมองอยู่ไม่ไกลคืออดีตสามี เธอทำใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจจะต้องเจอเขาในงาน แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจก็ยังเต้นไม่เป็นส่ำ ปกติการพบเจอระหว่างเธอกับเขามักจะมีลูกๆอยู่ด้วย แต่ครั้งนี้เธอเจอกับเขาตัวต่อตัว และที่นี่ไม่ใช่บ้านเขา ไม่ใช่บ้านเธอ ไม่มีผู้ใหญ่ฝ่ายเธอและเขาอยู่ด้วย คนบ้าระห่ำ
พลอยชมพูกะพริบตาปริบๆ รีบลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง พอหญิงสาวเปิดม่านออกก็มองเห็นเขายืนโบกไม้โบกมืออยู่ข้างล่าง เธอปิดม่านแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อกลางวันแค่เธอคุยกับเขานิดเดียว แถมยังมีผู้คนอยู่ด้วยตั้งมากมาย พบรักยังจับเธอไปลงโทษด้วยบทรักเร่าร้อนท้าแสงแดด นี่ถ้ามาเห็นเธอคุยกับเขาที่หน้าบ้าน เธอจะโดนอะไรอีกไหมเนี่ยแต่สุดท้ายแล้วพลอยชมพูก็ต้องลงไปคุยกับเพื่อนชายที่ซุ้มไม้หน้าบ้าน เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นผู้ฟัง ไม่ซักไม่ถาม วิศรุตถามคำเธอก็ตอบคำ หวังว่าเขาจะเบื่อแล้วกลับห้องพักไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับมา แต่อีตานี่ก็หน้าด้านหน้าทนกว่าที่คิด ขุดเรื่องตั้งแต่สมัยปีมะโว้มาคุยกับเธอได้เป็นคุ้งเป็นแคว แหม...รู้สึกคิดถูกมากๆที่ไม่สนใจเขาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาจีบใหม่ๆ เพราะไม่งั้นเธออาจจะเบื่อตายไปเลยก็ได้ เธอไม่ชอบผู้ชายพูดมาก เพราะลำพังตัวเธอเองก็พูดมากอยู่แล้ว เธอชอบคนที่พร้อมจะฟังมากกว่า เหมือนคุณพบนั่นไง พอคิดถึงคนที่ฟังเธอเสียเป็นส่วนมาก เขาก็โผล่มาพอดีพบรักจอดรถกอล์ฟที่หน้าบ้าน แล้วเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาเธอกับวิศรุตที่ซุ้มไม้“ที่นี่เป็นที่พักส่วนตัวของผม ไม่
“เดือนนี้ไม่หักแล้ว จะให้เพิ่มด้วย” พบรักบอกยิ้มๆ“ให้เพิ่มทำไม ติ๊บไม่ได้ทำงานอะไรเพิ่มสักหน่อย” คนไม่อยากเอาเปรียบนายจ้างปฏิเสธไม่รับเงินค่าจ้างเพิ่มโดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเพิ่มพบรักถอนหายใจบางเบา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งเก้าอี้ข้างหญิงสาว ดูเหมือนเธอจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์เร่าร้อนที่เขาและเธอเพิ่งทำกันไปเมื่อครู่ใหญ่“กระติ๊บ” พบรักจับมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้ เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาดุ ไม่พอใจที่เธอไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย ทั้งๆที่เขาอยากให้เธอเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ทั้งตัว หัวใจ เงินทอง ทรัพย์สมบัติต่างๆ เขาพร้อมจะยกให้เธอทั้งหมด“อะ...อะไรคะ” พลอยชมพูเอนตัวหลบคนที่อยู่ดีๆก็เดินมาจับมือถือแขนเธอ ที่จริงเธอก็ไม่ควรตกใจอะไรหรอก เพราะมากกว่ามือเขาก็จับมาแล้ว แต่บอกตรงๆว่าเธอยังไม่ชิน ถึงจะไม่ได้รังเกียจเขา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชอบที่เขาเข้ามาใกล้ชิดแบบนี้ เพราะมันทำให้หัวใจเธอสั่น“คุณไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากผมหน่อยหรือ”พลอยชมพูมองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนระบายยิ้มหวานสดใสให้เขา“แล้วคุณพบอยากใ
พลอยชมพูหลับตา แหงนเงยหน้าเชิดสูง พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความซ่านเสียวสะใจ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกไปกับเขามากมายขนาดนี้ และเมื่อเขาเริ่มโยกกายถอดถอนสลับเติมเต็มในจังหวะเชื่องช้า หญิงสาวก็ครางเบาๆอย่างกับลูกแมวน้อย มันเสียวสะท้านก็จริง ทว่าเธอคิดว่ามันอ่อนโยนเกินไป หญิงสาวจึงโยกสะโพกกลับไปด้านหลัง ในจังหวะที่เขาสอดเสยเข้าหาเธอพอดี เสียงเนื้อสะโพกหนั่นแน่นปะทะกับหน้าขาจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างใส่แรงเข้าหากันไม่มีใครยอมใคร แต่คนแรงน้อยกว่าสูญเสียอธิปไตยในน่านน้ำตัวเองไปหลายครั้ง กว่าเธอจะรีดรัดคนแข็งแกร่งห้าวหาญจนเขายอมพ่ายแพ้ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง “ไปเดินอีท่าไหนให้หกล้มหัวเข่าถลอกแบบนี้คะ” ลำดวนถามคนที่ตนกำลังทำแผลให้ หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ตพลอยชมพูตวัดสายตาดุขึ้นมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหัวเข่าถลอก เขายืนกอดอกตีหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อสบสายตากับเธอ เขาก็ยิ้มบางบนใบหน้า แถมยังยักคิ้วข้างหนึ่งใส่เธอด้วย คนเจ็บตัวเพราะความหื่นปรอทแตกของเขาจึงสะบัดค้อนให้จนคอแทบเคล็ด
ใบหน้าที่หลับตาพริ้ม อ้าปากเผยอครางเสียงหวานดังผะแผ่ว ทำให้พบรักเร่งมือเพื่อส่งเธอไปสุดปลายทางล่วงหน้าก่อน เขาสอดนิ้วกลางเข้าสู่ร่องสาวคับแน่น ชักเข้าออกกระทุ้งแรง รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้ออ่อนที่บีบรัดรอบจากปลายสุดโคนนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว เขาแข็งขึงทรมาน อยากจะพาสัดส่วนที่ขยายใหญ่โตสอดลึกในตัวเธอแล้ว ทว่าก็ได้แต่ยับยั้งใจไว้ก่อน ความสดใหม่ของเธอทำให้เขาต้องรีดเค้นน้ำหวานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บตัวมากเหมือนครั้งแรก“คุณพบ!” พลอยชมพูหลับตาแน่น เงยหน้าขึ้นครวญครางเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยนิ้วมืออย่างดุดัน เมื่อไม่อาจต้านทานบทเพลงกามาที่บรรเลงโดยนิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงใจกลางความเป็นหญิง สะโพกสวยก็ขยับเร็วเพื่อจะไปให้ถึงบทสุดท้ายของเพลงรัก เผลอให้ความร่วมมือไปโดยไม่รู้ตัว“กระติ๊บ...” พบรักจับจ้องมองใบหน้าน่ารักไม่วางตา เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ จูบปลายคางเล็ก แล้วอ้าปากงับเบาๆ เร่งขยับซอยนิ้วมือกระทั่งส่งเธอข้ามพ้นขอบเขตความอดกลั้น หญิงสาวระเบิดตัวเองหยาดน้ำใสฉีดล้นซอกขาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตักเขาพลอยชมพูหอบหายใจแฮกๆ หญิงสาวเอนกายซวนซบอกกว
“อุ๊ย!” พลอยชมพูมัวแต่โมโหคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอสักที หญิงสาวเลยมองเมินไปยังพื้นที่สีเขียวโล่งกว้างตรงหน้า โดยไม่ทันระวังตัว พบรักก็รวบเอวคอดดึงตัวเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วกักกอดไว้แน่น แผ่นหลังนุ่มแนบไปกับอกกว้างกำยำ“คุณพบ! จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ” พลอยชมพูหันหน้าไปต่อว่าเขา ใบหน้าสาวบูดบึ้งไม่พอใจอย่างที่สุด“นั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับ”“จะนั่งก็นั่งดีๆสิคะ ทำไมต้องมากอดคนอื่นแบบนี้”“คนอื่นที่ไหน เมียทั้งคน”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าเมียด้วยสายตาแตกตื่น พบรักมองสีหน้าตกใจของเธอแล้วยิ้มขำ พอเห็นคนที่เอาแต่ตกตะลึงตาค้างกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้ แถมริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆนั่นก็ยั่วใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้อีกนิด หวังจะชิมความหวานจากปากนุ่ม แต่ดูเหมือนคนกำลังจะถูกเขารังแกจะรู้ตัวเสียก่อน มือบางสองข้างจึงถูกยกขึ้นมาปิดกั้นปากเขาไว้แล้วดันออกสุดแรงจนหน้าแทบหัน“จะทำอะไรคะ” พลอยชมพูถามเสียงขุ่น หญิงสาวดึงมือกลับมาเช็ดๆถูๆกับกางเกง มองค้อนคนจ้องจะเอาเปรียบเธอปากเขานุ่มชะมัด บ้าจริ
“ไอ้หมอนั่นใคร”เสียงเข้มไม่พอใจที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พลอยชมพูสะดุ้ง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตนิสัยเสียที่กล้าเรียกลูกค้าว่าไอ้หมอนั่น“ลูกค้าค่ะ”“รู้แล้วว่ามันเป็นลูกค้า มันรู้จักกระติ๊บด้วยเหรอ”“เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนปอโทค่ะ”“เมื่อกี้มันขอเบอร์ด้วย”“ค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วหันไปคว้าถาดมาถือ เดินหนีคนช่างซัก“จะไปไหน” พบรักเดินตามติดต้อยๆ“เอาถาดไปเก็บค่ะ”“ผมช่วย” พบรักแย่งถาดจากมือบาง แต่ลูกจ้างสาวไม่ยอม พลอยชมพูดึงเอาไว้แน่น“ไม่ต้องค่ะ”“ต้อง” พบรักใช้แรงที่มีมากกว่าดึงถาดมาจากมือเธอจนได้ พลอยชมพูมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรเนี่ย คนจะทำงาน เขาจะมาวุ่นวายวอแวอะไรกับเธอนักหนา“งั้นก็ฝากไปเก็บด้วยนะคะ ติ๊บจะไปช่วยพี่น้ำตาลค่ะ” พลอยชมพูสะบัดหน้าเดินหนีเอาดื้อๆ พบรักมองตามเธอ แล้วก้มมองถาดในมือ เรื่องอะไรจะเอาไปเก็บ เธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับถาดไปเก็บ แล้วเดินตามไปยังเคาน์เตอร์ที่พลอยชมพูยืนอยู่กับกลุ่
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเหมือนกัน” คนไม่อยากให้สาวทำงานลำบากรีบเอ่ยอ้างพลอยชมพูเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก นี่เธอกำลังคุยกับผู้ใหญ่อายุสี่สิบหรือเด็กอายุสิบขวบกันแน่นะ“ติ๊บจะไปช่วยงานคนอื่นแล้ว ห้ามตามมานะคะ ไม่อย่างงั้นติ๊บจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย” พลอยชมพูหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ คนที่ถูกเธอขู่ไม่กล้าลุกเดินตามไป พบรักทำได้เพียงถอนหายใจมองตามตาละห้อย เขากลัวเธอหนีกลับบ้าน กลัวเธอไม่อยู่ให้เขารับผิดชอบเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเจ้าของรีสอร์ตได้แล้ว พลอยชมพูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาขู่เขานี่ถูกต้องแล้วใช่ไหม คือเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตรรกะการได้เสียระหว่างเธอกับเขามันดูเพี้ยนๆ เขาต้องการรับผิดชอบ ในขณะที่เธอยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น และยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเสียใจ แต่ที่มากกว่าความเสียใจคือ เธอกลัวครอบครัวรู้ กลัวพวกท่านจะผิดหวังในตัวเธอ แต่จะให้ร้องไห้คร่ำครวญจมอยู่ในห้วงทุกข์ตลอดเวลาก็ดูจะไม่ใช่ ไม่น่าทำ เธอโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีภูมิคุ้มกันภาวะจิตใจและอาร
“ยังไม่หิวค่ะ” พลอยชมพูบอกเสียงเบา หญิงสาวไม่รู้จะทำตัวเช่นไร จึงได้แต่ยืนขัดเขินทั้งกังวลอยู่กลางห้อง รอให้เขาเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นก่อน“กระติ๊บ”“คะ” คนถูกเรียกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา“มานั่งตรงนี้ เราต้องคุยกัน” พบรักตบมือลงข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่“คุณพบพูดมาเลยค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้ ติ๊บก็ได้ยิน”“ถ้าไม่มานั่งดีๆ ผมจะเดินไปอุ้ม”คำขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ใบหน้างามงอง้ำ พลอยชมพูพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวทิ้งระยะห่างพองาม พบรักเองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอมานั่งชิดตัวติดกัน“กระติ๊บอยากให้ผมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง” พบรักเอ่ยถามตรงๆไม่อ้อมค้อม คนที่ต้องตอบคำถามอึ้งไปไม่เป็น รับผิดชอบอย่างไรงั้นหรือ แต่งงานคงไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไรนัก เพราะหากชีวิตคู่ของเธอเริ่มต้นจากการเสียตัวเพราะความเมา มันก็คงจบไม่สวยเท่าไรหรอกมั้ง เธอกับเขายังรู้จักกันไม่ดีพอ ยังไม่มากพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน“อย่าเพิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบจากผม เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก่อนได้ไหม”พลอยชมพูเ
เพลิงตะวันจับตามองน้องสาวตั้งแต่เธอเดินออกจากประตูบ้านมา กระทั่งเดินมานั่งที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ในซุ้มไม้ที่เขากับภรรยานั่งอยู่ก่อนแล้ว“ช้า!” คนใจร้อนและหัวร้อนง่ายว่าน้อง แล้วมองอย่างจับพิรุธ“ติ๊บเป็นผู้หญิงนะพี่เพลิง จะให้วิ่งผ่านน้ำหรือไงเล่า มันก็ต้องให้เวลากันหน่อยสิคะ” พลอยชมพูว่าแล้วทำปากยื่นให้พี่ชาย“น้ำฝนไม่เห็นอาบนานเหมือนติ๊บเลย” คนข้องใจยังคงหาเรื่องจับผิดน้องต่อ“ที่อาบไม่นานเพราะพี่เพลิงเข้าไปอาบด้วยหรือเปล่าคะ อาบไม่นาน เพราะทำอย่างอื่นด้วย” ถึงเธอจะเพิ่งเสียพรหมจรรย์มาเมื่อคืนนี้เอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย เรื่องแบบนี้ถึงไม่อยากรู้แต่ก็ได้รู้ เพราะทั้งเพื่อนฝูงคุยกัน ทั้งหนังทั้งละครมีฉากแบบนี้ออกเยอะแยะ และพลอยชมพูก็ฉลาดพอที่จะดึงน้องสาวเข้ามาจัดการพี่เพลิง“พี่ติ๊บ!” หยาดพิรุณอุทานเรียกพี่สาวด้วยน้ำเสียงตกใจ แล้วหันไปมองสามีด้วยสายตาดุ เพราะเขานั่นแหละไปจุกจิกวุ่นวายถามจับผิดพี่สาวเธออยู่ได้ พี่ติ๊บเลยสวนหมัดกลับมา แต่แทนที่หมัดนี้จะโดนเขา กลับมาฮุกเข้าใต้ลิ้นปี่เธอเสียนี่“ตื่นสายโด่งขนาดนี้ พี่พบเขายังจ